5 July 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

รักข้ามเวลา - กาลที่ 1 : อาเธอร์

รักข้ามเวลา ชุดกาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





บทนำ กาลครั้งนั้น

             บลูแพลนต์ปีสามพันสองร้อยเก้าสิบห้า
ณ ฐานปล่อยยานข้ามเวลาประจำยูไนเต็ดที่ยี่สิบเอ็ด
            ร่างสูงในชุดกระชับรูปสีดำคลุมทับด้วยเสื้อหนังสังเคราะห์สีเดียวกัน ก้าวลงจากแอร์โมบิลขนาดสี่ที่นั่งรูปทรงปราดเปรียวสีเทาเข้ม ช่วงขายาวก้าวผ่านชั้นล่างของอาคารโค้งรูปตัวยู มุ่งตรงไปยังลานโล่งในวงล้อมของอาคาร ซึ่งขณะนี้มียานข้ามเวลาสีเทาเงินรูปทรงลูกกระสุนเพรียวยาวตั้งตระหง่านอยู่ ด้วยการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถลดขนาดของยานลง จนเหลือเท่าแอร์โมบิลคันใหญ่ต่อกันสักสองคัน ไม่ได้ใหญ่โตเป็นตึกเหมือนเช่นยานอวกาศในยุคโบราณ
            ดวงตาสีน้ำตาลทองคมกริบของนักข้ามเวลาหนุ่มมองไปทางกลุ่มชายหญิงหกเจ็ดคนที่มาถึงก่อน หนึ่งในนั้นมีนักข้ามเวลาคนล่าสุดของเบิร์นสไตน์รวมอยู่ด้วย
            “มิสเตอร์อีธาน!” นักข้ามเวลาฝึกหัดเรียกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อได้รู้ว่าผู้เป็นครูฝึกสำหรับการข้ามเวลาครั้งนี้เป็นใคร
อีธาน... ทายาทคนโตของตระกูลเบิร์นสไตน์ นักข้ามเวลาหนุ่มที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในยูไนเต็ดที่ยี่สิบเอ็ด หรืออาจรวมถึงทั้งบลูแพลนต์ใบนี้
            “พร้อมแล้วใช่ไหม” ผู้ถูกเรียกเอ่ยถาม
            “ครับมิสเตอร์ ผมรอวันนี้มานานมาก
น้ำเสียงของผู้เพิ่งจบหลักสูตรการเรียนรู้ข้ามเวลากระตือรือร้นเต็มที่
หลังจากผ่านการเดินทางครั้งนี้ เขาก็จะกลายเป็นนักข้ามเวลาเต็มตัว
            อีธานมองแววตามุ่งมั่นของชายหนุ่มแล้วก็พยักหน้าพอใจ
            ในจังหวะนั้นเอง ชายสูงวัยคนหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองฟารัส... หัวหน้าทีมอาวุโส ผู้นำตระกูลเบิร์นสไตน์ผู้เป็นเจ้าของฐานปล่อยยานข้ามเวลาแห่งนี้ ไม่นานแววตาทุกคู่ต่างก็เปลี่ยนเป็นจริงจังมุ่งมั่นยิ่งขึ้น เมื่อชายคนนั้นเอ่ยบอกว่าได้เวลาปล่อยตัวแล้ว
            อีธานนำทีมนักข้ามเวลาอีกหนึ่งคน และนักข้ามเวลาฝึกหัดคนนั้นไปนั่งประจำที่ในยาน ส่วนคนที่เหลือต่างเคลื่อนย้ายไปประจำตำแหน่งในห้องควบคุม ผนังห้องแห่งนั้นโปร่งใส เปิดโล่งให้เห็นลานปล่อยยานอย่างชัดเจน พื้นที่โล่งกลางวงล้อมของอาคารนั้น ปูด้วยโลหะพิเศษที่สามารถเหนี่ยวนำสนามแม่เหล็กให้เกิดแรงผลักต้านแรงดึงดูด ช่วยให้การนำส่งยานออกไปนอกบลูแพลนต์รวดเร็วง่ายดายยิ่งขึ้น
            “เตรียมการปล่อยตัว
เสียงเคร่งขรึมของชายสูงวัยดังขึ้นในห้องควบคุม และยังถูกเชื่อมให้ส่งไปถึงด้านในยานข้ามเวลาพร้อมๆ กัน
            “คำนวณพิกัดปากรูหนอน ล็อกพิกัดเรียบร้อย
            “คำนวณพิกัดบลูแพลนต์ ป้อนข้อมูลเข้าวิถีนำร่องยานเสร็จสิ้นค่ะ
            “เชื่อมต่อระบบคัมมิ่งโฮมเรียบร้อยแล้ว
            เสียงรายงานจากห้องควบคุมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีธานนำเข็มทิศกาลเวลาประจำตัววางลงบนแท่นครอบแก้วเบื้องหน้า กดเชื่อมต่อ และเร่งพลังงานป้อนเข้าสู่ยานข้ามเวลา ก่อนจะหลับตาลงแล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างใจเย็น แตกต่างจากนักข้ามเวลาฝึกหัดที่ตอนนี้ใจเต้นรัวแรง ฝืนควบคุมอย่างไรก็ระงับความตื่นเต้นไม่อยู่
            “ปล่อยตัว!”
