ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
010 : ผู้บุกรุก กับ คนหวั่นไหว
รายงานเกี่ยวกับผู้กองไอยราวัณที่ปรีดาสาให้นักสืบคอยเฝ้าติดตามถูกส่งตรงถึงหน้าบ้านของเธอตั้งแต่เช้าโดยไม่ได้ระบุชื่อของผู้ฝากส่ง ในรายงานนั้นมีภาพของเจ้าหน้าที่สาวคนใหม่อยู่กับผู้กองหนุ่มแทบตลอดเวลา และภาพเหล่านั้นก็ทำเอาปรีดาสาร้อนใจจนต้องรีบออกจากบ้านมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแต่เช้า
“อุ๊ย! มาทำอะไรแต่เช้าคะคุณปิ๊ง” วิรัญดาเอ่ยทักทายผู้ที่ก้าวเร็วๆ เข้ามาในแผนกแต่เช้าอย่างแปลกใจ
“ไอย์เข้ามาหรือยัง” ปรีดาสาไม่สนใจจะทักทายหรือตอบคำถาม เธอเมินสายตาไปมองด้านหลังของเจ้าหน้าที่สาวก็เห็นไฟในห้องทำงานของผู้กองหนุ่มยังปิดอยู่
“คงอีกสักพักล่ะค่ะ”
ปรีดาสารู้สึกขัดใจไม่น้อยที่อุตส่าห์เร่งรีบมาถึงแต่เช้าแต่กลับไม่ได้พบคนที่เธอต้องการเจอ ก่อนจะเอ่ยสั่ง “งั้นเธอก็ไปตามแม่บ้านมาเปิดห้องไอย์ให้หน่อย ฉันจะไปรอไอย์ในนั้น”
แม้คนฟังจะอยากขัดคำสั่งของแขกสาวขนาดไหน แต่ตำแหน่งลูกสาวคนเดียวของท่านรองอธิบดีก็ทำให้เธอไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจำใจเดินไปตามแม่บ้านของแผนก ระหว่างทางก็สวนกับตรึงจิตต์ที่เพิ่งมาถึง
“จะไปไหนน่ะวิว”
“ยายคุณหนูปิ๊งมาน่ะสิ นี่ก็สั่งให้ฉันไปเอากุญแจจากแม่บ้านมาเปิดห้องผู้กอง คุณเธอจะเข้าไปนั่งรอในนั้น ที่นั่งข้างนอกก็มีเยอะแยะไม่คิดจะนั่ง สงสัยมันคนละระดับกับคุณหนูเธอ” วิรัญดาได้ทีก็นินทาสาวมั่นจอมหยิ่งเต็มที่
“แล้ววันนี้นึกไงนะ คุณเธอถึงได้มาเฝ้าแต่เช้าเชียว” ตรึงจิตต์เปรยออกมาเพียงแค่เท่านั้น แล้วก็ถามเพื่อนสาวที่มักจะมาทำงานเฉียดเส้นสายเกือบทุกวันด้วยความสงสัย “เธอก็เหมือนกัน ทำไมวันนี้มาเช้าจัง”
“ก็... พอดีติดรถพี่ชายมาน่ะ” วิรัญดาอ้ำอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะตอบ
“งั้นก็น่าจะติดรถพี่มาบ่อยๆ นะ ฉันจะได้ไม่ต้องมาเฝ้าแผนกตอนเช้าคนเดียว” คนมาเช้าเป็นประจำเอ่ยแซวเพื่อนสาว
“อือน่ะ! ฉันไปตามหาแม่บ้านก่อน เดี๋ยวคุณปิ๊งเธอจะวีนแตก” วิรัญดาเออออพลางค้อนเพื่อน
ตรึงจิตต์ลอบมองเข้าไปในแผนกเพื่อมองหาตัวแขกไม่ได้รับเชิญ ก็พบปรีดาสายืนพิงโต๊ะทำงานของหมวดเหนือเมฆรออยู่ที่หน้าห้องทำงานของผู้กอง เจ้าหน้าที่สาวส่ายหน้าให้กับความพยายามที่ไร้วี่แววจะสำเร็จของสาวเบอร์หนึ่ง แล้วก็เดินแยกออกไปกดโทรศัพท์หาหญิงสาวอีกคนทันที
เช้านี้ไอยราวัณตรงไปรับแฮกเกอร์สาวที่บ้าน แม้ว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธอิดๆ ออดๆ ไม่ยอมขึ้นรถมากับเขาง่ายๆ แต่สุดท้ายผู้กองหนุ่มก็ได้แรงเสริมจากสองหนุ่มแฝดพี่แฝดน้องที่ช่วยส่งเสียงเร่งคุณนางงามยิกๆ เพราะกลัวไปโรงเรียนสายให้ต้องอายเพื่อน
และการมาถึงที่ทำงานเอาตอนเกือบแปดโมงผิดวิสัยของผู้กองคนขยัน แถมยังพกพาสาวหน้าหวานเดินตามมาด้วย ก็กลายเป็นเรื่องเด่นประจำวันให้ซุบซิบกันทั่วทั้งกรมภายในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อทั้งคู่มาถึงหน้าห้องทำงานของผู้กองหนุ่ม หมวดเหนือเมฆที่รอคอยผู้บังคับบัญชาของตนอยู่นานก็รีบรายงานเตือนภัยว่าเบอร์หนึ่งมาเฝ้าอยู่ในห้องแต่เช้า
“เข้าไปด้วยกันนะละมุน” ไอยราวัณรีบยุดข้อมือบางไว้ แล้วจูงกึ่งลากให้หญิงสาวตามเข้าไปในห้องอย่างไม่รอคำตอบรับ
“มาแล้วเหรอคะไอย์” ทันทีที่ได้ยินเสียงเปิดประตู ปรีดาสาที่นั่งไม่ติดเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องก็รีบหันขวับไปทักผู้กองหนุ่มเสียงหวาน แต่เมื่อมองไปเห็นมือเล็กๆ ที่ไอยราวัณยึดกุมไว้ก็ต้องตวัดสายตาไปมองหน้าคนที่เดินตามหลังเข้ามาอย่างไม่พอใจ
“หึ! ที่ไอย์มาทำงานสายก็เพราะเธองั้นสิ” สาวมั่นเค้นเสียงประชด ก่อนจะเก็บอารมณ์ไม่ให้เสียงดังขณะหันมาถามกับผู้กองหนุ่ม “นี่ไอย์คิดจะคบกับเด็กนี่จริงๆ งั้นเหรอคะ”
ไอยราวัณปล่อยมือจากมือบาง เปลี่ยนมาเป็นโอบไหล่เธอเอาไว้ “ไม่ได้คิดจะ... แต่เราสองคบกันอยู่ครับปิ๊ง”
“ไม่จริงน่ะ เด็กนี่มันมีดีอะไรคะ เพิ่งได้รู้จักกันไม่ทันไรไอย์ก็ทิ้งปิ๊งไปหามันแล้ว” เมื่อเห็นภาพบาดใจ ปรีดาสาก็เริ่มสะกดอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้ไม่อยู่ อยากจะถลาเข้าไปกระชากคนตัวเล็กบางออกจากอ้อมแขนของผู้กองหนุ่ม แต่ก็ทำได้แค่เพียงส่งเสียงดังกำมือแน่นเท่านั้น
“เธอก็เหมือนกัน น่าจะรับรู้ไว้ตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่แล้วนะว่าไอย์เค้ามีเจ้าของแล้ว ยังคิดจะแย่งไปอีกเหรอ”
