5 July 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

ท่วงเวลารัก - ท่วงรักที่ 7 : ตะล่อมเหยื่อ

ท่วงเวลารัก ชุดกาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





ท่วงรักที่ 7 : ตะล่อมเหยื่อ


            ท่ามกลางสวนดอกไม้เมืองหนาวสีสันสดใสที่ถูกย้อมด้วยความมืดของยามราตรีและแสงสีเหลืองนวลจากโคมประดับ เหล่าดวงไฟกะพริบบนต้นไม้ประดิษฐ์ที่มีเพียงกิ่งก้านสีขาว เคลื่อนผ่านสายตาไปเร็วๆ ในยามที่พีณาก้าวตามหลังเฌโรมที่จูงมือเธอออกมาจากงานเลี้ยงฉลอง แสงสีฟ้ากะพริบวิ่งเป็นไปตามทางเดินตามจังหวะก้าวของพวกเธอ ทิ้งห่างจากโดมหยดน้ำทั้งห้าหลังที่สะท้อนแสงเรืองหลากสีออกมาเรื่อยๆ
            ก่อนหน้านี้ไม่นาน พีณายังยึดแท่นเรืองแสงตรงมุมหนึ่งในโดมน้ำแข็งเป็นจุดรวมตัวของเธอกับเพื่อนรัก เด็กสาวมองพวกเขาแล้วยิ้มไม่หุบเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานสีชมพูที่รายล้อมอยู่เต็มไปหมด
            ค่ำนี้ชารีย์อยู่ในชุดสีเงินเมทัลลิกแขนยาวเข้ารูป ปิดด้านหน้าแต่เปิดทั้งหลังจรดบั้นเอว ส่งเสริมหุ่นสวยและผิวสีน้ำตาลอ่อนให้ดูเป็นสาวที่มีแววเซ็กซี่ เธอควงแขนตัวติดกับทรีวัน พากันเดินร่อนโฉบแวะชิมอาหารและเครื่องดื่มทั่วงาน บางครั้งก็ยืนโอบเอียงซบไหล่กันอย่างเปิดเผย ทั้งคู่ดูจะไปกันได้ดีและ สวีตกันมากกว่าเดิมหลังกลับมาจากเกาะกอสก้า
            ส่วนซิลเวียในชุดลูกไม้บางเบาสีครีมเหลือบประกายมุก ยืนอยู่ข้างๆ วัตต์ในเสื้อโค้ตแขนเดียวตัวยาวสีขาวลวดลายดำ แม้ท่าทางของทั้งคู่แทบจะไม่ต่างจากที่เคยเป็นมานัก แต่สายตาและรอยยิ้มอ่อนโยนของว่าที่แพทย์หนุ่ม รวมไปถึงการเดินไปตักอาหารมาให้ คอยบริการถือจานให้คนที่ขยับมาเป็น คู่ดูใจทำเพียงแค่จิ้มอาหารชิ้นพอดีคำเข้าปาก ก็ทำให้คนลอบมองได้อมยิ้มกริ่ม ยินดีกับทั้งคู่จริงๆ
            คงมีแค่พีณาที่ยืนอยู่โดยไร้คู่แต่ก็ไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะตั้งแต่แรกที่เข้ามาในงาน เดห์ลาก็พุ่งปราดมาหาเฌโรม ควงแขนและแต่งตั้งตัวเองเป็นคู่ควงของเขาตลอดงาน โดยที่เธอได้ เพื่อนแสนสนิทคนใหม่เป็นมิวต้ากับจิวมี่มาแทน ทั้งสองสาวประสานกำลังประกบซ้ายขวา ไม่ปล่อยโอกาสให้หนุ่มผมทองที่เดห์ลาจับจองไว้ได้อยู่กับพีณาตามลำพัง ซึ่งมันเป็นเช่นนี้ตั้งแต่ตอนอยู่บนฟลายอะเวย์หลังกลับจากเกาะกอสก้ามาแล้ว
            แต่แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เดห์ลาและมิวต้าไปดูแลเสริมความงามของพวกเธอในห้องน้ำ เฌโรมก็บอกกับคนที่เหลือว่ามีเรื่องสำคัญต้องการคุยกับพีณาเป็นการส่วนตัว อาศัยจังหวะที่จิวมี่คิดหาทางห้ามไม่ทัน รีบพาเธอหลบออกจากงานอย่างรวดเร็ว
            ทั้งคู่เดินลัดเลาะอยู่ในสวนเกือบห้านาที ในที่สุดคนหลบหนีออกจากงานเลี้ยงก็มายืนมองหน้ากันอยู่กลางจุดพักผ่อน ซึ่งเป็นโครงสร้างสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ไร้ผนัง มีช่อไฟกะพริบสีม่วงอ่อนยาวสามถึงสี่คืบโรยตัวมาจากหลังคาพร่างพราว
            “โรมทำอย่างกับหนีอะไรมา” พีณาบอกแล้วก็หัวเราะเบาๆ
            เวลานี้เธอยังหอบน้อยๆ ลมหายใจกลายเป็นควันขาว ถึงแม้ในสวนแห่งนี้จะมีระบบทำความร้อนตามทางเดินและพื้นที่บริเวณจุดพักผ่อน แต่อากาศก็ยังจัดว่าเย็นมากอยู่ดี
            “หนีพวกเดห์ลาไง” เขายอมรับตามตรง ก่อนจะถอดเสื้อโค้ตสีทองของตนมาคลุมไหล่ให้คนในชุดเกาะอก พอเห็นเธอเบี่ยงตัวเหมือนจะหลบก็บังคับคลุมให้พร้อมส่งรอยยิ้มอุ่น
            “ใส่ไว้เถอะ แทนคำขอโทษที่โรมพาพีณาออกมาหนาว”
            มือของเขายังยึดเสื้อตัวใหญ่เอาไว้ตรงใต้คางเรียว รอจนมือเล็กกว่ายกขึ้นไปจับมันไว้เองถึงยอมปล่อย พีณามองคนที่เหลือเพียงเสื้อกระชับรูปคอตั้งไร้แขนแล้วก็อดถามไม่ได้
            “แล้วโรมไม่หนาวเหรอ”
            คำถามแสดงความห่วงใยเรียกรอยยิ้มของหนุ่มผมทองให้ฉีกกว้าง เขามองสบตากลมคู่ใสกระจ่างอย่างอ่อนโยน สื่อทอดความรู้สึกลึกซึ้ง
            “พีณาอุ่น โรมก็อุ่น” เขาบอกเสียงนุ่ม
            ทว่าคนได้ฟังถ้อยคำนุ่มนวลกลับมองเขาหน้ายุ่ง คิ้วเรียวย่นน้อยๆ ข้องใจในคำตอบและบรรยากาศผิดแปลกจากตัวคนพูด แต่พีณาไม่ทันได้ทำความเข้าใจให้ดี หัวไหล่ทั้งสองก็ถูกมือเขาเอื้อมมายึดไว้ แล้วประโยคไม่คาดคิดก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากหนุ่มนักกีฬา
            “โรมชอบพีณา ชอบมาก เรามาคบกันจริงๆ หลังจากนี้ได้ไหม”