            สิ้นเสียงคำสั่งนั้น กลางลานปล่อยตัวก็เกิดเสียงระเบิดพลังงานกึกก้อง ควันขาวคลุ้งกระจายเต็มพื้นที่ หนาทึบฟุ้งสูงจนบดบังยานข้ามเวลาที่เคยตั้งตระหง่านโดดเด่นไว้จนมิด ตามมาด้วยเสียงกรีดดังแหวกอากาศเพียงไม่กี่วินาทีก็เงียบลง... จนเมื่อไอควันคลุ้งค่อยๆ จางหาย... กลางลานโลหะสีเทาดำแห่งนั้นก็เหลือเพียงความว่างเปล่า
            ผู้ควบคุมต่างผ่อนลมหายใจเมื่อการปล่อยตัวเสร็จสิ้นลงด้วยดี แต่ทว่าห้วงลมหายใจสุดท้ายยังไม่ทันพ้นจากปากและจมูก กระแสไฟฟ้าภายในอาคารพลันดับสนิท!
            เสียงเตือนจากบรรดาแผงวงจรควบคุมร้องระงมจากทุกทิศทาง เช่นเดียวกับภายในหัวใจของเหล่าผู้อยู่ในห้องควบคุม และที่หนักหนาที่สุดคงเป็นใจที่ร้อนรุ่มของหัวหน้าทีมสูงวัย
            “เกิดอะไรขึ้น!”
            “ไม่ทราบเหมือนกันครับ แปลกจริงๆ ที่ระบบไฟสำรองก็หยุดทำงานไปด้วย” เสียงรายงานนั้นตื่นตระหนกไม่น้อย
            “มีคนลอบแทรกแซงระบบของเราเข้ามาครับ” เสียงจากชายอีกคนรายงาน ปลายนิ้วของเขาพร่างพรมอย่างเร่งรัวไปบนแผงควบคุมคอมพิวเตอร์ส่วนตัวขนาดพกพา
            อีกไม่กี่อึดใจต่อมา ภายในห้องก็สว่างขึ้นพร้อมเครื่องมือต่างๆ ที่กลับมาทำงานได้ดังเดิม ในจังหวะเดียวกับที่โปรแกรมเมอร์หนุ่มเอ่ยรายงาน ทั้งที่สองมือและสองตายังทำงานประสานกันไม่หยุด
            “ผมกำจัดหนอนออกไปจากระบบ และเปิดระบบไฟฟ้าสำรองขึ้นมาก่อน ส่วนระบบไฟหลักจะทำงานได้ในอีกไม่กี่นาทีครับ
            หัวหน้าทีมสูงวัยเอ่ยชมเชยเขาไปเพียงสั้นๆ ก่อนจะหันไปหาผู้ดูแลระบบวิถีนำร่องของยานข้ามเวลาน้ำเสียงเคร่งเครียด
            “ยานของอีธานเป็นยังไงบ้าง
            “การติดต่อขาดหายค่ะ ไม่ทราบพิกัด ณ ตอนนี้
            ฟารัสสูดลมหายใจเข้าลึก เบนสายตาที่เข้มข้นด้วยความเครียดไปทางผู้ควบคุมอีกคน แล้วเอ่ยคำสั่งทันที
เปิดระบบคัมมิ่งโฮมฉุกเฉินเดี๋ยวนี้
            ระบบคัมมิ่งโฮมหรือการดึงยานข้ามเวลากลับมายังห้วงเวลาและสถานที่แห่งนี้ ปกติจะสั่งเปิดการทำงานจากยานข้ามเวลาเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ แต่ครั้งนี้ที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น จึงต้องใช้การเปิดระบบจากฐานเป็นการด่วน
            หลังจากผู้ควบคุมรีบทำตามคำสั่ง ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่เสียงหายใจยังผ่อนเบากว่าปกติ เรียกได้ว่าแทบกลั้นหายใจ
            ความเคร่งเครียด ความกดดัน ทวีเพิ่มขึ้นในทุกๆ วินาทีที่ผ่านพ้น
            จากวินาที... เป็นนาที... ห้านาที... สิบนาที...