‘เจ้าของ’ ของผู้กองหนุ่มที่ปรีดาสาหมายถึงตัวเอง แต่ละมุนพรรณกับเข้าใจไปไกลถึงภรรยาของเขาเสียนี่ มันจึงทำให้เธอมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเห็นใจระคนไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยตักเตือน “คุณต่างหากที่รู้อยู่เต็มอกว่าผู้กองมีเจ้าของแล้วก็ยังคิดจะแย่ง ตัดใจเถอะค่ะ อย่างคุณน่ะ หาคนที่ดีและยังว่างได้ไม่ยากอยู่แล้ว”
“เงียบไปเลยนะ! มาทีหลังแล้วยังกล้ามาพูดสอนฉันงั้นเหรอ กล้าดียังไง”
“ปิ๊ง...” ไอยราวัณเรียกชื่อปรามหญิงสาวที่ชักพาลพูดจาหาเรื่องคุณนางงามของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบต่ำ แม้คำๆ เดียวนั้นจะไม่ดังเท่าเสียงของปรีดาสา แต่มันก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดได้
“ถ้าจะโกรธหรือต่อว่าใครก็ให้ลงที่ผม อย่าเอาละมุนเข้ามาเกี่ยวด้วย” ชายหนุ่มบอกอย่างจริงจังเพื่อปกป้องคนในอ้อมแขนเต็มที่
“เราไม่เคยคบกันเกินเพื่อนก็เพราะปิ๊งไม่ใช่คนที่ใช่ และผมก็ไม่ได้ชอบปิ๊งอย่างนั้น”
“หยุดพูดเถอะค่ะไอย์ ปิ๊งไม่อยากฟังอะไรแล้ว คุณใจร้ายกับปิ๊งมากๆ เลยนะ ถ้าคุณไม่เคยคิดจะรักปิ๊ง แล้วมาเทคแคร์ให้ความหวังปิ๊งทำไมตั้งนาน” ปรีดาสาเอ่ยตัดพ้อกึ่งต่อว่าเสียงสั่นที่เห็นผู้กองหนุ่มออกท่าทางปกป้องหญิงสาวอีกคนขนาดนั้น
“ผมขอโทษนะครับปิ๊ง ถ้าทำให้คุณเข้าใจไปอย่างนั้น ผมยอมรับว่าในตอนแรกที่เราได้เจอกัน ผมสนใจคุณมาก ถึงได้พยายามเข้าใกล้ทำความรู้จักคุณให้มากขึ้น แต่สักพักผมก็รู้ว่ามันไม่ใช่ความรัก และนับแต่ที่ผมมีครอบครัวเล็กๆ ให้ต้องดูแล ผมก็แสดงออกมาชัดเจนที่สุดแล้วว่าระหว่างเราเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น”
ไอยราวัณพยายามมองเมินน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาเฉี่ยวคมที่มองสบมา อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเขากับเธอให้กระจ่างชัดเจน ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าท่าทีแสดงความสนใจและใส่ใจในตัวหญิงสาวของเขาเมื่อห้าหกปีก่อน จะทำให้สาวเปรี้ยวจัดและมั่นใจในตัวเองสูงอย่างปรีดาสาคิดปักใจไปไกลว่าเขารักชอบเธอมาได้นานขนาดนี้
“ผมขอโทษที่ไม่ทันได้นึกถึงความรู้สึกของคุณให้ดีกว่านี้”
“ถ้าไอย์นึกถึงความรู้สึกของปิ๊ง แล้วจะรักปิ๊งงั้นเหรอคะ” ปรีดาสาเชิดหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตาของเธอหยดลงให้หญิงสาวอีกคนที่ถือเป็นศัตรูของเธอได้เห็น เธอสูดหายใจเข้าลึกรวบรวมแรงใจให้มั่นและน้ำเสียงไม่สั่นเมื่อพูดต่อ
“ถ้าไม่... ก็อย่ารู้เลยค่ะว่าตอนนี้ปิ๊งเสียใจแค่ไหน แล้วก็เชิญอยู่กับคนที่ใช่ของไอย์ไปตามสบายเถอะค่ะ ต่อไปปิ๊งจะไม่มากวนใจอีกแล้ว”
ปรีดาสาเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงและความเคลื่อนไหวทุกอย่าง สองคนที่อยู่ในห้องต่างยืนเงียบกันอย่างคาดไม่ถึงกับปฏิกิริยาของหญิงสาวเบอร์หนึ่งที่ได้เห็นในวันนี้ ไอยราวัณนึกโทษตัวเองอยู่ไม่น้อยที่เอาแต่มองผ่าน ไม่ทันได้ใส่ใจกับสิ่งที่หญิงสาวรู้สึกมานานหลายปี
หากแต่สิ่งที่ละมุนพรรณครุ่นคิดถึงกลับหนักหน่วงยิ่งกว่า เพราะคิดว่าสักวันตัวเองคงจะต้องเป็นอย่างปรีดาสา ขนาดหญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองไม่สนใจความรู้สึกของใครยังลืมความใจดีของผู้กองไอยราวัณไม่ได้นานนับปี แล้วเธอจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กัน... และถ้าเธอต้องมาทนฟังผู้กองไอยราวัณเอ่ยปฏิเสธหนักแน่นอย่างนั้น สู้เธอเก็บความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาของตัวเองเอาไว้ไม่ให้เขารู้จะไม่ดีกว่าหรือ
“คิดอะไรอยู่ หืม...” ไอยราวัณส่งเสียงอ่อนโยนถาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แถมสีหน้ายังดูหม่นหมองไม่ค่อยสดใส “หรือว่าไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“ไม่เป็นอะไรค่ะ” ละมุนพรรณเบี่ยงตัวหลบออกจากอ้อมแขนของเขาช้าๆ “เบอร์หนึ่งไม่อยู่แล้ว ฉันขอไปทำงานก่อนนะคะ” แล้วแฮกเกอร์สาวก็รีบผลักประตูออกไปทันที
เหนือเมฆเดินตามหลังปรีดาสาที่ก้าวฉับๆ ออกมาจากห้องของผู้กองไอยราวัณเงียบๆ เมื่อเห็นเธอเข้าไปในลิฟต์ เขาก็ก้าวเท้าตามเข้าไปทันที ผู้หมวดหนุ่มเห็นตาแดงๆ คู่นั้นตวัดมามองอย่างไม่พอใจวูบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปอีกทางอย่างไม่มีเสียงโวยวายต่อว่าตามนิสัยอันเป็นปกติของเธอ
แม้ว่าที่ผ่านมา เขาและเธอจะเป็นเหมือนคู่กัดที่จ้องหาเรื่องกันอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่สิ่งหนึ่งที่หมวดเหนือเมฆรู้สึกอยู่ลึกๆ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าปรีดาสา นั่นคือ เขาสนใจเธอ และการที่หญิงสาวไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา ก็เป็นเหตุให้ผู้หมวดหนุ่มคอยพูดจายียวนกวนประสาทอีกฝ่ายตลอดเวลา ทั้งด้วยความหมั่นไส้และอยากเรียกร้องความสนใจ