            เฌโรมบอกออกไปแล้วก็หน้าร้อนวูบ นัยน์ตาสีเขียวสบตากลมที่เบิกโตจ้องหน้าเขาอย่างตกตะลึง แต่เพียงไม่นานก็เก้อเขินจนต้องหลุบไปมองพื้นเพื่อรอคำตอบ
            พีณามองคนสารภาพความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาตาปริบๆ เธอทั้งตกใจ ไม่คาดคิด และไม่อยากจะเชื่อว่าฟังไม่ผิด สักพักหนึ่งวงหน้าเล็กก็เริ่มยับยุ่ง
            “โรมมาชอบพีณาได้ไง” เธอว่าหลังหลุดออกจากอาการนิ่งงัน ครุ่นคิดอีกครู่สั้นๆ ก็เอ่ยถามต่อ “โรมคบกับเดห์ลาอยู่ไม่ใช่เหรอ”
            “ไม่ใช่นะ! โรมไม่ได้ชอบเดห์ลาสักหน่อย” คนถูกเข้าใจผิดรีบปฏิเสธ
            “ถ้าไม่ได้คบเดห์ลา วันนั้นทำไมถึงหนีหายไปกับเดห์ลาล่ะ ไหนว่าเดห์ลากับโรมทะเลาะกัน เพราะเธอหึงแล้วก็งอนที่เห็นโรมมาสนิทกับพีณา จนเธอลื่นล้มเจ็บ โรมเลยต้องคอยดูแลแล้วก็ตามง้อเธอไม่ใช่เหรอ”
            “ไม่จริงสักนิด! พีณาไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนน่ะ” 
            “มิวต้ากับจิวมี่บอกมา แต่โรมไม่ต้องห่วงนะ พีณาบอกพวกเธอไปแล้วว่าโรมมาขอควงกับพีณาตามแผนของทรีวันเฉยๆ ไม่อย่างนั้นเดห์ลาคงไม่ยอมให้อภัย แล้วก็ไปไหนมาไหนกับโรมเหมือนเดิมหรอก... จริงไหม?” พีณาถ่ายทอดความเข้าใจของตนตามที่ได้ยินได้ฟังมา
            “ไม่จริงสักอย่างต่างหาก” เฌโรมปฏิเสธโดยทิ้งหางเสียงขุ่น
            เขาเองก็รำคาญใจกับเรื่องนี้จะแย่ หลังจากต้องติดอยู่กับเดห์ลาวันนั้น วันต่อมาไม่ว่าเขาจะไปไหนบนฟลายอะเวย์ สาวหัวหน้าแก๊งเทรวีก็มักจะ บังเอิญตามไปเจอทุกที่ราวกับมีเรดาร์ชี้เป้า เธอบอกว่าเพื่อนๆ พากันไปในที่ที่เธอไม่สนใจ เธอจึงได้แยกตัวมา แล้วพาตัวเองเข้าสู่กิจกรรมต่างๆ ของเขาได้อย่างนุ่มนวล จนเขาไม่อาจใจแข็งปฏิเสธ
            และตอนนี้เขาก็เพิ่งรู้สาเหตุที่พีณาคอยรักษาระยะห่างต่อกันตลอด นั่นเพราะเธอเข้าใจผิด
            “โรมไม่ได้เป็นอะไรกับเดห์ลา ที่เห็นสนิทกันก็เพราะเธอเป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มกองเชียร์ คอยตามให้กำลังใจโรมมาหลายปี” หนุ่มนักโฮเวอร์เรซซิ่งอธิบายต่อ
            “อ้าว... งั้นก็แปลกจริง พวกมิวต้าจะโกหกพีณาทำไม”
            เพราะเธอไม่ทันได้ระแวงสงสัยหรือสนใจสองสาวมากนัก จึงไม่ได้เปิดจิตสำรวจภายในจิตใจของพวกเธออย่างลึกซึ้ง เพราะขืนทำอย่างนั้นกับทุกคน เธอคงรับมือกับสารพัดอารมณ์ของผู้คนรอบตัวไม่ไหว จึงไม่ทันรู้เลยว่าสองคนนั้นกำลังมีเรื่องปกปิดลวงหลอก
            “คงอยากกันท่าพีณาให้เพื่อนล่ะมั้ง” คนหัวไวในเรื่องนี้มากกว่าคาดเดา และมันก็เรียกสายตาคนฟังให้มองเขาอย่างพิจารณา... ไม่ต้องถามต่อก็รู้จากสิ่งที่เขาบอกมาเมื่อครู่ว่าทั้งสองสาวจะกันท่าเธอทำไม
            พีณายังคงนิ่งคิดอะไรอีกวุ่นวาย เธอไม่ทันรู้เลยว่าพลังงานสีชมพูที่สัมผัสได้จากเขาในบางครั้งนั้นมีเธอเป็นเจ้าของ คงเพราะเธอวางฐานะเขาเป็นเพื่อนผู้ร่วมขบวนการอย่างชัดเจน จึงไม่ได้เอะใจเลยสักนิด
            นี่เธอพลาดเต็มๆ ถึงสองเรื่อง... เสียทีที่อุตส่าห์มีพลังสามารถจับอารมณ์คนอื่นได้!
            “โรมชอบพีณาจริงๆ เหรอ”
            “จริงๆ สิ ชอบมานานแล้วด้วย แต่ก่อนหน้าโรมเข้าใจว่าพีณาคบกับทรีวันอยู่ เลยได้แค่แอบมองอยู่ห่างๆ”
            จนกระทั่งไม่กี่เดือนก่อนที่เฌโรมมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับทรีวัน และคบกันเป็นเพื่อน ถึงได้รู้ความจริงว่าทั้งสองคนก็แค่คุยกันถูกคอและทำงานดนตรีร่วมกันเท่านั้นเอง
            “ว่ายังไงพีณา ตกลงคบกับโรมนะ?”
            คำถามของหนุ่มผมทองทำให้พีณามองเขานิ่ง ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้สนใจเรื่องความรักของหนุ่มสาวมากไปกว่าการตั้งใจเรียนรู้ ทำงาน และเที่ยวเล่นสนุก แถมชารีย์และซิลเวียยังทำหน้าที่ผู้พิทักษ์น้องเล็กของกลุ่มได้อย่างดีเยี่ยม จึงไม่เคยมีหนุ่มคนไหนฝ่าด่านมาถึงรอบสารภาพความในใจอย่างนี้มาก่อน
            “แต่พีณาไม่ได้ชอบโรมอย่างนั้น โรมเป็นเพื่อน”
            “แล้วถ้าโรมจะขอโอกาสจีบพีณาล่ะ หลังออกจากเอมฟิลด์แล้วเราจะยังติดต่อกัน นัดเจอกันบ้างได้ไหม” เขาวอนขออย่างมุ่งมั่น ไม่ยอมรับคำปฏิเสธง่ายๆ
            พีณามองคนตรงหน้าพร้อมครุ่นคิด เธอกำลังจะก้าวเข้าสู่โลกของผู้ใหญ่แล้ว การจะลองเปิดโอกาสให้เขามาเป็นคู่ดูใจกันก็คงไม่แปลก แม้ตอนนี้เธอยังไม่ได้ชอบเขาอย่างนั้น แต่ใช่ว่าต่อไปมันจะเป็นไปไม่ได้
            “เฌโรมคะ!
