7 July 2017

# แก่นฝัน # ฉากรักดักหัวใจ

ฉากรัก ดักหัวใจ - ฉากที่ 9 : สู่กองถ่าย

ฉากรัก ดักหัวใจ ชุดสี่สาว

ผู้เขียน : แก่นฝัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต


ฉากที่ 9 : สู่กองถ่าย

          หญิงร่างเล็กอายุสี่สิบปลายก้าวเข้ามาในห้องหัวหน้าครูฝึกของซูไรการ์ด ทำเอาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เหงื่อตก เพราะคาดเดาออกว่าเธอคงมาหาเขาด้วยเรื่องของชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากห้องไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี
          “สวัสดีครับนายหญิง” เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะลงทำความเคารพ
          “สวัสดีคุณโนดะ บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกนายหญิง ฉันไม่ใช่นายหญิงของโอตามะอีกแล้วนะ” ซาโยริแก้คำให้อดีตมือขวาของสามี ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการพาเธอกับลูกชายหนีมาพึ่งพี่ชายของเธอที่เมืองไทย
          “ไม่ว่าตอนไหน คุณซาโยริก็ยังเป็นนายหญิงของผมครับ เหมือนกับที่คุณเรียวยังคงเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สี่ของโอตามะ” โนดะยืนยันตำแหน่งของนายทั้งสองอย่างหนักแน่น
          นายหญิงเพียงยิ้มบางๆ ที่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อมั่นของเขาได้ ก่อนจะนั่งลงแล้วจ้องหน้าคนที่เธอคิดว่าจะให้คำตอบเธอได้
เห็นว่าพักหลังนี้เรียวมะมีงานยุ่งเหรอ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เหมือนว่าเรียวมะกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่... คุณก็รู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม” ซาโยริเริ่มเข้าเรื่องที่ทำให้เธอต้องมาหาอีกฝ่ายถึงที่นี่
          สายตาคมกริบของหญิงร่างเล็กไม่เหลือแววของความรื่นเริงเหมือนทุกที คนถูกถามรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถโกหกอะไรคนตรงหน้าได้เลย ผู้หญิงบอบบางคนนี้ทั้งเก่งและฉลาด เธอซ่อนความเฉียบขาดเอาไว้ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายหญิงของแก๊งค์ยากูซ่าที่มีสาขามากมายติดอันดับหนึ่งในสามของแถบคันโตได้
          “นายน้อยกำลังตามเรื่องโจรที่ขโมยเครื่องเพชรในงานที่ซูไรรับดูแลความปลอดภัยอยู่น่ะครับ” โนดะยอมเล่าเรื่องแค่ บางส่วน’ เท่านั้น
          “แต่ฉันว่าคงไม่ใช่แค่นั้นแน่ เล่ามาให้หมดนะ โนดะ” ซาโยริเห็นชายหนุ่มหลบตา เธอจึงถามให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ปิดบังอะไรเธอ
หัวหน้าครูฝึกหนุ่มใหญ่รีบเก็บอาการอึกอัก ก่อนจะยอมเล่าต่ออีกนิด แค่นั้นจริงๆ ครับ นอกจากอีกเรื่องก็ที่นายน้อยจะไปเป็นการ์ดให้ดาราสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่รู้ว่านายหญิงรู้หรือยัง...
หือ! แค่ไปเป็นการ์ด คนของเราก็มีตั้งเยอะ ทำไมต้องให้เรียวมะไปเองด้วย
เออ...” โนดะอ้ำอึ้ง
จะไม่ยอมบอกฉันใช่ไหม
หญิงสาวมองเขาแล้วแย้มรอยยิ้มที่ทำให้คนมองต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ


หลังจากบีบบังคับและซักถามเรื่องราวทั้งหมดจากโนดะมาได้ ซาโยริก็รีบเดินทางกลับบ้านเพื่อพูดคุยกับลูกชายให้เข้าใจก่อนที่เขาจะออกเดินทางในวันนี้
นายน้อยครับ
คล้อยหลังซาโยริ โนดะรีบคว้าโทรศัพท์รายงานให้เรียวทราบทันที เพื่อเตรียมตัวรับมือกับศึกหนักของมารดา
นายหญิงมาที่บริษัท แล้วคาดคั้นถามผมเรื่องนายน้อย ผมปิดบังเธอไม่ได้จริงๆ
ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณโนดะเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้าง
โนดะหลุดปากเล่าไปเพียงแค่เรื่องที่จะไม่กระทบใจซาโยริเท่านั้น ด้านเรียวเองก็เข้าใจนิสัยของมารดาดี จึงบอกให้ผู้ที่เขานับถือเสมือนเป็นญาติคนหนึ่งได้เบาใจ
ถ้าแค่เรื่องโจรคราวนั้นกับเรื่องของคุเรไนคงไม่เป็นไรหรอกครับ แต่แม่ยังไม่รู้เรื่องที่โอตามะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม
ยังครับ
งั้นก็ดีแล้ว ยังไงก็ฝากเรื่องทางนี้ด้วยนะครับ ผมจะเดินทางวันนี้แล้ว และจะติดต่อกลับมาเป็นระยะ
วางใจได้ครับนายน้อย” โนดะรับคำหนักแน่นก่อนวางสายโทรศัพท์


