ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ฉากที่ 9 : สู่กองถ่าย
หญิงร่างเล็กอายุสี่สิบปลายก้าวเข้ามาในห้องหัวหน้าครูฝึกของซูไรการ์ด ทำเอาคนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เหงื่อตก เพราะคาดเดาออกว่าเธอคงมาหาเขาด้วยเรื่องของชายหนุ่มที่เพิ่งออกจากห้องไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดี
“สวัสดีครับนายหญิง” เจ้าของห้องรีบลุกขึ้นค้อมศีรษะลงทำความเคารพ
“สวัสดีคุณโนดะ บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกนายหญิง ฉันไม่ใช่นายหญิงของโอตามะอีกแล้วนะ” ซาโยริแก้คำให้อดีตมือขวาของสามี ผู้เป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการพาเธอกับลูกชายหนีมาพึ่งพี่ชายของเธอที่เมืองไทย
“ไม่ว่าตอนไหน คุณซาโยริก็ยังเป็นนายหญิงของผมครับ เหมือนกับที่คุณเรียวยังคงเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สี่ของโอตามะ” โนดะยืนยันตำแหน่งของนายทั้งสองอย่างหนักแน่น
นายหญิงเพียงยิ้มบางๆ ที่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนความเชื่อมั่นของเขาได้ ก่อนจะนั่งลงแล้วจ้องหน้าคนที่เธอคิดว่าจะให้คำตอบเธอได้
“เห็นว่าพักหลังนี้เรียวมะมีงานยุ่งเหรอ ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย เหมือนว่าเรียวมะกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่... คุณก็รู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม” ซาโยริเริ่มเข้าเรื่องที่ทำให้เธอต้องมาหาอีกฝ่ายถึงที่นี่
สายตาคมกริบของหญิงร่างเล็กไม่เหลือแววของความรื่นเริงเหมือนทุกที คนถูกถามรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถโกหกอะไรคนตรงหน้าได้เลย ผู้หญิงบอบบางคนนี้ทั้งเก่งและฉลาด เธอซ่อนความเฉียบขาดเอาไว้ภายใต้รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายหญิงของแก๊งค์ยากูซ่าที่มีสาขามากมายติดอันดับหนึ่งในสามของแถบคันโตได้
“นายน้อยกำลังตามเรื่องโจรที่ขโมยเครื่องเพชรในงานที่ซูไรรับดูแลความปลอดภัยอยู่น่ะครับ” โนดะยอมเล่าเรื่องแค่ ‘บางส่วน’ เท่านั้น
“แต่ฉันว่าคงไม่ใช่แค่นั้นแน่ เล่ามาให้หมดนะ โนดะ” ซาโยริเห็นชายหนุ่มหลบตา เธอจึงถามให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ปิดบังอะไรเธอ
หัวหน้าครูฝึกหนุ่มใหญ่รีบเก็บอาการอึกอัก ก่อนจะยอมเล่าต่ออีกนิด “แค่นั้นจริงๆ ครับ นอกจากอีกเรื่องก็ที่นายน้อยจะไปเป็นการ์ดให้ดาราสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ไม่รู้ว่านายหญิงรู้หรือยัง...”
“หือ! แค่ไปเป็นการ์ด คนของเราก็มีตั้งเยอะ ทำไมต้องให้เรียวมะไปเองด้วย”
“เออ...” โนดะอ้ำอึ้ง
“จะไม่ยอมบอกฉันใช่ไหม”
หญิงสาวมองเขาแล้วแย้มรอยยิ้มที่ทำให้คนมองต้องรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
หลังจากบีบบังคับและซักถามเรื่องราวทั้งหมดจากโนดะมาได้ ซาโยริก็รีบเดินทางกลับบ้านเพื่อพูดคุยกับลูกชายให้เข้าใจก่อนที่เขาจะออกเดินทางในวันนี้
“นายน้อยครับ”
คล้อยหลังซาโยริ โนดะรีบคว้าโทรศัพท์รายงานให้เรียวทราบทันที เพื่อเตรียมตัวรับมือกับศึกหนักของมารดา
“นายหญิงมาที่บริษัท แล้วคาดคั้นถามผมเรื่องนายน้อย ผมปิดบังเธอไม่ได้จริงๆ”
“ไม่เป็นไรครับ แล้วคุณโนดะเล่าอะไรให้แม่ฟังบ้าง”
โนดะหลุดปากเล่าไปเพียงแค่เรื่องที่จะไม่กระทบใจซาโยริเท่านั้น ด้านเรียวเองก็เข้าใจนิสัยของมารดาดี จึงบอกให้ผู้ที่เขานับถือเสมือนเป็นญาติคนหนึ่งได้เบาใจ
“ถ้าแค่เรื่องโจรคราวนั้นกับเรื่องของคุเรไนคงไม่เป็นไรหรอกครับ แต่แม่ยังไม่รู้เรื่องที่โอตามะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยใช่ไหม”
“ยังครับ”
“งั้นก็ดีแล้ว ยังไงก็ฝากเรื่องทางนี้ด้วยนะครับ ผมจะเดินทางวันนี้แล้ว และจะติดต่อกลับมาเป็นระยะ”
“วางใจได้ครับนายน้อย” โนดะรับคำหนักแน่นก่อนวางสายโทรศัพท์