            พีณายังไม่ทันได้อ้าปากตอบรับก็มีเสียงดังขัดจังหวะ พร้อมกับร่างสูงโปร่งในชุดสีทองคอเว้าลึกพุ่งพรวดพราดเข้ามาคว้าแขนหนุ่มผมทอง ดึงตัวเขาออกห่างจากร่างเล็กกว่าที่มีเสื้อโค้ตตัวยาวคลุมอยู่ ดวงตาดุเฉียบของเดห์ลามองมันอย่างไม่ชอบใจเอามากๆ
            “เดห์ลาตามหาตั้งนาน” ผู้มาใหม่กระเง้ากระงอดกับหนุ่มผมทอง น้ำเสียงช่างแตกต่างจากเมื่อครู่ราวกับคนได้ยินหูฝาดไป
            “มาทำอะไรตรงนี้ก็ไม่รู้ หนาวออกค่ะ ดูสิมือโรมเย็นเฉียบเลย กลับเข้าโดมกันดีกว่านะคะ”
            พีณามองภาพตรงหน้าอย่างสนใจปนทึ่ง ที่เห็นเดห์ลาเปลี่ยนสีหน้าและแววตาได้รวดเร็วจนเธอไม่ทันกะพริบตา นอกจากอีกฝ่ายจะควงแขนเฌโรมไว้แล้ว มือหนึ่งยังลูบไล้ต้นแขนเขาขึ้นลง ราวจะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ หญิงสาวเอนศีรษะซบไหล่คลอเคลียออดอ้อนอ่อนหวาน เป็นภาพความใกล้ชิดเกินกว่าเพื่อนต่างเพศจะกระทำต่อกันในสายตาเธอ
            เมื่อเลื่อนสายตาขึ้นไปมองเฌโรม เธอก็เห็นสายตากระอักกระอ่วนส่งมาให้ เขาพยายามขืนตัวออกจากมือขาวเหนียวหนึบของเดห์ลา แต่ทว่าไม่กล้าทำแข็งขืนรุนแรง
            พีณาตัดสินใจจะเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ยืนนิ่งรอดูการจัดการของคนตรงหน้า เตรียมพิจารณาให้คะแนนเขาในฐานะ ชายหนุ่มที่อยากขอโอกาสจากเธออยู่เงียบๆ
            “ปล่อยก่อนเดห์ลา ทำอย่างนี้พีณาก็เข้าใจผิดหมด”
            “เข้าใจอะไรผิดล่ะคะ พีณานั่นแหละ ควรให้คำอธิบายกับเดห์ลาด้วยซ้ำ ว่ามายุ่งอะไรกับผู้ชายของคนอื่น”
            “เดห์ลา!” เฌโรมเรียกด้วยเสียงไม่พอใจ ขณะที่พีณาเลิกคิ้วสูงมองจ้องคนพูดจาหาเรื่องอย่างไม่พอใจเช่นกัน
            “ถามจริงเถอะพีณา นี่เธอมองไม่ออกจริงๆ เหรอ มิวต้าก็เตือนเธอแล้วไม่ใช่หรือไง หรือว่ารู้แล้วแต่ไม่สนใจเพราะยังไงก็อยากจะแย่งเขาไปให้ได้กันล่ะ”
            เดห์ลาว่าแล้วก็เหยียดปาก แววตาดูถูกจนพีณาหน้าตึงตาลุกวาว
            “พูดอะไรของเธอเดห์ลา เราเป็นอะไรกันตั้งแต่เมื่อไหร่” เฌโรมดุคนพูดจาไม่รู้เรื่อง ก่อนจะสะบัดแขนออกแรงขึ้นด้วยความโกรธ เมื่อหลุดมาได้ก็มองคนยืนเงียบด้วยสีหน้าวิงวอนร้อนรน
            เฌโรมกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ก็ต้องสิ้นโอกาสในทันทีที่มีใครอีกคนเดินเข้ามาขัดจังหวะ
            “นึกว่าใครมาเอะอะอะไรแถวนี้ คุณหนูวิลตันไชลด์กำลังทะเลาะตบตีแย่งชิงหนุ่มของคนอื่นนี่เอง... เหนือความคาดหมายจริงๆ”
            ชาลส์มาถึงก็พูดจาไม่เข้าหู แววตาล้อเลียนมองจ้องเพียงเด็กสาวผู้เป็นเป้าหมาย เขากระตุกยิ้มร้ายๆ ตรงมุมปาก เติมเชื้อโมโหเข้าไปในอารมณ์เคืองขุ่นของเด็กหน้าบึ้ง
            พีณาเลยตาขวางยิ่งกว่าเก่า ปรายหางตามองคนปากไม่ดีแล้วก็เชิดหน้าหนี จากที่คิดจะรอดูบทสรุปความสัมพันธ์ที่แท้จริงของเฌโรมและเดห์ลา ก็พาลโมโหจนไม่อยากจะสนใจมันอีก
            “คนอย่างพีณา วิลตันไชลด์ ไม่ทำอะไรไร้ศักดิ์ศรีอย่างการไปแย่งผู้ชายกับใครหรอก” เธอบอกเสียงแข็งพร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะหันไปจ้องหน้าชายหญิงทั้งสอง
            “เรื่องนี้เธอไม่ต้องวิตกจริตให้มากไปหรอกนะเดห์ลา ส่วนเฌโรม... ถ้าตัวเองยังไม่เคลียร์ก็อย่าเที่ยวขอโอกาสไปทั่วอีก... ทำตัวน่าเกลียด”
            พีณาว่าจบก็เดินหนีความวุ่นวายทันที แต่ไม่ถึงสองก้าวก็ถูกคว้าหัวไหล่รั้งตัวเอาไว้ เธอสะบัดตัวหันขวับเพราะคิดว่าเป็นเดห์ลาที่กำลังกรีดเสียงโวยวายพุ่งเข้ามาหาเรื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าถูกมือใหญ่ของชาลส์ปลดเสื้อโค้ตสีทองออกจากตัวจนเธอหนาววูบ แล้วตามมาทันทีด้วยเสียงดุกล่าวหา
            “จะเอาติดตัวไปเป็นของที่ระลึกแทนใจหรือไง” ชาลส์ว่าเสียงห้วน ก่อนจะลอบยิ้มในใจ เมื่ออีกฝ่ายค้อนเขาหนึ่งทีแล้วสะบัดตัวเดินหนี
