5 July 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

ท่วงเวลารัก - ท่วงรักที่ 5 : เร่งจังหวะ

ท่วงเวลารัก ชุดกาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





ท่วงรักที่ 5 : เร่งจังหวะ


            หากมีใครแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างเหนือรอยต่อแบ่งเขตพื้นที่การปกครองระหว่างยูไนเต็ดที่สิบสามและยูไนเต็ดที่สิบเอ็ด ในเวลานี้จะเห็น ฟลายอะเวย์ โรงแรมลอยฟ้ารูปทรงพีระมิดกลับหัวสีขาวคาดแถบสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ กำลังเคลื่อนที่มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือด้วยความเร็วไม่มากนัก เพื่อความรู้สึกสบายราวกับอยู่บนพื้นดินของผู้ที่เลือกการเดินทางพักผ่อนและท่องเที่ยวด้วยวิธีนี้
            ฟลายอะเวย์ลำนี้มีพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดสิบเจ็ดชั้น ช่วงสิบชั้นตรงกลางของอาคารลอยฟ้าแบ่งเป็นเคบินห้องพักหลายระดับหลายราคากว่าสองร้อยห้อง ส่วนสามชั้นด้านล่างนั้นเป็นที่จอดแอร์บัสขนาดใหญ่ สำหรับรับส่งนักเดินทางระหว่างฟลายอะเวย์และสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่มีสถานีให้ลงจอดพัก รวมทั้งยังมีพื้นที่สำหรับจอดแอร์โมบิลส่วนบุคคลที่ต้องเสียค่าจอดแพงลิบ ส่วนพื้นที่สี่ชั้นด้านบนเป็นพื้นที่อำนวยความสะดวกส่วนกลาง ซึ่งให้บริการกิจกรรมคลายเบื่อระหว่างการเดินทางมากมาย ทั้งบรรดาร้านอาหาร ร้านจำหน่ายสินค้า ห้องชมบันทึกการแสดง ห้องบำบัดด้วยน้ำและเสียง ห้องเกม และห้องออกกำลังกาย รวมไปถึงสวนไม้ประดิษฐ์ร่มรื่น บาร์กลางแจ้ง และสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ชั้นบนสุด
            บนทางเดินรอบนอกฟลายอะเวย์ซึ่งด้านหนึ่งเป็นผนังกระจกเปิดโล่งให้เห็นทิวทัศน์ริมชายฝั่งทะเลที่โรงแรมลอยฟ้ากำลังเคลื่อนผ่าน พีณากำลังจ้ำเท้าเร็วๆ ตามหลังเฌโรมออกมาจากห้องอาหารที่เธอเพิ่งก้าวเข้าไปพร้อมชารีย์เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก่อน เสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นดังไปตามทาง ประสานกับเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของชารีย์ที่ถูกทิ้งให้ต้องนั่งเฝ้าจานอาหารกลางวันเพียงลำพัง เพราะเฌโรมโผล่มาชวนเธอไปทานอาหารบนชั้นอื่นซึ่งเขาได้จองโต๊ะเอาไว้เป็นพิเศษ
            แต่ไม่นานหรอก... เดี๋ยวเพื่อนรักของเธอก็จะมีหนุ่มผิวเข้มตาหวานมานั่งเป็นเพื่อน
            พีณามัวแต่ดีใจที่แผนการสำเร็จ จึงไม่ทันได้สนใจมือของเฌโรมที่จับจูงให้เธอเดินตามไม่ยอมปล่อย แม้ว่าทั้งคู่จะทิ้งห้องอาหารแห่งนั้นมาไกล และเริ่มชะลอจังหวะก้าวเดินแล้วก็ตาม
            “พีณาไม่รู้มาก่อนเลยว่าทรีวันจะเจ้าแผนการขนาดนี้ อยากกินข้าวกับชารีย์ก็ไม่ยอมชวนเธอตรงๆ” เด็กสาวเปรยกับผู้ร่วมขบวนการ
            “ก็... เพราะทรีวันชอบชารีย์มากไง ยิ่งชอบมากก็ยิ่งไม่มั่นใจ ทั้งเขินทั้งกลัวถูกปฏิเสธ” เฌโรมพาพีณามาหยุดตรงหน้าลิฟต์ เอ่ยบอกออกไปโดยไม่กล้าสบตาคนถาม แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของหนุ่มวัยสิบเก้าก็ยังเผยพิรุธด้วยรอยแดงที่ผุดเรื่อขึ้นมารางๆ
            “เอ๋?” พีณาเปล่งเสียงเบาๆ พร้อมมองมือของตัวเองที่ยังถูกยึดเอาไว้อย่างแปลกใจ เธอช้อนสายตามองคนตัวสูงกว่าที่เมินหน้ามองแต่ประตูลิฟต์ที่กดเรียก คิ้วเรียวบางขมวดนิดๆ นึกสงสัยกับกระแสอารมณ์ที่ส่งสื่อผ่านมือที่ประสานกันอยู่
            “โรมก็เขินเหรอ?” เธอกระตุกมือเขาเบาๆ พร้อมเอ่ยถามตรงจัด
            คนมีความลับในใจสะดุ้งหันขวับมามองคนยิงคำถาม เฌโรมสบตาคู่สวยสีฟ้าอมเทาที่ฉายแววสงสัยใคร่รู้โดยไร้ความรู้สึกอื่นแอบแฝงอย่างลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะรีบปฏิเสธเพื่อไม่ให้เด็กสาวที่พลอยตกหลุมของเขากับทรีวันรู้ตัว แล้วรอช่วงบรรยากาศดีๆ ตามที่วางแผนเอาไว้ หรือจะอาศัยจังหวะนี้สารภาพความในใจออกไปเสียเลยดีกว่า
            แต่ระหว่างที่เขายังตัดสินใจไม่ได้ เสียงสัญญาณบอกว่ามีลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงก็ดังขึ้นตัดโอกาส ตามด้วยประตูลิฟต์ที่เลื่อนเปิดออก