            บนใบหน้ารอคอยเฝ้าหวังของทุกคนต่างเปลี่ยนเป็นกังวลและผิดหวังกับการสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อเกินกำหนดเวลาที่ยานสมควรจะต้องกลับมาแล้ว แต่บนลานตรงหน้ายังคงว่างเปล่าไร้สิ่งใดปรากฏ
            แต่ไม่ว่าใครในที่นั้น... ไม่มีทางโศกเศร้าเสียใจเท่ากับหัวหน้าทีมวัยชรา ผู้ที่มาส่งหลานชายคนโตเดินทางข้ามเวลาด้วยตัวเอง...





กาลที่ 1 : อาเธอร์


            บลูแพลนต์ปีสามพันสามร้อย
ณ ฐานปล่อยยานข้ามเวลาประจำยูไนเต็ดที่ยี่สิบเอ็ด
            ร่างสูงโปร่งในชุดกระชับรูปสีดำคลุมทับด้วยแจ็กเก็ตฮู้ดสีน้ำตาล ก้าวนำทีมลงจากยานข้ามเวลาสีเทาเงินที่เพิ่งลดระดับลงจอดกลางลานโลหะเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา บนบ่าข้างหนึ่งของนักข้ามเวลาหนุ่มมีกระเป๋าเป้สีน้ำตาลใบใหญ่สะพายอยู่ ส่วนในมืออีกข้างหนึ่งถือกล่องสี่เหลี่ยมใบหนึ่งเอาไว้ ตรงกลางรอยแยกของเสื้อตัวนอก สร้อยเข็มทิศกาลเวลาห้อยอยู่บนอกแกร่งอย่างโดดเด่น สมกับที่มันเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของนักข้ามเวลาตระกูลเบิร์นสไตน์
            เข็มทิศกาลเวลามีลักษณะเป็นเหรียญทองคำฉลุลายดวงดาวนับสิบดวง มีวงแหวนทองเหลืองสองวงซ้อนไขว้อยู่รอบนอก ตรงกลางเหรียญเจาะเป็นช่องว่าง ซึ่งเป็นที่อยู่ของกระเปาะแก้วรูปร่างคล้ายนาฬิกาทรายที่ภายในบรรจุผลึกพลังงานวาวระยับ โดยสีสันและความงดงามแวววาวของมันแตกต่างกันไปตามพลังจิตและพลังชีวิตของผู้เป็นเจ้าของ
            ดวงตาสีน้ำตาลทองคู่คมเข้ม แต่กลับถูกล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวจนดูหวาน กวาดมองไปทางกลุ่มชายหญิงหกเจ็ดคนที่เดินตรงเข้ามารุมล้อมต้อนรับ หนึ่งในนั้นเป็นถึงผู้นำของตระกูลเบิร์นสไตน์ ตระกูลเก่าแก่เจ้าของกลุ่มข้ามเวลาเบิร์นสไตน์ที่ปัจจุบันเป็นผู้ถือครองกิจการข้ามเวลาที่ครอบคลุมกว้างไกลไปเกือบครึ่งค่อนบลูแพลนต์
            “เวลคัมโฮมอาเธอร์
ชายผู้นั้นเอ่ยต้อนรับแทบในทันทีที่ผู้เพิ่งมาถึงก้าวพ้นบันไดยานข้ามเวลา เขาก้าวเข้าไปตบไหล่หนักๆ แล้วโอบบ่าอีกฝ่ายเอาไว้ พาเดินตรงเข้าไปในอาคารรูปตัวยูสูงห้าชั้นที่โอบล้อมลานปล่อยยาน พลางเอ่ยถามถึงภารกิจ
สำเร็จหรือเปล่า
            “ครับ” อาเธอร์ตอบสั้นกระชับ พร้อมยื่นกล่องในมือซึ่งภายในเป็นภารกิจของการเดินทางข้ามเวลาครั้งนี้ให้อีกฝ่าย
