7 July 2017

# แก่นฝัน # ฉากรักดักหัวใจ

ฉากรัก ดักหัวใจ - ฉากที่ 3 : พบกันอีกครั้ง 2

ฉากรัก ดักหัวใจ ชุดสี่สาว

ผู้เขียน : แก่นฝัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต


ฉากที่ 3 : พบกันอีกครั้ง 2

          เมื่อการเดินแบบเสร็จสิ้นลง เพลินพิศก็เปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นเพลินพิศคนเดิม ชุดกางเกงขายาวสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ประดับด้วยสร้อยคอคริสตัลสีชมพูเข้มเส้นโตสุดเปรี้ยวที่ช่วยขับให้ชุดเรียบๆ ดูโดดเด่น ไม่นานเธอก็พร้อมที่จะเดินควงแขนศุภชนม์ที่มายืนรอตรงหน้าประตูเพื่อเดินเข้าไปในงานได้อย่างกลมกลืนกับแขกคนอื่นๆ
          “เหนื่อยไหมเพิร์ล” ความเป็นห่วงเป็นใยเจืออยู่ในน้ำเสียงของศุภชนม์
          “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่หิวมาก... ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้แตะเลยสักคำ
          เพลินพิศบ่นทุกครั้งที่ศุภชนม์รับงานเดินแบบหรือถ่ายแบบให้ เพราะเธอต้องอดอาหารมื้อก่อนที่จะทำงานทุกครั้ง เพื่อให้คงรูปร่างเพรียวงามไว้ ไม่ยอมให้พุงกลมๆ ยื่นออกมาให้ขายหน้าใครเข้า
          “ก็เราอยากอดข้าวทำไมล่ะ แค่นี้ก็ผอมจะตายอยู่แล้ว
          “ผอมแต่ก็มีพุงได้นะ ถ้ากินเยอะจนย่อยไม่ทันน่ะ” เถียงจบก็แกล้งเบ่งพุงกลมๆ ที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องให้ผู้จัดการหนุ่มได้เห็นว่าถ้ามันยื่นขึ้นมาจะน่าเกลียดขนาดไหน
          “จ้ะ แม่คนพุงโต ไม่เถียงกับเราแล้ว แต่ทนหิวอีกนิดนะ ไปคุยกับเจ้าของพรีม่าก่อน เห็นเขาบอกอยากคุยกับเพิร์ลน่ะ
          ศุภชนม์ยอมยกธงขาว ก่อนจะฉุดแขนดาราสาวที่แสร้งทำเสียงโอดครวญเกินจริง เพื่อพาไปหาหญิงร่างเล็กวัยเกือบสี่สิบที่ยังดูกระฉับกระเฉงและนำสมัยอยู่เสมอ
          “สวัสดีครับคุณพิริมา” ศุภชนม์ยกมือไหว้ทักทาย
          “อ้าว สวัสดีค่ะคุณศุภชนม์” พิริมาหันมาทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างเพราะงานของเธอออกมาดูดี ไร้ที่ติและเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนทุกแขนง ก่อนจะหันไปมองทางหญิงสาวที่ยืนคู่กับชายหนุ่มและกำลังยกมือไหว้เธออยู่อย่างพิจารณา พิริมาสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของงานในวันนี้อยู่พักหนึ่ง แล้วก็เริ่มเข้าเรื่องที่จะทาบทามนางเอกสาวมาเป็นพรีเซนเตอร์ประจำให้กับน้ำหอมพรีม่าในคอลเลกชั่นที่เพิ่งนำเสนอไปบนเวที ศุภชนม์รีบบวกลบคูณหาร หาข้อดีข้อเสียในใจ แล้วต้องตอบตกลงไปทันที โดยที่คนถูกทาบทามก็ไม่ได้คัดค้านอะไร เพราะรู้ดีว่าศุภชนม์จะเลือกงานที่ดีและเหมาะสมให้เธอเสมอ พิริมาจึงนัดวันเวลาสำหรับการตกลงเรื่องรายละเอียดและการเซ็นสัญญา ก่อนจะขอแยกตัวไปต้อนรับแขกคนอื่นต่อ
          “พี่ว่าเดี๋ยวเพิร์ลก็จะได้โกอินเตอร์แล้ว เห็นช่วงนี้พรีม่ากำลังเร่งทำการตลาดในต่างประเทศ คงจะเกี่ยวกับโฆษณาตัวนี้ด้วยแน่ๆ” ศุภชนม์ยิ้มหวานอธิบายข่าวจากวงใน ก่อนจะตีหน้าขรึมทันทีที่เห็นชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามา
          “งานนี้คนเยอะจังเลยนะครับ
          หนุ่มลูกครึ่งแทรกตัวเข้ามาในการสนทนาของทั้งสองอย่างไม่ขัดเขิน ก่อนจะยื่นแก้วน้ำในมือให้หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม
          “น้ำส้มสำหรับนางเอกคนสวยครับ
          “ขอบคุณค่ะ” เพลินพิศรับมาตามมารยาท แต่ก็ยังไม่วายขัดคอเขาไป
          “แต่ความจริงเพิร์ลไม่ใช่นางเอกหรอกนะคะ ติดจะเป็นนางร้ายมากกว่า คงไม่ค่อยเหมาะกับน้ำส้มนี่เท่าไหร่
          “คุณเพิร์ลนี่มุกเยอะจังนะครับ” มาร์คหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อ
          “ไม่ใช่มุกครับ เพิร์ลเขาพูดเรื่องจริง คนใกล้ชิดเขาจะรู้นิสัยเขาดี” ศุภชนม์ข่มทับถึงความสนิทสนม พร้อมขยิบตากึ่งจะล้อเลียนให้ดาราสาว
          ชายหนุ่มลูกครึ่งเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจ ยังคงชวนหญิงสาวพูดคุยต่อ “แล้วคุณเพิร์ลทานอะไรหรือยังครับ” 
          ยังไม่ทันที่ศุภชนม์จะได้พูดอะไรขัดคอพระเอกหนุ่ม ก็มีพนักงานต้อนรับของโรงแรมเดินตรงเข้ามา
          “คุณศุภชนม์หรือเปล่าครับ
          ชายหนุ่มเจ้าของชื่อพยักหน้ารับ พนักงานหนุ่มจึงถามต่อ
          “รถคุณสีน้ำเงิน ทะเบียน... หรือเปล่าครับ
          เมื่อเห็นศุภชนม์พยักหน้าตอบว่าใช่อีกครั้ง พนักงานจึงถามต่อด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
          “เออ... ต้องขอให้คุณช่วยไปดูที่รถสักหน่อยได้ไหมครับ พอดีเสียงสัญญาณกันขโมยมันดังไม่หยุดเลย รปภ.ของเราไปดูแล้ว แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ เลยให้ผมมาแจ้งหาเจ้าของรถน่ะครับ
          “เหรอ งั้นรอเดี๋ยวนะ” ศุภชนม์ขมวดคิ้วนึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะก้มลงกระซิบกับหญิงสาวที่เขาต้องทำหน้าที่เป็นกันชนให้
          เดี๋ยวพี่รีบกลับมานะ
เพลินพิศเพียงแค่พยักหน้ารับ ในใจไม่นึกหวั่นที่ต้องรับมือกับดาราหนุ่มหน้าใหม่คนนี้นักเพราะมั่นใจว่าคงไม่เหลือบ่ากว่าแรง จังหวะที่ทั้งสองคนซุบซิบสื่อสารกันอยู่นั่นเอง จึงไม่ทันได้เห็นสายตาและรอยยิ้มแปลกๆ ที่มาร์คส่งไปให้พนักงานหนุ่มที่เข้ามาตามตัวศุภชนม์


