8 July 2017

# แก่นฝัน # เจาะระบบ@หัวใจ

เจาะระบบ@หัวใจ - 005 : กามเทพแฝด

เจาะระบบ@หัวใจ ชุดสี่สาว

ผู้เขียน : แก่นฝัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต


005 : กามเทพแฝด

ขณะนี้เป็นเวลาสิบหกนาฬิกาของวันศุกร์แล้ว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันหยุดสุดหรรษาที่ใครหลายคนรอคอย แต่ว่าไม่ใช่แฮกเกอร์สาวแน่นอน
“ถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันเสาร์ แต่อย่าลืมล่ะว่ามันไม่ใช่วันหยุดของเธอ” 
ไอยราวัณแวะมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของลูกน้องสาวที่กำลังเก็บคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กลงกระเป๋าสีฟ้าสดใส ชายหนุ่มเท้าสองมือตรงกลางโต๊ะแล้วโน้มตัวลงมาส่งยิ้มกวนๆ ให้ในระยะใกล้ มาดห่างเหินอย่างในวันแรกที่ได้เจอกันไม่หลงเหลืออยู่บนตัวของผู้กองหนุ่มอีกแล้ว มีเพียงการวางมาดเหนือกว่าเพื่อหยอกแกล้งคุณนางงามหน้าหวานเล่นเท่านั้น
“ฉันกลัวว่าเธอจะเผลอตัวไม่มาทำงานแล้วอ้างว่าลืม ก็เลยต้องมาเตือนไว้ก่อน ...ด้วยความหวังดี”
เมื่อได้เห็นตาโตๆ ถลึงตอบกลับมา ไอยราวัณก็แย้มยิ้มกว้างขึ้นอย่างพึงพอใจ
...นี่เขากลายเป็นผู้ใหญ่ชอบรังแกเด็กไปแล้วจริงๆ ใช่ไหม
“ไม่ลืมหรอกค่ะ!” ละมุนพรรณตอบเสียงสะบัด แล้วก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้าน
แต่ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวเท้าออกไป เธอก็ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเปิดกระเป๋าหยิบเอาซองใส่แผ่นซีดีข้อมูลคดีโต๊ะบอลออกมาส่งให้ผู้กองหนุ่ม แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงกังวานของปรีดาสาดังขึ้นขัดจังหวะ ตามด้วยร่างเจ้าของเสียงก้าวเร็วๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม
“อุ๊ยดีจังค่ะที่ไอย์ยังอยู่ ปิ๊งรีบแทบแย่แน่ะ กลัวว่าไอย์จะกลับไปซะแล้ว”
แม้หญิงสาวจะเกาะแขนและพูดกับผู้กองหนุ่ม แต่สองตาสวยเฉี่ยวกลับจ้องมองสิ่งของในมือใหญ่ที่เห็นละมุนพรรณส่งให้เขาอย่างสนใจ
“ผมก็กำลังจะกลับนี่แหละครับ ปิ๊งมาหาผมมีอะไรหรือเปล่า” ไอยราวัณถามกับหญิงสาวที่อยู่ใกล้จนเกือบชิด เขาจำต้องวางสิ่งที่เพิ่งได้รับมาลงบนโต๊ะ เพื่อให้มือว่างพอจะแกะมือเรียวบางออกจากแขนและเบี่ยงตัวออกห่าง
“ปิ๊งคิดถึงไอย์ก็เลยมาหา... ไม่ได้หรือคะ” ปรีดาสาส่งคำหวานพร้อมช้อนสายตาขึ้นมอง แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นตวัดฉับไปหาเจ้าของเสียงโอ้กอ้ากจากโต๊ะทำงานฝั่งตรงข้าม “อะไรติดคอเข้าให้หรือไง!”  
“โอ๊ย... สงสัยจะแพ้ท้องแทนพี่เนตรซะแล้วสิเรา ได้ยินอะไรหวานๆ เลี่ยนๆ แล้วจะอ้วก” แทนที่จะสลดกับสายตาดุๆ หมวดเหนือเมฆกลับยิ่งยียวนกลับ
“นายเหนือ!! คอยดูนะฉันจะฟ้องคุณพ่อให้ทำโทษนาย” คนถูกกระทบกระเทียบแทบจะเต้นเป็นเจ้าเข้า ก่อนสองมือจะคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของผู้กองหนุ่มเขย่าร้องเรียน “ดูลูกน้องคุณนะคะไอย์ มาล้อเลียนปิ๊ง ปิ๊งไม่ยอมนะคะ”
เฮ้อ... อุตส่าห์แกะออกได้แล้วเชียว ไอยราวัณมองท่อนแขนที่โดนยึดไว้อีกครั้งอย่างเสียดายอิสระที่เพิ่งได้มาเพียงชั่วครู่