            ชายหนุ่มโยนเสื้อสีทองคืนเจ้าของมันไปส่งๆ แล้วรีบก้าวตามคนยั่วขึ้นไปติดๆ มุมปากผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์ยกขึ้นอีกนิดเมื่อได้ยินเสียงหนุ่มสาวทะเลาะกันตามมาไล่หลัง
            พีณาเร่งจ้ำเท้าด้วยอารมณ์หงุดหงิดโมโหโดยไม่สนใจอากาศหนาว ก่อนจะต้องชะงักเท้ากึก เมื่อจู่ๆ ก็มีความอบอุ่นเข้าโอบล้อมกายจากด้านหลัง พร้อมกับน้ำหนักของเสื้อโค้ตสีขาวที่ยาวจนเกือบลากพื้นและมือใหญ่คู่หนึ่งที่วางลงบนไหล่ เมื่อหมุนตัวกลับไปมอง ก็กลายเป็นการเปิดโอกาสให้เจ้าของเสื้อได้จัดตำแหน่งเสื้อให้ปิดคลุมร่างจนมิดชิด
            “ให้ยืม อย่าลืมคืนด้วย” เสียงห้าวทุ้มบอกเรียบๆ แล้วก็เดินแยกไปทางอาคารที่พักในทันที
            ปล่อยให้คนปฏิเสธไม่ทันได้แต่ยืนหน้ายุ่ง มองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปอย่างอึ้งๆ ผสมงวยงงกับการทำดีแบบแปลกๆ ของเขาอีกครั้ง
            หลังผละจากมาได้ไม่ไกล รอยยิ้มสมใจก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของคนเจ้าเล่ห์ร้ายลึก เจ้าของข้อความ เรดาร์ชี้เป้า และข้อความชี้แนะแผนการต่างๆ ให้กับเดห์ลามาตลอดการเดินทาง รวมถึงแผนยั่วยุให้คู่แข่งแตกพ่ายไปก่อน แล้วค่อยตามตื๊อตามง้อทีหลังเมื่อครู่นี้ด้วย
            แต่ว่าหลังจากนี้เขายังมีเรื่องต้องทำอีกหลายอย่าง เพื่อให้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะไม่สามารถเข้าถึงเด็กน้อยของเขาได้อีก

           
            หลังจบทริปฉลองจบการเรียนรู้ พีณาและผองเพื่อนก็เริ่มก้าวเข้าสู่ชีวิตการทำงานเต็มตัว นับเป็นช่วงเวลาแห่งการปรับตัวและเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกช่วงหนึ่งของชีวิต
            ชารีย์นั้นสนุกสนานเพลิดเพลินกับการเรียนรู้งานดูแลพืชพรรณในเกรนเด้การ์เด้นอย่างยิ่ง เธอมีเจ้านายสายตรงเป็นพฤกษแพทย์หนุ่มใหญ่วัยเจ็ดสิบ ที่แม้จะเข้มงวดเจ้าระเบียบไปสักนิดแต่ก็ถ่ายทอดอะไรดีๆ ให้เธอมากมาย
            ส่วนวัตต์นั้น เขาเลือกเข้าไปทำงานในสถานรักษาโยฟินด์ของครอบครัวซิลเวีย นัยว่าอยากเพิ่มโอกาสที่จะได้เจอหญิงสาวมากขึ้น เพราะด้วยอาชีพของทั้งคู่นั้นต่างหาเวลาว่างได้น้อยนิดพอๆ กัน
            ส่วนเฌโรม... เขาหายไปจากวงจรชีวิตของพีณาโดยสิ้นเชิง ไม่มีแม้แต่การสื่อสารหรือส่งข้อความมาหาเลยสักครั้ง
            แต่เมโลดิสต์สาวก็ไม่มีเวลาว่างไปสนใจเรื่องของหนุ่มนักกีฬาของเดห์ลานักหรอก เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เธอต้องยุ่งหัวหมุนจนตัวเป็นเกลียว กับการซ้อมไวโอลินสำหรับการแสดงเปิดตัวเพลงคีตบำบัดชุดใหม่ ไหนจะการวางแผนงานสำหรับมินิคอนเสิร์ตและการเดินสายทำการแสดงตามสถานบำบัดจิตใจนับสิบแห่งที่จะตามมาอีกเป็นพรวน
            ทว่าทุกครั้งที่มีเวลานั่งพัก พีณากลับอดนึกถึงชายหนุ่มที่หายเงียบไปอีกคนขึ้นมาไม่ได้ เธออยากต่อการสื่อสารไปหาเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าจะติดต่อกับคนระดับผู้นำตระกูลแมคแกรี่โดยตรงได้อย่างไร
            ไม่ใช่เพราะเธอคิดถึงหรือคิดอะไรกับเขาทั้งนั้น แต่เพราะต้องการสอบถามเรื่องการเคลื่อนย้ายเจ้าสโนว์ไวท์ และอยากส่งคืนเสื้อโค้ตตัวใหญ่ที่ไม่มีโอกาสได้คืนให้เขาเสียที ไหนจะเรื่องงานหนึ่งชิ้นที่ยังไม่ได้คุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวนั่นอีก
            คนที่กำลังใช้ความคิดถึงกับสะดุ้งเมื่อจีเนียสวอตช์ส่งเสียงเตือนว่ามีคนสื่อสารเข้ามา พอยกมันขึ้นมองแล้วเธอก็ต้องกะพริบตาปริบ เหตุเพราะได้เห็นใบหน้าคมคายนิ่งดุของคนที่กำลังนึกถึงแสดงอยู่บนหน้าปัด
            “เปิดภาพฝั่งเธอด้วยสิ”
            ประโยคแรกหลังจากพีณารับการสื่อสาร ก็เป็นการออกคำสั่งจากชาลส์เสียแล้ว แต่พีณาไม่ได้สนใจทำตาม รีบเอ่ยถามถึงเรื่องที่กำลังคิดถึง
            “สโนว์ไวท์อยู่ที่ซูโบต้าแล้วใช่ไหมคะ พีณาจะไปรับมันได้เมื่อไหร่”
            เธอถามแล้วก็ต้องมานั่งจ้องใบหน้าสามมิติที่นิ่งสนิท งุนงงที่เขาไม่ยอมตอบกลับจนอดเร่งไม่ได้ “ว่าไงคะ?”