         คุณเพิร์ลพอมีเวลาสักครู่ไหมครับ” พระเอกหนุ่มเอ่ยถาม เมื่อศุภชนม์แยกตัวออกไปแล้ว
          “คือ... ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณหน่อยน่ะครับ
          “ก็พูดมาสิคะ” เพลินพิศโคลงศีรษะอนุญาตอย่างไม่ใส่ใจเรื่องสำคัญที่เขาอยากพูด
          “ขอที่ที่เป็นส่วนตัวกว่านี้หน่อยได้ไหมครับ คือผมกลัวว่าพวกนักข่าวจะเอาเรื่องของเราไปเขียน” มาร์คส่งสายตาไปทางนักข่าวที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขายืนอยู่นัก
          “งั้น... ไว้วันหลังค่อยคุยกันดีกว่าค่ะ” เพลินพิศก็ชักเกรงๆ กลุ่มนักข่าวเหมือนกัน อีกทั้งกันชนส่วนตัวก็ไม่อยู่เสียด้วย
          “แต่เรื่องของผมสำคัญมากนะครับ เราค่อยๆ ออกไปที่ระเบียงทีละคนก็ได้ นักข่าวจะได้ไม่ทันสังเกตเห็น ดีไหมครับ” มาร์คคว้ามือของนางเอกสาวมากุมไว้และเร่งเร้า
          “ค่ะๆ ก็ได้ค่ะ” เพลินพิศรีบตอบรับเพราะไม่อยากวุ่นวายอยู่กับเขาให้นานกว่านี้จนเป็นที่สนใจของแขกเหรื่อในงาน เธอบอกจุดนัดพบ แล้วปลดมือของเขาออกอย่างรวดเร็ว
ฝ่ายพระเอกหนุ่มยืนรอทิ้งระยะห่างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วค่อยปลีกตัวออกจากงานตามนางเอกสาวไป แต่เหตุการณ์ทั้งหมดหาได้รอดพ้นสายตาของชายคนหนึ่งไม่...