            ร่างสูงสง่างามของชายหนุ่มวัยห้าสิบสามในชุดเสื้อโค้ตสีขาวที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ตัวนั้นชะงักไปครู่สั้นๆ
            ชาลส์กวาดสายตามองเด็กสาวที่วันนี้รวบผมยาวเป็นหางม้า เปิดให้เห็นวงหน้าอ่อนเยาว์และศีรษะกลมได้รูปสวย นัยน์ตาสีเทาคู่งามเปล่งประกายรื่นรมย์ขึ้นมาเลือนราง ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปตามร่างโปร่งบางในชุดกระโปรงสีขาวกับรองเท้าบูทสีน้ำตาลครึ่งแข้ง ดูทะมัดทะแมงและสดใสอ่อนหวานไปในเวลาเดียวกัน แต่แล้วนัยน์ตาคู่นั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งเย็นจัด ทั้งที่มีประกายไฟกองย่อมๆ สุมอยู่ในนั้น
            ไม่ใช่เพราะเสื้อแขนเว้าเปลือยไหล่หรือกระโปรงสั้นเหนือเข่าชวนให้หวงแหนแขนขาขาวๆ ของเธอ แต่เป็นเพราะมือเล็กข้างหนึ่งที่ถูกเด็กหนุ่มหน้าอ่อนในสายตาเขาเกาะกุมเอาไว้ต่างหาก
            ชาลส์สะกดอารมณ์หงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจเอาไว้ ยืนนิ่งปรายสายตามองตามคนทั้งคู่ที่เดินเลี่ยงอ้อมตัวเขาเข้าไปในลิฟต์ เห็นชัดว่าพีณาจงใจเมินหน้าหนีและไม่คิดทักทาย ใบหน้าเล็กๆ นั้นดูยุ่งจัดทีเดียวกับการได้พบเขาที่นี่ ในขณะที่เด็กหนุ่มผมทองนั้นมองเขาไม่หลบตาด้วยแววระมัดระวัง ไม่ไว้ใจ และไม่ชอบหน้า
            ดวงตาสองคู่ของสองหนุ่มสองวัยสานสบกันนิ่ง จวบจนรอยแยกของประตูของลิฟต์ปิดสนิทลงอย่างเงียบเชียบ
            ครู่หนึ่ง... เสียงทุ้มต่ำเรียบสนิทเดาอารมณ์ไม่ออกก็ดังขึ้น
            “ไหนว่าพีณากินมื้อกลางวันที่นี่”
            สเวนที่ติดตามเจ้านายมา พักร้อนต้องหน้าเคร่งยิ่งกว่าเวลาเจองานยาก เขาเองก็รู้ตำแหน่งของเด็กสาวจากเจ้าหน้าที่ในห้องวงจรปิดที่ต้องใช้ดีลแลกข่าวมา จึงสามารถรายงานเจ้านายได้ว่าเมื่อครู่ใหญ่พีณามาที่ห้องอาหารในชั้นนี้พร้อมกับชารีย์ แต่เหตุใดเด็กสาวจึงออกมาก่อนที่เจ้านายของเขาจะตามมาทัน ผู้ติดตามชั้นเลิศที่ไม่เคยทำงานพลาดอย่างเขาก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
            “ช่างเถอะ... บ่ายนี้จะแวะปล่อยนักเดินทางลงที่กอสก้าใช่ไหม พวกนักเรียนรู้มีโปรแกรมไปที่ไหนบ้าง ถามชารีย์มาให้เรียบร้อย”
            ผู้นำตระกูลหนุ่มออกคำสั่งโดยที่ไม่ได้หันกลับมามองผู้ติดตาม นัยน์ตาคมปลาบเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนยังขุ่นมัวไม่หาย เขาทอดสายตามองลงไปยังเกาะขนาดใหญ่ที่เห็นอยู่ไกลลิบ พร้อมกับใช้ความคิดอยู่เงียบๆ
            ก่อนหน้านี้เขาไม่อยากใจร้อนเห็นแก่ตัว รีบเร่งลิดรอนอิสรเสรีและความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กน้อยตั้งแต่ยังไม่ทันเติบโต เคยตั้งใจว่าจะเสพสุขกับการเฝ้ามองอาหารตาอยู่ห่างๆ บ้างเข้าไปแกล้งยั่วเด็กนิดๆ หน่อยๆ รอคอยเวลาเหมาะๆ ต่อไปอีกสักพัก แต่ไอ้เรื่องคู่เดตบ้าบอและภาพบาดตาเมื่อครู่ กลับกระตุ้นให้เสือร้ายอารมณ์ร้อนในตัวเขาอยากกระโจนออกมาล่าเหยื่อ ตะปบซ้ายตะปบขวา ต้อนเธอเข้ากรง แล้วแปะป้ายแมคแกรี่เสียตั้งแต่วันนี้ให้รู้แล้วรู้รอด!