“ไอย์น่าจะรู้จักเลือกลูกน้องให้ดีกว่านี้หน่อยนะคะ คนอะไรไม่มีมารยาท แขกของเจ้านายมาแทนที่จะต้อนรับ นี่อะไร ทำท่าทางยังกะจะไล่ปิ๊งไปให้พ้นๆ งั้นแหละ น่าจะหัดรู้จักฐานะต่ำสูงกันซะบ้าง” ปรีดาสาต่อว่าต่อขานอย่างไม่เกรงใจ แต่พอหันมาเห็นสายตาเข้มดุของผู้กองหนุ่ม สาวมั่นจนเกือบก้าวร้าวเพราะถูกเลี้ยงอย่างตามใจมาตลอดคนเมื่อครู่ก็เปลี่ยนมาเอ่ยประจบเสียงอ่อนหวาน
“โธ่... ไอย์อย่ามองเหมือนโกรธปิ๊งอย่างนี้สิคะ ที่ปิ๊งพูดเตือนไปก็เพราะหวังดีหรอก แต่ถ้าไอย์ไม่ชอบ ปิ๊งไม่พูดอีกก็ได้”
“ดีครับ เพราะนายเหนือเป็นคนสำคัญในทีมของผม ถ้ามีใครมาต่อว่าเขาก็เหมือนกับต่อว่าผมไปด้วย” ไอยราวัณเอ่ยเสียงเรียบจริงจัง จนคนถูกดุอยากจะเบ้หน้าแต่ไม่กล้าทำต่อหน้าให้เสียคะแนน
“วันนี้ปิ๊งถูกคุณพ่อเบี้ยวดินเนอร์ด้วยล่ะค่ะ ดูสิ แต่งตัวมาเก้อเลย” ปรีดาสาหาทางเปลี่ยนเรื่อง ขยับตัวออกห่างจากผู้กองหนุ่มอีกนิดให้เขาได้เห็นชุดกระโปรงสั้นเข้ารูปของเธอ ก่อนจะขยับกลับเข้าไปออดอ้อน “แต่ก็โชคดีนะคะที่ไอย์ยังไม่กลับ ไอย์ไปทานข้าวเป็นเพื่อนปิ๊งหน่อยนะคะ นะ”
ยังไม่ทันที่ไอยราวัณจะหาข้ออ้างมาปฏิเสธ หมวดหนุ่มหัวไวก็รีบเปิดทางหนีให้ผู้บังคับบัญชาอย่างรู้จังหวะ
“อ้าว... ไหนว่าผู้กองจะไปส่งน้องละมุนไม่ใช่หรือครับ”
ประโยคนี้ของหมวดเหนือเมฆทำเอาสาวสวยเฉี่ยวรู้สึกจี้ดโมโหจัด ในขณะที่ผู้กองหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนหลอดไฟในสมองสว่าง ปิ๊ง’ วาบขึ้นมา
“ก็ใครว่าจะไม่ไปส่งแล้วล่ะ... เสียดายที่เย็นนี้ผมมีนัดแล้วล่ะครับปิ๊ง คงไปกับคุณไม่ได้”
“ส่งก็ส่งสิคะ ให้ปิ๊งติดรถไอย์ไปด้วย ส่งแม่นี่... เอ่อ.. ส่งน้องละมุนเสร็จ แล้วเราค่อยไปหาอะไรทานกันก็ได้” ปรีดาสายังไม่ยอมละความพยายาม
“โอ๊ย คุณปิ๊งขอรับกระผม แฟนกันเขาจะกลับบ้านด้วยกันสองต่อสอง คุณปิ๊งคนสวยจะไปเป็นกอขอคอทำไมล่ะคร้าบ” หมวดเหนือเมฆเองก็ยังคงสอดเข้ามาอย่างรู้หน้าที่
“ใครแฟนใคร!” ปรีดาสาหันขวับมาถามหมวดปากมากตาเขียว
“ผมกับน้องละมุนไงครับ” คำยืนยันชัดเจนที่ดังมาจากปากของผู้กองหนุ่ม ทำเอาสาวมั่นถึงกับไปต่อไม่ถูก
“ไอย์อย่าพูดเล่นแบบนี้สิคะ”
“ปิ๊งเห็นผมเป็นคนชอบพูดเล่นกับเรื่องอย่างนี้หรือไง” ไอยราวัณยิงคำถามจู่โจมอีกระลอก แล้วอาศัยจังหวะอ้ำอึ้งของสาวร่างโปร่ง เดินไปคว้ากระเป๋าถือของสาวอีกคนที่ยืนเงียบอยู่ อีกมือก็ฉุดข้อมือเล็กกระตุกให้เดินตาม
“ไปกันเถอะ ...ผมขอตัวนะครับปิ๊ง”
นี่มันอะไรกัน ไอย์กับยายเด็กหน้าจืดนั่น... ปรีดาสาได้แต่ยืนนิ่งไม่อยากจะเชื่อในความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวที่เดินจูงมือกันออกไป และยิ่งต้องหงุดหงิดกับสายตาเยาะเย้ยจากคู่อริเก่าอย่างหมวดเหนือเมฆ เธอสะบัดหน้าเชิดใส่อีกฝ่ายอย่างขัดใจและเตรียมกระแทกเท้าปึงปังเดินจากไปอยู่แล้ว ถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นไฟในห้องทำงานของผู้กองหนุ่มที่ยังเปิดทิ้งเอาไว้เสียก่อน