เพลินพิศออกมารอพระเอกหนุ่มตรงทางเดินในสวนของโรงแรม หญิงสาวเลือกนั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวในสนามที่อยู่ไม่ไกลจากทางเดินมากนัก พลางคิดลังเลว่าจะหนีเขากลับก่อนดีไหม แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจอยู่พูดคุยกับชายหนุ่มให้รู้เรื่องกันไปเลยดีกว่า
          “ทางนี้ค่ะ” เพลินพิศส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นร่างคุ้นๆ ของหนุ่มลูกครึ่งกำลังเดินมา
          “คุณเพิร์ลเดินมาซะไกล เล่นเอาผมใจฟ่อหมด นึกว่าหนีผมไปแล้วซะอีก” มาร์คบอกตามที่ใจคิดแล้วนั่งลงเบียดชิดตัวนางเอก
          เพลินพิศขยับตัวออกรักษาระยะห่าง ไม่เห็นมีอะไรต้องหนีนี่คะ
          “ก็ผมเห็นคุณทำท่าเหมือนไม่อยากเข้าใกล้ผม” ทั้งน้ำเสียงและแววตาของชายหนุ่มแฝงความน้อยใจ
          “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เพิร์ลแค่ไม่อยากให้มีข่าวเสียหายระหว่างเราออกไปก็เท่านั้น” นางเอกสาวอธิบาย
          “ถ้าคุณเพิร์ลไม่ได้รังเกียจผมจริงๆ ผมก็ดีใจครับ” หนุ่มลูกครึ่งส่งยิ้มไปให้ ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จ้องมองหน้านางเอกสาวอยู่นาน
          “ไหนล่ะคะเรื่องสำคัญของคุณ
          มาร์คเลิกคิ้วคล้ายเพิ่งนึกได้ จึงเอ่ยถามเรื่องที่เขาคิดมาตลอดทาง คุณเพิร์ลเชื่อในรักแรกพบไหมครับ
ภายนอกของดาราสาวยังดูนิ่งสงบ แต่ในใจของเธอกลับเริ่มอยู่ไม่สุข เร่งคิดหาคำตอบที่จะผลักเขาออกไปให้ไกลตัว ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรก็ตามที่จะก่อให้เกิดปัญหากับประกาศิตของคุณนายพราวพลอย
          “ไม่รู้สิคะ เพิร์ลไม่เคยเกิดรักแรกพบกับใคร เพิร์ลเชื่อในความผูกพันมากกว่า เพราะความรักของเพิร์ลกับพี่ไก่ก็เป็นแบบนั้น” หญิงสาวรีบยกชายหนุ่มอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ขึ้นมาอ้าง หวังจะให้ชื่อของเขาเป็นเกราะป้องกันตัว
          “ผมเองไม่เคยเชื่อเลย จนได้เจอคุณ ผมถึงรู้ว่ามันมีอยู่จริง” ฝ่ายชายหนุ่มไม่ยอมถอย วิ่งเข้าชนกับกำแพงที่นางเอกสาวก่อขึ้นเต็มแรง
          “ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณจากปกหนังสือ รอยยิ้มของคุณสะกดผมให้หยิบหนังสือเล่มนั้นไปจ่ายเงินแบบไม่รู้ตัว แล้วผมก็นั่งเพ้อถึงหน้าคุณตั้งหลายวัน จนเมื่อมีคนติดต่อมาให้เล่นโฆษณาคู่กับคุณ ผมก็รีบตกลงทันที โดยที่ผมไม่ได้ถามเรื่องค่าตัวเลยด้วยซ้ำ
          มาร์คยังพูดต่อยาวเหยียดไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้เอ่ยแทรก
          “เมื่อวานในกองถ่าย ผมก็เลยพยายามทำคะแนนเต็มที่ จนลืมไปว่าคุณอาจจะคิดว่าผมไม่จริงใจก็ได้