          เวลาเกือบสิบสี่นาฬิกา แอร์บัสคันใหญ่ของฟลายอะเวย์ได้นำนักเดินทางมาส่งที่เกาะกอสก้า... เกาะขนาดใหญ่ที่มีภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งพื้นที่เทือกเขาสูงปกคลุมด้วยหิมะทางตอนเหนือ ธารน้ำใสเย็นเฉียบที่เกิดจากการละลายของหิมะบนยอดเขา ทั้งบริเวณที่ลาดทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่ และหาดเล็กแคบแต่ทอดยาวทางตอนใต้ของเกาะ
            เหล่านักเรียนรู้ของสถานเรียนรู้เอมฟิลด์เกือบสองร้อยชีวิต เดินตามกันมายังอาคารอำนวยการเขตพิทักษ์ความหลากหลาย เพื่อต่อแถวขึ้นเคเบิลบัสเปิดประทุนที่มีทั้งส่วนตู้โดยสารด้านล่าง และชั้นบนเป็นดาดฟ้าเปิดโล่งมีเพียงราวรั้วกั้น เสียงพูดคุยสนุกสนานเฮฮาของเหล่าวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ค่อยๆ ลดระดับเบาลงเรื่อยๆ ตามจำนวนผู้ที่เหลืออยู่ตรงสถานีภาคพื้นดิน
            เคเบิลบัสกรุกระจกสีดำเงาวับ นำพาผู้โดยสารเกือบสามสิบชีวิตเหินฟ้าผ่านบริเวณบ้านเรือนทรงกล่องสีสันสดใสใกล้ริมหาด ไต่ระดับสูงขึ้นผ่านเขตเนินดินสีแดงส้มสลับทุ่งหญ้าสีเขียวชวนตื่นตาตื่นใจ อากาศเย็นสบายค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงต่ำ สวนทางกับระดับความสูงของพื้นที่ จนเหลือเพียงสิบองศาเซลเซียสเมื่อมาถึงสถานีเคเบิลหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานีศูนย์กลางของการเที่ยวชมบรรดาสัตว์เขตหนาวหายากหลากหลายสายพันธุ์ในธรรมชาติด้วยเคเบิลซีต... เก้าอี้ตัวยาวที่เคลื่อนไปตามสายเคเบิล ตามเส้นทางต่างๆ ที่แตกแขนงไปทั่วบริเวณ เชื่อมโยงกับสถานีย่อยอีกนับสิบ
            เวลานี้พีณามีเฌโรมประกบซ้ายและซิลเวียประกบขวา เด็กสาวมองคนทั้งคู่ที่ต่างต้องการขึ้นเคเบิลซีตตัวเดียวกับเธออย่างคิดหนัก
            เมื่อกลางวันพีณาและชารีย์อาศัยจังหวะที่ซิลเวียเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ หลบออกมาจากเคบินโดยไม่บอกไม่กล่าว สร้างโอกาสให้ซิลเวียไปกินข้าวกับวัตต์สองต่อสอง แต่ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จงใจเกินเหตุนี้จะทำให้ซิลเวียซึ่งปกติก็ฉลาดล้ำลึกกว่าพวกเธอหลายเท่ารู้ทัน แถมยังไม่ยอมเล่นด้วย ถึงได้โต้กลับด้วยการยึดตัวพีณาเอาไว้ไม่ยอมแยกห่างมาตั้งแต่ออกจากฟลายอะเวย์
            ส่วนชารีย์ที่เมื่อกลางวันถูกพีณาทิ้งไว้ที่ห้องอาหารตามแผนซ้อนแผนของทรีวันน่ะหรือ เวลานี้สาวฮิปฮอปตาคมกลับสนิทสนมกับทรีวันชนิดก้าวกระโดด ถึงขนาดเดินจูงมือกันไม่ปล่อย และเอ่ยปากว่าจะแยกตัวไปกันสองคนอย่างที่คนแกล้งทิ้งเพื่อนยังนึกงง
            หลังจากละล้าละลังอยู่ครู่หนึ่ง พีณาก็หันไปมองหน้าเฌโรม แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยขอโทษและบอกว่าเธอจะไปกับเพื่อนสาว วัตต์ซึ่งเอาแต่เดินตามหลังเงียบๆ มาตลอดก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
            “วัตต์มีเรื่องจะคุยกับซิลเวีย เราไปกันสองคน ให้พีณากับเฌโรมไปกันก่อนได้ไหม” เสียงนุ่มของว่าที่แพทย์หนุ่มวัยยี่สิบปีเอ่ยขอร้อง สีหน้าและแววตาดูเคร่งขรึมกว่าปกติ
            ซิลเวียขบเม้มริมฝีปากบางเคลือบสีส้มอ่อนอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็บอกปฏิเสธไปด้วยความอึดอัดใจจนเกือบจะกลายเป็นต่อต้าน
            “ไม่... ซิลเวียจะไปกับพีณา”
            นั่นทำให้แววตากลัดกลุ้มปนเศร้าของวัตต์ยิ่งหม่นแสงเข้าไปใหญ่ คนแอบรักมานานแต่ขาดความมั่นใจเพราะฐานะที่แตกต่าง ต้องก้มหน้ามองพื้นเงียบๆ ไม่รู้จะตื๊อต่อยังไง ทำเอาชารีย์อดหาทางช่วยพูดไม่ได้ เธอทั้งเห็นใจทั้งอยากเอาใจช่วยให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่ได้สมหวัง
            “แต่พีณาเป็นคู่เดตเฌโรมนะ ซิลเวียจะไปขัดขวางทำไม แปลกคนจริง”
            ประโยคนั้นของชารีย์ทำเอาทรีวันถึงกับหันมามองหน้าเธอยิ้มๆ คำพูดคุ้นหูนั่น มันเป็นคำที่เขาใช้พูดกล่อมเธอเมื่อครั้งก่อนไม่ใช่หรือไง
            ซิลเวียได้ยินอย่างนั้นก็ใช้สายตาตัดพ้อมองมา จนชารีย์เกิดอาการชะงักงัน รู้สึกผิดขึ้นมาราวกับเมื่อครู่ตัวเองทำความผิดใหญ่หลวง