            “ฉันไม่คุยกับเด็กไม่มีมารยาท”
            เสียงดุที่ตอบมานั้นทำเอาคนฟังตาลุกอ้าปากจะโต้กลับ แต่ต้องพยายามห้ามใจไว้เมื่อเขามีสโนว์ไวท์ของเธอเป็นตัวประกัน หลังจากเบะปากใส่คนเรื่องมากแล้ว พีณาก็แตะปลายนิ้วตรงด้านข้างจีเนียสวอตช์ ส่งภาพใบหน้าหงิกๆ งอๆ ให้คู่สื่อสารได้เห็น
            “สโนว์ไวท์สบายดี สัตวแพทย์ของซูโบต้าตรวจร่างกายมันแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง ตอนนี้มันเริ่มกินโปรตีนก้อนกับสารอาหารเม็ดได้แล้วด้วย และเทรนเนอร์ก็กำลังฝึกความประพฤติของมันอยู่”
            สิ่งที่ชาลส์บอกเล่ามาทำเอาพีณานึกประหลาดใจไม่น้อยเลย ไม่คิดว่าเขาจะช่วยดูแลจัดการอะไรต่อมิอะไรให้อีกเยอะแยะหลังรับมันมาจากเกาะกอสก้า
            “แล้วพีณาจะไปรับมันคืนได้เลยไหมคะ” เธอรีบถาม ตื่นเต้นที่จะได้มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองจะแย่
            “เธอจะเลี้ยงมันไว้ที่ไหน”
            “ก็ที่วิลตันไชลด์โดมนี่ไงคะ”
            “ที่นั่นมีสโนว์โดมหรือไง” ชาลส์ถามแล้วก็ได้ลอบยิ้มเมื่อเด็กสาวเอียงคอทำหน้าสงสัยอย่างน่าดู เสียงทุ้มอธิบายต่อ
            “ถึงจะออกมาอยู่ในที่อุ่นๆ ได้บ้าง แต่สโนว์ไวท์ต้องอยู่ในที่หนาวจัดอย่างน้อยๆ ก็สิบสองชั่วโมงต่อวัน... อยากจะเลี้ยงแต่ไม่เคยศึกษาข้อมูลหรือเตรียมบ้านให้มันเลยหรือไง”
            พีณาหมดทางโต้เมื่อเขาว่าได้ตรงเป้า เพราะเธอลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปจริงๆ ดูท่าว่าการรับเลี้ยงเจ้าลูกเสือหิมะจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้ว แล้วอย่างนี้เธอจะทำยังไงเมื่อยังรับมันกลับมาไม่ได้ในเร็วๆ นี้ เพราะนอกจากจะต้องอ้อนขอบิดาให้สร้างโดมผลิตหิมะให้แล้ว มันยังต้องใช้เวลาก่อสร้างอีกสักพัก
            “ไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วค่อยว่ากันอีกที ระหว่างนี้ฉันจะรับฝากไว้ก่อน อยากเจอมันก็ไปหาที่ซูโบต้าแล้วกัน” ชาลส์บอกอย่างใจกว้างผิดวิสัย จนคนฟังทั้งแปลกใจทั้งเกรงใจ แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่เอ่ยขอบคุณกลับไป
            “แล้วเรื่องงานที่จะให้พีณาตอบแทน” เธอถามถึงอีกเรื่องที่ยังติดใจ
            “เรื่องนั้น... อีกสักสามสี่วันฉันค่อยบอกเธออีกที”
            “ทำไมต้องรอด้วยคะ รีบบอกมาเลยไม่ได้หรือไง” เธอรีบร้อน ไม่อยากมีเรื่องติดค้างกันเนิ่นนานนัก
            “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องใจร้อน จัดการงานเปิดตัวเพลงใหม่ให้เรียบร้อยก่อนเถอะ พรุ่งนี้แล้วใช่ไหม”
            พีณาเอียงหน้าย่นคิ้วให้แทนคำตอบ ไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องนี้ด้วย แต่ให้คิดอีกแง่ เขาอาจต้องรู้อยู่แล้วเพราะมันก็จัดเป็นงานที่ไม่ถือว่าเล็กของฝั่งคู่แข่ง
            “ตั้งใจทำงาน และขอให้ออกมาดีนะเด็กน้อย แล้วเจอกัน” ชาลส์พูดสิ่งที่ต้องการจบก็ตัดการสื่อสารไปห้วนๆ
            ปล่อยให้ เด็กน้อยได้แต่ฮึดฮัดขัดใจกับคำเรียกขาน จนไม่ทันได้ใส่ใจกับคำอวยพรจากเขา นอกจากนี้ยังไม่พอใจเอาเสียเลยที่เขาไม่บอกเรื่องงานเสียที ทั้งที่เธออยากจะรีบทำตามข้อตกลงกันให้จบๆ ไปเสีย แต่คนถือไพ่เหนือกว่ากลับเล่นตัวถ่วงเวลา เธอเลยต้องติดอยู่กับความค้างคาใจ พะวงครุ่นคิด และคาดเดาว่าคนระดับเขาจะต้องการให้เธอทำอะไรให้
            ขอแต่อย่าให้เป็นอะไรที่เธอยอมไม่ได้ อย่างเช่นการล้วงความลับหรือสร้างความเสียหายให้วิลตันไชลด์ก็แล้วกัน
           
            งานแถลงข่าวและการแสดงเปิดตัวบทเพลงคีตบำบัดในชุดแองเจลิกของพีณาผ่านไปอย่างราบรื่น และประสบความสำเร็จสมความคาดหมาย แถมออกจะได้รับความสนใจจากนักกระจายข่าวและผู้คนในยูไนเต็ดมากเกินไปด้วยซ้ำ เมื่อมีข่าวฉุดกระแสอย่างการปรากฏตัวของผู้นำตระกูลแมคแกรี่พร้อมดอกไม้ช่อใหญ่มาช่วยเสริมทับ ภาพเคลื่อนไหวในจังหวะที่ชายหนุ่มรูปงามยิ้มน้อยๆ พร้อมแตะปลายนิ้วลงบนผิวแก้มของเมโลดิสต์สาวน้อย ถูกบันทึกไว้ได้อย่างประจวบเหมาะ และส่งกระจายไปอย่างแพร่หลาย... มันน่าเจ็บใจก็ตรงที่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว ประเด็นหลังยังได้รับความสนใจมากกว่าผลงานเพลงใหม่เสียอีก

            พีณาเดินออกจากลิฟต์จอดแอร์โมบิล ก่อนจะหยิบเหรียญที่ใช้สำหรับรับแอร์โมบิลหย่อนลงกระเป๋าสะพายใบเล็ก ใบหน้างดงามน่ารักเวลานี้บึ้งตึงปราศจากรอยยิ้ม นึกเคืองตัวต้นเหตุของข่าวน่าโมโหซึ่งนัดให้เธอมาหาถึงถิ่น ร่างโปร่งบางในชุดเสื้อคอตั้งแขนยาวสีชมพูและกระโปรงสีขาวลวดลายเรขาคณิตสีดำ ก้าวฉับๆ ตรงดิ่งไปยังประตูทางเข้าส่วนสำนักงานของเอ็มทาวเวอร์ที่เห็นอยู่ไม่ไกล
            พีณาก้าวไปหยุดตรงหน้าพนักงานสาวสวยหนึ่งในหกคนที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์กลมกลางโถงล็อบบี้โอ่อ่าทันสมัย ซึ่งเป็นส่วนต้อนรับบุคคลภายนอกที่มาติดต่อธุระกับสารพัดสำนักงานนับร้อยแห่งของที่นี่ เธอทันได้เห็นว่ารอยยิ้มรับแขกของพนักงานสาวพลันชะงักค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะตามมาด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ จนคนถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้มาหลายวันยิ่งอารมณ์บูด จึงรีบเอ่ยแจ้งจุดประสงค์ของตนเสียงเรียบผิดจากปกติ