ตั้งแต่ซาโยริพาลูกชายหนีมาถึงเมืองไทย ก็ได้ คาโม’ พี่ชายของเธอช่วยปิดข่าวและคอยให้ความคุ้มครอง ดูแลปกป้องพวกเธอจากกลุ่มคนที่คอยตามล่าหมายจะกำจัดทายาทและชวงชิงเอาแหวนประจำตระกูลโอตามะกลับไปให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบยิงแสนอุกอาจครั้งนั้นให้จงได้
ทินกร นายใหญ่ของแสงสุรียฉัตรที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ด้วยการอนุญาตให้คาโมดำเนินการคุ้มครองซาโยริและลูกชายภายใต้ชื่อซันไรส์กรุ๊ป เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันพวกเธอด้วยอีกแรง และเพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้พวกคุเรไนต้องยอมถอนกำลังออกจากเมืองไทยในที่สุด ตั้งแต่นั้นมา อดีตนายหญิงของตระกูลโอตามะก็ตัดสินใจปล่อยวางเรื่องเลวร้ายทุกอย่างไว้ที่ญี่ปุ่น และเริ่มต้นใช้ชีวิตเรียบง่ายที่เมืองไทย... แต่เธอสังหรณ์ใจว่าจากนี้ไปเรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
ซาโยริกลับมาถึงบ้านก็รีบตรงไปหาลูกชายในห้องนอนทันที
เรียวมะ ให้แม่เข้าไปนะ” เธอเคาะประตูก่อนจะเปิดออกและเดินเข้าไป
ชายหนุ่มละมือจากการจัดกระเป๋าบนเตียงเงยหน้าขึ้นมาถาม “แม่มีอะไรหรือครับ
ซาโยริมองเป้สนามสีดำใบโตของลูกชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ นี่ลูกกำลังจะไปไหนจ๊ะ
ไปทำงานเหมือนทุกทีแหละครับแม่
ซาโยริเลิกคิ้ว นี่ลูกคิดว่าแม่ไม่รู้หรือไง ว่าเรื่องโจรขโมยเพชรน่ะ มันเกี่ยวข้องกับพวกคุเรไนด้วย ทำไมถึงยังปิดบังแม่อยู่
          “ผมไม่อยากให้แม่รู้แล้วเก็บไปคิดมากนี่ครับ” เรียวพยายามปลอบให้มารดาเลิกกังวล
          “จะไม่ให้แม่คิดมากได้ยังไง ในเมื่อลูกคิดจะเอาเรื่องพวกโจรนั่นด้วยตัวเอง ก็เหมือนจะไปต่อกรกับแก๊งค์ใหญ่ขนาดนั้น นี่ลูกยังไม่ลืมเรื่องที่คุเรไนทำกับเรา ยังคิดอยากจะแก้แค้นพวกนั้นอยู่ใช่ไหม
          เรียวได้ยินคำถามก็นิ่งไป ชายหนุ่มอยากตอบให้มารดาสบายใจเหลือเกิน ว่าเขาทำใจได้และยอมให้อภัยพวกมันแล้ว แต่เขาทำไม่ได้ เพราะลึกๆ แล้วเขายังไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ทำให้พ่อของเขาต้องตาย และรู้สึกอยากแก้แค้นคนที่มาทำลายครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขาอยู่เสมอ
          เรียวมะ...” ซาโยริเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนระคนอ่อนใจ ลูกจะมีความสุขที่แท้จริงได้ยังไง ถ้าลูกยังเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา
          “แม่ไม่โกรธ ไม่อยากให้พวกคุเรไนได้รับผิดชอบในสิ่งที่มันทำไว้กับเราหรือครับ” แววตาของเรียวฉาบฉายความแข็งกระด้างในยามที่เอ่ยถึงคู่แค้น
          “โกรธสิ แต่แม่ไม่ยอมให้มันกลายเป็นความแค้น... ลูกคิดว่าพ่อเขาจะนอนตายตาหลับได้ยังไง ถ้ารู้ว่าลูกชายที่เขารักยังใช้ชีวิตอยู่กับความโกรธแค้นจนหาความสุขไม่ได้ ทำไมไม่ปล่อยอดีตให้ผ่านไปเสียเรียวมะ แล้วใช้ชีวิตทุกวันของเราให้มีความสุข สุข...เผื่อในส่วนของพ่อที่ตายไปก่อนด้วย
          ซาโยริมองเหม่อไปยังรูปถ่ายครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ก็เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของ เกนโซ สามีผู้เป็นที่รักกับลูกชายในวัยเด็กมองกลับมา ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึง
          “ครั้งนี้ผมสัญญาครับแม่ว่าทุกอย่างจะจบด้วยดี แล้วก็จะรีบกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเผื่อพ่อด้วยกัน... นะครับ
          เรียวกุมมือเล็กบางของมารดาไว้และให้คำสัญญาหนักแน่น