          ดาราสาวที่โดนคำสารภาพรักเข้าอย่างจังเริ่มเกิดอาการไม่แน่ใจกับความคิดของตัวเอง... ที่เคยคิดไปว่าเขาเข้าหาเพราะหวังเกาะเธอดังเหมือนรายอื่นๆ ที่เคยเจอ หญิงสาวจึงพยายามสบนันย์ตาสีเทาเข้มเพื่อค้นหาร่องรอยของความเสแสร้ง แต่ก็เห็นเพียงแววตามั่นใจมองกลับมา
          “ตัวจริงของเพิร์ลอาจจะไม่เหมือนที่คุณคิดไว้ก็ได้นะคะ” เพลินพิศเริ่มลดระดับของกำแพงลงมาเล็กน้อย
          “ผมถึงอยากขอโอกาสให้เราได้ศึกษากันให้มากขึ้น... จะได้ไหมครับ” มาร์คยังไม่ทิ้งความหวัง
          “เพิร์ลมีพี่ไก่อยู่แล้ว คงให้คุณมาร์คได้แค่ความเป็นเพื่อน ขอโทษด้วยนะคะ” ถึงอย่างไร หญิงสาวก็ยังเลือกบอกปัดอย่างชัดเจนเด็ดขาด เพราะไม่อยากเสี่ยงมีปัญหากับคำสั่งของมารดา
          “วันนี้ได้เป็นเพื่อนก็ดีแล้วครับ ...ผมมีของขวัญมาให้คุณด้วยนะ” มาร์คยอมโอนอ่อนตามใจดาราสาว ไม่เซ้าซี้ต่อให้น่ารำคาญ พลางหยิบกล่องสีชมพูหวานออกมาจากอกเสื้อ แล้วยื่นให้หญิงสาวที่มองหน้าเขาอย่างงงๆ 
          “รับไปเถอะครับ ลองเปิดดู ไม่รู้จะถูกใจเพื่อนใหม่ของผมหรือเปล่า
เพลินพิศรับกล่องนั้นมาเปิดออกดูตามคำเร่งเร้า และของในกล่องก็ทำเธอตาโต
          “ชอบไหมครับ” เจ้าของยิ้มมีเสน่ห์ถามทั้งที่รู้จากแววตาเป็นประกายแล้วว่าเธอชอบของขวัญชิ้นนี้มาก เพราะใครที่เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของดาราสาว ต่างก็รู้ดีว่าเธอชอบสะสมพวกของใช้และเครื่องประดับสีชมพูเป็นที่สุด
          “แพงขนาดนี้เพิร์ลรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” หญิงสาวตัดใจจากสร้อยข้อมือไข่มุกสีชมพูตกแต่งด้วยโบว์เล็กๆ จากริบบิ้นผ้าสีขาวแสนสวย
          “ไม่แพงอย่างที่คุณคิดหรอกครับ ผมเห็นแล้วคิดว่าเหมาะกับคุณ เลยสั่งให้คนขายจับใส่กล่องมา” มาร์คพยายามพูดเล่นเพื่อลดช่องว่างระหว่างเขาและเธอลง อย่าให้เจ้าไข่มุกนี้ต้องเป็นม่ายเลยนะครับ
          “คราวนี้เพิร์ลจะรับไว้ แต่คราวหน้าไม่ต้องแล้วนะคะ
          หลังจากรอคำตอบอยู่นาน คำตอบของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มออก
          ก็เราเป็นโรคแพ้ของน่ารักๆ สีชมพูนี่... หญิงสาวแก้ต่างให้ตัวเอง
          “งั้นผมใส่ให้นะครับ
          ไม่ต้องรอให้หญิงสาวตอบ ชายหนุ่มรีบหยิบสายสร้อยจากกล่องในมือของหญิงสาว แล้วพยายามเกี่ยวตะขอให้ แต่ด้วยความที่แสงสว่างจากทางเดินมีไม่เพียงพอ เขาจึงต้องก้มหน้าลงไปใกล้จนเกือบจะชิดมือของหญิงสาว จังหวะนั้นเอง แสงแฟลชก็สว่างวาบมาจากมุมหนึ่งของสนามห่างไปไม่ไกลนัก ก่อนจะตามมาด้วยเงาตะคุ่มเป็นร่างของชายคนหนึ่งที่รีบวิ่งพรวดหนีไปตามระเบียงทางเดินของโรงแรม
          “หยุดนะ!”
          นางเอกสาวลุกขึ้นร้องตะโกนทั้งที่ก็รู้ว่าต่อให้ร้องห้ามยังไงร่างนั้นก็ไม่มีทางหยุด หญิงสาววิ่งตามชายคนนั้นไปทันทีด้วยความเร็วเต็มฝีเท้า ด้านพระเอกหนุ่มก็รีบผุดลุกแล้ววิ่งตามเธอไปเช่นกัน