            “ฉันมาพบมิสเตอร์ชาลส์ค่ะ”
            “คะ? อ๋อค่ะ! นัดไว้แล้วใช่ไหมคะ”
            พนักงานสาวรีบเก็บอาการเผลอไผลหลุดมาดสุภาพเมื่อครู่ เมื่อพีณาแจ้งเวลาที่นัดเอาไว้ เธอก็ต่อการสื่อสารภายในไปยังผู้ติดตามของชาลส์ คุยเพียงไม่กี่ประโยคก็แจ้งต่อแขกของเจ้านายใหญ่ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
            “รอสักครู่นะคะ มิสเตอร์สเวนจะลงมารับด้วยตัวเองค่ะ”
            พีณาพยักหน้า เอ่ยขอบคุณเบาๆ แล้วปลีกตัวไปนั่งรอที่ชุดเก้าอี้หนังสังเคราะห์สีเทาที่จัดวางไว้หลายชุด หากสายตาของผู้คนในบริเวณนั้นที่มีทั้งลอบมองและมองมาตรงๆ ก็ทำเอาเธออยากจะ เฟซออฟเปลี่ยนหน้าปลอมตัวหนีข่าวการเชื่อมสัมพันธ์ของสองตระกูลยักษ์ใหญ่ที่แพร่สนั่นไปทั่วยูไนเต็ดในตอนนี้เสียจริง
            คนตกเป็นข่าวนั่งรออยู่ไม่นาน รอบข้างก็พลันเงียบกริบ สายตาหลายคู่หันกลับมามองอย่างสนใจอีกครั้ง เมื่อผู้ติดตามคนสนิท บิ๊กบอสของอาณาจักรระฟ้าแห่งนี้มาปรากฏกายที่โถงชั้นสิบอย่างไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมจริงจังผู้นี้เป็นที่เคารพยำเกรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเจ้านายของเขาเลย
            “ขออภัยที่ให้รอครับมิส... บอสยังติดประชุมสำคัญ แต่ก็กำลังจะพักกลางวันแล้ว”
            น้ำเสียงสุภาพให้เกียรติของสเวนทำเอาพีณารีบดีดตัวลุกยืน นึกเกรงใจชายหนุ่มตรงหน้าซึ่งอายุมากพอๆ กับเจ้านายของเขา และมากกว่าเธอหลายสิบปี
            “ไม่ต้องเรียกมิสหรอกค่ะ เรียกพีณาเฉยๆ ก็ได้” เธอบอก
            สเวนกลับทำเพียงแค่ยิ้มบางมาให้ ไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ เขาผายมือนำทางเธอไปยังลิฟต์ตัวพิเศษที่มีผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้เพียงแค่ไม่กี่คน
            ทอดทิ้งสายตาหลายสิบคู่ที่เฝ้ามองตาม และเสียงซุบซิบเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำแมคแกรี่และสาวน้อยจากวิลตันไชลด์เอาไว้เบื้องหลัง


            พีณาถูกพามาทิ้งไว้ที่ชุดโซฟาสีดำริมผนังกระจกของห้องทำงานเรียบหรูสมบุคลิกเนี้ยบจัดของชาลส์ โต๊ะเตี้ยเบื้องหน้ามีส่วนฐานเป็นตู้กระจกที่บรรจุหินและทราย จัดวางต้นกระบองเพชรรูปทรงสวยออกดอกสีสันสดใสไว้อย่างสวยงามลงตัว แก้วโกโก้เย็นรสเข้มมีแม่บ้านนำมาเสิร์ฟตามที่สเวนสอบถามความต้องการของเธอ พร้อมกับขนมแผ่นบางสีชมพูอ่อน ที่พอลองส่งเข้าปากก็ละลายวูบ กลิ่นหอมหวานของพีโอเนียที่กระจายเต็มปากพาให้คนชิมอารมณ์ดีขึ้นได้ง่ายๆ
            กว่าสามสิบนาทีที่พีณาถูกปล่อยให้นั่งรอเพียงลำพัง ในที่สุดเจ้าของห้องก็เปิดประตูเข้ามาเสียที ชายหนุ่มออกคำสั่งกับผู้ติดตามสั้นๆ สองสามประโยค ก่อนจะเดินตรงมาหาเด็กสาวที่ลุกจากที่นั่งมายืนกอดอก ตีหน้าตูมๆ มองจ้องเขาตาเป๋ง
            “สิบเอ็ดโมงครึ่ง” พีณาเอียงหน้ามองคนนัด เอ่ยทวนเวลาเสียงเข้ม
            “มีเรื่องเร่งด่วนแทรกมานิดหน่อยน่ะ นี่คงหิวแล้วใช่ไหม กินกลางวันไปด้วยเลยแล้วกัน อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”
            ชาลส์ใช้คำอธิบายสั้นๆ แทนคำขอโทษ ก่อนจะยกเอาเรื่องอาหารการกินมาหลอกล่อเอาใจ
            “พีณามาคุยเรื่องงาน” ...ไม่ได้มากินข้าวกับใคร
            แม้ประโยคหลังจะไม่ได้พูดอกมา แต่ชาลส์ก็อ่านจากดวงตากลมโตคู่นั้นได้ชัดเจน ทว่าเขาไม่สะทกสะท้านกับท่าทางขึงขังของเธอเลยสักนิด
            “อืม... งั้นกินอะไรก็ได้สินะ รอหน่อยแล้วกัน”
            เจ้าถิ่นว่าแล้วก็เดินไปหยิบรีโมตควบคุมห้องจากโต๊ะทำงานมากดคำสั่ง จากนั้นไม่นานตู้กระบองเพชรซึ่งเป็นฐานของโต๊ะกลางชุดโซฟาก็ถูกยกระดับสูงขึ้น แผ่นกระจกด้านบนที่ทีแรกมองไม่ออกว่ามีสองชั้นเลื่อนขยายออกจากกันจนสามารถใช้เป็นโต๊ะทานอาหารได้
            พีณาถลึงตามองคนที่เดินกลับมาหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวข้างๆ ขัดใจคนหูทวนลมจนริมฝีปากบิดบึ้ง เธอไม่ยอมนั่งลงตามที่เขาทำมือเชื้อเชิญ พยายามถามเข้าเรื่อง “ตกลงจะให้พีณาทำงานอะไรคะ”
            ชาลส์กลับหยิบขนมชิ้นบางเข้าปาก ไม่ตอบคำถามเสียที จนพีณาทำท่าจะโวยก็เป็นจังหวะที่แม่บ้านคนเดิมเข็นรถอาหารเข้ามาพอดี อาหารทานง่ายประเภทพาสต้าถูกวางตรงหน้าคนทั้งคู่ และยังมีอาหารจานกลางอีกสองอย่าง เมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพก็กลับออกไปโดยไม่ต้องรอคำสั่ง
            ชายหนุ่มจ้องตาเด็กสาวที่ดื้อดึงไม่ยอมนั่ง ริมฝีปากสีสดของเธอบิดโค้งจนปลายคางเห็นรอยบุ๋มที่น่าเอานิ้วไปจิ้มเล่น สุดท้ายเขาก็ยอมพบกันครึ่งทาง ไม่อยากบังคับขัดใจเธอด้วยเรื่องเล็กน้อยจนพาให้เสียเรื่องใหญ่
            “กินไปคุยไปแล้วกัน ฉันมีเวลาไม่มากนัก ก่อนจะเข้าประชุมอีกรอบตอนบ่าย” ชาลส์บอกง่ายๆ
            เมื่อเห็นเธอยอมนั่งลงแต่โดยดี ชายหนุ่มก็บริการตักเนื้อปลาอบใส่จานใบเล็กข้างๆ จานราวิโอลีกุ้งของเด็กสาว พยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้งแล้วก็เริ่มจัดการอาหารในจานของตนเองโดยไม่รีรอ