ตั้งแต่ซาโยริพาลูกชายหนีมาถึงเมืองไทย ก็ได้ ‘คาโม’ พี่ชายของเธอช่วยปิดข่าวและคอยให้ความคุ้มครอง ดูแลปกป้องพวกเธอจากกลุ่มคนที่คอยตามล่าหมายจะกำจัดทายาทและชวงชิงเอาแหวนประจำตระกูลโอตามะกลับไปให้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบยิงแสนอุกอาจครั้งนั้นให้จงได้
‘ทินกร’ นายใหญ่ของแสงสุรียฉัตรที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดก็ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ด้วยการอนุญาตให้คาโมดำเนินการคุ้มครองซาโยริและลูกชายภายใต้ชื่อซันไรส์กรุ๊ป เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันพวกเธอด้วยอีกแรง และเพราะสาเหตุนี้ จึงทำให้พวกคุเรไนต้องยอมถอนกำลังออกจากเมืองไทยในที่สุด ตั้งแต่นั้นมา อดีตนายหญิงของตระกูลโอตามะก็ตัดสินใจปล่อยวางเรื่องเลวร้ายทุกอย่างไว้ที่ญี่ปุ่น และเริ่มต้นใช้ชีวิตเรียบง่ายที่เมืองไทย... แต่เธอสังหรณ์ใจว่าจากนี้ไปเรื่องราวทั้งหมดอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว
ซาโยริกลับมาถึงบ้านก็รีบตรงไปหาลูกชายในห้องนอนทันที
“เรียวมะ ให้แม่เข้าไปนะ” เธอเคาะประตูก่อนจะเปิดออกและเดินเข้าไป
ชายหนุ่มละมือจากการจัดกระเป๋าบนเตียงเงยหน้าขึ้นมาถาม “แม่มีอะไรหรือครับ”
ซาโยริมองเป้สนามสีดำใบโตของลูกชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงเรียบ “นี่ลูกกำลังจะไปไหนจ๊ะ”
“ไปทำงานเหมือนทุกทีแหละครับแม่”
ซาโยริเลิกคิ้ว “นี่ลูกคิดว่าแม่ไม่รู้หรือไง ว่าเรื่องโจรขโมยเพชรน่ะ มันเกี่ยวข้องกับพวกคุเรไนด้วย ทำไมถึงยังปิดบังแม่อยู่”
“ผมไม่อยากให้แม่รู้แล้วเก็บไปคิดมากนี่ครับ” เรียวพยายามปลอบให้มารดาเลิกกังวล
“จะไม่ให้แม่คิดมากได้ยังไง ในเมื่อลูกคิดจะเอาเรื่องพวกโจรนั่นด้วยตัวเอง ก็เหมือนจะไปต่อกรกับแก๊งค์ใหญ่ขนาดนั้น นี่ลูกยังไม่ลืมเรื่องที่คุเรไนทำกับเรา ยังคิดอยากจะแก้แค้นพวกนั้นอยู่ใช่ไหม”
เรียวได้ยินคำถามก็นิ่งไป ชายหนุ่มอยากตอบให้มารดาสบายใจเหลือเกิน ว่าเขาทำใจได้และยอมให้อภัยพวกมันแล้ว แต่เขาทำไม่ได้ เพราะลึกๆ แล้วเขายังไม่ให้อภัยใครก็ตามที่ทำให้พ่อของเขาต้องตาย และรู้สึกอยากแก้แค้นคนที่มาทำลายครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขาอยู่เสมอ
“เรียวมะ...” ซาโยริเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนระคนอ่อนใจ “ลูกจะมีความสุขที่แท้จริงได้ยังไง ถ้าลูกยังเก็บความทุกข์เอาไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา”
“แม่ไม่โกรธ ไม่อยากให้พวกคุเรไนได้รับผิดชอบในสิ่งที่มันทำไว้กับเราหรือครับ” แววตาของเรียวฉาบฉายความแข็งกระด้างในยามที่เอ่ยถึงคู่แค้น
“โกรธสิ แต่แม่ไม่ยอมให้มันกลายเป็นความแค้น... ลูกคิดว่าพ่อเขาจะนอนตายตาหลับได้ยังไง ถ้ารู้ว่าลูกชายที่เขารักยังใช้ชีวิตอยู่กับความโกรธแค้นจนหาความสุขไม่ได้ ทำไมไม่ปล่อยอดีตให้ผ่านไปเสียเรียวมะ แล้วใช้ชีวิตทุกวันของเราให้มีความสุข สุข...เผื่อในส่วนของพ่อที่ตายไปก่อนด้วย”
ซาโยริมองเหม่อไปยังรูปถ่ายครอบครัวที่ตั้งอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ก็เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของ ‘เกนโซ’ สามีผู้เป็นที่รักกับลูกชายในวัยเด็กมองกลับมา ยิ่งเห็นก็ยิ่งคิดถึง
“ครั้งนี้ผมสัญญาครับแม่ว่าทุกอย่างจะจบด้วยดี แล้วก็จะรีบกลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเผื่อพ่อด้วยกัน... นะครับ”
เรียวกุมมือเล็กบางของมารดาไว้และให้คำสัญญาหนักแน่น
“เร็วสิพี่ไก่!”
เพลินพิศเร่งชายหนุ่มที่กำลังยกกระเป๋าสัมภาระลงมาจากท้ายรถแท็กซี่ ก่อนจะคว้าเป้ใบใหญ่สะพายบ่าแล้วเดินตัวปลิวผ่านเข้าประตูของสนามบินไป
“จะรีบอะไรนักหนา ยังไม่ถึงเวลานัดเลย เรามากันถึงคนแรกด้วยซ้ำมั้งเนี่ย” ศุภชนม์ค่อยๆ เดินตามสาวร่างบางไปอย่างใจเย็น
“คนแรกที่ไหน ดูโน่น...”