          เร็วสิพี่ไก่!”
          เพลินพิศเร่งชายหนุ่มที่กำลังยกกระเป๋าสัมภาระลงมาจากท้ายรถแท็กซี่ ก่อนจะคว้าเป้ใบใหญ่สะพายบ่าแล้วเดินตัวปลิวผ่านเข้าประตูของสนามบินไป
          “จะรีบอะไรนักหนา ยังไม่ถึงเวลานัดเลย เรามากันถึงคนแรกด้วยซ้ำมั้งเนี่ย” ศุภชนม์ค่อยๆ เดินตามสาวร่างบางไปอย่างใจเย็น
          “คนแรกที่ไหน ดูโน่น...”
          หญิงสาวที่เดินนำชี้ไปทางกลุ่มสาวๆ ที่รุมขอถ่ายรูปหนุ่มลูกครึ่งอยู่ พอเขาหันมาเห็น ก็ขอปลีกตัวจากแฟนๆ แล้วเดินเข้ามาทักหญิงสาวทันที
          “มาเร็วจังนะครับคุณเพิร์ล
          “แต่ไม่เท่าคุณหรอกคะ” เพลินพิศตอบกลับก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งรอคนอื่นๆ
          “ผมคงตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับคุณอีกครั้งมั้งครับ” ชายหนุ่มเตรียมจะนั่งลงข้างหญิงสาว แต่ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
          “พี่เพิร์ลไม่เจอซะนานเลย” ฝากฟ้าเดินยิ้มมาแต่ไกล ก่อนจะเบียดตัวเข้ามานั่งปุบนเก้าอี้ที่เป็นเป้าหมายของหนุ่มลูกครึ่งได้อย่างพอดิบพอดี
          “สองวันเองนะฟักแฟง” เพิร์ลพิศยิ้มแล้วตอบเด็กสาว ก่อนจะกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าของคนถูกแย่งที่
          “แต่เป็นสองวันที่น่าเบื่อสุดๆ เลยค่ะ เพราะแม่ไม่ยอมให้แฟงไปไหนคนเดียวเลย ออกกองคราวนี้ก็ด้วย...” ฝากฟ้าย่นจมูกบ่นอย่างเบื่อหน่าย
          “มาถึงก็คุยกันแค่สองคน ไม่สนใจผมเลยนะครับน้องแฟง” ชายหนุ่มที่ถูกคนมาใหม่นั่งหันหลังกันเขาออกจากวงสนทนาเรียกร้องความสนใจ
          “นายมีอะไรดีให้ต้องสนใจด้วยหรือไง” ฝากฟ้าหันกลับไปรวนใส่ด้วยความรำคาญ แต่แล้วต้องสะดุ้งเขยิบหนีเมื่อเขาโน้มตัวมาใกล้
          “ผมมีดีเยอะแยะไป คุณหนูฟักแฟงมองไม่เห็นเองมากกว่า แต่น้องแฟงไม่เห็นไม่เป็นไร ให้คุณเพิร์ลมองเห็นก็พอครับ” ประโยคแรกตอบยียวน แต่ประโยคหลังหันไปทางสาวหมวยพูดจริงจัง
          “เชอะจะเป็นใครก็หาไม่เจอทั้งนั้นแหละ
          ฝากฟ้าสะบัดหน้าหนี ทำให้หันไปเห็นสองหนุ่มตัวโตที่กำลังเดินเข้ามา
          “นั่นไงคะพี่เพิร์ล ผู้คุมของแฟงที่คุณแม่จ้างมา
          ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัว คุณหญิงฝันฟ้าก็คิดเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวไปสะระตะ และทางเดียวที่คุณหญิงจะวางใจให้ฝากฟ้าไปทำงานห่างไกลตาก็คือ การมีบอดี้การ์ดฝีมือดีที่เชื่อใจได้คอยตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด
          “เอ๊ะนั่นมันคุณเรียวนี่” เพลินพิศแปลกใจที่เห็นบอดี้การ์ดหนุ่มมาดนิ่งจากแดนปลาดิบกลายมาเป็นผู้คุมของฝากฟ้าไปได้
          เมื่อวานยังเจอกันอยู่เลย แล้วเขาแบ่งภาคไปเฝ้าน้องแฟงได้ยังไงนะ
          “ที่เดินข้างๆ คุณเรียวไงคะ ผู้คุมของแฟง” ฝากฟ้าทำหน้าเบื่อโลกเมื่อได้เห็นองครักษ์มาดเข้มของตัวเอง
          เมื่อสองหนุ่มผู้มาใหม่เดินมาถึง ชายคนที่ฝากฟ้าบอกว่าเป็นผู้คุมก็วางกระเป๋าใบใหญ่ของเด็กสาวลงเบื้องหน้าเจ้าของ ก่อนจะค้อมศีรษะลาแล้วเดินจากไปทันที ในขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มนั้นยังยืนนิ่งอยู่
          “แล้วนั่นเขาจะไปไหนคะ” ฝากฟ้ามองตามผู้คุมที่ช่างเก็บปากเก็บคำ ก่อนจะหันมาถามเรียว
          “จากนี้ไปจะมีการเปลี่ยนตัวครับ” เรียวตอบคำถามสั้นๆ แล้วหันไปสบสายตาช่างสงสัยของหญิงสาวอีกคน มีอะไรหรือครับคุณเพิร์ล
          “อ่อ! เปล่าค่ะ แค่คิดว่าคุณนี่ขยันรับงานดีจริงๆ” เพลินพิศสะดุ้งปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะรีบแก้ตัว
          “ถ้าคุณไม่ชอบคนขยัน ผมจะรับงานให้น้อยลงก็ได้นะครับ
          คำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มทำให้มาร์คที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันมามองตาขวาง และเริ่มออกอาการเขม่นนายบอดี้การ์ดขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีคู่แข่งหัวใจเพิ่มมาอีกคน
          “จะรับมากรับน้อยมันเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” เพลินพิศบอกนิ่งๆ เพื่อปกปิดอาการขัดเขิน
            หรือที่เขาบอกว่าจะจีบ จะเป็นเรื่องจริงนะ หญิงสาวใจกระตุกวาบเมื่อย้อนนึกถึงคำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เคยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง


         ได้เวลาแล้วล่ะ ไปขึ้นเครื่องกันเถอะ” ศุภชนม์ก้มมองเวลาแล้วเร่งกับทุกคน
          “ค่ะ” เพลินพิศรับคำเป็นคนแรกด้วยความกระตือรือร้น กำลังจะก้มไปคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่แต่ก็มีมือหนึ่งยื่นมาตัดหน้าเสียก่อน
          “ให้ผมช่วยถือนะครับ” มาร์คอาสาแข็งขัน
          “อย่าลำบากเลยครับ ของน้องเพิร์ลผมจัดการได้
          ศุภชนม์ขัดขึ้น เมื่อเห็นเพลินพิศส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เขาแสดงบทเดิมที่เคยเล่น หนุ่มลูกครึ่งจำต้องยอมปล่อยมืออย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
          “ถ้าอยากทำตัวเป็นคนดีมากนักก็เอาของแฟงไปแล้วกัน
          ฝากฟ้าฉวยกระเป๋าของเธอจากมือบอดี้การ์ดหนุ่มแล้วยื่นให้คนหวังดีพร้อมรอยยิ้มยียวน
          “เพราะคุณเรียวต้องดูแลความปลอดภัยให้แฟง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้ไม่เกะกะ
            หน็อยแน่... ยายคุณหนูตัวแสบ มาร์คขบคิดอย่างหมั่นเขี้ยว
          “เอ๊ะแต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวนายแกล้งโยนกระเป๋าแฟงทิ้งล่ะแย่เลย” ฝากฟ้าเบี่ยงตัวดึงกระเป๋าหลบมือสุภาพบุรุษจำยอมที่เอื้อมมาช่วย พร้อมยักคิ้วป่วนอารมณ์โมโหของคนมอง
          เรียวเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาคุณหนูฟักแฟงเพื่อจะทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เด็กสาวรีบปฏิเสธเสียก่อน
          “ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ให้คุณมาดูแลความปลอดภัย ไม่ได้ให้มารับใช้แฟงเสียหน่อย แค่นี้แฟงถือได้ค่ะ” พูดแล้วก็รีบเดินตามเพลินพิศและศุภชนม์ที่หยุดยืนรออยู่ แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ฝากฟ้าก็ต้องร้องอย่างตกใจ เมื่อมีคนมาแย่งกระเป๋าจากมือเธอไป
          “ตัวแค่นี้ ถือกระเป๋าหนักๆ เดี๋ยวก็แขนหักกันพอดี” มาร์คบอก ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเดินนำหน้าไป