          เพลินพิศไล่กวดชายคนนั้นมาตามระเบียงที่ทอดยาวขนาบข้างสวนสวย จนเห็นเงาไหวๆ เลี้ยวซ้ายหนีไปยังด้านหลังของโรงแรมที่เชื่อมสู่ลานจอดรถ จึงเร่งฝีเท้าวิ่งตามอย่างไม่คิดชีวิต แต่แล้วเธอก็ต้องเสียหลักชนเข้ากับร่างสูงแข็งแกร่งที่เปิดประตูออกมาจากห้องพักของฝ่ายรักษาความปลอดภัยพอดี และเป็นโชคดีที่อ้อมแขนของเขาช่วยรวบพยุงตัวหญิงสาวเอาไว้ได้ทัน ทำให้เธอไม่ต้องล้มลงไปจับกบแทนที่จะได้จับตัวพวกแอบถ่าย
          “ขอโทษค่ะ! แล้วก็ขอบคุณนะคะ
          หญิงสาวก้มหน้าก้มตาเอ่ยอย่างรวดเร็วกับเจ้าของเนคไทสีดำเข้าชุดกับสูทที่อยู่ตรงระดับสายตา โดยไม่ทันได้เงยขึ้นมองหน้าคู่กรณีแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่จดจ่อกับการไล่ตามมือแอบถ่ายตัวดีที่วิ่งหนีหายไปเสียแล้ว เพลินพิศขยับตัวออกจากอ้อมแขนที่คลายออกหลวมๆ เตรียมจะออกวิ่งตามอีกครั้ง แต่กลับถูกมือขาวแข็งแรงคว้าต้นแขนเอาไว้เสียก่อน
          “เอ๊ะก็ขอโทษแล้วไง จะเอาอะไรอีก” ความร้อนใจทำให้เธอโวยออกมา เพราะคิดว่าเขาจะเอาเรื่องที่วิ่งมาชน
          “จะรีบไปไหนหรือครับคุณเพิร์ล มีเรื่องอะไรหรือครับ
เสียงทุ้มที่คุ้นหูตอบกลับเรียบๆ เรียกให้หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะสบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทที่มองลงมาด้วยอาการสงบ
          “คุณนี่เอง ฉันกำลังไล่ตามพวกแอบถ่ายอยู่น่ะ ถ้าขืนปล่อยให้หนีไปได้ เดี๋ยวได้มีข่าวมั่วๆ ให้ฉันเสียหายแน่” เพลินพิศรีบอธิบายเพื่อจะได้ไล่ตามไปเอาเรื่องต่อ
          บอดี้การ์ดหนุ่มเพียงพยักหน้า แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
          “คุณพอบอกลักษณะของเขาได้ไหม เผื่อผมจะช่วยได้” ชายหนุ่มอาสาอย่างไม่ต้องเสียเวลารอให้เธอเอ่ยขอ
          “ผู้ชายผมรองทรงสั้น ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลเข้ม สะพายกระเป๋ากล้องอยู่ด้วย ตอนนี้น่าจะหนีไปทางลานจอดรถแล้วละค่ะ” เพลินพิศบอกลักษณะเท่าที่มองเห็นได้จากระยะไกล
          เรียวได้รับคำตอบก็รีบออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนตัวเล็กที่เหน็บไว้กับใบหู สั่งการให้ลูกน้องที่ประจำอยู่บริเวณลานจอดรถทุกคนช่วยมองหาและจับตัวผู้ต้องสงสัยตามรูปพรรณที่แจ้งไปในทันที
          “ตามไม่ทันแล้วเหรอครับ” หนุ่มลูกครึ่งที่เพิ่งวิ่งมาทันถามด้วยอาการหอบ ตาก็มองไปที่ต้นแขนของดาราสาวที่ถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้ยึดเอาไว้อย่างไม่ไว้ใจ
          “คุณเรียวตามจับให้อยู่ค่ะ” เพลินพิศบอก ก่อนจะแนะนำให้ชายทั้งสองรู้จักกัน ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังจับมือทักทายกันอยู่ หญิงสาวก็ต้องแปลกใจที่ได้เห็นแววแปลกๆ ในประกายตาของเขาทั้งสอง
          เจอกันแค่ครั้งแรก แล้วทำไมถึงเหมือนกับมีเรื่องเขม่นกันอยู่นะ