หญิงสาวที่เดินนำชี้ไปทางกลุ่มสาวๆ ที่รุมขอถ่ายรูปหนุ่มลูกครึ่งอยู่ พอเขาหันมาเห็น ก็ขอปลีกตัวจากแฟนๆ แล้วเดินเข้ามาทักหญิงสาวทันที
“มาเร็วจังนะครับคุณเพิร์ล”
“แต่ไม่เท่าคุณหรอกคะ” เพลินพิศตอบกลับก่อนจะวางกระเป๋าแล้วนั่งรอคนอื่นๆ
“ผมคงตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับคุณอีกครั้งมั้งครับ” ชายหนุ่มเตรียมจะนั่งลงข้างหญิงสาว แต่ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“พี่เพิร์ล! ไม่เจอซะนานเลย” ฝากฟ้าเดินยิ้มมาแต่ไกล ก่อนจะเบียดตัวเข้ามานั่งปุบนเก้าอี้ที่เป็นเป้าหมายของหนุ่มลูกครึ่งได้อย่างพอดิบพอดี
“สองวันเองนะฟักแฟง” เพิร์ลพิศยิ้มแล้วตอบเด็กสาว ก่อนจะกลั้นขำเมื่อเห็นสีหน้าของคนถูกแย่งที่
“แต่เป็นสองวันที่น่าเบื่อสุดๆ เลยค่ะ เพราะแม่ไม่ยอมให้แฟงไปไหนคนเดียวเลย ออกกองคราวนี้ก็ด้วย...” ฝากฟ้าย่นจมูกบ่นอย่างเบื่อหน่าย
“มาถึงก็คุยกันแค่สองคน ไม่สนใจผมเลยนะครับน้องแฟง” ชายหนุ่มที่ถูกคนมาใหม่นั่งหันหลังกันเขาออกจากวงสนทนาเรียกร้องความสนใจ
“นายมีอะไรดีให้ต้องสนใจด้วยหรือไง” ฝากฟ้าหันกลับไปรวนใส่ด้วยความรำคาญ แต่แล้วต้องสะดุ้งเขยิบหนีเมื่อเขาโน้มตัวมาใกล้
“ผมมีดีเยอะแยะไป คุณหนูฟักแฟงมองไม่เห็นเองมากกว่า แต่น้องแฟงไม่เห็นไม่เป็นไร ให้คุณเพิร์ลมองเห็นก็พอครับ” ประโยคแรกตอบยียวน แต่ประโยคหลังหันไปทางสาวหมวยพูดจริงจัง
“เชอะ! จะเป็นใครก็หาไม่เจอทั้งนั้นแหละ”
ฝากฟ้าสะบัดหน้าหนี ทำให้หันไปเห็นสองหนุ่มตัวโตที่กำลังเดินเข้ามา
“นั่นไงคะพี่เพิร์ล ผู้คุมของแฟงที่คุณแม่จ้างมา”
ตั้งแต่เกิดเรื่องลักพาตัว คุณหญิงฝันฟ้าก็คิดเป็นห่วงลูกสาวคนเดียวไปสะระตะ และทางเดียวที่คุณหญิงจะวางใจให้ฝากฟ้าไปทำงานห่างไกลตาก็คือ การมีบอดี้การ์ดฝีมือดีที่เชื่อใจได้คอยตามไปดูแลอย่างใกล้ชิด
“เอ๊ะ! นั่นมันคุณเรียวนี่” เพลินพิศแปลกใจที่เห็นบอดี้การ์ดหนุ่มมาดนิ่งจากแดนปลาดิบกลายมาเป็นผู้คุมของฝากฟ้าไปได้
เมื่อวานยังเจอกันอยู่เลย แล้วเขาแบ่งภาคไปเฝ้าน้องแฟงได้ยังไงนะ
“ที่เดินข้างๆ คุณเรียวไงคะ ผู้คุมของแฟง” ฝากฟ้าทำหน้าเบื่อโลกเมื่อได้เห็นองครักษ์มาดเข้มของตัวเอง
เมื่อสองหนุ่มผู้มาใหม่เดินมาถึง ชายคนที่ฝากฟ้าบอกว่าเป็นผู้คุมก็วางกระเป๋าใบใหญ่ของเด็กสาวลงเบื้องหน้าเจ้าของ ก่อนจะค้อมศีรษะลาแล้วเดินจากไปทันที ในขณะที่อีกหนึ่งหนุ่มนั้นยังยืนนิ่งอยู่
“แล้วนั่นเขาจะไปไหนคะ” ฝากฟ้ามองตามผู้คุมที่ช่างเก็บปากเก็บคำ ก่อนจะหันมาถามเรียว
“จากนี้ไปจะมีการเปลี่ยนตัวครับ” เรียวตอบคำถามสั้นๆ แล้วหันไปสบสายตาช่างสงสัยของหญิงสาวอีกคน “มีอะไรหรือครับคุณเพิร์ล”
“อ่อ! เปล่าค่ะ แค่คิดว่าคุณนี่ขยันรับงานดีจริงๆ” เพลินพิศสะดุ้งปฏิเสธเสียงสูง ก่อนจะรีบแก้ตัว
“ถ้าคุณไม่ชอบคนขยัน ผมจะรับงานให้น้อยลงก็ได้นะครับ”
คำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มทำให้มาร์คที่นั่งอยู่ต้องลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันมามองตาขวาง และเริ่มออกอาการเขม่นนายบอดี้การ์ดขึ้นมาทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีคู่แข่งหัวใจเพิ่มมาอีกคน
“จะรับมากรับน้อยมันเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย” เพลินพิศบอกนิ่งๆ เพื่อปกปิดอาการขัดเขิน
หรือที่เขาบอกว่าจะจีบ จะเป็นเรื่องจริงนะ หญิงสาวใจกระตุกวาบเมื่อย้อนนึกถึงคำพูดของบอดี้การ์ดหนุ่มที่เคยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ได้เวลาแล้วล่ะ ไปขึ้นเครื่องกันเถอะ” ศุภชนม์ก้มมองเวลาแล้วเร่งกับทุกคน
“ค่ะ” เพลินพิศรับคำเป็นคนแรกด้วยความกระตือรือร้น กำลังจะก้มไปคว้ากระเป๋าสะพายใบใหญ่แต่ก็มีมือหนึ่งยื่นมาตัดหน้าเสียก่อน
“ให้ผมช่วยถือนะครับ” มาร์คอาสาแข็งขัน
“อย่าลำบากเลยครับ ของน้องเพิร์ลผมจัดการได้”