            ‘หนอนนก’ หนอนชนิดหนึ่งที่เคยมีการค้นพบว่า มันสามารถกัดกินและย่อยขยะประเภทโฟมและพลาสติก ซึ่งต้องอาศัยเวลาหลายร้อยจนถึงพันปีในการย่อยสลาย ให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสารประกอบชนิดอื่นที่ย่อยสลายได้ง่ายกว่าและไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ซ้ำยังช่วยเพิ่มสารอินทรีย์ในดินได้อีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติข้อหลังนี้ ทำให้มันถูกให้ความสนใจในแง่การนำมาใช้กำจัดขยะ มากกว่าวิธีปัจจุบันที่ใช้การเผาด้วยความร้อนสูงเกินระดับการเกิดก๊าซพิษ หรือบีบอัดเป็นมวลแน่นไปถมทะเล เพราะมันอาจช่วยเพิ่มพื้นที่กรีนแอเรีย หรือพื้นที่ที่สามารถเพาะปลูกให้กับบลูแพลนต์ได้
            แต่เสียดายที่การศึกษาในอดีตกลับล้มเหลว จากบันทึกการค้นคว้าเพื่อคัดแยกว่าจุลินทรีย์สายพันธุ์ใดในลำไส้ของหนอนนกที่ทำให้มันมีความสามารถพิเศษนี้ กลับกลายเป็นว่าจุลินทรีย์เหล่านั้นเกิดการกลายพันธุ์จนสูญเสียความสามารถนี้ไป และเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างฉับพลันในเวลาต่อมาก็ทำให้หนอนนกสูญพันธุ์ จนการศึกษาทุกอย่างต้องล้มเลิกลงไป
            เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เกิดปรากฏการณ์กระแสไหลเวียนของน้ำในมหาสมุทรแปรปรวนกะทันหัน พัดพาซากแพขยะจำนวนมหาศาลหลายหมื่นตันที่เคยลอยคว้างกลางมหาสมุทรมานานขึ้นมาทับถมบนชายฝั่งไม่ไกลจากขอบชายแดนยูไนเต็ดที่สิบหกและสิบเจ็ด เป็นเหตุให้หน่วย Environment and Resource Keeper หรืออีอาร์เคของสภาบลูแพลนต์ ที่มีหน้าที่กำจัดขยะกองโตซึ่งสะสมโถมทับจากอดีตโดยไม่ให้เกิดมลพิษ มีโครงการที่จะปลุกการศึกษาเกี่ยวกับหนอนในตำนานนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยมั่นใจว่าเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่มีในตอนนี้จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้มากกว่ามนุษย์นักทดลองในอดีต
            หน่วยอีอาร์เคจึงได้ทุ่มเทงบประมาณ ว่าจ้างให้พวกเขาเดินทางกลับไปยังห้วงเวลาแปดร้อยปีก่อน เพื่อเก็บตัวอย่างหนอนนกกลับมา ก่อนที่จุลินทรีย์ในตัวมันจะกลายพันธุ์และตัวมันเองก็สูญพันธุ์ตามไป
            โรฮานยื่นมือไปรับกล่องใบนั้นมา มองใบหน้านิ่งขรึมจริงจังของบุตรชายคนที่สองที่เป็นผู้นำทีมเดินทางข้ามเวลาไปด้วยตนเองด้วยความภาคภูมิใจ
            แม้ว่าเบิร์นสไตน์จะสูญเสียทายาทนักข้ามเวลาผู้โดดเด่นและเป็นความหวังของตระกูลไปเมื่อห้าปีก่อน แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนทำให้อาเธอร์ที่เคยเก็บตัวเก็บงำความสามารถ ด้วยไม่ต้องการแข่งขันเปรียบเทียบกับพี่ชาย หันมาทุ่มเทตั้งใจฝึกฝน และฉายประกายความพิเศษเหนือนักข้ามเวลาทั่วไป สามารถกำหนดจุดเวลาแลนดิ้งได้แม่นยำไม่ต่างจากอีธาน และยังเป็นเจ้าของขุมพลังจิตและพลังชีวิตยิ่งใหญ่เหนือกว่าผู้เป็นพี่ชายไปอีกขั้น
            “แล้ว...” ชายวัยกลางคนที่มีโครงร่างสูงใหญ่ใกล้เคียงกับบุตรชายแต่กายหนากว่าเล็กน้อย เอ่ยด้วยความลังเลอย่างที่ไม่ค่อยปรากฏกับผู้นำกลุ่มข้ามเวลานัก