          ราวๆ บ่ายสองโมง เครื่องบินก็พาผู้โดยสารทั้งหมดเดินทางมาถึงสนามบินที่หมายอย่างปลอดภัย ระหว่างที่กลุ่มของเพลินพิศกำลังรอรถตู้ของกองถ่ายมารับ นางเอกสาวก็เก็บความร้อนใจไว้ไม่อยู่ เธอเพิ่งได้รับข่าววงในที่นิรันตราสามารถหลอกล่อล้วงความลับจากทรรศน์มาได้ จึงต้องหาทางคุยกับบอดี้การ์ดหนุ่มให้รู้เรื่องโดยเร็วที่สุด คิดแล้วหญิงสาวก็เดินไปประชิดตัวชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายของเธอ
          “เดี๋ยวเพิร์ลมา ขอไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อยนะคะ” เธอบอกกับทุกคน ก่อนจะแอบหยิกหลังมือของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
          เรียวไม่แปลกใจนักที่อยู่ๆ ดาราสาวก็เดินมาหยุดยืนข้างๆ แล้วทำร้ายเขาหน้าตาเฉย เพราะเขาเห็นเธอดูกระวนกระวายตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้ว และเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาเป็นสัญญาณ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น
          “ให้ผมไปเป็นเพื่อนนะครับ อยากได้กาแฟสักแก้วพอดี
          “ผมก็ด้วย” มาร์คไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูหัวใจได้ใช้เวลาลำพังกับหญิงสาว รีบเอ่ยขัดทันที
          “ไม่ต้องไปกันเยอะหรอกค่ะ จะเป็นจุดสนใจซะเปล่า เดี๋ยวเพิร์ลซื้อมาฝากก็แล้วกันค่ะ
          “งั้นให้ผมไป แล้วเรียวอยู่ที่นี่ดีกว่า เพราะคุณหนูของเขาก็ยังนั่งนี่” มาร์คหาทางออก ไม่วายว่ากระทบเด็กสาวฝากฟ้าอีกต่างหาก
          “นายอยู่ที่นี่แหละ คุณเรียวไปกับพี่เพิร์ลเถอะค่ะ คุณดูพึ่งพาได้มากกว่านายนี่ตั้งเยอะ แฟงอยู่นี่มีพี่ไก่อยู่ทั้งคน ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” ฝากฟ้าแกล้งปิดโอกาสหนุ่มลูกครึ่ง ไม่ยอมให้เขาได้ทำตามใจ
          หึ ถ้าให้เลือก... คุณเรียวดีกว่านายเป็นไหนๆ
          “งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝากแล้วกันนะ
          เพลินพิศยิ้มพอใจ ก่อนจะรีบเดินแยกออกไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มที่หมุนตัวเดินตามเธอไปติดๆ
          “ที่ห้ามไว้เพราะไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ล่ะสิ
          เมื่อคนทั้งคู่เดินแยกไปแล้ว มาร์คก็หันกลับมาต่อปากต่อคำกับเด็กสาวแทน
          “หึ คนอะไรหลงตัวเอง แฟงแค่อยากกันพี่เพิร์ลออกห่างจากตัวอันตรายอย่างนายต่างหาก” ฝากฟ้าโต้กลับเพราะนึกหมั่นไส้
          “พี่อันตราย แล้วน้องแฟงอยู่กับพี่ไม่กลัวรึไง
          ยิ่งเถียง ชายหนุ่มก็ยิ่งนึกสนุก เขยิบเข้าไปใกล้เด็กสาวแล้วแกล้งทำท่าจะโอบไหล่เธอ แต่ฝากฟ้ากลับไม่สนุกด้วย ใบหน้าซีดเผือดรีบร้องหาคนช่วย
          “พี่ไก่!”
          ฟากฝ้ารีบคว้ามือชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งอมยิ้มฟังพวกเธอทะเลาะกัน แล้วศุภชนม์ต้องหันมองหน้าเด็กสาวอย่างแปลกใจ เพราะมือของเธอทั้งเย็นและสั่น  
มาร์ค ถอยออกไปก่อน อย่าล้อเล่นแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยปรามหนุ่มลูกครึ่งเสียงเข้มขณะกุมกระชับมือเล็กไว้
          ฝ่ายหนุ่มลูกครึ่งเมื่อเห็นท่าทางขึงขังของศุภชนม์ก็นึกแปลกใจจึงก้มมองหน้าเด็กสาวให้ดี แล้วก็ได้เห็นว่าใบหน้าที่เคยยียวนนั้นขาวซีดผิดปกติ ยิ่งเมื่อได้เห็นน้ำใสๆ คลอดวงตาที่หลุบต่ำ มาร์คก็ยอมถอยห่างทันที พลางนึกสงสัย
            อะไรกัน นี่เรามันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ
          “ไม่เป็นอะไรนะ มาร์คเขาแค่ล้อเล่น” ศุภชนม์ลูบหลังมือปลอบเด็กสาว
          ความจริงแล้วฝากฟ้าเองก็เข้าใจดีว่าที่นายมาร์คทำไปเพราะต้องการแกล้งเธอ แต่มันเป็นปฏิกิริยาฉับพลันที่เธอห้ามตัวเองไม่ได้
          เด็กสาวรวบรวมความกล้า ก่อนปาดน้ำใสๆ ออกจากดวงตา ขอบคุณค่ะพี่ไก่
          รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้เจ้าของมืออบอุ่นที่กุมมือเธออยู่ ศุภชนม์ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับและไม่คิดจะถามอะไรต่อให้เด็กสาวคิดมาก
          ส่วนชายหนุ่มที่ถูกไล่ให้ถอยห่างออกไปนั้น กลับเห็นว่ารอยยิ้มที่ทั้งสองมีให้กันช่างชวนให้เขานึกขุ่นขวางขัดใจโดยไม่รู้สาเหตุ