ศุภชนม์ขัดขึ้น เมื่อเห็นเพลินพิศส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เขาแสดงบทเดิมที่เคยเล่น หนุ่มลูกครึ่งจำต้องยอมปล่อยมืออย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“ถ้าอยากทำตัวเป็นคนดีมากนักก็เอาของแฟงไปแล้วกัน”
ฝากฟ้าฉวยกระเป๋าของเธอจากมือบอดี้การ์ดหนุ่มแล้วยื่นให้คนหวังดีพร้อมรอยยิ้มยียวน
“เพราะคุณเรียวต้องดูแลความปลอดภัยให้แฟง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะได้ไม่เกะกะ”
หน็อยแน่... ยายคุณหนูตัวแสบ มาร์คขบคิดอย่างหมั่นเขี้ยว
“เอ๊ะ! แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวนายแกล้งโยนกระเป๋าแฟงทิ้งล่ะแย่เลย” ฝากฟ้าเบี่ยงตัวดึงกระเป๋าหลบมือสุภาพบุรุษจำยอมที่เอื้อมมาช่วย พร้อมยักคิ้วป่วนอารมณ์โมโหของคนมอง
เรียวเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาคุณหนูฟักแฟงเพื่อจะทำหน้าที่ของตัวเอง แต่เด็กสาวรีบปฏิเสธเสียก่อน
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณแม่ให้คุณมาดูแลความปลอดภัย ไม่ได้ให้มารับใช้แฟงเสียหน่อย แค่นี้แฟงถือได้ค่ะ” พูดแล้วก็รีบเดินตามเพลินพิศและศุภชนม์ที่หยุดยืนรออยู่ แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ฝากฟ้าก็ต้องร้องอย่างตกใจ เมื่อมีคนมาแย่งกระเป๋าจากมือเธอไป
“ตัวแค่นี้ ถือกระเป๋าหนักๆ เดี๋ยวก็แขนหักกันพอดี” มาร์คบอก ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋าเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเดินนำหน้าไป
ราวๆ บ่ายสองโมง เครื่องบินก็พาผู้โดยสารทั้งหมดเดินทางมาถึงสนามบินที่หมายอย่างปลอดภัย ระหว่างที่กลุ่มของเพลินพิศกำลังรอรถตู้ของกองถ่ายมารับ นางเอกสาวก็เก็บความร้อนใจไว้ไม่อยู่ เธอเพิ่งได้รับข่าววงในที่นิรันตราสามารถหลอกล่อล้วงความลับจากทรรศน์มาได้ จึงต้องหาทางคุยกับบอดี้การ์ดหนุ่มให้รู้เรื่องโดยเร็วที่สุด คิดแล้วหญิงสาวก็เดินไปประชิดตัวชายหนุ่มผู้เป็นเป้าหมายของเธอ
“เดี๋ยวเพิร์ลมา ขอไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อยนะคะ” เธอบอกกับทุกคน ก่อนจะแอบหยิกหลังมือของชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
เรียวไม่แปลกใจนักที่อยู่ๆ ดาราสาวก็เดินมาหยุดยืนข้างๆ แล้วทำร้ายเขาหน้าตาเฉย เพราะเขาเห็นเธอดูกระวนกระวายตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้ว และเมื่อเห็นสายตาที่ส่งมาเป็นสัญญาณ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนนะครับ อยากได้กาแฟสักแก้วพอดี”
“ผมก็ด้วย” มาร์คไม่ยอมปล่อยให้ศัตรูหัวใจได้ใช้เวลาลำพังกับหญิงสาว รีบเอ่ยขัดทันที
“ไม่ต้องไปกันเยอะหรอกค่ะ จะเป็นจุดสนใจซะเปล่า เดี๋ยวเพิร์ลซื้อมาฝากก็แล้วกันค่ะ”
“งั้นให้ผมไป แล้วเรียวอยู่ที่นี่ดีกว่า เพราะคุณหนูของเขาก็ยังนั่งนี่” มาร์คหาทางออก ไม่วายว่ากระทบเด็กสาวฝากฟ้าอีกต่างหาก
“นายอยู่ที่นี่แหละ คุณเรียวไปกับพี่เพิร์ลเถอะค่ะ คุณดูพึ่งพาได้มากกว่านายนี่ตั้งเยอะ แฟงอยู่นี่มีพี่ไก่อยู่ทั้งคน ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” ฝากฟ้าแกล้งปิดโอกาสหนุ่มลูกครึ่ง ไม่ยอมให้เขาได้ทำตามใจ
หึ ถ้าให้เลือก... คุณเรียวดีกว่านายเป็นไหนๆ
“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝากแล้วกันนะ”
เพลินพิศยิ้มพอใจ ก่อนจะรีบเดินแยกออกไปอย่างรวดเร็ว ตามด้วยบอดี้การ์ดหนุ่มที่หมุนตัวเดินตามเธอไปติดๆ
“ที่ห้ามไว้เพราะไม่อยากอยู่ห่างจากพี่ล่ะสิ”
เมื่อคนทั้งคู่เดินแยกไปแล้ว มาร์คก็หันกลับมาต่อปากต่อคำกับเด็กสาวแทน
“หึ คนอะไรหลงตัวเอง แฟงแค่อยากกันพี่เพิร์ลออกห่างจากตัวอันตรายอย่างนายต่างหาก” ฝากฟ้าโต้กลับเพราะนึกหมั่นไส้
“พี่อันตราย แล้วน้องแฟงอยู่กับพี่ไม่กลัวรึไง”
ยิ่งเถียง ชายหนุ่มก็ยิ่งนึกสนุก เขยิบเข้าไปใกล้เด็กสาวแล้วแกล้งทำท่าจะโอบไหล่เธอ แต่ฝากฟ้ากลับไม่สนุกด้วย ใบหน้าซีดเผือดรีบร้องหาคนช่วย
“พี่ไก่!”