ปรีดาสาพยายามก้าวเท้ายาวๆ หนีห่าง แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองหมวดหน้าตี๋จอมกวนที่เดินตามมาอย่างไม่เข้าใจการกระทำของเขา แม้จะอยากตะโกนถามอย่างหาเรื่องเหมือนทุกที แต่สภาพจิตใจของเธอตอนนี้ก็ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะสู้รบปะทะคารมกับใครอีก สาวสุดมั่นจึงเอาแต่จ้ำอ้าวมุ่งหน้าจะกลับบ้านท่าเดียว
“ไม่ร้องไห้แฮะ” เสียงของหมวดหนุ่มเปรยขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจะก้าวขึ้นรถ และมันก็เรียกให้ปรีดาสาหันไปจ้องหน้าคนพูดทันที
“แล้วไง จะตามมาเยาะเย้ย หรือว่ามาส่งให้แน่ใจว่าฉันกลับไปแล้วจริงๆ ล่ะ”
เหนือเมฆได้ยินเธอโต้กลับอย่างฉุนเฉียวกลับยิ่งอารมณ์ดีขึ้น เขาส่งยิ้มกวนๆ คุ้นตาปรีดาสาไปให้ ก่อนจะยักไหล่แบะมือออกสองข้างเหมือนไม่มีอะไรสลักสำคัญ แล้วบอกต่อเรียบเรื่อย
“แค่จะตามมาชมว่าคุณเก่งที่ไม่ร้องไห้ ไม่สำออยดี”
ปรีดาสาได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าประหลาด ไม่ค่อยไว้ใจในคำชมนั้น คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นไม่รู้ว่าคราวนี้เขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ก่อนจะเชิดหน้าพูดตอบอย่างถือตัว “ฉันไม่คิดจะเป็นพวกสำออยใช้น้ำตาเป็นอาวุธหรอก”
หญิงสาวพูดจบก็ก้าวขึ้นไปนั่งในรถทันที แต่ก่อนจะดึงประตูปิด ผู้หมวดหนุ่มก็เข้ามายึดบานประตูไว้แน่น
“ดีใจที่คุณไม่ทำให้ผมผิดหวังนะ ผมก็ไม่ชอบผู้หญิงสำออยใช้น้ำตาเป็นอาวุธเหมือนกัน... ผมชอบผู้หญิงเข้มแข็ง” เหนือเมฆพูดคำว่า ‘ชอบ’ ออกมาง่ายๆ หน้าตาเฉย ซึ่งมันทำให้คนที่ได้ยินต้องมองหน้าเขาอย่างค้นหา ทั้งระแวงและระวังตัวมากขึ้น แต่ก่อนที่หญิงสาวจะหาคำมาโต้กลับ หมวดหนุ่มก็จัดการปิดประตูรถให้เธอเรียบร้อย “กลับบ้านดีๆ นะครับ”
“ไอ้หมวดบ้าหน้าตี๋ นายจะหวังจะชอบอะไรก็อย่าเอาฉันไปเอี่ยวด้วยนะ”
ไม่ต้องใช้วิชาอ่านริมฝีปากให้ยาก หมวดเหนือเมฆก็รับรู้สิ่งที่หญิงสาวเอ่ยออกมาได้ชัดเจนจากท่าทางฮึดฮัดของเธอ หลังจากที่รถยนต์คันงามเคลื่อนหายออกไปจากลานจอดรถ ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินกลับเข้าตึกสำนักงานตำรวจอย่างสบายใจ ที่ได้เห็นแววตาวาววับด้วยความโมโหมาแทนที่ตาแดงๆ คลอด้วยน้ำตาของหญิงสาว เขาไม่สนใจหรอกว่าเธอจะคิดยังไงกับคำพูดของเขาเมื่อครู่ แค่หญิงสาวที่มั่นใจในตัวเองอย่างเธอกลับมาภูมิใจในตัวเองได้อีกครั้งก็ดีถมไปแล้ว
“สวัสดีละมุน” เสียงทักทายแห้งๆ ไร้ความรู้สึกดังขึ้นเบื้องหน้าโต๊ะทำงานของแฮกเกอร์สาวทำให้เธอต้องหยุดการทำงานลงชั่วครู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง
“แย่งไอย์มาได้แล้วเป็นไงล่ะ โดนเจ้าของเก่าตามมาเอาเรื่องแต่เช้าเลยล่ะสิ” ดารากรไต่ถามเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มแย้มคล้ายจะเย้าเล่น แต่สายตากลับมีแววเยาะเย้ยซ้ำเติมส่งมา “แล้วทำไมเธอต้องระเห็จออกมานั่งทำงานข้างนอกเหมือนเดิมแล้วล่ะละมุน โดนปิ๊งหรือไอย์ไล่ออกมากันล่ะ”
“ไอย์ขาไล่คุณปิ๊งกลับบ้านเรียบร้อยแล้วต่างหากค่ะ และคนต่อไปก็น่าจะเป็นคุณ” ละมุนพรรณบอกพร้อมรอยยิ้มหวานเช่นกัน
ดารากรได้ยินและเห็นท่าทางอย่างนั้นก็ถลึงตาจ้องหน้าเอาเรื่อง ขบเม้มริมฝีปากไว้แน่นเพื่อระงับอารมณ์ แล้วรีบสะบัดหน้าตรงเข้าไปหมายจะเคาะประตูห้องของผู้กองหนุ่ม ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไอยราวัณเปิดประตูออกมาอย่างรีบร้อนพอดี หญิงสาวเบอร์สองที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูจึงต้องร้องออกมาอย่างตกใจและแสร้งเสียหลักในขณะที่ต้องถอยหลบประตูที่เปิดผ่างออก
“ดาว.. ขอโทษที ผมไม่ทันระวัง” ไอยราวัณรีบฉุดต้นแขนช่วยประคองร่างบอบบางที่จะล้มไว้ จนเมื่อเห็นว่าเธอพอทรงตัวได้แล้วก็ปล่อยมือออก และมองหาคนที่เขาต้องการพบทันทีอย่างไม่สนใจคนใกล้ตัวอีก
“ละมุน... นายเหนือ... มาที่ห้องฉันหน่อย”
สองคนที่ถูกเรียกชื่อลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วเพราะเห็นจากสีหน้าของผู้กองไอยราวัณก็รู้ว่าคงมีเรื่องด่วน ผู้กองหนุ่มเองก็แทบจะหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องทันที หากดารากรไม่ทักท้วงขึ้นมาเสียงอ่อน
“แล้วดาวล่ะคะไอย์”
ผู้กองหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่ยังไงก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนเก่าอย่างลำบากใจ “คุณมีธุระด่วนอะไรหรือเปล่าดาว”