            “ไม่เลยครับ เมื่อแปดร้อยยี่สิบสี่ปีก่อนนั้นไม่มี พาร์ต’ ของอีธานให้ผมสัมผัสได้เลย
เสียงเรียบเอ่ยตอบโดยไม่ต้องรอให้บิดาถามต่อจนจบ ในแววตาคู่งามของเขาเองก็ฉายความผิดหวังไม่ต่างกัน
            คุณสมบัติพิเศษที่ถ่ายทอดกันมาในตระกูลเบิร์นสไตน์ นอกจากจะเป็นตระกูลที่ให้กำเนิดผู้มี กิฟต์’ ที่มีคุณสมบัติเป็นนักข้ามเวลาได้มากกว่าคนทั่วไปแล้ว ยังมีกิฟต์พิเศษที่ปรากฏขึ้นในบางรุ่น คือ การมีจิตล่วงรู้เหนือธรรมชาติซึ่งยังไม่มีคำอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ สำหรับอีธานและอาเธอร์ นอกจากพวกเขาจะสามารถอ่านความทรงจำของผู้คนและสิ่งของได้แล้ว พวกเขาสองพี่น้องยังสามารถส่งสัญญาณเชื่อมโยงสายใยบางอย่างที่มองไม่เห็นและอธิบายไม่ถูก หรือเรียกกันว่า พาร์ต’ ถึงกันและกันได้อีกด้วย
            คำตอบชวนผิดหวังที่ได้ยินมานับสิบๆ ครั้งจนเริ่มชาชิน ทำให้ใบหน้าของโรฮานไม่ได้แสดงอาการอะไรมากนัก นอกจากแววตาที่วูบไหวเล็กๆ ก่อนจะจางหาย หันมายิ้มจางๆ ให้บุตรชาย
            “ไม่เป็นไร วันนี้อาจยังไม่ใช่วันของเรา


            ทุกระบบยังคงปกติดีเยี่ยม... พลังงานแทบไม่ลดลงเหมือนเดิมค่ะมิสเตอร์
เสียงรายงานผลผสมกระแสความชื่นชม ดังขึ้นในทันทีที่นักข้ามเวลาหนุ่มเดินออกจากตู้สี่เหลี่ยมสำหรับสแกนตรวจเช็กสภาพร่างกาย
            แพทย์สาวประจำฐานข้ามเวลาในเสื้อโค้ทตัวยาวสีขาว ส่งเข็มทิศกาลเวลาที่ผลึกภายในเปล่งประกายวาววับคืนให้ชายหนุ่มเป็นสิ่งแรก ตามด้วยจีเนียสวอทช์... นาฬิกาอัจฉริยะลักษณะคล้ายแผ่นพลาสติกบางๆ ที่เมื่อเขารับไปฟาดเบาๆ บนข้อมือ มันก็ตวัดรัดปรับขนาดกระชับพอดีกับผู้สวมใส่
            จังหวะนั้นหญิงสาวก็หยิบเสื้อแจ็กเก็ตฮู้ดตัวโตขึ้นมาจัดทรง กำลังจะเดินอ้อมไปช่วยสวมให้เขาจากด้านหลัง หวังจะสร้างโอกาสใกล้ชิดกับชายหนุ่มรูปงาม แต่ยังไม่ทันได้แตะถึงตัว เขากลับส่งเสียงห้ามสั้นห้วน แล้วชิงคว้ามันไปพาดไว้บนท่อนแขนแกร่งกระชับด้วยกล้ามเนื้อ
            อาเธอร์มองใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอ่อนหวานนั้นเพียงครู่เดียว ก่อนจะละสายตาเย็นชาถือตัวออกมา นึกรำคาญสายตาปลาบปลื้มชื่นชมทอดสะพาน เบื่อหน่ายอาการแสดงออกว่าหลงใหลและหวังอะไรในตัวเขาเต็มทน
            “ขอบคุณ
ชายหนุ่มเอ่ยสั้นกระชับ แล้วก้าวออกจากห้องตรวจร่างกายไปทันทีโดยไม่มีคำพูดจาใดอีก
ไม่สนใจว่าจะมีใครมองค้อนใส่แผ่นหลังตั้งตรงของเขา แต่ก็ยังมองตามด้วยแววตาชื่นชมไปจนสุดสายตา