“ฮึ!” ปรีดาสาปรายยิ้มเยาะให้หมวดหน้าตี๋จอมจุ้นจ้านหนึ่งครั้ง ขณะแอบคว้าซองใส่แผ่นซีดีที่ไอยราวัณลืมทิ้งไว้บนโต๊ะติดมือมา ก่อนจะเอ่ยลอยๆ อย่างผู้ชนะ จงใจให้ผู้หมวดหนุ่มได้ยินไปด้วย
“ฉันไปนั่งรอไอย์ในห้องสบายๆ ดีกว่า... ไอย์ก็แปลกดีนะ จะกลับบ้านแต่ไม่เอาอะไรติดตัวไปสักอย่าง”
หมวดเหนือเมฆรีบเมินหน้าหลบแววเยาะเย้ยที่หญิงสาวส่งมา ก่อนทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ส่ายหน้าให้กับชะตากรรมที่ช่างน่าเห็นใจของผู้บังคับบัญชา
วันนี้ไอ้เหนือช่วยได้แค่นี้แหละฮะ เบอร์หนึ่งของผู้กองหูไวตาไวแถมแสนรู้ชะมัด
                                   
“นี่ผู้กองคิดจะไปส่งฉันจริงๆ เหรอคะ” ละมุนพรรณถามล้อๆ เมื่อผู้กองหนุ่มก้าวออกจากลิฟต์มาพร้อมกับเธอด้วย “แล้วมือเนี่ย ไม่ต้องจับต่อแล้วก็ได้ค่ะ”
“โทษที พอดีมันชินกับเวลาจูงเด็กๆ ที่บ้านน่ะ” ผู้กองหนุ่มรีบปล่อยมือออกอย่างรวดเร็ว รีบเอ่ยแก้ตัวเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังกลั้นหัวเราะกับอาการของเขา
“แล้วผู้กองไม่กลับไปทำงานหรือคะ” ละมุนพรรณถามย้ำอีกครั้ง เมื่อชายหนุ่มยังเดินประกบคู่กับเธอมาจนใกล้จะถึงประตูทางออกไปสู่ลานจอดรถ
“ไปส่งเธอที่รถก่อนดีกว่า ถ่วงเวลาให้ข้างบนเคลียร์สถานที่ก่อน” ชายหนุ่มหมายถึงรอให้แน่ใจว่าปรีดาสากลับไปแล้วแน่นอน “ขอโทษทีนะที่ดึงเธอมาเกี่ยวด้วย”
ละมุนพรรณได้ยินคำขอโทษก็ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันก็สนุกดี แต่... ตัวจริงของผู้กองไม่เคยว่าอะไรเกี่ยวกับคุณดาว คุณปิ๊งเลยหรือคะ”
ก็ไม่มีนี่ ผู้กองหนุ่มตอบหน้าระรื่น
ไม่มี’ ของไอยราวัณนั้นคือ ตอนนี้เขาไม่มี ตัวจริง’ ที่จะมาต่อว่าอะไรเขาหรือสาวทั้งสองเบอร์ได้ แต่ละมุนพรรณกลับเข้าใจไปว่าภรรยาผู้กองคงจะเป็นประเภทเรียบร้อยหัวอ่อน จน ไม่มี’ ปากเสียงอะไรในเรื่องที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะสามีของตัวเอง คิดแล้วก็อดส่งค้อนให้คนตรงหน้าอย่างนึกหมั่นไส้แทนลูกผู้หญิงด้วยกันไม่ได้
ก็ถ้าไม่หัวอ่อนจะทนคนช่างสั่งช่างบังคับอย่างเขาได้หรือ
แล้วที่คิดจะเอาฉันไปเป็นกันชนอย่างนี้ ผู้กองแน่ใจหรือคะ ว่าจะไม่มีปัญหาตามมา
ไอยราวัณหรี่ตามองคนรู้ทัน พอได้ทีก็รีบกวาดต้อนแนวร่วมคนสำคัญ “ทางฉันไม่มีปัญหาแน่นอน และถ้าฉันอาจจะต้องขอความร่วมมืออีก เธอก็คงไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“ถ้าเป็นเฉพาะต่อหน้าสองสาวของผู้กอง แต่แลกกับวันหยุดก็ไม่มีปัญหาค่ะ” แฮกเกอร์สาวรีบถือโอกาสต่อรอง
ไอยราวัณจ้องหน้าหญิงสาวที่ยืนอมยิ้มรอคอยคำตอบจากเขาพร้อมใช้ความคิด
...ไอ้ที่บอกว่าต้องมาทำงานทุกวันเขาก็เขียนขึ้นมาเอง ถ้าให้เธอหยุดสักวันก็ไม่เห็นเสียหายตรงไหน
“ฉันจะลองหาทางให้เธอได้หยุดวันอาทิตย์ดูแล้วกัน” เขาเอ่ยแบ่งรับแบ่งสู้
ยังไงเขาก็ยังได้กำไรวันเสาร์จากเธอเห็นๆ
แต่คนได้รับอนุญาตไม่ได้ล่วงรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ขี้โกงของผู้กองหนุ่มเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวส่งยิ้มกว้างไปให้แทนคำขอบคุณอย่างจริงใจ ประกายยินดีที่สะท้อนอยู่เต็มสองตาคู่โตทำเอาไอยราวัณถึงกับต้องเสหลบ... ด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ
วันหยุดแค่นี้จะดีใจอะไรนักหนานะ
“ไป... กลับบ้านได้แล้ว ขับรถดีๆ ด้วยล่ะ อย่าให้มันซิ่งมากนัก บนถนนมันไม่ใช่สนามรถแข่งนะ” เขาตัดบทอย่างรวดเร็ว เมื่อละมุนพรรณเดินนำมาถึงรถสปอร์ตรูปทรงปราดเปรียวสีฟ้าเข้ม ก่อนจากก็ยังอดไม่ได้ที่จะตักเตือน
“รับทราบค่ะ ท่านผู้กอง” ละมุนพรรณรับกระเป๋าใส่เจ้ารอยเตอร์ของเธอคืนจากมือผู้กองหนุ่มอย่างอารมณ์ดี ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมในอกมันถึงรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมากับประโยคแสดงความห่วงใยเล็กๆ น้อยๆ จากเขา อาจเป็นเพราะเธออยู่คนเดียวมานาน พอมีใครคอยว่าคอยเตือน เลยพาให้นึกถึงคนในครอบครัวขึ้นมาก็ได้ เธอส่งยิ้มให้คนหวังดีอีกครั้งก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในรถ
หากแต่ความเคยชินก็ทำให้คนที่เพิ่งรับปากว่าจะขับรถดีๆ บังคับรถให้พุ่งทะยานออกตัวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะต้องผ่อนคันเร่งลงเล็กน้อยเมื่อเหลือบกระจกมองหลังไปเห็นผู้กองหนุ่มยกมือขึ้นเท้าเอวเอาเรื่อง ค่อยๆ พารถคันงามไปให้พ้นจากสายตาของเขาด้วยความเร็วภายใต้กำหนดของกฎหมาย             
เมื่อไอยราวัณกลับมาอีกครั้ง เขากลับได้รับข่าวร้ายจากหมวดเหนือเมฆ ว่าปรีดาสาจับผิดเขาได้และยังนั่งรออยู่ในห้อง ผู้กองหนุ่มมองไปทางห้องทำงานของเขาแล้วก็ต้องรู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ขอยืมค่ารถกลับบ้านหน่อยสิเหนือ” กระเป๋าและกุญแจรถของเขายังอยู่ในห้องนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะเข้าไปเจอหน้าหญิงสาวให้วุ่นวาย
“ไม่ให้คุณปิ๊งคนสวยไปส่งล่ะครับ” ผู้หมวดเอ่ยแซว แต่พอเห็นผู้กองเอียงคอมองหน้าพร้อมทุบกำปั้นหนักๆ ลงบนฝ่ามือข่มขู่ เขาก็แทบจะประเคนกระเป๋าเงินของตัวเองให้ผู้บังคับบัญชา “ผมก็แค่ล้อเล่น... จะเอาเท่าไหร่ เชิญหยิบตามศรัทธาเลยครับ”
ผู้กองหนุ่มหยิบธนบัตรสีแดงออกมาสองสามใบ ให้พอจ่ายค่าแท็กซี่กลับบ้านเท่านั้น “ฝากจัดการห้องให้ด้วยนะ”
หมวดหนุ่มรับคำไหว้วานแข็งขัน “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมเคลียร์ให้ รับรองเรียบร้อย ทั้งคอมพ์ทั้งคน”

“ผมจะปิดห้องนี้แล้วนะฮะ” หมวดหนุ่มส่งเสียงนำ ก่อนจะผลักประตูห้องเปิดเข้าไปทันที ทันได้เห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเจ้าของห้องสะดุ้งด้วยความตกใจ สองตาที่หลุบมองอะไรบางอย่างบนโต๊ะตวัดฉับขึ้นมามองเขาอย่างขุ่นเคือง
“พรวดพราดเข้ามาทำไม ฉันตกใจหมด”
“ก็เข้ามาจัดการปิดห้องให้ผู้กองไงฮะ” เหนือเมฆบอกขณะกวาดตามองไปทั่วโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพื่อสำรวจความเรียบร้อย เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติก็อ้อมไปหลังโต๊ะเพื่อจัดการกับคอมพิวเตอร์ที่ผู้กองหนุ่มเปิดทิ้งไว้
ปรีดาสาเห็นหมวดหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ก็รีบลุกขึ้นไม่ยอมให้ใครมายืนค้ำหัว แล้วก็ต้องตวาดออกมาเมื่อเขาเบียดผ่านตัวเธอเข้าไปอย่างจงใจจะแกล้ง “เอ๊ะ!! นายนี่!