ดารากรได้ยินคำถามห่างเหินอย่างนั้นก็อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงหวานขณะส่งถุงกระดาษในมือไปให้ชายหนุ่ม สาวเบอร์สองตระเตรียมข้ออ้างมาพร้อมสำหรับการมาหาไอยราวัณอีกครั้งอย่างไม่น่าเกลียด หลังจากที่เคยประกาศตัวไปกับชายหนุ่มแล้วว่าจะตัดใจจากเขาและจะไม่คิดเกินเลยกับเขาเกินเพื่อน
“ดาวเอานี่มาฝากแล้วก็จะไปแล้วล่ะค่ะ พอดีมีธุระแถวนี้เลยติดขนมแวะเข้ามาฝากสองหนุ่มเสียหน่อย” เธออธิบายต่อให้ผู้กองหนุ่มเข้าใจว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะมาที่นี่เลยสักนิด แถมยังหันไปบอกหญิงสาวอีกคนอย่างเอื้อเฟื้อ “ละมุนจะแบ่งไปทานด้วยก็ได้นะ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไม่ชอบแบ่งหรือแย่งของใคร” ละมุนพรรณปฏิเสธทันทีแบบไม่ห่วงเรื่องการรักษาหน้าของตัวเอง คนอะไร ใส่หน้ากากตีสองหน้าเก่งชะมัด ไม่อยากจะเล่นเป็นคนดีด้วยหรอก
“ฉันกับพี่เหนือไปรอในห้องนะคะ” แฮกเกอร์สาวหน้างอง้ำบอกกับผู้กองหนุ่มด้วยน้ำเสียงสะบัด แล้วก็คว้าข้อมือหมวดหนุ่มรุ่นพี่ให้เขาตามเข้าห้องไปด้วยทันที
“เอาแต่ใจแล้วก็ขี้งอนเหมือนกันนะคะเนี่ย” ดารากรแสร้งติงแบบผู้ใหญ่เอ็นดูคนอ่อนวัยกว่า ก่อนจะบอกลาเขาแต่โดยดี
ความว่างเปล่าของตู้ลิ้นชักที่ไอยราวัณใช้เก็บกล่องบันทึกข้อมูลหลักฐานของคดีโต๊ะบอลและเว็บโคมันนี่ทำให้ชายหญิงทั้งสองคนพูดอะไรไม่ออก
“เป็นไปได้ยังไงครับ” เสียงเอ่ยถามของหมวดเหนือเมฆทำลายความเงียบภายในห้อง “ของอยู่ในห้องผู้กองอย่างนี้ ใครจะมาเอาออกไปง่ายๆ ได้ยังไง”
“มันเป็นไปแล้วล่ะ และการที่ใครเอาไปได้ยังไง ยังไม่สำคัญเท่าพวกมัน ‘รู้’ ได้ยังไงต่างหาก” ไอยราวัณสบตาสองคนที่อยู่ตรงหน้าเหมือนจะจับพิรุธ เขาไม่อยากจะคิดอย่างนี้กับคนทั้งคู่เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ก็มีคนรู้เห็นเพียงแค่สามคนเท่านั้นไม่ใช่หรือ
“ไม่ใช่ฉันแน่” ละมุนพรรณรีบออกตัวอย่างร้อนใจ เพราะระหว่างผู้หมวดหนุ่มที่ทำงานด้วยกันมาตั้งนาน กับเธอ... คนมาใหม่ เป็นธรรมดาที่ผู้กองไอยราวัณต้องสงสัยเธอมากกว่าอยู่แล้ว “ฉันจะเอามันไปทำไมในเมื่อข้อมูลทั้งหมดก็อยู่กับฉันอีกชุด”
“เพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมดไง” ไอยราวัณตัดความรู้สึกส่วนตัวออกแล้วเอ่ยกึ่งคาดคั้น ทั้งที่เขารู้ดีว่าเธอคนนี้ตั้งใจช่วยเขากำจัดเว็บไซต์แห่งนี้ขนาดไหน จนถึงขนาดยืมมือชาวช่างเจาะอย่างเมื่อคืน
แฮกเกอร์สาวถลึงตาใส่ผู้กองหนุ่มที่พูดเหมือนบีบบังคับโยนความผิดใส่เธอ ก่อนจะเอ่ยแย้งเสียงแข็ง “ถ้าฉันจะทำลายเอาตอนนี้ สู้ขวางไม่ให้พวกคุณได้รู้ได้เห็นมันตั้งแต่แรกเลยไม่ดีกว่าหรือไง คนอย่างฉันถ้าอยากจะทำ แค่ระบบเห่ยๆ ของที่นี่ก็ล้มมันได้ไม่ยากหรอกนะ”
“ใจเย็นก่อนฮะน้องละมุน ผู้กองไม่ได้คิดสงสัยว่าน้องละมุนเป็นคนทำหรอก” หมวดเหนือเมฆเห็นท่าไม่ดีก็เข้าไกล่เกลี่ย
“คิดสิ!” ไอยราวัณแย้งค้านแทบจะทันทีอย่างไม่สนใจความหวังดีของลูกน้อง เขานึกพอใจที่ได้ฟังคำพูดจาอวดดีจากความโกรธของเธอ เพราะมันดีกว่าคำพูดจาเสแสร้งปลิ้นปล้อนเพื่อแก้ตัวอำพรางความผิดเป็นไหนๆ
“ตอนนี้ฉันสงสัยทั้งหมดล่ะ ทั้งเธอ...” ผู้กองหนุ่มมองหน้าหญิงสาวที่จ้องตาโต้กลับมาไม่หลบ ก่อนจะเบนสายตาลงมามองหมวดหนุ่มลูกน้องคู่ใจ “ทั้งนาย”
หมวดเหนือเมฆสะดุ้งมองหน้าผู้บังคับบัญชาอย่างตกใจที่ตัวเองก็ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยไปด้วย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยอะไร ไอยราวัณก็พูดต่อ
“หรือแม้กระทั่งตัวฉันเอง... ฉันสงสัยว่าพวกเราเคยเผลอแสดงอะไรให้คนอื่นๆ รู้ระแคะระคายเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า”
คำว่า ‘พวกเรา’ ที่ผู้กองหนุ่มนับรวมเธอ หมวดเหนือเมฆ และตัวเขาเองเข้าไปอยู่ในข่ายน่าสงสัยเช่นเดียวกันทำให้ละมุนพรรณใจเย็นลงมาได้บ้าง จึงยอมนั่งเฉยร่วมขบคิดถึงความผิดพลาดที่ผ่านมา จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ หญิงสาวที่มีความทรงจำเกี่ยวกับภาพและเหตุการณ์ที่เคยพบเห็นเป็นเลิศก็พุ่งสายตามามองหน้าผู้กองหนุ่ม
“วันนั้น... ที่ผู้กองเดินไปส่งฉันที่รถเพราะคุณปิ๊งมาหาตอนเย็นน่ะค่ะ” ละมุนพรรณเริ่มเกริ่นนำเรียกความทรงจำของสองคนที่ต่างก็อยู่ในเหตุการณ์ “ผู้กองไปส่งฉันมือเปล่า... แล้วซีดีที่ฉันเพิ่งส่งให้ผู้กองล่ะคะ”
ไอยราวัณลองนึกทบทวนความทรงจำ... วันนั้น เขาวางมันไว้ที่โต๊ะของเธอ แล้วเช้าวันรุ่งขึ้นมันก็วางนิ่งอยู่บนโต๊ะของเขา จึงเข้าใจไปว่าเหนือเมฆเป็นคนเอาเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขาให้... หรือเขาจะเข้าใจผิด!