          นางเอกสาวเพลินพิศที่แยกตัวออกมา เดินนำบอดี้การ์ดหนุ่มไปหามุมสงบหลบสายตาผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว้ ด้วยความคิดที่ยังวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของชายหนุ่ม ทำให้ไม่ทันสังเกตจุดที่เธอพาเขามาหลบให้ดีนัก
          “คุณเพิร์ลจะมาทำธุระส่วนตัวก็ไม่บอก” เรียวอมยิ้ม เมื่อหญิงสาวหยุดยืนอยู่ใกล้กับทางเข้าห้องน้ำ
          “จะบ้าเหรอฉันแค่อยากหาที่ที่คนน้อยหน่อย จะได้คุยกับคุณได้สะดวกก็เท่านั้น” โวยจบหญิงสาวก็เหลือบมองป้ายบอกทางรูปชายหญิงยืนคู่กันที่ติดอยู่ข้างผนัง ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มแทน
          “นี่คุณอยากคุยกับผมสองต่อสองขนาดนี้เชียวหรือครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหยอกหญิงสาวหน้าตาเฉย ทั้งที่รู้ดีว่าเธอมีธุระสำคัญจะพูดกับเขา
          “ไม่ต้องมาเฉไฉเลย บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าคุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่” เพลินพิศรีบเข้าประเด็น ไม่ยอมให้ชายหนุ่มพาออกนอกเรื่อง
          “ผมเป็นบอดี้การ์ด ก็มาทำงานเป็นการ์ดสิครับ
          “ระดับคุณต้องมาด้วยตัวเองเลยหรือไง” หญิงสาวยกมือกอดอก วางท่าคาดคั้น
          “งานอื่นคงไม่ แต่งานนี้ต้องเป็นผมเท่านั้น” เรียวตอบตรงๆ
          “เห็นไหมล่ะ เรื่องส่วนตัวจริงๆ ด้วย คุณอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้เรื่องที่คุณคิดจะทำ สายของฉันทำงานดีนะจะบอกให้
          เพลินพิศเพิ่งรู้เรื่องเบื้องหลังของพวกโจรจากนิรันตรา แต่ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการที่เขาลงทุนตามพวกเธอมาด้วยหรือเปล่า หรือว่าจะเกี่ยวกับสถานที่ที่เธอกำลังจะไป หญิงสาวขบคิดตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบินแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ จึงต้องเรียกเจ้าตัวมาถามให้รู้เรื่องกันไปเลย
          “คุณรู้อะไรมาครับ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่แกล้งทำเป็นรู้ แล้วมาหลอกล้วงความลับจากผมนะ” เรียวถามดักคออย่างคนรู้ทัน
          “ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ ฉันรู้ว่าคุณจับไอ้หมียักษ์ได้ แล้วสอบไปถึงตัวผู้บงการแล้วด้วย ฉันรู้หมดแล้วว่าพวกมันไม่ใช่แค่โจรกระจอกทั่วไป พวกมันคงมาเพื่อทวงของของมันคืนมากกว่า บอกฉันมาเถอะ สร้อยไข่มุกที่ฟักแฟงใส่คืนนั้นไม่ใช่แค่ไข่มุกธรรมดาใช่ไหม” หญิงสาวบอกเล่าอวดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทอย่างค้นคว้าความจริง
          “ผมขอนะครับคุณเพิร์ล คุณช่วยทำเป็นไม่รู้และให้ผมได้ทำงานของผมต่อ...” เรียวสบตาหญิงสาวเพื่อส่งความจริงจังไปให้คนตรงหน้า “...เพียงลำพัง
          “แต่ถ้าคุณไม่คิดว่าฉันเป็นตัววุ่นวายหรือทำให้งานคุณเสียหาย ฉันช่วยคุณได้นะ” เพลินพิศแสดงเจตนาดีในฐานะคนรู้จักมักคุ้น
          หากเรียวไม่ต้องการให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะมันหมายรวมถึงความปลอดภัยของเธอด้วย แล้วถ้าผมคิดว่าคุณจะวุ่นวาย เป็นตัวถ่วง และเอ่อ... ทำให้งานผมยุ่งยากขึ้นล่ะ
          “ฉะ...” เพลินพิศจะพูดแล้วก็หยุด ก่อนจะก้มมองพื้นตีหน้าเศร้าให้คนมองใจกระตุกด้วยรู้สึกผิด
          “คุณเพิร์ล...” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวตรงหน้าเสียงอ่อน
          “ฉัน...”
          เสียงพึมพำของดาราสาวดึงให้ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น จนเห็นสีหน้าผิดหวังของหญิงสาวชัดเจน ใจจึงนึกอยากถอนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ทิ้งเสียเหลือเกิน
          “ฉันจะบอกว่า ฉันไม่เชื่อ
          หญิงสาวเปลี่ยนหน้าเศร้าเป็นใบหน้ามาดมั่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าถูกเธอแกล้งป่วนเข้าให้แล้ว
            ใครกล้าพูดดูถูกฝีมือเพลินพิศก็ต้องเจอแกล้งให้เข็ดอย่างนี้ละ
          “ฉันไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำประโยชน์อะไรให้คุณไม่ได้ ฉันมั่นใจในฝีมือของตัวเองนะ และที่สำคัญ... พวกฉันรับงานนี้มาจากลุงกษมาแล้วด้วย” พูดจบก็ยักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้
          เพลินพิศยกอ้างชื่อ กษมา บิดาของนิรันตรา เขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรอิสระร่วมกวาดล้างอาชญากรรม หรือเรียกอีกชื่อว่า โออี
          “โออีรับงานนี้ด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะงานของโออีส่วนมากจะเป็นการปฏิบัติการพิเศษที่กรมตำรวจจ้างวานมาอีกที
            เป็นไปไม่ได้ที่ทางตำรวจไทยจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย
          “แล้วคุณว่าฉันเอาข้อมูลทั้งหมดมาจากไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่โออี” เพลินพิศยืนยันแล้วปั้นน้ำต่อ ลุงกษมารับเรื่องจากตำรวจมาสักพักแล้ว แต่ยังหาแผนและคนเหมาะๆ ไม่ได้ พวกฉันสี่คนก็เลยอาสา
          เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปรอ เอาน่า... ฉันว่าเรามาร่วมมือกันดีกว่า เขาว่าคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะคุณ
          เรียวมองมือบอบบางแล้วคิดใคร่ครวญอยู่นาน ก่อนจะยื่นมือไปจับมันเขย่าเบาๆ แทนการตอบตกลง
            คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะหาแผนมาตลบหลังผมได้เร็วขนาดนี้
          เมื่อโอกาสงามๆ เดินทางมาถึงมือ บอดี้การ์ดหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ ชายหนุ่มยึดมือข้างนั้นไว้แน่น แล้วดึงให้หญิงสาวเดินออกมาจากจุดที่ยืนคุยกัน
          “นี่ทำสัญญาเสร็จก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว” เพลินพิศท้วงเจ้าของมือใหญ่
          “สัญญานี้มันเรื่องใหญ่นะครับ ต้องประทับตรากันนานหน่อย” เรียวยกข้ออ้างไร้น้ำหนักบอกกับหญิงสาวก่อนจะหันหน้ามาอวดยิ้มบาง
          “ทฤษฎีไหนของคุณกัน” หญิงสาวบ่นอุบ
          “หาอะไรไปทานระหว่างทางไหมครับ เพราะกว่าจะถึงอุทยาน คงใช้เวลาสักสามชั่วโมงเห็นจะได้
          เรียวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นซุ้มกาแฟเล็กๆ ที่มีขนมวางขายอยู่หน้าร้าน
          “คุณรู้ได้ไงว่ามันจะนานขนาดนั้น
          “ไหนว่ารู้หมดแล้วไงครับ แค่ที่ที่เราจะไป คุณก็ยังไม่รู้เลย
          ชายหนุ่มกระตุกมือบางให้เธอหันมาแล้วมองด้วยสายตาจับผิด ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นสายตาของสาวรุ่นเจ้าของซุ้มกาแฟที่มองหน้าดาราสาวข้างกายเขาอย่างสนอกสนใจ บอดี้การ์ดหนุ่มจึงต้องยอมปล่อยมือที่ยึดเอาไว้ให้เป็นอิสระ
          “รู้สิ แต่ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะรู้ด้วยก็เท่านั้น” เพลินพิศอุบอิบแก้ตัว ก่อนจะหันไปส่งยิ้มเป็นมิตรให้เจ้าของร้านที่ทักเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วจึงเลือกขนมส่งให้เจ้าของร้านที่คอยรับไปให้วุ่นเพื่อหลบสายตาจับผิด
          “ไม่เยอะเกินไปหรือครับ” เรียวท้วงถามเมื่อเห็นจำนวนถุงขนมเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
          “เยอะตรงไหน ซื้อไปเผื่อคนอื่นในกองด้วย น้ำใจน่ะไม่มีคำว่าเยอะเกินหรอก” คนหยิบบอกราวกับเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อมองจำนวนขนมที่เลือกไว้ ก็ต้องรีบยั้งมือไว้แทบไม่ทัน
            เยอะจริงๆ ด้วย จะไม่เอาก็เสียหน้าแย่
          “ผมให้เขาคิดเงินเลยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มเป็นเชิงว่ารู้ทัน ก่อนจะได้เห็นอาการส่งค้อนน้อยๆ จากหญิงสาว
          เพลินพิศเชิดหน้าแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งให้สาวรุ่นเจ้าของร้านที่กำลังคิดเงินอยู่ได้แต่มองตามด้วยความเสียดาย เพราะพลาดโอกาสทองที่จะได้ถ่ายรูปคู่กับนางเอกสาวในดวงใจ