            “งั้นก็ไปกันตามสบายเถอะ ซิลเวียไปคนเดียวก็ได้!” พูดเสียงดังจบ ว่าที่แพทย์สาวก็ก้าวฉับๆ ไปยังชานชาลาเคเบิลซีตที่ใกล้ที่สุด
            ในระหว่างที่สองสาวที่เหลือพากันมองหน้ากันไปมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ตกใจกับเสียงดังๆ ของคนที่มักอ่อนโยนใจเย็นอยู่เสมอ วัตต์ก็วิ่งถลันตามร่างโปร่งบางไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวข้างๆ เธอ ดึงโครงโลหะด้านบนลงมาล็อกต้นขาของทั้งคู่ไว้เสร็จสรรพ แว่วเสียงของเขาตะโกนบอกทุกคนที่ยืนมองตามว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะดูแลซิลเวียเอง
            พีณามองตามไปอย่างอึ้งๆ แล้วหันกลับมามองชารีย์ที่ออกอาการตาค้างไม่ต่างกัน “ไม่เคยเห็นซิลเวียเสียงดังอย่างนี้เลยเนอะ”
            “ไม่เคยเห็นวัตต์ใจกล้า ตีมึนตามตื๊อได้ขนาดนี้เหมือนกัน”
            สองสาวรำพึงให้กันฟังแล้วก็หัวเราะออกมา หันกลับไปมองตามหลังอย่างเอาใจช่วยเพื่อนรักทั้งสองคนจนสุดสายตา
            “เราก็ไปกันบ้างดีไหม”
            ทรีวันเอ่ยชวนพร้อมสอดมือเข้ามาประสานมือของชารีย์ เตรียมจับจูงให้เดินแยกไป แต่ทว่าพีณากลับรีบคว้ามือเพื่อนรักอีกข้างเอาไว้ทันควัน
            “เดี๋ยวก่อน! นี่มันยังไง... ตกลงว่าชารีย์กับทรีวัน?” เธอเพิ่งมีโอกาสซักถาม ดวงตากลมโตเปล่งประกายวิบวับมองหน้าคนทั้งคู่สลับกันไปมา
            เท่านั้นสาวแข็งๆ ผู้มั่นใจในตัวเองอย่างชารีย์ก็เสหลบสายตา จนพีณาต้องเขย่ามือเพื่อนรักเร่งเอาคำตอบ
            “อือ! ก็อย่างที่เห็นแหละ เมื่อกลางวันพอเห็นทรีวันโผล่มาตีมึนขอนั่งด้วย ชารีย์ก็โพล่งถามไปเล่นๆ ว่าคิดจะจีบเราหรือไง นายนี่ก็ดันตอบมาว่าใช่ ก็เลยโอเค ลองเดตกันดู”
            คำพูดรัวเร็วยิ่งกว่าแร็พที่เล่าสรุปเหตุการณ์โดยไม่หยุดหายใจ ทำเอาพีณาทั้งอึ้งทั้งยินดีด้วย แต่ก็ยังไม่วายถามต่อด้วยไม่อยากจะเชื่อ
            “ง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ”
            “อือ! ก็แค่ลองเดตกันดู จะทำให้ยากไปทำไมเล่า”
            คน ไม่ยากใช้เสียงดังแถมยังสะบัดสูงกว่าปกติกลบอาการเขิน
            ส่วนทางทรีวันก็ยืนยิ้มย่อง พยักหน้าสนับสนุน ก่อนจะเขย่ามือเร่งคู่เดตหมาดๆ อีกรอบ จากนั้นทั้งคู่ก็จูงมือเดินแยกไปยังชานชาลาเคเบิลซีตคนละเส้นทางกับที่วัตต์และซิลเวียเพิ่งจากไป ทิ้งให้พีณาและเฌโรมยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพัง
          ดูท่าว่างานฉลองจบการเรียนรู้ จะกลายเป็นงานจับคู่ไปเสียแล้ว
            พีณากำลังนึกอย่างขำๆ ก็พลันมีมือหนึ่งยื่นส่งมาตรงหน้า เธอเงยหน้ามองเจ้าของมันก็พบกับแววตารื่นเริงยิ้มได้ของ คู่เดตของตัวเอง
            “คนโดนเพื่อนทิ้งอย่างเรา คงต้องจับคู่กันเองแล้วล่ะเนอะ”
            เด็กสาวยิ้มขันให้เขา แล้ววางมือลงบนฝ่ามือที่รอรับแรงๆ เกือบเป็นฟาด จากนั้นก็จับจูงมือใหญ่กว่าให้เดินตามไปยังเส้นทางที่เธอเล็งไว้
            โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครต่อใครคอยติดตามไปเป็นขบวน...
            ทั้งสามสาวแก๊งเทรวี... นักเรียนรู้สุดสวยคนดังแห่งเอมฟิลด์ ที่มักปรากฏตัวตามสนามซ้อมและสนามแข่งโฮเวอร์เรซซิ่งเพื่อให้กำลังใจเฌโรมอยู่เป็นประจำ
            ทั้งชายร่างสูงใหญ่ในชุดกระชับรูปสีเข้มที่มีอักษร ‘Mc’ อยู่ตรงอกซ้าย ชายหนุ่มสองคนที่ดูนิ่งเฉย เคร่งเครียด และไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมของการเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนโดยสิ้นเชิง
            และห่างออกไปอีกสี่ห้าช่วงเคเบิลซีต... ชายหนุ่มในเสื้อโค้ตสีขาวตัวยาวซึ่งคอยตามไปห่างๆ ไม่เร่งรีบ ใบหน้าชวนมองที่หลายคนอาจคุ้นตานั้นถูกอำพรางไว้ด้วยแว่นตัดรังสีสีเข้มจนมองไม่เห็นแววตาคมกริบ ประกบติดด้วยชายหนุ่มรูปร่างใกล้เคียงกันในชุดกระชับรูปสีเข้ม ผู้ติดตามมือหนึ่งที่พอได้รับฟังคำสั่งมากมายจากปากของเจ้านายแล้วต้องลอบถอนหายใจ
            ไม่รู้ว่าการที่เจ้านายให้ความสนใจเด็กสาวคนหนึ่งมากมายขนาดนี้ เธอควรเป็นคนที่น่าอิจฉาหรือน่าเห็นใจมากกว่ากัน