หมวดเหนือเมฆทำหน้างุนงงเมื่อถูกผู้กองหนุ่มสอบถามเกี่ยวกับซีดีแผ่นนั้น ขณะที่เขายืนยันว่าเย็นนั้นเขาไม่เห็นมันเลย ภาพของปรีดาสาที่ทำอะไรสักอย่างอยู่หลังโต๊ะทำงานของผู้กองหนุ่มก็วาบเข้ามาในความคิด
ปรีดาสา... ความสงสัยทั้งหมดพุ่งตรงไปยังหญิงสาวที่มานั่งรอผู้กองหนุ่มแต่เช้าทันที มีเพียงมุมหนึ่งในหัวใจของผู้หมวดหนุ่มเท่านั้นที่ยังคัดค้านเพื่อความบริสุทธิ์ของหญิงสาวอยู่เงียบๆ
“โชคดีที่เรายังเหลือหลักฐานอีกชุด ต่อไปนี้เราต้องระวังกันให้ดี” ผู้กองไอยราวัณสรุปปิดเรื่องเมื่อยังคิดหาทางเอาข้อมูลเหล่านั้นคืนมาไม่ได้ “แล้วเหนือ... เดี๋ยวช่วยตามแม่บ้านมาพบฉันด้วย”
เมื่อผู้กองหนุ่มสอบถามกับแม่บ้านเรื่องการเปิดห้องทำงานเมื่อตอนเช้าได้ความ ก็ตามตัวเจ้าหน้าที่สาวที่เป็นคนขอกุญแจมาเปิดประตูห้องเขาให้ปรีดาสาเข้ามานั่งรอเพื่อสั่งความคาดโทษ ว่าต่อไปนี้ห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในห้องของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาตอีกเด็ดขาด
วันนี้ปรีดาสาส่งมอบของให้กับใครคนหนึ่งลับๆ ล่อๆ ที่ลานจอดรถ
จาก... ผู้หวังดี
ละมุนพรรณอ่านข้อความสั้นๆ ที่พิมพ์มาบนกระดาษเอสี่สีขาวจบแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองผู้กองหนุ่มที่เป็นคนยื่นส่งมันต่อมาให้เธอ กระดาษแผ่นนี้ถูกพับครึ่งแล้วเหน็บไว้กับที่ปัดน้ำฝนหน้ารถของผู้กองหนุ่ม รอคอยให้พวกเธอมาพบมันนานเท่าไหร่ก็ไม่มีใครบอกได้
“ผู้กองคิดว่าไงคะ ทำไมจู่ๆ ก็มีคนส่งข้อความมาตรงใจเราที่กำลังสงสัยคุณปิ๊งอยู่อย่างนี้”
ผู้กองหนุ่มยิ่งขมวดคิ้วยุ่งเข้าไปอีก เขารู้สึกหัวเสียเอามากๆ กับการที่ตัวเองกำลังตกเป็นเป้านิ่ง เหมือนมีใครบางคนรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเขา แต่เขากลับไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ยังไง
“จะให้คนคอยตามคุณปิ๊งไหมคะ” ละมุนพรรณลองถามขึ้น หลังจากที่ก้าวเข้าไปอยู่ในรถกันตามลำพัง
นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาต้องการ แต่หากใช้สายของตำรวจ ท่านรองปราโมทย์ก็ต้องทราบและไม่พอใจที่เขาสั่งให้คนคอยติดตามลูกสาวของท่าน แต่ถ้าใช้สายสืบเอกชน จะมั่นใจได้ยังไงว่าความลับจะไม่รั่วไหลออกไปอีก
แฮกเกอร์สาวเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของคนคิดไม่ตกแล้วก็นึกเห็นใจ จึงเสนอตัวเลือก “ผู้กองเชื่อใจในตัวฉันกับเพื่อนไหมล่ะคะ”
“หมายความว่าไง” ไอยราวัณหันไปมองหน้าหวานใสที่ยิ้มส่งกำลังใจมาให้
“ถ้าแค่ดักฟังโทรศัพท์ ฉันช่วยผู้กองได้นะคะ แต่ถ้าอยากให้ตามติดทุกฝีก้าว คงต้องขอแรงเพื่อนๆ ของฉันด้วย” ละมุนพรรณบอกต่อพร้อมยิ้มน้อยๆ ให้เขา แล้วยกคิ้วขึ้นสูงเพื่อขอคำตอบรับ
ไอยราวัณนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อตัดสินใจ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือบางที่วางอยู่บนตักไว้มั่น “ฝากด้วยนะละมุน”
“ไว้ใจได้เลยค่ะผู้กอง” หญิงสาวใช้มืออีกข้างตบที่หลังมือใหญ่สองสามทีเพื่อให้เขาวางใจ
รถยนต์คันโตเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษไปท่ามกลางสายตาของเจ้าหน้าที่สาวสองคนที่มองส่งไปจนลับตา
“จีจี้ว่าผู้กองจะเชื่อที่เราบอกในกระดาษนั่นไหม”
หลังจากที่ถูกผู้กองไอยราวัณเรียกเข้าไปดุว่า พอกลับออกมา วิรัญดาก็บอกเล่าระบายความไม่พอใจให้ตรึงจิตต์ได้ร่วมรับฟัง เธอไม่กล้าขัดใจปรีดาสาก็เพราะบิดาของหญิงสาวใหญ่โตมีอำนาจในกรม แล้วทำไมผู้กองต้องมาต่อว่าเอาความผิดกับเธอด้วย
“ปกติผู้กองไม่ใช่คนซีเรียสกับเรื่องพวกนี้ แต่วันนี้เกิดมาเอาเรื่องกับเธอขนาดนั้น คงเพราะยายคุณหนูหน้าเชิดต้องเข้าไปก่อเรื่องไว้แน่ๆ แล้วคุณดาวก็บอกมาด้วยว่าตอนที่เข้ามาจอดรถก็เห็นยายปิ๊งนั่นส่งของให้ใครอยู่ไม่รู้ เราบอกผู้กองให้รู้ตัวไว้น่ะดีแล้ว” ตรึงจิตต์บอกให้เพื่อนได้มั่นใจกับสิ่งที่ทำอยู่
“นั่นสินะ ถ้ามีเรื่องจริง ผู้กองจะได้ไม่คิดสงสัยพวกเรา” วิรัญดายิ้มเย็นบอกอย่างโล่งใจ
ไอยราวัณจอดรถลงตรงหน้าบ้านของแฮกเกอร์สาวและตามลงจากรถมาด้วย ตั้งใจว่าคุยงานกับเธอต่อ ก่อนหน้านี้จึงโทรไปสั่งให้คนขับรถไปรับสองแฝดที่โรงเรียนแทน แต่เมื่อไปถึงประตูไม้บานใหญ่ที่จะเปิดเข้าสู่ตัวบ้าน มือของหญิงสาวที่ถือลูกกุญแจเตรียมจะไขก็ต้องชะงัก เช่นเดียวกับสายตาของผู้กองหนุ่มที่กวาดมองไปทั่วพร้อมกระชับร่างบางไว้อย่างระแวดระวังเต็มที่...