            ท่าทางของชาลส์ดูเร่งรีบจริงๆ เหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจ หรือ จงใจนัดใครมารับประทานมื้อกลางวันเลยแม้แต่น้อย
            พีณาเห็นแล้วก็ชักเริ่มหิวขึ้นมาบ้าง แถมถ้าให้นั่งมองเขาอยู่อย่างนี้คงเสียมารยาทน่าดู จึงเริ่มลงมือกับอาหารตรงหน้า แต่เพิ่งจัดการเนื้อปลานุ่มฉ่ำชิ้นที่เขาตักให้ไม่ทันไร สลัดเชอร์รี่อกไก่ก็ลอยมาอยู่บนจานแบ่งด้วยฝีมือผู้ร่วมโต๊ะ เด็กสาวขมวดคิ้วนิดๆ เงยหน้ามองก็เห็นเขาก้มหน้าส่งเนื้อไก่เข้าปาก เคี้ยวเร็วๆ แต่ไม่มูมมาม ไม่ได้สนใจมองทางเธอด้วยซ้ำ
            “พีณาตักเองได้ค่ะ” เธอบอก รู้สึกแปลกพิกลปนระแวงกับการทำตัวดีของเขาอย่างบอกไม่ถูก
            “อืม”
            แต่คล้ายว่าชาลส์จะส่งเสียงรับไปอย่างนั้นเอง เพราะอาหารจานกลางทั้งสองอย่างยังคงถูกตักให้สาวน้อยผู้ร่วมโต๊ะอีกเรื่อยๆ จนพีณาตัดสินใจไม่ปล่อยให้จานเล็กว่าง หันมาจัดการแต่ราวิโอลีสอดไส้ชีสและเนื้อกุ้งในจานใบโตของตนอย่างเดียว
            ครู่หนึ่งพีณาก็เปิดฉากถามอีกครั้ง เมื่อเขาเอาแต่กินอาหารเงียบๆ ไม่ยอมเริ่มคุยเรื่องงานเสียที
            “ว่ายังไงคะ... ตกลงว่ามิสเตอร์จะให้พีณาทำอะไร”
            ชาลส์เหลือบมองคนหงุดหงิดง่ายแล้วต้องส่ายหน้า เท่าที่รู้มาคงมีแค่เขาคนเดียวที่เด็กสาวเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ แต่ก็มีเธอแค่คนเดียวเช่นกัน ที่เอาแต่หนีห่าง ไม่อยากเข้าใกล้หรือยิ้มแย้มเอาใจเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่น
            “รู้จักซูเปอรีไหม” ชายหนุ่มยอมเข้าเรื่องเสียที
            “เกาะใหม่ที่แมคแกรี่ได้ไปน่ะเหรอคะ” เธอเคยได้ยินชื่อนี้อยู่บ้าง
            “ใช่ และมันกำลังจะเปิดตัวในอีกหกเดือนข้างหน้า”
            ข่าววงในสุดๆ จากปากเจ้าของโครงการ ทำให้พีณามองคนเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันได้ถามอะไร เขาก็เอ่ยความต้องการออกมา
            “ฉันอยากให้เธอทำเพลงโปรโมตซูเปอรี ร่วมงานกับทีมโปรดักชันที่ฉันเตรียมไว้”
            สีหน้าของพีณาเวลานี้เต็มไปด้วยความงุนงงเต็มพิกัด เธอเคยคิดคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าสิ่งแลกเปลี่ยนที่ชาลส์ต้องการคืออะไร แต่ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้สิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย
            “แต่ฉันไม่ได้ใช้งานเธอฟรีๆ หรอกนะ งานนี้มีค่าตอบแทนให้ด้วย” ชาลส์ว่าต่อ ก่อนจะลุกไปหยิบอุปกรณ์ลงนามอิเล็กทรอนิกส์ที่พัฒนาการใช้งานมาจากอีเปเปอร์มายื่นส่งให้
            ในระหว่างที่พีณาก้มอ่านสัญญาจ้างงานด้วยสีหน้างุนงงไม่หาย ชาลส์ก็หย่อนกายนั่งเอนหลังบนโซฟาตัวยาวตัวเดียวกับเธอ สองมือกุมประสานเหนือหน้าขาที่ยกขึ้นไขว่ห้าง สายตาคมลึกที่ทอดมองเต็มไปด้วยแววรอคอย
            “ยี่สิบล้าน!
            ไม่ทันไรพีณาก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้ร่างสัญญาตาโต เมื่อเห็นเขาเอียงหน้าเหมือนจะถามว่ามีอะไรน่าแปลกใจตรงไหน เสียงใสที่เต็มไปด้วยความข้องใจก็ซักไซ้ต่อ “จ้างพีณาทำงานแค่เพลงเดียวนี่นะคะ?!
            “ขอบเขตงานก็ตามสัญญา เธอมีปัญหาอะไร” ชาลส์ยังคงสงบนิ่ง แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากคนถูกว่าจ้าง
            พีณาหรี่ตามองเขาอย่างไม่ไว้ใจทันที ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านสัญญาให้ดีอีกครั้งทุกตัวอักษร กลัวว่าจะมีข้อความแอบแฝงให้พลั้งพลาดเสียเปรียบ
            เขาต้องการให้เธอแต่งเพลงใหม่สำหรับซูเปอรี ซึ่งจะเป็นลิขสิทธิ์ของแมคแกรี่นานสามปี หลังจากนี้อาจมีการต่อสัญญากันอีกครั้ง และนอกจากการสร้างสรรค์และบันทึกบทเพลงให้เสร็จสิ้นตามเวลาที่กำหนด เธอยังต้องร่วมแสดงในพรีเซ็นเตชันที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณาอีกด้วย
            แต่ทว่า... ข้อไหนก็ไม่น่าสงสัยเท่าหมายเหตุสองบรรทัดสุดท้าย
            “ผลงานทั้งหมดต้องผ่านการเห็นชอบโดยชาลส์ แมคแกรี่ ซึ่งการตัดสินของผู้พิจารณาถือเป็นที่สิ้นสุด... หมายความว่าไงคะ” พีณาอ่านประโยคต้องสงสัย แล้วหันไปขอให้เขาขยายความ
            “ก็ตามนั้น ฉันแค่ต้องการมั่นใจในคุณภาพของผลงานที่ได้ บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่ยอมรับงานที่ทำแบบส่งๆ ให้จบๆ ไปหรอกนะ”
            “ใครจะทำอย่างนั้นให้เสียชื่อตัวเองล่ะคะ” เธอว่าเสียงสะบัด ก่อนจะเหล่ตามองเขาแล้วเอ่ยดักคอ
            “กลัวแต่มิสเตอร์จะแกล้งเล่นแง่ ไม่ยอมให้พีณาจบงานง่ายๆ มากกว่า”
            “แล้วฉันจะถ่วงเวลาให้กระทบแผนงานของตัวเองไปทำไม ฉันไม่ยอมเสียผลประโยชน์ไปกับเรื่องไร้สาระหรอก เลิกห่วงเรื่องนี้ไปได้เลย”
            ชาลส์เอ่ยเสียงเข้มค้านข้อกล่าวหาของเด็กขี้ระแวง
            “แต่... ยี่สิบล้านนี่มากไปไหมคะ”
            แม้สัญญาจะดูไม่มีปัญหา แต่ค่าตอบแทนซึ่งมากเกินควรก็ทำให้เธอลังเลที่จะตกลง ดูแล้วมันเหมือนเธอเป็นฝ่ายได้รับประโยชน์ ไม่ใช่การทำงานแลกเปลี่ยนอย่างที่เขาเรียกร้องในตอนแรก