            เกาะกอสก้าตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาณาเขตน้ำแข็งขั้วเหนือ ถึงแม้ว่าช่วงห้าหกร้อยปีมานี้จะเริ่มมีผู้คนย้ายถิ่นฐานเข้ามาอาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้มากขึ้น แต่ด้วยความหนาวเหน็บและกำแพงค่าครองชีพอันสูงลิบ จำนวนประชากรจึงไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมากมาย จนทำลายธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของที่นี่ไป การพัฒนาเทคโนโลยีและวันเวลาบนเกาะกอสก้าและเขตใกล้เคียงดูจะดำเนินไปในจังหวะเนิบช้า ไม่เหมือนเขตอบอุ่นกว่าที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น เขตเมืองก็เต็มแน่นไปด้วยอาคารสูงระฟ้า โดมกระจกควบคุมบรรยากาศ และสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์มากมาย
            สายลมเย็นจัดพัดผ่านตลอดร่างของคนที่นั่งอยู่บนเคเบิลซีตซึ่งลอยเลื่อนอยู่เหนือพื้นดินราวสามสิบเมตร และค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นเขาสูงขึ้นช้าๆ ชุดกระชับรูปแบบมีฮู้ด เสื้อโค้ตและถุงมือที่ผลิตจากวัสดุป้องกันการถ่ายเทอุณหภูมิ ช่วยปกป้องผู้สวมใส่ได้อย่างดีเยี่ยมจนไม่รู้สึกถึงความหนาว แม้อากาศจะลดต่ำลงเหลือเพียงสามถึงสี่องศา และอาจจะติดลบในอีกไม่นาน พีณาสูดลมหายใจเข้าลึก หอบเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดให้คุ้มกับการได้มาเยือนที่นี่ เพราะอากาศของเทือกเขากอสก้าพีคตรงนี้ เมื่อถูกอัดบรรจุในกระป๋องแล้ววางขายตามเซ็นเตอร์ในยูไนเต็ดนั้นมีราคาหลายพันดีลเลยทีเดียว
            เมื่อสูดอากาศจนพอใจแล้ว พีณาก็เริ่มสอดส่ายสายตาลงไปยังลาดเขาเบื้องล่าง มองหาเหล่าสัตว์ที่เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ให้อยู่กันตามธรรมชาติและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหากไม่จำเป็น เพียงไม่นานเธอก็พบสิ่งมีชีวิตเจ้าถิ่นชนิดแรก มือเล็กๆ ข้างหนึ่งรีบสะกิดคนข้างตัวแล้วชี้บอกโดยไม่ส่งเสียงดัง ขณะที่มืออีกข้างรีบยกกล้องกำลังขยายสูงที่ได้รับมาตั้งแต่ตอนเข้าแถวขึ้นเคเบิลบัส จับภาพฝูงสัตว์ที่พบเห็นเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะแตะบนหน้าจอเพื่อแสดงภาพ พร้อมกันนั้น เสียงบรรยายถึงสัตว์ที่อยู่ในจอก็ดังขึ้นในหูฟังที่สวมอยู่
          ‘Budorcas taxicolor... สัตว์กินหญ้าสี่เท้า เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม ใบหน้าและเขาเหมือนแพะ แต่ขนาดและรูปร่างเหมือนวัวป่า ขนยาวหนาสีน้ำตาลอ่อนจนถึงเข้ม ตัวโตเต็มที่หนักถึงสองร้อยห้าสิบกิโลกรัม ในอดีตเคยเป็นสัตว์ประจำชาติโบราณในเขตเทือกเขาหิมาลายา...
            เคเบิลซีตเคลื่อนที่ต่อไปตามเส้นทางยังไม่ทันไร คำอธิบายก็ยังฟังไม่ทันจบดี สายตาว่องไวของเฌโรมก็มองเห็นกวางเขางามเป็นแพอยู่ตรงแนวโขดหินไกลๆ กล้องที่คล้องคอเขาถูกยกขึ้นมาจับภาพไว้ทันที ด้วยกลัวมันจะหนีหายไปจากสายตา และยังแถมด้วยไก่ป่าสีเขียวอมน้ำเงินสวยสะดุดตาที่อยู่ใกล้ๆ กันอีกด้วย
            ‘Megaloceros giganteus... กวางยักษ์หรือกวางไอริชที่สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อสองหมื่นปีก่อน สามารถโคลนนิ่งปลุกชีพได้สำเร็จเมื่อหนึ่งร้อยแปดสิบปีที่แล้วโดยสถาบันโรอัส กวางไอริชมีความสูงถึงสองเมตร ลักษณะเขาโดดเด่นสวยงามและกว้างถึงสี่เมตร...
            บรรดาสัตว์ที่อยู่บนเกาะกอสก้าทั้งหลากหลายและแปลกตา บ้างเป็นสัตว์ท้องถิ่นไม่สามารถพบเห็นที่อื่น บ้างเป็นสัตว์หายากเกือบสูญพันธุ์ บ้างก็ได้รับการปลุกชีพขึ้นมาใหม่จากชิ้นส่วนฟอสซิล
            พีณาและเฌโรมพากันชี้ชวนช่วยกันมองหา เฝ้าดู และจับภาพเหล่าสัตว์ที่เห็นกันอย่างสนุกสนานตื่นตาตื่นใจ ส่วนคำบรรยายบางอย่างที่ฟังไม่จบนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์และต้นไม้ดอกไม้ที่ถ่ายภาพไว้ได้จะถูกบันทึกลงในกล้องบรรยายภาพโดยอัตโนมัติ หากต้องการ พวกเธอก็สามารถซื้อ ดาต้าเป็นที่ระลึกไว้รับชมย้อนหลังได้
             เวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง หลังพ้นจากหมีดำแม่ลูกที่ป้วนเปี้ยนอยู่ตรงภูเขาหิน และนกฮูกตัวโตหน้ากลมขาววอกที่ขนตามตัวเป็นสีขาวแซมดำ เคเบิลซีตก็พาทั้งคู่มาถึงสถานีหกซึ่งอยู่บนเทือกเขาสูงเกือบสองพันห้าร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเล สถานีแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าสองสามสถานีที่พวกเธอผ่านมาโดยไม่ได้แวะพัก ที่นี่มีทั้งจุดชมวิวเป็นลานกระจกกลมยื่นออกไปเหนือเวิ้งเขา มีร้านขายของที่ระลึก และคาเฟ่เล็กๆ เป็นกระท่อมไม้ดูอบอุ่นน่าเข้าไปนั่ง อีกด้านหนึ่งยังมีลานสกีและสโนว์บอร์ด เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่เริ่มเบื่อกับการนั่งเฉยๆ บนเคเบิลซีตให้สามารถเล่นลงไปด้านล่างได้อีกทาง
            พีณาเอ่ยขอบคุณเบาๆ ขณะยื่นมือไปรับกระป๋องนมซินนามอนอุ่นๆ ที่เฌโรมหยิบออกมาจากตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติและบริการเปิดฝาให้ ก่อนจะหันไปมองหาที่นั่งพัก ครู่ถัดมาทั้งคู่ก็ได้นั่งยืดแข้งยืดขา กัดขนมแป้งย่างโรยผงโปรตีนรสเผ็ด จิบเครื่องดื่มอุ่นๆ แกล้มด้วยวิวเนินเขาหิมะ เนินทุ่งสีเขียวแดงไล่ไปถึงแนวชายหาด จรดท้องทะเลและท้องฟ้ากว้างไกล
            “พีณาอยากไปไหนต่อ อยากขึ้นไปสถานีสิบเอ็ดไหม” เฌโรมถามหลังจากจัดการของว่างจนหมด
            พีณาหมุนเอี้ยวตัวไปด้านหลัง แหงนหน้ามองยอดเขาสูงซึ่งจุดที่พวกเธออยู่นี้เพิ่งขึ้นมาได้เพียงครึ่งทาง นึกอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าการนั่งเฉยๆ บนเคเบิลซีตไม่น่าสนใจเท่าไรแล้ว พอตัดสินใจเลือกได้ เธอก็ส่ายหน้า
            “พีณาขอไปดูของที่ระลึกหน่อย แล้วเราสกีลงไปข้างล่างกันดีกว่า”
            เฌโรมตอบรับอย่างตามใจ ดวงตาพราวประกายขึ้นมาทันที หนุ่มนักโฮเวอร์เรซซิ่งเห็นโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือ อวดความเก่งกาจบนสโนว์บอร์ดให้เธอได้เห็น แล้วหากเธอล้มเพราะไม่ชำนาญ เขาก็จะคอยฉุดดึงเธอขึ้นมา แสดงความเป็นผู้นำและเข้มแข็งปกป้องเธอได้ ช่วยประคับประคองพาเธอโลดโผนไปบนหิมะขาวด้วยกันอย่างสุขสำราญ คิดแล้วมันคงสร้างความประทับใจให้เธอได้ไม่น้อยเลย
            พีณายิ้มให้หนุ่มนักกีฬาที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกันมาก่อน รับรู้ได้ว่าเวลานี้เขาอารมณ์ดีและกำลังตื่นเต้นกับการที่จะได้เล่นสกีหิมะ เธอคิดเพียงว่าคงเป็นเพราะเขาชื่นชอบการเล่นกีฬามาก ไม่ทันได้รู้ความคิดลึกๆ ของคนข้างตัวเลยแม้แต่น้อย