ประตูบ้านเธอถูกงัด!
ไอยราวัณพาตัวหญิงสาวให้ย้อนกลับมาหลบบนรถประจำตำแหน่งคนขับ กำชับว่าหากมีอะไรไม่ชอบมาพากลก็ให้เธอขับรถหนีไปได้ทันที ก่อนที่เขาจะกลับเข้าไปในบ้านอีกครั้งพร้อมกับปืนพกที่หยิบออกมาจากช่องเก็บของหน้ารถ
ละมุนพรรณมองตามหลังร่างสูงใหญ่ที่รีบร้อนผละไปอย่างรวดเร็วไม่ยอมรอฟังคำทักท้วงของเธออย่างเป็นห่วง หญิงสาวทำได้แค่มองสำรวจตัวบ้านที่พอมองเห็นได้จากภายนอก ตามด้วยหันรีหันขวางมองรอบๆ รถยนต์คันโตที่เธอนั่งอยู่ว่ามีอะไรเข้าข่ายจะเป็นอันตรายต่อทั้งตัวเธอและผู้กองหนุ่มหรือไม่ เมื่อเห็นว่าตลอดความพลุกพล่านของถนนคอนกรีตขนาดสองเลนที่ทอดผ่านหน้าบ้านของเธอไร้ซึ่งสิ่งผิดปกติ หญิงสาวก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขสามหลักโทรแจ้งความทันที
และในขณะที่หญิงสาวกำลังหัวเสียวุ่นวายอยู่กับการซักถามของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับแจ้งความ ไอยราวัณก็เดินกลับมาด้วยท่าทีที่คลายความระมัดระวังกว่าเมื่อครู่มาก ใครก็ตามที่เข้ามาผู้บุกรุกบ้านของหญิงสาวได้อันตรธานหายตัวไปหมดแล้ว
“มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ” ไอยราวัณถามกับหญิงสาวที่หน้ายุ่งพูดคุยกับใครสักคนผ่านทางโทรศัพท์ของเธออย่างไม่สบอารมณ์นัก เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะยื่นส่งโทรศัพท์เครื่องนั้นให้เขา
“พวกของผู้กองนั่นแหละค่ะ คุยกันเองแล้วกัน โทรไปแจ้งความว่าบ้านถูกขโมยขึ้นก็ยังถามนู่นถามนี่อะไรอยู่ได้” ละมุนพรรณบอกเสียงห้วนหงุดหงิด อุตส่าห์จะทำตามระเบียบขั้นตอนก็เรื่องมากกันจริง
ผู้กองหนุ่มรับโทรศัพท์ไปพูดเจรจาอะไรกับอีกฝ่ายเพียงแค่ไม่นานก่อนจะวางสาย แล้วจึงพาหญิงสาวเข้าไปตรวจเช็กข้าวของภายในบ้านอย่างละเอียด หลังจากที่เขาสำรวจตรวจตราสภาพบ้านคร่าวๆ แล้ว พบว่านอกจากประตูหน้าถูกงัดแงะให้เปิดออกจนเสียหาย ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ถูกรื้อค้นออกมาจนกระจัดกระจายคล้ายว่าพวกที่งัดแงะเข้ามานั้นต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง
แล้วข้อสันนิษฐานของไอยราวัณก็เป็นจริง เมื่อสาวเจ้าของบ้านยืนยันว่าไม่มีสิ่งของมีค่าใดๆ หายไปเลย นอกจากฮาร์ดดิสก์ของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในห้องนอนและกล่องใส่แผ่นซีดีที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ กันเท่านั้น
สองหนุ่มสาวเพิ่งสำรวจความเสียหายเสร็จสิ้นไปเพียงไม่นาน ตำรวจท้องที่สามนายก็ตรงรี่มาถึงบ้านของละมุนพรรณตามคำสั่งกำชับเร่งของไอยราวัณ นายตำรวจคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่สอบถามรายการสิ่งของที่หายไปจากเจ้าทุกข์และจดลงบันทึกประจำวันไว้อย่างละเอียด ในขณะที่อีกสองนายที่เหลือพร้อมทั้งไอยราวัณนั้นแยกไปเก็บหลักฐานและรอยนิ้วมือตามต่างๆ ซึ่งกว่าเรื่องจะเรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยมาจนค่ำ
ไอยราวัณไปส่งเจ้าหน้าที่ทั้งสามตรงหน้ารั้ว จัดการปิดล็อกประตูให้แน่นหนา ก่อนจะก้าวเร็วๆ กลับเข้าบ้าน เห็นหญิงสาวกำลังนั่งหลับตาหนุนศีรษะกับพนักพิงของโซฟาตัวยาวอย่างอ่อนเพลีย ชายหนุ่มก็ทรุดตัวนั่งลงข้างๆ พลางยกมือปัดปอยผมที่หล่นลงมาระใบหน้าของเธอให้