            อาเธอร์เป็นชายหนุ่มคนดัง และอยู่ในความสนใจใฝ่ฝันของสาวๆ ชาวยูไนเต็ดที่ยี่สิบเอ็ดจำนวนไม่น้อยเลย ด้วยร่างกายสูงโปร่งโดดเด่น โครงหน้าหล่อเหลาซึ่งถูกกรรมพันธุ์ปั้นแต่งมาอย่างลงตัว ผิวขาวจัดไร้ตำหนิตัดกับกรอบผมและคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จมูกเป็นสันแต่ไม่โด่งเกินงาม ดวงตาสองชั้นลึก นัยน์ตาสีน้ำตาลทองคมกริบ แต่กลับดูหวานเกินชายด้วยขนตางอนยาว และริมฝีปากสีสดอย่างคนสุขภาพดี
เพียงเท่านั้นที่ว่ามา เขาก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้ที่ได้พบเห็นแล้ว ยังไม่นับว่าเขาเป็นนักข้ามเวลาคนพิเศษที่มีพลังชีวิตเหลือเฟืออย่างที่หาไม่ได้ง่ายๆ แถมยังเป็นทายาทหนุ่มโสดเพียงคนเดียวของตระกูลเบิร์นสไตน์อีกด้วย
            เสียดายก็แต่เขาชอบเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครและมีข่าวออกมาน้อยไปหน่อย จึงทำให้ผลโหวตหนุ่มน่าควงต้องตกเป็นรองชายหนุ่มคนอื่นอีกหลายคน ที่มีหน้าตาและคุณสมบัติด้อยกว่าเขาหลายขุมด้วยซ้ำ


            ติ๊ก! เสียงเตือนเบาๆ จากจีเนียสวอทช์บนข้อมือของชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวขึ้นมานั่งในแอร์โมบิล... พาหนะเหินอากาศรูปทรงปราดเปรียว ทันทีที่อาเธอร์เอ่ยตอบรับการสื่อสาร ภาพสามมิติของชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งก็ลอยเด่นขึ้นมาจากหน้าปัดจีเนียสวอทช์
            เบรย์... เจ้าของตำแหน่งหนุ่มน่าควงประจำยูไนเต็ดที่ยี่สิบเอ็ด เพื่อนสนิทในจำนวนน้อยชนิดนับนิ้วมือได้ของนักข้ามเวลาหนุ่ม
            “เฮ้กลับมาแล้วสินะอาเธอร์” เบรย์เอ่ยทักในทันทีที่สื่อสารติดเสียที หลังจากมันถูกตัดสัญญาณมาหลายครั้งเพราะเจ้าของไม่อยู่
            “ไม่มีคำถามที่สร้างสรรค์กว่านี้หรือไง” นักข้ามเวลาหนุ่มย้อนถามกวนประสาทคนฟังด้วยเสียงเรียบ ก่อนจะแตะปลายนิ้วไปบนปุ่มติดเครื่องยนต์
            “เหอะอย่างกับคำที่นายทักเพื่อนสร้างสรรค์มากสินะ
            อาเธอร์เพียงยกยิ้มมุมปาก ไม่ตอบโต้คำโวยวายของเพื่อน คนถนอมคำพูดรู้ดีว่าแค่รอฟังอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดถามให้มากความ เดี๋ยวเพื่อนคนนี้ก็จะเอ่ยถึงสิ่งที่ตั้งใจสื่อสารเข้ามาเอง อาเธอร์ไล่กดปลายนิ้วไปบนแผงควบคุมเพื่อเลือกโปรแกรมเส้นทาง ก่อนจะขับเคลื่อนแอร์โมบิลออกจากโรงเก็บ แล้วทะยานโลดแล่นออกจากเขตรั้วของฐานส่งยานข้ามเวลา
             “ค่ำนี้นายว่างหรือเปล่า มาสังสรรค์กันหน่อยไหมไอ้คุณชาย
เบรย์เป็นฝ่ายเริ่มถามอีกครั้งเมื่อเพื่อนเงียบไป แสร้งเอ่ยประชดไปถึงฐานะภายในตระกูลสืบเชื้อสายผู้ดีเก่าแก่ของอีกฝ่าย
            “ที่ไหน ใครบ้าง” เสียงเรียบทุ้มต่ำนั้นสั้นกระชับ หากผู้ฟังไม่ใช่เพื่อนสนิทที่รู้จักกันดีก็คงไม่เข้าใจ หรือไม่ก็คิดว่าอีกฝ่ายเย่อหยิ่งไม่อยากเจรจาพูดคุยด้วย
            “บ้านฉัน... กับสาวๆ ที่ตามกลับมาจากกองถ่ายอีกเพียบ!”