            ทว่าแผนการสร้างความประทับใจของเฌโรมกลับต้องพังทลายไม่เป็นท่า เมื่อพีณายืนยันว่าเธอสามารถเล่นสโนว์บอร์ดในเส้นทางระดับบีคลาสเช่นนี้ได้สบายมาก แถมคนตัวบอบบางยังชักชวนให้เล่น ฟรีไรด์ซึ่งเป็นการเล่นนอกเส้นทางหลักที่มีการปรับผิวหน้าหิมะเพื่อความสะดวกปลอดภัยไว้แล้วอีกด้วย
             เฌโรมเฝ้ามองคนที่กล้ายเป็นฝ่ายสร้างความประหลาดใจและประทับใจให้เขาไม่วางตา พีณากำลังก้มหน้าก้มตาเลือกระดับความยากง่ายของเส้นทางตามธรรมชาติบนหน้าจอเล็กๆ ของโดรนนำทาง ความสดใสมีชีวิตชีวาของเธอยิ่งทำให้เขาเทใจให้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ
            จนเมื่อพีณาตัดสินใจเลือกเส้นทางที่มีต้นสนขึ้นประปรายให้ต้องลดเลี้ยวหลบเลี่ยง มีกองหิมะสูงและไหล่เขาเป็นแท่นกระโดดตามธรรมชาติสองสามแห่ง เฌโรมก็ปล่อยโดรนนำทางที่ตั้งโปรแกรมเส้นทางเรียบร้อยให้ลอยขึ้นฟ้า เมื่อเด็กสาวลดหน้ากากตัดรังสีป้องกันลมและหิมะลงมาเตรียมพร้อม เขาก็พยักพเยิดหน้าให้เธอออกตัวไปก่อน เพื่อที่เขาจะได้คอยติดตามดูแลอยู่ด้านหลัง
            รอจนร่างในชุดป้องกันสีชมพูสดพุ่งไถลไปแล้วระยะหนึ่ง เฌโรมก็ขยับตัวเตรียมจะออกตัวตามติด แต่ทว่าเสียงร้องและร่างของใครบางคนที่ลื่นมาล้มกองอยู่ไม่ไกลก็ทำให้เขาต้องชะงักเสียจังหวะ
            “ว้าย! เดห์ลา! โรมคะ โรมช่วยเธอหน่อยเถอะค่ะ”
            เสียงตะโกนจากมิวต้าที่ยืนอยู่ห่างไปเกือบร้อยเมตร แล้วยังเสียงโอดโอยเจ็บปวดของสาวชุดแดง ทำเอาคนที่ถูกเรียกเอาไว้ไม่อาจใจดำเมินเฉย สายตาเป็นกังวลของเฌโรมมองตามหลังร่างสีชมพูไปอย่างนึกห่วง แต่เมื่อเห็นว่าร่างที่เห็นอยู่ไกลลิบดูเชี่ยวชาญแคล่วคล่องสมคำคุย เขาก็พอคลายใจลงไปได้บ้าง คิดว่าอีกสักครู่พีณาคงจะหยุดรอเมื่อรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ตามไป และเขาก็สามารถตามรอยกดลึกบนปุยหิมะเป็นทางไปได้ไม่ยาก
            เฌโรมคิดแล้วก็หันมาทางคนที่ยังนั่งก้นจ้ำเบ้าไม่ยอมลุก
            “เป็นยังไงบ้างเดห์ลา ลุกไหวไหม”
            “ไม่ไหว... เดห์ลาเจ็บหลังจัง ขยับตัวไม่ไหวเลย” เดห์ลาบอกเสียงหวิวอ่อน ใบหน้าสวยเหยเกอย่างเจ็บปวด ดวงตาเหลือบช้อนขึ้นมองเขาอย่างน่าสงสาร
            คนได้ยินอาการของเธอพลันหน้าเครียด รีบมองซ้ายมองขวาหาเจ้าหน้าที่ประจำลานสกีทันที แต่เขาไม่เห็นร่างของเจ้าหน้าที่เลยสักคน แถมจุดนี้ค่อนข้างห่างไกลออกมาจากทางหลัก ผู้คนจึงบางตา และเวลานี้แทบไม่มีคนอื่นเลย นอกจากมิวต้าที่ส่งเสียงร้องบอกให้เขาอยู่เป็นเพื่อนเดห์ลาสักครู่ เธอจะรีบไปตามคนมาช่วย ว่าจบก็คว้ามือเพื่อนสาวอีกคนผลุบหายไปทันทีโดยไม่รอฟังอะไรเลย
            แล้วคนที่หัวใจกระโจนตามเด็กสาวที่ฟรีไรด์ไปเพียงลำพังจะทำอย่างไรได้ นอกจากยืนรออยู่ตรงนั้นด้วยความกังวล และเฝ้านับเวลาให้หน่วยปฐมพยาบาลมาถึงเสียที