ละมุนพรรณรับรู้ถึงปลายนิ้วที่แตะลงมาก็สะดุ้งลืมตาขึ้นมองอย่างตกใจ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เอ่ยถาม “นึกว่าผู้กองกลับไปแล้วซะอีก”
“แล้วบ้านถูกงัดอย่างนี้ จะอยู่ยังไง” ผู้กองหนุ่มถามไปถึงอีกเรื่อง “เอาอย่างนี้... ไปพักที่บ้านฉันก่อนไหม”
“ไม่เอาหรอกค่ะ... ผู้กองกลับบ้านไปเถอะค่ะ ละมุนก็จะนอนพักแล้ว” ด้วยความอ่อนเพลียง่วงงุน ทำให้หญิงสาวเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อตามความเคยชิน ลืมกฎแห่งความห่างเหินที่ทำให้ไม่ยอมใช้มันต่อหน้าผู้กองไปเสียสนิท
แต่เมื่อเห็นผู้กองหนุ่มลุกเดินเข้าไปในครัว แทนที่จะกลับไปตามที่บอก เธอก็ต้องร้องถามอย่างแปลกใจ “จะไปไหนคะผู้กอง”
“มาดูว่าในครัวมีอะไรให้มูนทานไง” ไอยราวัณตะโกนตอบ พวกเขาออกจากที่ทำงานก็ตรงกลับบ้านเลย จนถึงเวลานี้ต่างก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนกัน จนเขาเองยังนึกหิวขึ้นมาหน่อยๆ คุณนางงามเองก็คงจะไม่ต่างกัน
“อย่าลำบากเลยค่ะผู้กอง”
“ไม่เห็นลำบากตรงไหน” ผู้กองหนุ่มส่งเสียงนุ่มอารมณ์ดี แล้วเร่งเร้าเอาใจเธอต่อเหมือนตอนหลอกล่อสองแฝดที่บ้าน “ว่าไงคะคุณหนูมูน อยากทานอะไร”
ละมุนพรรณอดยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้ หากไม่หลอกตัวเองเพราะกลัวความผิดหวัง ต้องยอมรับตามตรงเลยว่าการมีเขาอยู่ด้วยในตอนนี้ก็ทำให้เธออุ่นใจไม่น้อย
“งั้นรบกวนแค่อุ่นข้าวกล่องในตู้เย็นก็พอค่ะ”
รออยู่เพียงไม่นาน กลิ่นหอมของอาหารก็ลอยมาเตะจมูก จนเธอต้องเดินตามกลิ่นนั้นไปนั่งรอบนเก้าอี้ตัวสูงตรงหน้าเคาน์เตอร์ แล้วกล่องอาหารร้อนๆ ควันลอยฉุยก็ถูกนำมาวางตรงหน้า
“รีบทานเข้าเถอะ จะได้พักผ่อน ดูมูนเพลียๆ นะ เมื่อคืนมัวแต่ไปปลุกระดมป่วนโคมันนี่อยู่ล่ะสิ”
“ละมุนไม่อยากปล่อยให้เสียเวลานี่” ละมุนพรรณให้เหตุผลแล้วก็ต้องชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวเข้าปาก เงยหน้าขึ้นมามองผู้กองหนุ่มอย่างแปลกใจ “ผู้กองรู้เรื่องนี้ได้ไงคะ”
ไอราวัณตักเขี่ยอาหารในกล่องของตัวเองช้าๆ เพื่อคิดหาข้อแก้ตัว ความจริงเรื่องที่เขาเป็นสมาชิกของชุมชนช่างเจาะก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรมากมาย เพียงแต่เขายังอยากเก็บบางสถานที่บางช่วงเวลาที่ละมุนพรรณจะหยอกเย้าโต้ตอบกับเขาอย่างสนิทใจและเท่าเทียมกันเอาไว้บ้าง เพราะพักหลังนี้รู้สึกเธอดูระมัดระวังตัวกับเขาเหลือเกิน
“เดาเอาสิ เมื่อคืนฉันเข้าไปสอดแนมเว็บนั้นอยู่พอดี แล้วจู่ๆ เว็บก็ปั่นป่วน มีข้อความโพสต์แฉเข้ามาเต็มไปหมด แล้ววิธีจู่โจมเว็บแบบนี้นายเหนือก็ไม่เคยทำ... เลยคิดว่าน่าจะเป็นมูน”
“ผู้กองไม่ว่าอะไรหรือคะ” แฮกเกอร์สาวถามอย่างหวาดๆ
“จะว่าทำไม... บางทีฉันก็เคยใช้วิธีแบบมูนเหมือนกัน” ผู้กองหนุ่มบอกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
หญิงสาวฟังแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ละมุนก็รู้สึกได้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ ว่าเราสองคนน่ะ พวกเดียวกัน... ไม่ใช่พวกในกรอบแน่ๆ”
ไอยราวัณสบตากลมโตแล้วก็ชักปั่นป่วนในหัวใจ คุณนางงามนี่ยิ้มสวยชะมัด และถ้อยคำง่ายๆ ที่หญิงสาวบอกออกมาก็ทำให้หัวใจเขาพองโตอย่างประหลาด...
‘เราสองคน’ กับ ‘พวกเดียวกัน’ งั้นเหรอ?