ฟากฝ้ารีบคว้ามือชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งอมยิ้มฟังพวกเธอทะเลาะกัน แล้วศุภชนม์ต้องหันมองหน้าเด็กสาวอย่างแปลกใจ เพราะมือของเธอทั้งเย็นและสั่น
“มาร์ค ถอยออกไปก่อน อย่าล้อเล่นแบบนี้” ผู้จัดการหนุ่มเอ่ยปรามหนุ่มลูกครึ่งเสียงเข้มขณะกุมกระชับมือเล็กไว้
ฝ่ายหนุ่มลูกครึ่งเมื่อเห็นท่าทางขึงขังของศุภชนม์ก็นึกแปลกใจจึงก้มมองหน้าเด็กสาวให้ดี แล้วก็ได้เห็นว่าใบหน้าที่เคยยียวนนั้นขาวซีดผิดปกติ ยิ่งเมื่อได้เห็นน้ำใสๆ คลอดวงตาที่หลุบต่ำ มาร์คก็ยอมถอยห่างทันที พลางนึกสงสัย
อะไรกัน นี่เรามันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ
“ไม่เป็นอะไรนะ มาร์คเขาแค่ล้อเล่น” ศุภชนม์ลูบหลังมือปลอบเด็กสาว
ความจริงแล้วฝากฟ้าเองก็เข้าใจดีว่าที่นายมาร์คทำไปเพราะต้องการแกล้งเธอ แต่มันเป็นปฏิกิริยาฉับพลันที่เธอห้ามตัวเองไม่ได้
เด็กสาวรวบรวมความกล้า ก่อนปาดน้ำใสๆ ออกจากดวงตา “ขอบคุณค่ะพี่ไก่”
รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้เจ้าของมืออบอุ่นที่กุมมือเธออยู่ ศุภชนม์ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับและไม่คิดจะถามอะไรต่อให้เด็กสาวคิดมาก
ส่วนชายหนุ่มที่ถูกไล่ให้ถอยห่างออกไปนั้น กลับเห็นว่ารอยยิ้มที่ทั้งสองมีให้กันช่างชวนให้เขานึกขุ่นขวางขัดใจโดยไม่รู้สาเหตุ
นางเอกสาวเพลินพิศที่แยกตัวออกมา เดินนำบอดี้การ์ดหนุ่มไปหามุมสงบหลบสายตาผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว้ ด้วยความคิดที่ยังวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องของชายหนุ่ม ทำให้ไม่ทันสังเกตจุดที่เธอพาเขามาหลบให้ดีนัก
“คุณเพิร์ลจะมาทำธุระส่วนตัวก็ไม่บอก” เรียวอมยิ้ม เมื่อหญิงสาวหยุดยืนอยู่ใกล้กับทางเข้าห้องน้ำ
“จะบ้าเหรอ! ฉันแค่อยากหาที่ที่คนน้อยหน่อย จะได้คุยกับคุณได้สะดวกก็เท่านั้น” โวยจบหญิงสาวก็เหลือบมองป้ายบอกทางรูปชายหญิงยืนคู่กันที่ติดอยู่ข้างผนัง ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วหันมาจ้องหน้าชายหนุ่มแทน
“นี่คุณอยากคุยกับผมสองต่อสองขนาดนี้เชียวหรือครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มหยอกหญิงสาวหน้าตาเฉย ทั้งที่รู้ดีว่าเธอมีธุระสำคัญจะพูดกับเขา
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลย บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าคุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่” เพลินพิศรีบเข้าประเด็น ไม่ยอมให้ชายหนุ่มพาออกนอกเรื่อง
“ผมเป็นบอดี้การ์ด ก็มาทำงานเป็นการ์ดสิครับ”
“ระดับคุณต้องมาด้วยตัวเองเลยหรือไง” หญิงสาวยกมือกอดอก วางท่าคาดคั้น
“งานอื่นคงไม่ แต่งานนี้ต้องเป็นผมเท่านั้น” เรียวตอบตรงๆ
“เห็นไหมล่ะ เรื่องส่วนตัวจริงๆ ด้วย คุณอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้เรื่องที่คุณคิดจะทำ สายของฉันทำงานดีนะจะบอกให้”
เพลินพิศเพิ่งรู้เรื่องเบื้องหลังของพวกโจรจากนิรันตรา แต่ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับการที่เขาลงทุนตามพวกเธอมาด้วยหรือเปล่า หรือว่าจะเกี่ยวกับสถานที่ที่เธอกำลังจะไป หญิงสาวขบคิดตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่องบินแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ จึงต้องเรียกเจ้าตัวมาถามให้รู้เรื่องกันไปเลย
“คุณรู้อะไรมาครับ ไม่ใช่ว่าไม่รู้ แต่แกล้งทำเป็นรู้ แล้วมาหลอกล้วงความลับจากผมนะ” เรียวถามดักคออย่างคนรู้ทัน
“ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ ฉันรู้ว่าคุณจับไอ้หมียักษ์ได้ แล้วสอบไปถึงตัวผู้บงการแล้วด้วย ฉันรู้หมดแล้วว่าพวกมันไม่ใช่แค่โจรกระจอกทั่วไป พวกมันคงมาเพื่อทวงของของมันคืนมากกว่า บอกฉันมาเถอะ สร้อยไข่มุกที่ฟักแฟงใส่คืนนั้นไม่ใช่แค่ไข่มุกธรรมดาใช่ไหม” หญิงสาวบอกเล่าอวดทุกอย่างที่เธอได้รู้มา ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทอย่างค้นคว้าความจริง
“ผมขอนะครับคุณเพิร์ล คุณช่วยทำเป็นไม่รู้และให้ผมได้ทำงานของผมต่อ...” เรียวสบตาหญิงสาวเพื่อส่งความจริงจังไปให้คนตรงหน้า “...เพียงลำพัง”
“แต่ถ้าคุณไม่คิดว่าฉันเป็นตัววุ่นวายหรือทำให้งานคุณเสียหาย ฉันช่วยคุณได้นะ” เพลินพิศแสดงเจตนาดีในฐานะคนรู้จักมักคุ้น
หากเรียวไม่ต้องการให้เธอเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะมันหมายรวมถึงความปลอดภัยของเธอด้วย “แล้วถ้าผมคิดว่าคุณจะวุ่นวาย เป็นตัวถ่วง และเอ่อ... ทำให้งานผมยุ่งยากขึ้นล่ะ”
“ฉะ...” เพลินพิศจะพูดแล้วก็หยุด ก่อนจะก้มมองพื้นตีหน้าเศร้าให้คนมองใจกระตุกด้วยรู้สึกผิด
“คุณเพิร์ล...” ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวตรงหน้าเสียงอ่อน
“ฉัน...”
เสียงพึมพำของดาราสาวดึงให้ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น จนเห็นสีหน้าผิดหวังของหญิงสาวชัดเจน ใจจึงนึกอยากถอนคำพูดของตัวเองเมื่อครู่ทิ้งเสียเหลือเกิน
“ฉันจะบอกว่า ฉันไม่เชื่อ”
หญิงสาวเปลี่ยนหน้าเศร้าเป็นใบหน้ามาดมั่นเมื่อเงยหน้าขึ้นมา ทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวว่าถูกเธอแกล้งป่วนเข้าให้แล้ว
ใครกล้าพูดดูถูกฝีมือเพลินพิศก็ต้องเจอแกล้งให้เข็ดอย่างนี้ละ
“ฉันไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำประโยชน์อะไรให้คุณไม่ได้ ฉันมั่นใจในฝีมือของตัวเองนะ และที่สำคัญ... พวกฉันรับงานนี้มาจากลุงกษมาแล้วด้วย” พูดจบก็ยักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้
เพลินพิศยกอ้างชื่อ ‘กษมา’ บิดาของนิรันตรา เขาเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งองค์กรอิสระร่วมกวาดล้างอาชญากรรม หรือเรียกอีกชื่อว่า ‘โออี’
“โออีรับงานนี้ด้วยหรือครับ” ชายหนุ่มแปลกใจ เพราะงานของโออีส่วนมากจะเป็นการปฏิบัติการพิเศษที่กรมตำรวจจ้างวานมาอีกที
เป็นไปไม่ได้ที่ทางตำรวจไทยจะรู้เรื่องเร็วขนาดนี้ ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย
“แล้วคุณว่าฉันเอาข้อมูลทั้งหมดมาจากไหนล่ะ ถ้าไม่ใช่โออี” เพลินพิศยืนยันแล้วปั้นน้ำต่อ “ลุงกษมารับเรื่องจากตำรวจมาสักพักแล้ว แต่ยังหาแผนและคนเหมาะๆ ไม่ได้ พวกฉันสี่คนก็เลยอาสา”
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปรอ “เอาน่า... ฉันว่าเรามาร่วมมือกันดีกว่า เขาว่าคนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายนะคุณ”
เรียวมองมือบอบบางแล้วคิดใคร่ครวญอยู่นาน ก่อนจะยื่นมือไปจับมันเขย่าเบาๆ แทนการตอบตกลง
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะหาแผนมาตลบหลังผมได้เร็วขนาดนี้
เมื่อโอกาสงามๆ เดินทางมาถึงมือ บอดี้การ์ดหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ ชายหนุ่มยึดมือข้างนั้นไว้แน่น แล้วดึงให้หญิงสาวเดินออกมาจากจุดที่ยืนคุยกัน
“นี่! ทำสัญญาเสร็จก็ปล่อยมือฉันได้แล้ว” เพลินพิศท้วงเจ้าของมือใหญ่
“สัญญานี้มันเรื่องใหญ่นะครับ ต้องประทับตรากันนานหน่อย” เรียวยกข้ออ้างไร้น้ำหนักบอกกับหญิงสาวก่อนจะหันหน้ามาอวดยิ้มบาง
“ทฤษฎีไหนของคุณกัน” หญิงสาวบ่นอุบ
“หาอะไรไปทานระหว่างทางไหมครับ เพราะกว่าจะถึงอุทยาน คงใช้เวลาสักสามชั่วโมงเห็นจะได้”
เรียวเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นซุ้มกาแฟเล็กๆ ที่มีขนมวางขายอยู่หน้าร้าน