เหนือเมฆไม่สนใจกับอาการกระฟัดกระเฟียดของเธอ สองตามองแต่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สองมือขยับทำงานต่อไป จนเมื่อหน้าจอนั้นดับสนิทลง เขาจึงค่อยหันมาบอกกับหญิงสาวที่เดินหนีไปยืนเสียไกล
ผมว่าคุณน่าจะกลับไปได้แล้วนะ ผมก็กำลังจะกลับเหมือนกัน
“นายจะกลับแล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันรอไอย์ไม่ได้รอนาย”
“จะรอก็ตามใจฮะ” เหนือเมฆยักไหล่สบายๆ เดินตรงไปที่สวิตช์ไฟแล้วกดปิดมันลงหน้าตาเฉย
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!” เสียงโวยวายดังขึ้นทันทีที่ห้องทำงานมืดลง ปรีดาสารีบก้าวฉับๆ ออกไปยืนหน้าห้อง ดักรอให้คนกวนโมโหก้าวออกมา “คิดจะปิดไฟไล่ฉันงั้นเหรอ”
“อ้าว... คุณปิ๊งน่ะใส่ร้าย ห้องไหนไม่ใช้แล้วก็ต้องปิดไฟสิฮะ นโยบายของกรมเลยเนี่ย” หมวดเหนือเมฆเดินตามออกมา ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูของหญิงสาวที่จ้องหน้าเขาเขม็งออกมาด้วย “ตอนนี้ผู้กองกลับแล้ว ผมก็มีหน้าที่ปิดห้อง จะเปิดไว้ให้โจรเข้าไปหรือไง”
“โจรที่ไหนจะกล้าบุกที่นี่” ปรีดาสาค้าน มือข้างหนึ่งก็กระชากกระเป๋าของตัวเองคืนมาอย่างแรง “นี่แปลว่าไอย์จะไม่กลับมาแล้วจริงๆ เหรอ”
“บ้านผู้กองไม่ได้อยู่ในตึกนี้นี่ครับ” หมวดหนุ่มตอบยียวน ก่อนจะดึงประตูห้องปิดแล้วลงล็อคให้เรียบร้อย
“งั้นผมกลับแล้วนะฮะ หรือคุณปิ๊งจะอยู่รอก็ตามใจ” พูดจบ หมวดหนุ่มก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน คว้ากระเป๋าของตัวเองได้ก็เดินออกจากแผนกไปอย่างไม่สนใจหญิงสาวที่มัวแต่ตัดสินใจว่าควรเชื่อเขา หรือจะดึงดันอยู่รอผู้กองหนุ่มต่อไป
“เดี๋ยว!!” ปรีดาสาเห็นห้องโล่งๆ วังเวงไร้ผู้คนก็ตัดสินใจได้ในที่สุด “ฉันไปด้วย”

บริเวณสนามหญ้าหลังบ้านในตอนบ่ายจัดที่แดดร้อนแรงเริ่มอ่อนแสงลง เป็นสถานที่ที่สมาชิกในบ้านอิสราวิวัฒน์ชื่นชอบกันมากแห่งหนึ่ง ดังนั้นภาพที่สองปู่ย่านั่งยิ้มหัวมองดูชายหนุ่มตัวโตวิ่งเล่นหยอกล้อกับหนุ่มน้อยสองแฝดอย่างไม่รู้จัดเหน็ดเหนื่อยจึงเป็นภาพที่เห็นได้บ่อยครั้งในบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ แถมวันนี้ยังมีสมาชิกใหม่สี่ขามาช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้ดังก้องยิ่งขึ้น เมื่อสามหนุ่มต่างวัยต้องวุ่นวายและเสียพลังงานไปไม่น้อยเลยกับการจับเจ้าขนฟูตัวไม่โตนักแต่แรงเยอะมาอาบน้ำ
“โธ่... จัมโบ้น่ะ สะบัดน้ำใส่อัลทำไมเล่า ดูสิเปียกหมดแล้ว” เด็กชายอลังการดุเจ้าตัวซนสีน้ำตาลอ่อนด้วยใบหน้างอง้ำ สองมือเล็กก็ยกผ้าขนหนูผืนโตที่กำลังจะใช้เช็ดตัวให้มันขึ้นมาบังละอองน้ำเอาไว้
“ฮ่ะๆ ฮ่า สมน้ำหน้าอัล เอาอีกเยอะๆ เลยจัมโบ้ ดีมากจัมโบ้!” อารยะหัวเราะร่า แทนที่จะเข้าไปช่วยแฝดผู้น้องที่กำลังแย่ กลับรีบถอยหลังออกมายืนดูอยู่ห่างๆ
เจ้าจัมโบ้ที่กำลังสะบัดขนอย่างเมามันหยุดนิ่งทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง หูโตๆ กระดิกและเอียงคอมองหน้าเด็กชายที่ยืนอยู่ห่างไปอย่างสนใจ จากนั้นก็เป็นเหมือนภาพช้าสำหรับเด็กชายอารยะ ขณะที่มองดูเจ้าสี่ขาวิ่งกระโจนเข้าหาเพราะคิดว่าเจ้านายตัวน้อยเรียกหามัน
ในขณะที่ปู่อุปถัมภ์และย่าอัมราผุดลุกจากเก้าอี้สนามอย่างตกใจที่เห็นหลานชายล้มหงายก้นกระแทก ไอยราวัณกลับยืนหัวเราะอย่างไม่ห่วงอาการบาดเจ็บของเด็กชายเท่าไหร่นัก ด้วยพื้นหญ้าบริเวณนั้นอ่อนนุ่ม และตัวเด็กชายเองก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดอะไร แถมยังมีแรงดันตัวเองให้ลุกนั่งและผลักหน้ายาวๆ ที่กำลังแลบลิ้นเลียหน้าเขาอยู่ออกห่าง
“เอาล่ะ สองคนช่วยกันเช็ดตัวเจ้าจัมโบ้ให้แห้งนะครับ เป็นพี่น้องกันก็ต้องช่วยเหลือกัน ไม่ใช่หัวเราะสมน้ำหน้าตอนที่อีกคนมีปัญหา เข้าใจไหมครับ”
เด็กทั้งสองรับปากปาป้าอย่างว่าง่าย เห็นสองแฝดพี่น้องช่วยกันเช็ดตัวให้เจ้าจัมโบ้กันขะมักเขม้น ไอยราวัณก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะสนามซึ่งมีสองเจ้าบ้านนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ที่สองคนนั้นร่าเริงและเป็นเด็กดีได้อย่างนี้ก็เพราะลูกแท้ๆ เลยนะ” นางอัมรายิ้มเอ่ย
“นั่นสิ พ่อเองก็ไม่นึกเลยว่าเสือเจ้าเล่ห์อย่างแกจะทำหน้าที่พ่อได้ดีขนาดนี้” นายอุปถัมภ์เสริมทับกึ่งเหน็บเย้าบุตรชายเล็กน้อย
“เพราะผมรักพวกแกนี่ครับ” ไอยราวัณตอบอย่างที่ใจรู้สึก “ผมก็พยายามทำหน้าที่ปาป้าของพวกแกให้ดีที่สุด... เท่าที่ผมจะทำได้แหละครับ”
“จนทำให้ลูกไม่เหลือเวลาให้ความรักของตัวเองด้วยหรือเปล่า” เจ้าบ้านฝ่ายหญิงถามอย่างจริงจังด้วยแววห่วงใยและเป็นกังวล