          การเดินทางด้วยรถตู้กว่าสามชั่วโมงที่ตลอดทางมีแต่เส้นทางคดเคี้ยว และเสียงต่อล้อต่อเถียงกันของฝากฟ้าและมาร์ค ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาเขม่นฝ่ายตรงข้าม และแข่งกันดึงความสนใจจากนางเอกสาวหมวยยกใหญ่ ทำเอาคนกลางอย่างเพลินพิศต้องใช้มุกแกล้งหลับเพื่อให้สงครามน้ำลายและสายตาระหว่างหนุ่มลูกครึ่งกับเด็กสาวสงบลง จนเมื่อทั้งห้าคนเดินทางมาถึงเขตอุทยานแห่งชาตินั่นละ คนที่หลับมาตลอดทางถึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสดใสไร้แววง่วงงุน
          ทีมงานชายสองสามคนมารออยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านอ่อตุง เพื่อช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้าและสัมภาระทั้งหมด ก่อนที่ทุกคนจะต้องเดินเท้าต่อเข้าไปในป่าอีกราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงหมู่บ้านอ่อตุง จุดหมายปลายทางของการถ่ายทำในวันนี้
          หมู่บ้านใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯมากที่สุดมีทีมงานในกองส่วนใหญ่และนักแสดงบางคนมาปักหลักถ่ายทำฉากต่างๆ ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วเกือบสองสัปดาห์ ส่วนน้ำตกที่ผู้กำกับ เสริมยศ หมายตาจะใช้เป็นอีกหนึ่งฉากสำคัญของเรื่อง จะต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำสายใหญ่ที่เป็นต้นน้ำของลำธารที่ไหลลงสู่หมู่บ้านอ่อตุงและอีกหลายๆ หมู่บ้านในแถบนี้ จากนั้นจึงเดินอ้อมหมู่บ้านอ่อเก๊าะขึ้นเขาไปอีกร่วมสามกิโลเมตร ถึงจะได้พบน้ำตกที่ว่าสวยและสงบ ถูกใจผู้กำกับช่างเลือกคนนี้
          เมื่อถึงหมู่บ้านอ่อตุง ทีมงานก็ช่วยกันขนสัมภาระของเหล่านักแสดงเข้าไปเก็บในกระท่อมไม้หลังเล็กที่ชาวบ้านจัดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน แม้กระท่อมทุกหลังจะถูกกองถ่ายละครเหมาจองไว้แล้วทั้งเดือน แต่บ้านพักที่มีก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนคนของกองถ่าย เหล่าดารานำทั้งหลายจึงต้องใช้บ้านพักร่วมกัน นางเอกและนางรองของเรื่องได้พักในกระท่อมขนาดกลางเพราะจะมีนักแสดงสาวอีกคนตามมาสมทบ ส่วนผู้จัดการและบอดี้การ์ดหนุ่มที่ตามมาด้วยให้พักในบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกับบ้านของสองสาว ส่วนบ้านที่อยู่ถัดออกไปเกือบติดชายป่าเป็นของพระรองลูกครึ่งที่ถูกจัดให้พักกับพระเอกหนุ่มที่เดินทางมาถึงพร้อมกองถ่ายเพื่อถ่ายทำฉากอื่นๆ ล้วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว


          กลุ่มผู้มาใหม่ ยกเว้นเรียวและศุภชนม์ที่กำลังขนสัมภาระไปเก็บไว้ในห้องด้วยตัวเอง เดินไปถึงเต็นท์ผ้าใบที่จัดไว้สำหรับเป็นครัวของกองถ่าย ทีมงานส่วนใหญ่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันอยู่คึกคัก
          “น้องมาร์ค อ้าวสาวๆ มาแล้วหรือคะ ทานข้าวเลยไหมเดี๋ยวพี่ตักให้” ช่างแต่งหน้าหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นผู้มาใหม่เดินเข้ามาในเต็นท์
          มาร์คยิ้มก่อนตอบ ขอบคุณครับ แต่ขอนิดเดียวพอ เพิ่งมาถึงเลยยังไม่ค่อยอยากอาหาร
          “แต่ของเพิร์ลขอเยอะๆ นะคะ พี่บอยสุดสวย” เพลินพิศส่งเสียงดังบอกช่างแต่งหน้าผู้มีน้ำใจ
          “แหม... ปากหวานอย่างน้องเพิร์ลพี่แถมหมูให้หลายๆ ชิ้นเลย” คนถูกชมตักกับข้าวใส่จานอย่างอารมณ์ดี 
          เมื่อวางถาดอาหารลงบนโต๊ะแล้ว สมชาย โทรโข่งประจำกองถ่ายก็เริ่มทำหน้าที่ประกาศข่าวให้กลุ่มผู้มาใหม่ได้รับฟัง
          “เห็นพวกน้องๆ มาถึงกันอย่างปลอดภัยพวกพี่ก็โล้ง... โล่งใจค่ะ นี่รู้ไหมคะ เมื่อสองวันก่อน รถกองถ่ายเกิดอุบัติเหตุ ตัวประกอบที่จะมาแสดงเป็นหมออารีแขนหัก ตอนนี้ยังเข้าเฝือกอยู่เลยค่ะ พี่ยศแกเลยวุ่นวายใหญ่เรื่องจะหาคนมาแสดงแทน เพราะอีกสองวันจะถึงกำหนดถ่ายฉากคุณหมอแล้วนี่คะ
          ช่างแต่งหน้าหนุ่มสวยนั่งลงยังไม่ถึงนาที แต่ข่าวสารในกองถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียดยิบ
          “อ้าว! พี่ไก่ มาด้วยหรือคะ น้องบอยพลาดข่าวไปได้ยังไงเนี่ย” หน่วยข่าวกรองบ่นกระเง้ากระงอด เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
          นับว่าศุภชนม์ปกปิดรสนิยมของตัวเองกับคนไม่คุ้นเคยได้แนบเนียนมากทีเดียว เพราะแม้แต่สมชายใจสมหญิงก็ยังมองตัวตนของเขาไม่ออก
          “น้องเพิร์ลมาต่างจังหวัด ผมต้องตามมาด้วยอยู่แล้ว” ศุภชนม์เดินตามมาสมทบพร้อมกับบอดี้การ์ดหนุ่ม หลังจากที่ไปสำรวจดูความเรียบร้อยของห้องพักทั้งของพวกเขาและของสองสาวมาแล้ว
          “นั่นสินะ น้องบอยก็น่าจะรู้อยู่ ไม่น่าทักให้เสียชื่อเลย” สมชายพูดพร้อมปั้นสีหน้าเสมือนว่าเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็ต้องอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังศุภชนม์ชัดๆ
          “อ้ายแล้วนั่นพาใครมาด้วยคะ หน้าใสกิ๊กแต่มาดแมนและแฮนด์ซัมมาก...” สมชายลากเสียงท้ายเพื่อยืนยันความรู้สึก พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดคำว่า น่ากิน ออกไปด้วย แต่สายตาที่ใช้จับจ้องพร้อมทอดสะพานให้นั้นก็ทำเอาเรียวรู้สึกสยดสยองอย่างไรบอกไม่ถูก
          “ผู้ชายของน้องแฟงเขา พี่น้องบอยห้ามยุ่งนะรู้ไหม” มาร์คตอบขึ้นมาแทน
          “จริงหรือคะน้องแฟง ต๊ายนี่คุณหญิงแม่ยอมให้น้องแฟงมีเพื่อนชายด้วยหรือคะ
          “ไม่ใช่อย่างที่นายมาร์คพูดนะคะ คุณแม่ให้เขามาเป็นการ์ดให้แฟงค่ะ” ฝากฟ้ารีบแก้ตัวเพราะกลัวทุกคนเข้าใจผิด เกิดให้พี่บอยแกเข้าใจอย่างนั้น ข่าวมั่วได้กระจายไปทั่วกองแน่
          “หรือคะ แหม... พี่ก็นึกว่าจะมีคู่สวีตมาทำให้กองสดชื่นขึ้นซะอีก” สมชายแซวก่อนจะร้องบอกลูกมือที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้ตักข้าวสวยร้อนๆ มาบริการสองหนุ่ม


อ่านต่อ >> ฉากที่ 10 : ดาราจำเป็น


หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ




No comments:

Post a Comment