“คุณรู้ได้ไงว่ามันจะนานขนาดนั้น”
“ไหนว่ารู้หมดแล้วไงครับ แค่ที่ที่เราจะไป คุณก็ยังไม่รู้เลย”
ชายหนุ่มกระตุกมือบางให้เธอหันมาแล้วมองด้วยสายตาจับผิด ก่อนหางตาจะเหลือบไปเห็นสายตาของสาวรุ่นเจ้าของซุ้มกาแฟที่มองหน้าดาราสาวข้างกายเขาอย่างสนอกสนใจ บอดี้การ์ดหนุ่มจึงต้องยอมปล่อยมือที่ยึดเอาไว้ให้เป็นอิสระ
“รู้สิ แต่ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าคุณจะรู้ด้วยก็เท่านั้น” เพลินพิศอุบอิบแก้ตัว ก่อนจะหันไปส่งยิ้มเป็นมิตรให้เจ้าของร้านที่ทักเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วจึงเลือกขนมส่งให้เจ้าของร้านที่คอยรับไปให้วุ่นเพื่อหลบสายตาจับผิด
“ไม่เยอะเกินไปหรือครับ” เรียวท้วงถามเมื่อเห็นจำนวนถุงขนมเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีทีท่าจะหยุด
“เยอะตรงไหน ซื้อไปเผื่อคนอื่นในกองด้วย น้ำใจน่ะไม่มีคำว่าเยอะเกินหรอก” คนหยิบบอกราวกับเห็นเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อมองจำนวนขนมที่เลือกไว้ ก็ต้องรีบยั้งมือไว้แทบไม่ทัน
เยอะจริงๆ ด้วย จะไม่เอาก็เสียหน้าแย่
“ผมให้เขาคิดเงินเลยนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มเป็นเชิงว่ารู้ทัน ก่อนจะได้เห็นอาการส่งค้อนน้อยๆ จากหญิงสาว
เพลินพิศเชิดหน้าแล้วเดินหนีไปทันที ทิ้งให้สาวรุ่นเจ้าของร้านที่กำลังคิดเงินอยู่ได้แต่มองตามด้วยความเสียดาย เพราะพลาดโอกาสทองที่จะได้ถ่ายรูปคู่กับนางเอกสาวในดวงใจ
การเดินทางด้วยรถตู้กว่าสามชั่วโมงที่ตลอดทางมีแต่เส้นทางคดเคี้ยว และเสียงต่อล้อต่อเถียงกันของฝากฟ้าและมาร์ค ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาเขม่นฝ่ายตรงข้าม และแข่งกันดึงความสนใจจากนางเอกสาวหมวยยกใหญ่ ทำเอาคนกลางอย่างเพลินพิศต้องใช้มุกแกล้งหลับเพื่อให้สงครามน้ำลายและสายตาระหว่างหนุ่มลูกครึ่งกับเด็กสาวสงบลง จนเมื่อทั้งห้าคนเดินทางมาถึงเขตอุทยานแห่งชาตินั่นละ คนที่หลับมาตลอดทางถึงได้ลืมตาขึ้นมาอย่างสดใสไร้แววง่วงงุน
ทีมงานชายสองสามคนมารออยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านอ่อตุง เพื่อช่วยขนกระเป๋าเสื้อผ้าและสัมภาระทั้งหมด ก่อนที่ทุกคนจะต้องเดินเท้าต่อเข้าไปในป่าอีกราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงหมู่บ้านอ่อตุง จุดหมายปลายทางของการถ่ายทำในวันนี้
หมู่บ้านใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่ทำการอุทยานฯมากที่สุดมีทีมงานในกองส่วนใหญ่และนักแสดงบางคนมาปักหลักถ่ายทำฉากต่างๆ ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วเกือบสองสัปดาห์ ส่วนน้ำตกที่ผู้กำกับ ‘เสริมยศ’ หมายตาจะใช้เป็นอีกหนึ่งฉากสำคัญของเรื่อง จะต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามเส้นทางเลียบแม่น้ำสายใหญ่ที่เป็นต้นน้ำของลำธารที่ไหลลงสู่หมู่บ้านอ่อตุงและอีกหลายๆ หมู่บ้านในแถบนี้ จากนั้นจึงเดินอ้อมหมู่บ้านอ่อเก๊าะขึ้นเขาไปอีกร่วมสามกิโลเมตร ถึงจะได้พบน้ำตกที่ว่าสวยและสงบ ถูกใจผู้กำกับช่างเลือกคนนี้
เมื่อถึงหมู่บ้านอ่อตุง ทีมงานก็ช่วยกันขนสัมภาระของเหล่านักแสดงเข้าไปเก็บในกระท่อมไม้หลังเล็กที่ชาวบ้านจัดไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน แม้กระท่อมทุกหลังจะถูกกองถ่ายละครเหมาจองไว้แล้วทั้งเดือน แต่บ้านพักที่มีก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนคนของกองถ่าย เหล่าดารานำทั้งหลายจึงต้องใช้บ้านพักร่วมกัน นางเอกและนางรองของเรื่องได้พักในกระท่อมขนาดกลางเพราะจะมีนักแสดงสาวอีกคนตามมาสมทบ ส่วนผู้จัดการและบอดี้การ์ดหนุ่มที่ตามมาด้วยให้พักในบ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกับบ้านของสองสาว ส่วนบ้านที่อยู่ถัดออกไปเกือบติดชายป่าเป็นของพระรองลูกครึ่งที่ถูกจัดให้พักกับพระเอกหนุ่มที่เดินทางมาถึงพร้อมกองถ่ายเพื่อถ่ายทำฉากอื่นๆ ล้วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว
กลุ่มผู้มาใหม่ ยกเว้นเรียวและศุภชนม์ที่กำลังขนสัมภาระไปเก็บไว้ในห้องด้วยตัวเอง เดินไปถึงเต็นท์ผ้าใบที่จัดไว้สำหรับเป็นครัวของกองถ่าย ทีมงานส่วนใหญ่กำลังนั่งทานมื้อเย็นกันอยู่คึกคัก
“น้องมาร์ค อ้าว! สาวๆ มาแล้วหรือคะ ทานข้าวเลยไหมเดี๋ยวพี่ตักให้” ช่างแต่งหน้าหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นผู้มาใหม่เดินเข้ามาในเต็นท์
มาร์คยิ้มก่อนตอบ “ขอบคุณครับ แต่ขอนิดเดียวพอ เพิ่งมาถึงเลยยังไม่ค่อยอยากอาหาร”
“แต่ของเพิร์ลขอเยอะๆ นะคะ พี่บอยสุดสวย” เพลินพิศส่งเสียงดังบอกช่างแต่งหน้าผู้มีน้ำใจ
“แหม... ปากหวานอย่างน้องเพิร์ลพี่แถมหมูให้หลายๆ ชิ้นเลย” คนถูกชมตักกับข้าวใส่จานอย่างอารมณ์ดี
เมื่อวางถาดอาหารลงบนโต๊ะแล้ว ‘สมชาย’ โทรโข่งประจำกองถ่ายก็เริ่มทำหน้าที่ประกาศข่าวให้กลุ่มผู้มาใหม่ได้รับฟัง
“เห็นพวกน้องๆ มาถึงกันอย่างปลอดภัยพวกพี่ก็โล้ง... โล่งใจค่ะ นี่รู้ไหมคะ เมื่อสองวันก่อน รถกองถ่ายเกิดอุบัติเหตุ ตัวประกอบที่จะมาแสดงเป็นหมออารีแขนหัก ตอนนี้ยังเข้าเฝือกอยู่เลยค่ะ พี่ยศแกเลยวุ่นวายใหญ่เรื่องจะหาคนมาแสดงแทน เพราะอีกสองวันจะถึงกำหนดถ่ายฉากคุณหมอแล้วนี่คะ”
ช่างแต่งหน้าหนุ่มสวยนั่งลงยังไม่ถึงนาที แต่ข่าวสารในกองถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียดยิบ
“อ้าว! พี่ไก่ มาด้วยหรือคะ น้องบอยพลาดข่าวไปได้ยังไงเนี่ย” หน่วยข่าวกรองบ่นกระเง้ากระงอด เมื่อเห็นหน้าชายหนุ่มอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
นับว่าศุภชนม์ปกปิดรสนิยมของตัวเองกับคนไม่คุ้นเคยได้แนบเนียนมากทีเดียว เพราะแม้แต่สมชายใจสมหญิงก็ยังมองตัวตนของเขาไม่ออก
“น้องเพิร์ลมาต่างจังหวัด ผมต้องตามมาด้วยอยู่แล้ว” ศุภชนม์เดินตามมาสมทบพร้อมกับบอดี้การ์ดหนุ่ม หลังจากที่ไปสำรวจดูความเรียบร้อยของห้องพักทั้งของพวกเขาและของสองสาวมาแล้ว
“นั่นสินะ น้องบอยก็น่าจะรู้อยู่ ไม่น่าทักให้เสียชื่อเลย” สมชายพูดพร้อมปั้นสีหน้าเสมือนว่าเป็นเรื่องใหญ่ แล้วก็ต้องอุทานออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังศุภชนม์ชัดๆ
“อ้าย! แล้วนั่นพาใครมาด้วยคะ หน้าใสกิ๊กแต่มาดแมนและแฮนด์ซัมมาก...” สมชายลากเสียงท้ายเพื่อยืนยันความรู้สึก พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลุดคำว่า ‘น่ากิน’ ออกไปด้วย แต่สายตาที่ใช้จับจ้องพร้อมทอดสะพานให้นั้นก็ทำเอาเรียวรู้สึกสยดสยองอย่างไรบอกไม่ถูก
“ผู้ชายของน้องแฟงเขา พี่น้องบอยห้ามยุ่งนะรู้ไหม” มาร์คตอบขึ้นมาแทน
“จริงหรือคะน้องแฟง ต๊าย! นี่คุณหญิงแม่ยอมให้น้องแฟงมีเพื่อนชายด้วยหรือคะ”
“ไม่ใช่อย่างที่นายมาร์คพูดนะคะ คุณแม่ให้เขามาเป็นการ์ดให้แฟงค่ะ” ฝากฟ้ารีบแก้ตัวเพราะกลัวทุกคนเข้าใจผิด เกิดให้พี่บอยแกเข้าใจอย่างนั้น ข่าวมั่วได้กระจายไปทั่วกองแน่
“หรือคะ แหม... พี่ก็นึกว่าจะมีคู่สวีตมาทำให้กองสดชื่นขึ้นซะอีก” สมชายแซวก่อนจะร้องบอกลูกมือที่นั่งอยู่ไม่ไกลให้ตักข้าวสวยร้อนๆ มาบริการสองหนุ่ม
อ่านต่อ >> ฉากที่ 10 : ดาราจำเป็น
หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
Meb : https://goo.gl/FockyR
The1Book : https://goo.gl/AR33tY
Hytexts : https://goo.gl/RL9qJX
Ookbee : https://goo.gl/iia4wb
NaiinPann : https://goo.gl/RczUnR
Dek-D : https://goo.gl/dqU2Zz
No comments:
Post a Comment