ตั้งแต่ที่ อิศวรา ...บุตรชายคนโตของบ้านอิสราวิวัฒน์ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปพร้อมกับภรรยาเมื่อห้าปีก่อน ไอยราวัณก็รับหน้าที่ดูแลเด็กแฝดคู่นี้มาตลอด ในฐานะตามที่เด็กชายทั้งสองผูกพันและเข้าใจว่าชายหนุ่มคือ ปาป้า’ ของพวกแก นั้นก็คงเพราะความที่เขามีใบหน้าคล้ายคลึงกับพี่ชายมากนั่นเอง
และนับจากวันที่ไอยราวัณรับเด็กชายอารยะและเด็กชายอลังการไว้เป็นบุตรบุญธรรม ชายหนุ่มก็ไม่มีข่าวข้องแวะหรือคบหากับผู้หญิงที่ไหนอีกเลย จนคนเป็นพ่อเป็นแม่อดห่วงไม่ได้
“แม่ว่าลูกก็ควรมองหาใครสักคนที่จะมาสร้างครอบครัวของลูกเองบ้างนะ” นางอัมราเอ่ยออกมาตรงๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มเอาแต่อมยิ้มเงียบไม่ตอบอะไร
“ถ้าผมไม่เจอคนที่มั่นใจได้ว่าจะรักตาอาร์กับตาอัลจริง ผมก็ไม่อยากเสี่ยงสร้างครอบครัวกับใครหรอกครับแม่” ไอยราวัณเอ่ยถึงสิ่งที่ตนได้ตั้งใจเอาไว้ ความสุขของหลานทั้งสองเป็นสิ่งที่เขาต้องให้ความสำคัญมาเป็นอันดับแรก สองตาอบอุ่นทอดมองคู่แฝดที่กำลังช่วยกันทำงานที่เขามอบหมายอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ก็หนูดาวไงลูก เห็นเอ็นดูสองหนุ่มของเราออก” คนเป็นแม่เริ่มหาทางจับคู่ให้ลูกชายด้วยความหวังดี ทำเอาไอยราวัณต้องหันไปมองขอความช่วยเหลือจากบิดาที่เอาแต่นั่งฟังอยู่เงียบๆ แต่เขาก็ได้รับแค่รอยยิ้มที่ตีความหมายได้ว่า เข้าใจ แต่ไม่อยากขัดคุณภรรยา’ ตอบกลับมาเหมือนอย่างเคย
“ผมกับดาวเป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละครับแม่ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กอย่างนั้น คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้หรอก” ไอยราวัณรีบบอกปัด
ผมนึกว่าแม่จะล้มเลิกความคิดนี้ไปแล้วซะอีก
แต่พอพูดถึง ‘ดาว’ ...ดาวก็มาหาสองแม่ลูกถึงที่เลยทีเดียว เมื่อเอื้อมขวัญเข้ามารายงานกับเจ้าบ้านฝ่ายหญิงว่ามีเพื่อนมาหา และเพื่อนคนนั้นก็พาลูกสาวซึ่งตกเป็นหัวข้อสนทนาของสองแม่ลูกมาด้วยอีกคน
“แหม... แค่พูดถึงก็ได้เจอหน้าอย่างนี้ แม่ว่าอาจจะเป็นกามเทพดลใจก็ได้นา... เย็นนี้เราชวนหนูดาวทานข้าวด้วยกันเลยดีกว่านะ” นางอัมราเย้ากับบุตรชายอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะลุกเดินไปต้อนรับแขกที่รออยู่ในบ้าน ทิ้งให้สองพ่อลูกได้แต่นั่งมองหน้ากันตาปริบๆ
“ผมพาสองลิงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านะครับพ่อ” ไอยราวัณมองไปเห็นสองหนุ่มเดินตัวเปรอะเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มภูมิใจในฝีมือเช็ดตัวให้เจ้าจัมโบ้ จึงรีบบอกกับคนเป็นพ่อที่เอาแต่ส่งยิ้มมาให้
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ลุกหนีไป นายอุปถัมภ์ไม่วายช่วยแก้ต่างให้กับภรรยาส่งท้าย แม่เขาหวังดีกับลูกนะ
“ผมรู้ครับพ่อ... แต่ความรักของผม ถ้ามันจะมา เดี๋ยวมันก็มาเองแหละครับ”

ไอยราวัณไม่ได้แค่พาสองลิงแฝดตัวน้อยไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น หลังจากจัดการกับสภาพมอมแมมของทั้งตัวเขาและเด็กๆ เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็พาทั้งคู่พร้อมกับเจ้าจัมโบ้ที่เอื้อมขวัญพาไปแปรงขนจนเป็นมันเงาน่ากอดหลบออกมาจากบ้านเงียบๆ โดยไม่ให้สามสาวสองวัยที่พูดคุยกันอย่างถูกอัธยาศัยในห้องรับแขกได้รู้ตัว
ปาป้าหนุ่มพาขบวนเดินเล่นลี้ภัยจับคู่ลัดเลาะไปตามถนนเส้นเล็กลึกเข้าไปในซอย โดยมีจุดมุ่งหมายคือ สวนสาธารณะเล็กๆ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก สามคนกับหนึ่งตัวพากันวิ่งสลับเดินไปเรื่อยๆ อย่างไม่เร่งรีบนัก แต่ผ่านไปได้เพียงครึ่งทาง ขบวนก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อสองแฝดที่เปลี่ยนมาเป็นคนวิ่งนำหยุดชะเง้อมองที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
ชายหนุ่มมองดูบ้านหลังนั้นและเด็กทั้งสองอย่างสงสัย หลายต่อหลายครั้งที่เขาพาทั้งคู่ผ่านมาทางนี้ก็ไม่เคยเห็นเจ้าสองแฝดหยุดสนใจบ้านหลังนี้เลยสักครั้ง
“พี่มูน!!” สองแฝดร้องเรียกประสานเสียง เป็นเหตุให้หญิงสาวที่กำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนเล็กๆ ริมรั้วต้องหยุดมือ วางสายยางลงกับพื้น แล้วเดินตรงมายังประตูที่ได้ยินเสียงเล็กๆ คุ้นหูร้องเรียกอย่างสงสัย แต่คนที่เธอมองเห็นมาแต่ไกลกลับเป็นชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังเด็กทั้งสอง
“อ้าว...”