           
            หลังจากกระโจนตัวลอยข้ามไหล่เขาลงมายังภูเขาหิมะระดับต่ำกว่า สโนว์บอร์ดของพีณาก็แล่นไถลตามพื้นลาดเอียงต่อไปด้วยการทรงตัวอันดีเยี่ยม จนห่างมาไกลระยะหนึ่ง เธอก็ทิ้งน้ำหนักตัวตีวงวาดโค้งจนปุยหิมะขาวฟูเหมือนผงแป้งสาดออกเป็นวงราวกำแพงคลื่น จากนั้นก็หยุดยืนนิ่ง เช่นเดียวกับโดรนนำทางที่จับสัญญาณการเคลื่อนไหวจากข้อมือของเธอ แล้วลอยตัวอยู่นิ่งๆ โดยอัตโนมัติ
            พีณาหันไปมองทางแท่นกระโดดธรรมชาติอย่างรอคอยคาดหวัง ระดับนักโฮเวอร์เรซซิ่งผาดโผนอย่างเฌโรม เขาคงจะวาดลีลา ตีลังกาหมุนตัวโลดโผนน่าตื่นใจให้ได้ชม ไม่ใช่แค่กระโดดพุ่งมาตรงๆ เรียบง่ายอย่างเธอเป็นแน่
            แต่รออยู่นานก็ยังไร้เงาของเขา จนพีณาชักรู้สึกผิดปกติและเป็นห่วงเขาขึ้นมา ก่อนหน้านี้เธอมัวแต่ตั้งใจพุ่งถลาไปตามเส้นทางที่โดรนสีเหลืองนำทางอยู่ไม่ห่าง ไม่ทันได้เหลียวมองคนตามหลังเลยสักนิด
            พีณาชะเง้อมองไปบนลาดเขาสูงต่างระดับนับสิบเมตร แต่จากจุดนี้เธอมองไม่เห็นเส้นทางที่ผ่านมาเลย เด็กสาวกำลังจะต่อการสื่อสารไปหาเฌโรมอย่างกังวลร้อนใจ แต่ทันใดนั้นเอง... เหนือชะง่อนหินซึ่งปกคลุมด้วยหิมะหนานุ่มก็ปรากฏการเคลื่อนไหว ร่างสูงในชุดป้องกันสีน้ำเงินสดโผนทะยานพุ่งลอยตัวเหนือห้วงอากาศมาอย่างรวดเร็ว
            เขาไม่ได้ตีลังกาผาดโผนอย่างที่คาดหวัง แต่ร่างนั้นย่อกายทรงตัวด้วยสองขาแน่วนิ่งขณะพุ่งเหินกลางอากาศ หลายวินาทีต่อมาก็ลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างมั่นคง ไถลพุ่งตรงมาทางเธอด้วยความเร็วสูง ท่าทางทรงพลังกำจายความดุดัน จนพีณาถูกสะกดให้มองค้างอย่างไม่อาจละสายตา
            จนกระทั่งร่างสูงใหญ่นั้นมาหยุดอยู่เบื้องหน้า เธอจึงได้กะพริบตาเรียกสติ...
          เขาไม่ใช่เฌโรม!
          เธอควรจะนึกได้ตั้งแต่เห็นสีชุดของเขาแล้ว ไม่ใช่เผลอมองตะลึง จนเพิ่งมาร้องลั่นในใจเอาตอนที่เขาเลื่อนหน้ากากป้องกันออกจากใบหน้าอย่างนี้
            “มาได้ไงกัน...” พีณาหลุดคำถามที่อื้ออึงอยู่เต็มหัวออกไป
            ชาลส์มองอาการประหลาดใจเต็มพิกัดของเด็กสาวแล้วก็พยายามตีหน้าให้เรียบสนิท ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วเอ่ยถามกลับ
            “ฉันควรถามเธอมากกว่า นึกยังไงถึงมาอยู่ตรงนี้คนเดียว”
            คำถามคล้ายพ่วงคำตำหนิของเขาทำเอาพีณานึกขุ่นใจขึ้นมาทันที พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ตอบไปอย่างไร้มารยาทว่า มายุ่งอะไรด้วยแล้วเปลี่ยนเป็นเอ่ยตอบกึ่งไล่ออกไป
            “เดี๋ยวเพื่อนพีณาก็ตามมาแล้ว มิสเตอร์จะไปต่อก็ไปเถอะค่ะ”
            ชาลส์ฟังแล้วก็เลิกคิ้ว เอียงศีรษะครุ่นคิดโดยไม่อำพรางสีหน้า จนคนที่ถูกสายตาคมกริบจ้องมองต้องขมวดคิ้วหน้ายุ่งตาม แต่แล้วสิ่งที่เขาบอกต่อมากลับสร้างความประหลาดใจให้เธอยิ่งกว่า
            “งั้นฉันอยู่รอเป็นเพื่อน จนกว่าเพื่อนของเธอจะมาก็แล้วกัน”
            “เอ๋? ไม่ต้องหรอกค่ะ” พีณาเปล่งเสียงอย่างไม่มั่นใจว่าฟังถูก ก่อนจะรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
            “ไม่ต้องเกรงใจ เห็นแก่ที่เรารู้จักกัน จะทิ้งเธอไว้ตรงนี้คนเดียวก็คงไม่เข้าท่า” ชาลส์ว่าจบก็ตัดบทด้วยการหมุนตัวหันข้างให้ ปล่อยให้พีณาเอียงหน้ามองคนที่จู่ๆ มาทำใจดีด้วยอย่างงุนงง รับมือคนมาแปลกไม่ถูก