          ไม่นานชายที่มีลักษณะตรงตามที่ดาราสาวบอกก็ถูกพาตัวมาโดยมีลูกน้องของเรียวประกบอยู่ทั้งซ้ายและขวา กล้องดิจิตอลสีดำตัวใหญ่ในมือของชายในชุดสูทสีดำถูกส่งมาให้ผู้เป็นนาย เรียวรับมาและกดเรียกดูภาพถ่ายชุดหลังสุด พร้อมกับเพลินพิศที่รีบยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ
          ภาพชุดแรกเป็นภาพเบลอๆ ของชายหญิงที่นั่งเคียงคู่กันอยู่บนม้านั่งในสวนหลายภาพ คงเพราะแสงของบริเวณโดยรอบมีไม่เพียงพอจึงไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าทั้งสองคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่จากรูปร่างและเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ทำให้เรียวรู้ว่าเป็นสองดาราหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาแน่นอน ส่วนภาพสุดท้าย เป็นภาพของหนุ่มลูกครึ่งกำลังก้มหน้าลงไปชิดมือของสาวหมวย จนดูเหมือนว่าชายหนุ่มกำลังก้มลงจุมพิตที่หลังมือของหญิงสาว ภาพนี้เป็นภาพที่ชัดเจนที่สุด คงเพราะตากล้องใจกล้ายอมเสี่ยงใช้แฟลชลั่นชัตเตอร์ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมา   
          “ดีนะเนี่ยที่จับได้ ไม่งั้นได้เป็นข่าวใหญ่แน่” เพลินพิศอุทานด้วยความโล่งใจเมื่อสามารถยึดภาพเหล่านั้นมาอยู่ในมือของตนเองได้สำเร็จ
          ถ้าคุณนายพลอยได้เห็นภาพพวกนี้ละก็ ดับอนาถทั้งเราทั้งพี่ไก่แน่
          “นายรู้หรือเปล่าถ้าภาพพวกนี้กับข่าวมั่วๆ ที่นายนั่งเทียนเขียนขึ้นมามันหลุดออกไป ฉันจะวุ่นวายขนาดไหน” หญิงสาวหันไปเอาเรื่อง
          “ผมมีหน้าที่บอกเล่าข่าวที่เกิดขึ้นให้ประชาชนได้รับรู้” ตากล้องแอบถ่ายลอยหน้าลอยตาตอบ
          “ข่าวผิดๆ น่ะสิ!” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่
          “พวกคุณคบกันอยู่ก็ยอมรับมาเถอะน่า เรื่องแบบนี้มันปกติสำหรับหนุ่มสาวอยู่แล้ว ดาราคนอื่นเขามีก็แต่อยากเป็นข่าวกันทั้งนั้น” ตากล้องหนุ่มเอ่ยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว พร้อมส่งสายตายั่วโมโหไปให้คนที่จ้างวาน
          “เราขอซื้อภาพพวกนี้ไว้ได้ไหม” หนุ่มลูกครึ่งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยก่อนที่ตากล้องตัวดีจะพูดมากกว่านี้
          “หึ อาชีพผมซื้อไม่ได้ด้วยเงินหรอกนะ” คนแอบถ่ายบอกอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะยิ้มกวน แต่แค่ภาพพวกนี้น่ะ... ถ้าพวกคุณอยากได้จริงๆ ผมก็พอขายให้ได้ ว่าแต่... คุณจะให้เท่าไหร่ล่ะ
          “แล้วบอกว่าซื้อไม่ได้ เชอะ!” เพลินพิศเริ่มเกิดอาการแค้นเคืองจวนจะทิ้งมาดนางเอกอยู่รำไร