            “ไม่ว่าง
คำปฏิเสธที่ออกมาแทบจะในทันทีที่คนชวนเอ่ยถึงสาวๆ ทำเอาคนแกล้งอำหัวเราะเสียงดังอย่างเดาใจเพื่อนได้ถูก
            “ไม่คิดจะลองสานสัมพันธ์กับสาวๆ ไว้ควงเล่น เพิ่มความฮอตให้ชีวิตบ้างเลยหรือไง” นักร้องนักแสดงหนุ่มนักรักถามกลั้วหัวเราะ แต่เมื่อเพื่อนใช้ความเงียบแทนคำตอบก็ต้องโคลงใบหน้าไปมา เลิกล้มความคิดจะช่วยหาความบันเทิงมาเติมให้เพื่อนรัก ผู้กลายเป็นคนเคร่งขรึมจริงจังสุดขั้วตั้งแต่เกิดเหตุสูญเสียพี่ชายเมื่อห้าปีก่อน
            “พูดเล่นน่า... ปาร์ตี้กับสาวๆ น่ะจัดเต็มไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว วันนี้มีแค่ฉันกับนายเท่านั้นแหละ ไปทำงานต่างยูไนเต็ดตั้งนาน ไอ้คุณชายจะช่วยสละเวลามาเจอเพื่อนได้ไหมวะ?”
            “ได้” เสียงตกลงไม่ดังนักแต่ชัดเจน
            “ก็เท่านี้ แล้วเจอกัน
            การสื่อสารถูกตัดไปแล้ว ทิ้งให้ภายในห้องโดยสารของแอร์โมบิลเหลือเพียงความเงียบ ขณะขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูงไปบนเลน... เส้นทางล่องหนลอยฟ้า
            “Bossa Jazz”
            หลังสิ้นเสียงคำสั่งของชายหนุ่ม เสียงเปียโน กีต้าร์คลาสสิค และเครื่องเป่าในทำนองเพลงแจ๊สสบายๆ สนุกสนานก็ดังขึ้นทันที แถมมาด้วยกลิ่นอายทะเลและเสียงคลื่นลม ประหนึ่งว่ายกชายหาดมาไว้ในห้องโดยสาร

            แอร์โมบิลสีดำแล่นออกจากเลน มาจอดเทียบบนแท่นรับโมบิลของอาคารสูงรูปทรงโดดเด่นแปลกตา ที่พักอาศัยสุดหรูซึ่งมีแท่นรับลอยฟ้าในระดับเดียวกับเลนชั้นพิเศษซึ่งอยู่เหนือพื้นดินถึงสามร้อยเมตร เพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ต้องลดระดับแอร์โมบิลลงไปใช้เลนภาคพื้นดินที่แออัดให้เปลืองเวลา ผู้มาเยือนก็สามารถเข้าสู่ตัวอาคารได้รวดเร็วทันใจ
            หากเป็นเจ้าของห้องชุดในอาคารแห่งนี้ เพียงแค่แตะปลายนิ้วทั้งห้ายืนยันตน แท่นรับนี้ก็จะเคลื่อนนำไปยังชั้นที่อยู่ของตนได้โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเป็นผู้มาเยือนอย่างเช่นนักข้ามเวลาหนุ่ม ก็ต้องสื่อสารแจ้งให้เจ้าของห้องกดเรียกแท่นรับโมบิลจากในห้องแทน
            แท่นรับโมบิลหนึ่งในยี่สิบช่องที่มีอยู่ เคลื่อนขึ้นสูงอยู่ไม่กี่วินาทีก็มาถึงชั้นที่ต้องการ รั้วที่ขวางอยู่ด้านหน้าเลื่อนเปิดออกให้ชายหนุ่มได้เคลื่อนโมบิลเข้าไปจอดในช่องเก็บโมบิลของห้องชุดในชั้นเจ็ดสิบห้า ซึ่งมีเบรย์เป็นเจ้าของพื้นที่ทั้งหมด
            “ไฮไม่เจอนายเสียนานเลยเพื่อน
            เจ้าบ้านที่ตรงเข้ามาโอบไหล่ทักทายนั้น มีร่างกายหนากว่าผู้มาเยือนเล็กน้อย เบรย์เป็นหนุ่มเจ้าของผิวสีแทน เรือนผมสีเทาเงิน โครงหน้าคมคายด้วยคิ้วหนาพาดตรงเหนือดวงตาสีเทาสองชั้นลึก จมูกโด่งปลายงุ้ม ริมฝีปากหนาหยักได้รูป