            “ฉันตีราคาให้สูงเพราะหวังอยากได้ผลงานชิ้นเยี่ยม เธอก็ช่วยทำงานให้สมที่จ้างไปแล้วกัน” ชาลส์บอกเหมือนมันไม่ใช่เรื่องใหญ่ให้ต้องระแวงสงสัย แต่เมื่อเห็นว่าเด็กสาวยังไม่ยอมคลายความข้องใจเสียที เขาก็กดดันด้วยการก้มมองเวลาบนข้อมือ เตือนให้รู้ว่าเขาไม่มีเวลาว่างมากนัก
            “มีปัญหาอะไรอีกไหม” เขาเร่งรัดเสียงห้วน
            “ทำไมต้องเป็นพีณา” ในเมื่อเขาเปิดช่องให้ถาม พีณาก็ถาม ไม่กลัวเกรงน้ำเสียงห้วนดุและท่าทางรำคาญผสมรีบเร่งของเขาเลยสักนิด
            คำถามของเด็กสาวเรียกรอยยิ้มกึ่งจริงใจกึ่งแฝงเล่ห์เหลี่ยมให้ผุดขึ้นบนใบหน้าคมคาย ในที่สุดชาลส์ก็บอกเหตุผลที่คิดไว้ ล่อลวงให้เด็กสาวที่ยังไม่ยอมตกลงได้ปลงใจเสียที
            “ซูเปอรีเป็นเกาะเกิดใหม่ เหมือนกับเธอที่เพิ่งเปิดตัวสู่วงการเมโลดิสต์เต็มตัว ไม่คิดว่ามันเหมาะสมกันดีหรือไง ไหนจะแนวเพลงของเธอที่ฉันคิดว่าสอดคล้องกับธรรมชาติและภาพลักษณ์ของซูเปอรีอยู่เหมือนกัน และเหตุผลข้อสำคัญที่สุด เมื่อเป็นเธอ... สาวน้อยจากวิลตันไชลด์ แค่นี้ผู้คนก็รุมสนใจไล่ควานหาข่าวของเราโดยไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายแล้ว”
            คำชี้แจงพร้อมรอยยิ้มและดวงตาเปล่งประกายของชาลส์ ทำให้สาวน้อยจากวิลตันไชลด์ไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่ขณะเดียวกัน ความระแวงสงสัยทั้งหลายก็พลันจางหายไปหมด เมื่อกระจ่างแจ้งในจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนมากเล่ห์แล้วว่าเขาต้องการสร้างกระแสดึงความสนใจของผู้คนไปสู่ซูเปอรีโดยใช้เธอเป็นเหยื่อล่อ
          รู้อย่างนี้แล้วค่อยสมเหตุสมผลหน่อย
            เมื่อเห็นพีณาพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ ในใจของชาลส์ทั้งฉุนทั้งหมั่นไส้เด็กหัวแข็งที่ยังมองเขาในแง่ร้ายไม่เลิก เสียงห้าวจึงสะบัดปลายห้วนนิดๆ ยามเอ่ยเร่งรัด
            “หมดคำถามแล้วใช่ไหม จะได้ลงนามในสัญญากันเสียที”
            พีณาทำหน้ายู่นิดๆ ให้อาการทั้งขู่ทั้งเร่งของเขา ก่อนจะหยิบสัญญาอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาอีกครั้ง แตะปลายนิ้วบนช่องยืนยันว่ารับทราบข้อตกลงทั้งหมด ก่อนจะปัดเลื่อนหน้าจอไปยังหน้าลงนามสัญญา เด็กสาวแตะปลายนิ้วชี้บนกรอบอ่านลายนิ้วมือใต้ชื่อของตน รออยู่สองสามวินาทีให้ระบบยืนยันตัวตนกับฐานข้อมูลบุคคลว่าลายนิ้วมือตรงกับชื่อที่ระบุไว้ ภาพคีย์บอร์ดที่ประกอบด้วยตัวอักษรและตัวเลขก็แสดงขึ้นมาให้เธอกรอกรหัสผ่าน ถือเป็นระบบป้องกันการใช้ลายนิ้วมือโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมอีกชั้น เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ส่งมันคืนให้เจ้าของสัญญาลงบันทึกลายนิ้วมือเช่นเดียวกัน
            พีณามองชายหนุ่มคนดังในหมู่สาวน้อยสาวใหญ่ทั่วยูไนเต็ดอย่างหงุดหงิด รู้สึกเหมือนตกอยู่ในภาวะถูกเขาล้อมหน้าล้อมหลังให้ทำตามสิ่งที่กำหนดขีดเส้นไว้อย่างบิดพลิ้วไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างดูเข้าทางเขาไปเสียหมด แม้แต่การทำสัญญาเมื่อครู่ ถ้าหากเธอยังไม่ได้รับการปลดล็อกจากสถานเรียนรู้เอมฟิลด์ สัญญานี้ก็จะยังไม่สมบูรณ์และมีผลทางกฎหมายจนกว่าจะมีผู้ปกครองลงนามร่วม
            “ฉันส่งไฟล์สัญญาให้เธอแล้วนะ” ชาลส์หมายถึงสัญญาตัวสำเนาที่มีการปกป้องเนื้อหาทุกตัวอักษรอย่างดีเยี่ยม การันตีโดยบริษัทผู้พัฒนาระบบและผลิตเครื่องลงนามอิเล็กทรอนิกส์เครื่องนี้ ซึ่งเป็นกิจการหนึ่งในเครือเอ็มกรุ๊ปของแมคแกรี่นี่เอง
            จากนั้นเจ้าของห้องก็ลุกยืนเต็มความสูง มุมปากหยักยกยิ้มยินดีสมใจเมื่อการเจรจาเสร็จสิ้น มือใหญ่ยื่นไปตรงหน้าเด็กสาวที่ตอนนี้มีสัญญาจ้างงานผูกมัดเอาไว้
            “ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะพีณา”
            “ค่ะ” พีณายื่นมือไปจับปลายนิ้วเขาเขย่าเร็วๆ แล้วรีบปล่อยอย่างเสียไม่ได้
            คนถูกเสียมารยาทใส่ไม่คิดถือสา นัยน์ตาสีเทาระยับพราวมองใบหน้าเล็กที่ทำปากยื่นนิดจมูกย่นหน่อยอย่างอารมณ์ดี
            จากนั้นชาลส์ก็แสดงความเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเดินไปส่งคู่สัญญาสาวถึงแอร์โมบิลที่จอดไว้ ทำหูหวนลมไม่สนใจคำปฏิเสธและอาการฮึดฮัดจากอีกฝ่าย แถมยังดูจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อครู่เขาทำท่ารีบร้อนจะกลับไปเข้าประชุมขนาดไหน

            และการปรากฏตัวของบิ๊กบอสที่พนักงานชั้นล่างแทบไม่มีโอกาสพบเจอตัว ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นฮือฮา ทั้งยังเรียกกระแสสายตาใคร่รู้ ปะปนด้วยความอิจฉาเด็กสาวผู้ได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ... ยิ่งกว่าตอนที่สเวนมารับเธอขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว



ติดตามความรักของคู่กัดต่างวัย
และพิสูจน์ความเจ้าเล่ห์และ 'เปย์เด็ก' ของคนร้ายกาจ
ได้ในฉบับเต็มค่ะ

สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 

NaiinPann : https://goo.gl/zPJdfH
Google Play : https://goo.gl/NuGawa



No comments:

Post a Comment