          เห็นหน้ามันแล้วคันไม้คันมือจังวุ้ยถ้าไม่ติดที่ต้องรักษาภาพนางเอกต่อหน้าคนนอกแล้วละก็ หึ!
          “นายก็เรียกมาสิ” มาร์คทำใจเย็นเริ่มการต่อรอง
          “สองหมื่นเป็นไง
          ดาราหนุ่มที่เป็นผู้วางแผนเหตุบังเอิญทั้งหมดได้ยินข้อเรียกร้องของตากล้องตัวดีก็คิ้วกระตุก ไม่มากไปหน่อยหรือไง
          เพลินพิศขัดหูขัดตากับท่าทางไม่รู้สำนึกของพวกแอบถ่ายหน้าเงินจึงแทรกเข้ามาเจรจากดราคาลงอีกหลายเท่าตัว แบบนี้มันขูดเลือดกันชัดๆ ฉันให้นายได้แค่สองพัน เลือกเอาเองนะ ว่าจะเอาเงินสองพันกับกล้องที่ลบภาพพวกนี้ทิ้ง หรือว่า... จะไม่เอาเงินแต่เอาเศษกล้องจากพื้นไปแทน
          เมื่ออีกฝ่ายยังอิดออดไม่ยอมตกลง หญิงสาวก็หมดความอดทน คว้ากล้องจากมือของบอดี้การ์ดหนุ่มยกขึ้นสูงขู่ ตากล้องหนุ่มก็ตกใจแทบจะกระโจนเข้าไปแย่งคืน แต่ติดที่ชายร่างสูงใหญ่สองคนยังยึดตัวเขาไว้แน่น
          “ก็ได้ๆ สองพันก็สองพัน” คนถูกเอาเครื่องมือหากินมาขู่รีบตอบตกลง
          “ดี!” เพลินพิศยิ้มเย็น ก่อนจะกดลบรูปทั้งหมดทิ้งอย่างสบายใจ เกือบโดนคุณนายพลอยเรียกตัวกลับบ้านแล้วไหมล่ะ ไอ้เพิร์ลเอ๋ย...
          “เอ้า! เอาคืนไป
เพลินพิศเดินมาส่งกล้องคืนให้เจ้าของ แต่ยังไม่วายแกล้งปล่อยมือก่อนที่เขาจะยื่นมือมารับเล็กน้อย ตากล้องหนุ่มใจหายวาบ รีบย่อตัวลงไปรับกล้องสุดรักสุดหวงไว้ทันทีตามสัญชาตญาณ
          “เข้าใจกันง่ายๆ อย่างนี้ค่อยดีหน่อย ขอบคุณมากนะคะคุณเรียว” หญิงสาวหันมาขอบคุณผู้ช่วยเหลือคนสำคัญ
          “ไม่เป็นไรครับ แต่ทีหลังคุณก็ต้องหลบให้ดี ระวังให้มากก็แล้วกัน พวกอย่างนี้มันมีอยู่เยอะ
เรียวเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มกว่าปกติเล็กน้อย จนหญิงสาวต้องรู้สึกแปลกใจ
เป็นอะไรของเขาล่ะเนี่ย?
          “ขอบใจนะที่เตือน” ชายหนุ่มอีกคนแทรกมารับคำแทน ก่อนจะยึดต้นแขนหญิงสาวไว้
          “กลับเข้าไปในงานกันเถอะครับคุณเพิร์ล เราออกมานานแล้วนะครับ
เพลินพิศพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันไปบอกลาชายหนุ่มเจ้าของใบหน้านิ่ง ฉันขอตัวก่อน ขอบคุณอีกทีนะคะ
          เรียวมองตามหลังสองหนุ่มสาวที่เดินคู่กันกลับเข้าไปในงานอย่างพอจะเข้าใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
ถ้าจะสวีตกันจนไม่ดูสถานที่ขนาดนี้ จะมัวมาปิดข่าวอยู่ทำไม บอดี้การ์ดหนุ่มนึกขุ่นขวางติงนางเอกสาวอยู่ในใจ ก่อนจะนึกสงสัยตัวเอง
แล้วเราจะอารมณ์เสียทำไมกัน...


อ่านต่อ >> ฉากที่ 4 : คู่แข่งหัวใจ


หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ




No comments:

Post a Comment