            “โรมช่วยพยุงเดห์ลาหน่อยได้ไหม”
            เสียงอ่อยๆ ของเดห์ลาเอ่ยขอร้อง หลังจากถูกเฌโรมปล่อยให้นั่งกองกับพื้นหิมะเย็นเฉียบมาพักใหญ่ เพราะเขาไม่กล้าผลีผลามขยับตัวหรือเคลื่อนย้ายคนที่บาดเจ็บตรงหลัง
            “ดีขึ้นแล้วเหรอ”
            “อืม... ยังเจ็บอยู่บ้าง แต่ไม่มากเท่าตอนแรกแล้วล่ะ”
            สาวงามตอบพลางย่นคิ้วด้วยความเจ็บ และเมื่อเฌโรมก้าวเข้ามาพยุงปีกพาตัวเธอลุกขึ้นยืน เธอก็ฉวยจังหวะเอนกายซบอกหนุ่มนักกีฬาอย่างเนียนๆ พร้อมเอ่ยเสียงออดอ้อน
            “พวกมิวต้าก็ไม่รู้หายไปตามคนถึงไหน เดห์ลาไม่อยากรอแล้ว โรมช่วยประคองเดห์ลาไปห้องพยาบาลได้ไหมคะ”
            คนถูกขอร้องเกิดอาการลังเลขึ้นมาทันที เขาเสียเวลาอยู่ตรงนี้มาเกือบสิบนาทีแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้พีณาจะเป็นอย่างไรบ้าง คิดไปคิดมาแล้วเขาก็ตัดสินใจบอกคนที่ยืนเองไม่ตรงจนเขาต้องคอยประคองให้รอสักครู่ ก่อนจะยกข้อมือข้างที่สวมจีเนียสวอตช์ขึ้นมาต่อการสื่อสารไปหาคนที่นึกห่วง ดูท่าแล้วเขาคงไม่อาจตามเธอไปได้ในเวลาไม่นานอย่างที่คิดไว้แต่แรก
            “โรม! อยู่ที่ไหนน่ะ หลงหรือเป็นอะไรไป? ทำไมตามมาไม่ถึงอีก”
            เสียงถามนั้นมาพร้อมใบหน้าร้อนใจที่ลอยเด่นเป็นรูปโฮโลแกรมสามมิติอยู่เหนือหน้าปัดจีเนียสวอตช์ พอได้เห็นท่าทางของเธอว่ายังดูสบายดีและไม่พบเจอปัญหาอะไรระหว่างทาง เฌโรมจึงพอคลายความกังวลลงไปได้บ้าง
            “ขอโทษที่ไม่ได้รีบตามไปนะพีณา พอดีโรมยังไม่ทันได้ออกตัวก็เจอเดห์ลาล้มเจ็บ เลยต้องอยู่รอหน่วยแพทย์เป็นเพื่อนเธอ”
            “งั้นเหรอ แล้วเธอเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจ็บหนักใช่ไหม”
            “ทีแรกเหมือนจะหนักที่หลัง ตอนนี้ค่อยดีขึ้นบ้างแล้ว เพียงแต่เรารออยู่นานก็ไม่มีใครมาเสียที ขนาดนักท่องเที่ยวก็ยังไม่ผ่านมาสักคน โรมเลยคิดว่าคงต้องพาเดห์ลาไปส่งห้องปฐมพยาบาลด้วยตัวเองดีกว่า”
            เฌโรมอธิบายละเอียดยิบ ชดเชยความรู้สึกไม่ดีที่ปล่อยให้คู่เดตซึ่งควรดูแลเอาใจใส่อย่างดี ต้องไปอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมะนอกเส้นทางหลักตามลำพัง
            “อืม” พีณาพยักหน้ารับรู้ “แล้วยังไง เสร็จแล้วโรมจะตามมาไหม อีกนานหรือเปล่า”
            ทันทีที่พีณาเอ่ยถาม น้ำหนักตัวที่เดห์ลาพิงลงมาก็มากขึ้นจนทำเอาเฌโรมเกือบล้ม เขารีบเกร็งตัวรับและเพิ่มแรงแขนเพื่อโอบประคอง ดูท่าแล้วคงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะพาเธอไปถึงห้องปฐมพยาบาล
            เฌโรมยกจีเนียสวอตช์ขึ้นมามองพีณาอีกครั้ง เขาไม่อยากให้เธอต้องแกร่วรออยู่โดดเดี่ยวนานขนาดนั้น ช่วงเวลาสำหรับเล่นสโนว์บอร์ดลงไปตามเส้นทางที่คำนวณไว้ก็แค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หากให้พีณาไปต่ออาจจะลำบากเธอน้อยกว่าการต้องมาหยุดรอ
            “อาจจะอีกพักใหญ่เลย เอ่อ...”
            “พีณาไปต่อเองได้นะ โรมจะได้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง หรือต้องรีบร้อนมาหาพีณา” เธอออกปากแทนคนอ้ำอึ้ง
            “แน่ใจนะ” เฌโรมย้ำอย่างอดห่วงไม่ได้ แล้วเขาก็ต้องออกแรงกระชับตัวเดห์ลามากขึ้น เมื่อเธออุทานเจ็บและทำท่าจะทิ้งตัวล้มอีกรอบ
            “แน่สิ โรมดูแลเดห์ลาให้เต็มที่เถอะ”
            พวกเขาพูดจากันต่ออีกไม่กี่ประโยคก็ตัดการสื่อสาร เฌโรมหันมาประคองตัวเดห์ลา มุ่งหน้าไปยังอาคารอำนวยการลานสกีอย่างทุลักทุเลไม่น้อย เพราะคนเจ็บเข่าอ่อนแข้งขาไม่มีแรงอยู่เป็นระยะ จนสุดท้ายเขาก็ต้องตวัดช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม เดินก้าวช้าๆ ต่อไปอย่างระมัดระวังไม่ให้ลื่นล้มลงไปกองทั้งคู่
            โดยมีสายตาของมิวต้าและจิวมี่แอบมองอยู่ไกลๆ สองสาวพากันยิ้มกริ่มหัวเราะคิกคักกับความสำเร็จของเพื่อนร่วมแก๊ง เทคะแนนให้เดห์ลาสำหรับแผนการแยกคู่และการแสดงเรียกคะแนนสงสารครั้งนี้อย่างท่วมท้น

            สามสาวเทรวีไม่ได้นึกเอะใจสักนิดเลยว่าการที่พวกเธอทำสำเร็จงดงามเช่นนี้ แท้จริงเป็นเพราะมีใครบางคนแทรกมือเข้ามาให้การสนับสนุนอย่างลับๆ ต่างหาก


อ่านต่อ >> ท่วงรักที่ 6 : ตกหลุมเสือโจน


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 

NaiinPann : https://goo.gl/zPJdfH
Google Play : https://goo.gl/NuGawa



No comments:

Post a Comment