“เอ๊ะ!
สองหนุ่มสาวต่างอุทานออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของกันและกันชัดๆ ละมุนพรรณลดระดับสายตาลงมามองหาต้นเสียงที่เรียกชื่อเธอ ก็ได้เห็นเด็กชายฝาแฝดที่เคยเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าเมื่อหลายวันก่อน
“น้องอาร์ น้องอัล... กับผู้กอง...” ตอนนี้ในสมองของหญิงสาวกำลังพยายามเรียบเรียงลำดับความสัมพันธ์ของคนทั้งสามที่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่หน้าบ้านของเธอเต็มที่
มองหน้าแล้วก็มีเค้าเหมือนกันอยู่นะ ดูตาสิ มีแววเจ้าเล่ห์เหมือนกันเปี๊ยบ
“สองหนุ่มนี้... ลูกชายผู้กองเหรอคะ” ละมุนพรรณถามเข้าเป้าทันที
“อืม” ไอยราวัณพยักหน้าตอบ “แล้วเธอ... รู้จักเด็กสองคนนี้ด้วยเหรอ”
“อ๋อ... เราเคยเจอกันเมื่ออาทิตย์ก่อนน่ะค่ะ” หญิงสาวบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้เจอเด็กพลัดหลงในวันนั้น
“ก็พี่มูนนี่ไงฮะ ที่พาอาร์กับอัลไปกินเคเอฟซี แถมยังใจดี๊ใจดีให้สั่งชุดของเล่นด้วย” เด็กชายอารยะเขย่ามือใหญ่เพื่ออธิบายเพิ่มเติม
“แล้วพี่มูนก็ให้เพื่อนพี่มูนพาปาป้ากลับมาหาเราอย่างที่บอกไว้จริงๆ ด้วย” เด็กชายอลังการอดไม่ได้ที่จะมีส่วนร่วม
ขณะที่สองหนุ่มน้อยแย่งกันบอกเล่าเรื่องราวในวันนั้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความดีของ พี่มูน’ ที่ชายหนุ่มเคยได้ยินมาแล้วหลายต่อหลายรอบ ไอยราวัณพยักหน้าเหมือนรับฟัง พลางมองหน้าหญิงสาวอย่างนึกขอบคุณ
ที่แท้พี่มูนที่เจ้าสองแฝดพูดถึงไม่หยุดปากในวันนั้นก็เป็นคุณนางงามรักเด็กนี้เอง
หึหึ... รักเด็กสมกับตำแหน่งเชียวนะ
“พี่มูน... ปวดฉี่” สองผู้ใหญ่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อกันอีก เสียงเร่งเร้าของแฝดผู้น้องก็ดังขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวนะครับอัล... พี่มูนรีบเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้แหละ” เจ้าบ้านสาวรีบเปิดประตูรั้วให้สามพ่อลูกและหนึ่งลูกสุนัขเข้ามาในบ้านทันที ขณะที่ไอยราวัณรู้สึกสะดุดกับชื่อที่เธอใช้เรียกเจ้าแฝดคนน้องเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
นี่คุณนางงามแยกเจ้าสองลิงนี่ออกด้วยหรือไง
“เดี๋ยวพี่พาไปห้องน้ำนะครับ ผู้กองกับน้องอาร์ตามสบายนะคะ” ประโยคหลังนั้นช่วยย้ำความมั่นใจของไอยราวัณอีกครั้ง
ขนาดดารากรหรือปรีดาสาที่เจอกันบ่อยๆ ยังเรียกสองหนุ่มผิดๆ ถูกๆ อยู่เลย
ชายหนุ่มมองตามหญิงสาวเจ้าของบ้านอย่างนึกทึ่ง เริ่มจะเป็นความประทับใจที่ก่อร่างขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ
สาวเจ้าของบ้านจูงมือเด็กชายหายเข้าไปด้านหลังบ้านแล้ว ทิ้งให้แขกที่เหลือมองหาที่นั่งกันตามสบาย ไอยราวัณทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวยาวในห้องรับแขกกึ่งห้องนั่งเล่นติดกับประตูที่เดินเข้ามา พร้อมกับเรียกให้เด็กชายอารยะมานั่งอยู่ข้างๆ กัน
“พี่มูนของอาร์เนี่ยใจดีมากไหม” ไอยราวัณสอบถามเอากับเด็กชายเพื่อฆ่าเวลา
“ใจดีมาก... สุดๆ เลยคับ” อารยะตอบทันทีราวกับเป็นพ่อยกตัวน้อย “ใจดี แถมยังน่ารักด้วย”