“ว่าไงนะ? ของที่ลูกน้องฉันเอามามันใช้ไม่ได้เลยงั้นเหรอ” เสียงโวยวายที่ดังผ่านหูโทรศัพท์มา ยิ่งทำให้คนที่วุ่นวายตรวจค้นขุดคุ้ยข้อมูลในฮาร์ดดิสและแผ่นซีดีกองย่อมๆ มาตั้งแต่บ่ายยิ่งอารมณ์เสียตามไปด้วย แต่ก็ต้องยอมสะกดอารมณ์เอาไว้
“แม่นั่นอาจจะเก็บไว้ที่อื่นก็ได้ เพราะผมมั่นใจว่าข้อมูลอีกชุดอยู่กับหล่อนแน่นอน”
“แล้วจะให้ทำยังไง เว็บก็ปิดอยู่อย่างนี้ เกิดมีคนวิ่งโร่ไปแจ้งความ ไอ้พวกตำรวจมันก็ส่งฟ้องเมื่อไหร่ก็ได้”
“คงต้องถามดูกับคนใกล้ชิดผู้กองนั่นก่อน ว่ามันจะเก็บหลักฐานไว้ที่ไหนได้อีก”
“จะทำอะไรก็ให้รีบเข้า ไม่งั้นเราได้ลำบากกันทั้งขบวนแน่ ท่านก็เตือนมาแล้วว่าไอ้ผู้กองคนนี้มันประวัติขาว แถมยังหัวดื้อกัดไม่ปล่อยอีกต่างหาก” เสียงย้ำเตือนนั้นทั้งเข้มงวดทั้งเป็นกังวล “แล้วจะลงมือทำอะไรก็สั่งกับลูกน้องฉันได้เลย”
ปลายสายวางหูไปนานแล้ว แต่ดวงเด่นก็ยังนั่งกุมขมับใช้ความคิดอยู่อย่างนั้น เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็กวาดท่อนแขนปัดเอาแผ่นซีดีที่ไร้ซึ่งสิ่งที่เขาต้องการทั้งหมดให้ปลิวจากโต๊ะลงไปกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ทำเอาหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาในห้องต้องชะงัก
“เป็นอะไรล่ะดวง” หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่เบื้องหลังของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นั่งหน้าเครียด
“ก็ไอ้ของพวกนี้มันช่วยอะไรเราไม่ได้เลยน่ะสิ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับโคมันนี่สักอย่าง” ดวงเด่นผุดลุกหันมาบอกเสียงร้อนใจ สองเท้าก็เริ่มเดินวนไปวนมางุ่นง่านคิดอะไรไม่ออก
ผู้มาใหม่เห็นเขาเป็นอย่างนั้นก็ตรงไปจับท่อนแขนรั้งให้เขาหยุด “ใจเย็นสิ ฉันมานี่เพราะมีอีกเรื่องที่เพิ่งนึกออก”
“เรื่องอะไร” ดวงเด่นก้มหน้ามองพลางไล้ลูบต้นแขนของเธอเบาๆ อย่างคนคุ้นเคย แววตาที่มองตามมือของตนสื่อถึงอารมณ์บางอย่าง
“เอ๊ะ เดี๋ยวสิดวง... คุยกันให้รู้เรื่องก่อน” หญิงสาวผู้เป็นทั้ง ‘เพื่อนรู้ใจ’ และสายคนสำคัญของแฮกเกอร์หนุ่มประท้วงเสียงอ่อนเมื่อถูกอีกฝ่ายโอบกระชับตัวเข้าไปคลอเคลียใกล้ๆ
“ฉะ... ฉันสังเกตว่าแม่นั่นมันพกโน้ตบุ๊คอีกเครื่องติดตัวตลอด... แม้แต่ตอนทำงานก็ยังไม่เห็นจะได้ใช้เครื่องของกรมเท่าไหร่” เธอรีบบอก
ก่อนที่สุดท้ายก็ไม่ใช่แค่ฝ่ายชายหนุ่มที่เริ่มหันเหไปสนใจสิ่งอื่นมากกว่าข้อมูลที่ตามหาอยู่ เจ้าของร่างนุ่มนิ่มก็เคลิบเคลิ้มไปตามการเล้าโลมของอีกฝ่ายเช่นกัน
“ไว้พรุ่งนี้จะสั่งพวกไอ้เชิดมันไปเอามาแล้วกัน” ดวงเด่นตัดสินใจ จบการเจรจาเรื่องตึงเครียดโดยการยึดท้ายทอยรั้งใบหน้าของหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ ซึ่งอีกฝ่ายก็เต็มใจโอนอ่อนเงยหน้าขึ้นรับริมฝีปากร้อนที่โฉบลงมาประกบเรียกร้อง
หลังจากทานข้าวกันเสร็จ ไอยราวัณก็ดึงดันจะขึ้นมาส่งหญิงสาวเข้านอนให้ได้ จนหญิงสาวอ่อนใจต้องยอมให้เขาขึ้นมาส่งถึงหน้าห้อง ละมุนพรรณรีบเอ่ยลาก่อนจะเตรียมเปิดประตูเข้าห้อง แต่ผู้กองหนุ่มก็ยังไม่ยอมกลับไปง่ายๆ เขาถือวิสาสะตามเข้ามาในห้องนอนของเธอหน้าตาเฉย ก่อนจะเอ่ยไล่สาวเจ้าของห้องไปอาบน้ำเสีย ระหว่างนั้นผู้กองหนุ่มก็จัดเรียงข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นจากฝีมือของผู้บุกรุกให้เป็นระเบียบขึ้น พร้อมกับสำรวจดูความแน่นหนาของประตูหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาวไปพลาง
“เอาล่ะ... ได้เวลานอนแล้ว” ไอยราวัณฉุดข้อมือหญิงสาวที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จให้มานอนลงบนเตียง ตามด้วยขยับผ้าห่มผืนนุ่มห่มให้ถึงคอ
“หลับตาสิ” ผู้กองหนุ่มแกล้งดุเมื่อคนบนเตียงยังไม่ยอมหลับ
“ขอมาชเมลโล่... ตุ๊กตาตัวนั้นด้วยได้ไหมคะ” ละมุนพรรณชี้นิ้วไปยังตุ๊กตาหมีสีเคยขาวที่ถูกจับไปวางไว้เสียไกล
“เอ้า! ทีนี้ก็หลับดีใช่ไหม” ไอยราวัณส่งหมีตัวนุ่มย้วยพลางยิ้มกว้างให้อย่างเอ็นดู แล้วก็อดอิจฉาเจ้าตุ๊กตาหมีสีหมองไม่ได้ ที่พอหญิงสาวรับมันไปปุ๊บก็ซุกหน้าหอมแก้มมันเสียฟอดใหญ่ ก่อนจะโอบสองแขนกอดรัดมันไว้แน่น
“ขอบคุณอีกทีนะคะผู้กอง” ละมุนพรรณช้อนสายตาขึ้นมาบอก แล้วก็ต้องอึ้งกะพริบตาปริบเมื่ออีกฝ่ายโฉบลงมากดประทับรอยจูบเบาๆ ตรงหน้าผาก
“ฝันดีนะมูน” ไอยราวัณบอกพร้อมรอยยิ้ม แต่พอเห็นหญิงสาวยังตาค้างไม่ยอมหลับก็เริ่มขู่ “ถ้ายังไม่ยอมหลับจะส่งเข้านอนที่อื่นนะ”
“หลับแล้วค่ะ” ละมุนพรรณรีบหลับตาปี๋ทันที แต่ก็ยังอดห่วงบ้านไม่ได้ จึงบอกเตือนทั้งที่ยังหลับตาอยู่ “ถ้าผู้กองจะกลับก็อย่าลืมปิดบ้านให้ด้วยนะคะ”
ติดตามความรักต่างขั้วอาชีพ
ที่ผสมกลิ่นอายชาวเจาะระบบกันต่อได้ในเล่มนะคะ
ที่ผสมกลิ่นอายชาวเจาะระบบกันต่อได้ในเล่มนะคะ
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
Meb : https://goo.gl/IgOeDz
The1Book : https://goo.gl/FhbRpL
Hytexts : https://goo.gl/JM29dP
Ookbee : https://goo.gl/DBsttW
NaiinPann : https://goo.gl/n3R8Xs
Dek-D : https://goo.gl/lhWSl9
No comments:
Post a Comment