“หึๆๆ ตัวแค่นี้รู้ด้วยหรือครับ ว่าใครน่ารักไม่น่ารัก” ชายหนุ่มยกมือขึ้นโคลงศีรษะกลมๆ เล่นอย่างหมั่นไส้ในความแก่แดดรู้มากของหนุ่มน้อย ละมุนพรรณที่เดินกลับเข้ามาเห็นภาพการหยอกล้อของสองพ่อลูกในห้องนั่งเล่นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ก่อนจะเริ่มถามถึงที่มาที่ไปของพวกเขา
“งั้นก็แปลว่าบ้านผู้กองอยู่แถวนี้เหรอคะ” ละมุนพรรณถามก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นในครัวเพื่อรินน้ำมาให้ ชายหนุ่มบอกตำแหน่งที่ตั้งของบ้านเขาไป พร้อมกับมองตามหญิงสาวแทบทุกฝีก้าว แล้วต้องเสหลบตาแทบไม่ทันเมื่อเจ้าของบ้านสาวหันกลับมาเอ่ยถาม
“อาร์กับอัล เอาขนมไหมครับ พี่มูนมีช็อกโกแลตแบบอร่อยสุดยอดด้วยนะ หรือเอาขนมเค้กชิ้นโตๆ ไหม”
สองแฝดที่โดนล่อด้วยขนมหวานรีบลุกขึ้นทันที เตรียมจะวิ่งไปหาพี่สาวคนสวยอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกเสียงเข้มๆ ของปาป้าห้ามไว้ก่อน “อาร์ อัล อย่าซนสิ ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรานะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าผู้กอง...” ละมุนพรรณรีบออกตัวแทนสองหนุ่มน้อยที่นั่งลงไปใหม่อย่างเรียบร้อย
“ให้กินขนมตอนนี้ เดี๋ยวก็อิ่มกันก่อนพอดี... พวกแกยังไม่ได้ทานข้าวเย็น” ไอยราวัณให้เหตุผลกับหญิงสาวอย่างใจเย็นราวกำลังอบรมสองแฝด
“อะไรนะคะป่านนี้แล้วยังไม่ให้เด็กๆ ทานข้าวได้ไงคะ จะหกโมงแล้วนะ  โธ่... อาร์กับอัลน่าสงสาร ดูสิ! ทำหน้าอย่างนี้เนี่ย แสดงว่าหิวแล้วชัวร์เลย
ดูท่าหญิงสาวจะทำตัวเป็นพวกเดียวกับเด็กๆ ได้ดีกว่าปาป้าของสองแฝดเสียอีก ดังนั้นเมื่อเธอหาพวก เด็กๆ ทั้งสองคนก็พยักหน้ารับกันหงึกๆ จนไอยราวัณต้องทั้งใจอ่อนกับสองแฝด และทั้งอ่อนใจกับคุณนางงามช่างเจรจา
“งั้น... เรามาทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยทานขนมดีกว่าเนอะ พี่มูนทำข้าวผัดคุณหมีห้าดาวให้อาร์กับอัลลองกินดีกว่า รับรองว่าอร่อยระดับโลก” หญิงสาวโอ้อวดเกินจริง จนสองหนุ่มน้อยตาโตตอบรับอยากลองกันทันที
ไอยราวัณอดหัวเราะเบาๆ ออกมาไม่ได้กับเล่ห์กลของหญิงสาวที่ทำเอาสองลิงพี่น้องคล้อยตามไปเสียทุกเรื่อง จนต้องเอื้อมมือไปตบบนหัวไหล่เธอเบาๆ อย่างนับถือในความสามารถพิเศษของเธอ
เพียงแค่มืออบอุ่นแตะลงมาโดนตัว กระแสบางอย่างก็ทำให้ละมุนพรรณชะงักนิ่งไปเสี้ยววินาที พอรู้สึกตัวก็เบี่ยงตัวให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ รีบหลบเข้าไปในครัวทันที... ไม่อยากจะทนมองรอยยิ้มและนัยน์ตาวาววับของผู้กองหนุ่มในระยะใกล้ให้ใจกระตุกเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างเมื่อครู่
ไอยราวัณมองตามหลังหญิงสาวที่จู่ๆ ก็หน้าแดงเรื่อขึ้นมาอย่างสะดุดใจ บางสิ่งบางอย่างในใจเขาเริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้วเช่นกัน บางอย่างที่ทำให้เขานั่งอมยิ้มมองหญิงสาววุ่นวายอยู่ในครัวเพื่อเตรียมเมนูหลอกเด็กสูตรพิเศษของเธออย่างอบอุ่นเบิกบานใจเป็นพิเศษ
...ความรักของผม ถ้ามันจะมา เดี๋ยวมันก็มาเองแหละครับ...



อ่านต่อ >> 006 : ประลองเซียน


หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ




No comments:

Post a Comment