เบรย์อยู่ในเสื้อไร้แขนเส้นใยพิเศษสีขาวสกรีนลายกลางอก และกางเกงกระชับรูปขายาวสีดำเรียบๆ แต่ติดแบรนด์หรู
            “แค่เดือนสองเดือนเท่านั้น” อาเธอร์ดับอาการตื่นเต้นเกินควรของเพื่อนด้วยน้ำเสียงเรียบ
            หลังจากกลับบ้านเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ เวลานี้นักข้ามเวลาหนุ่มอยู่ในชุดกระชับรูปแขนยาวสีเทาอ่อน กางเกงและเสื้อโค้ทสีครีม สวมรองเท้าหนังสังเคราะห์สีน้ำตาลจากห้องเครื่องแต่งกายชื่อดังไม่แพ้เจ้าบ้าน
            สิ่งหนึ่งที่สองหนุ่มนิสัยต่างขั้วมีเหมือนกัน คือ ความบ้าแฟชั่น แตกต่างกันที่เบรย์มักควงสาวๆ ไปเดินเล่นเลือกซื้อของตามเซ็นเตอร์ใหญ่ๆ แต่อาเธอร์กลับไม่ชอบปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขาชื่นชอบการช้อปปิ้งออนไลน์ และถึงกับลงทุนสร้างห้องลองชุดเสมือนจริงเอาไว้ที่คฤหาสน์เบิร์นสไตน์
            “เอาเถอะๆ เข้ามาก่อนแล้วกัน เราจัดมื้อค่ำในห้องเอนเตอร์เทนเลยดีกว่า... ฉันมีอะไรสนุกๆ มาให้นายดูด้วย
            เบรย์ชินเสียแล้วกับความนิ่งเฉยของเพื่อน เขายักไหล่อย่างดูดีทีเดียว ก่อนจะพาอีกฝ่ายเดินผ่านต้นไผ่แคระสีนิลที่ปลูกในกระถางเรียงเป็นแนวกั้นสายตาระหว่างห้องชุดและโรงเก็บโมบิล เข้าไปในห้องชุดกว้างขวางหลายร้อยตารางเมตร ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสโล่งไปทั้งแถบ มองออกไปเห็นสระขนาดใหญ่และสวนพรรณไม้ประดิษฐ์ลอยฟ้า
            อาเธอร์ก้าวเดินไปยังประตูบานหนึ่งอย่างคุ้นเคยดีโดยที่เจ้าของบ้านไม่ต้องนำทาง มือขาวสะอาดผลักบานประตูบุหนังสังเคราะห์สีแดงเลือดหมูเข้าไปยังห้องเอนเตอร์เทน สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเขายังคงเป็นหน้าจอขนาดใหญ่สักครึ่งผนัง ประกบด้านซ้ายขวาด้วยหน้าจอสไลด์โชว์รูปผลงานถ่ายแบบของเจ้าของห้อง ต่อมาก็เป็นเก้าอี้ดูหนังสีแดงตัวโตสิบตัวที่ตั้งเรียงรายเป็นแถว
            แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกใหม่... เจ้ากล่องโลหะสี่เหลี่ยมสีดำไม่สูงนักที่วางอยู่บนแท่นกระจกเตี้ยๆ และยังมีกล่องพลาสติกสี่เหลี่ยมแบนๆ อีกนับสิบวางซ้อนเป็นตั้งอยู่ข้างๆ กัน
            “ตอนที่ฉันไปทำงานอัดเพลง พอมีเวลาว่างเบื่อๆ เลยไปร่วมงานประมูลของพวกนักข้ามเวลายูไนเต็ดที่สิบสามมา
เบรย์ที่เดินตามหลังเพื่อนเข้ามา เดินตรงไปหยิบกล่องแบนๆ นั้นขึ้นมาสองกล่อง ก่อนจะหันด้านหน้าของมันมาอวดให้เพื่อนนักข้ามเวลาได้เห็นชัดเจนเต็มสองตา
            อาเธอร์มองรูปภาพมนุษย์ชายหญิง บ้างครึ่งตัว บ้างเต็มตัว และตัวอักษรประหลาดอ่านไม่ออกแล้วก็คิ้วขมวด ทบทวนความรู้จากการศึกษาอดีตอยู่ไม่นานก็พอนึกออกว่ามันคืออะไร
          แผ่นบันทึกการแสดงและเครื่องเล่นจากยุคโบราณ!.. น่าสนใจใช่ไหมล่ะ” ผู้ประมูลมันมาเอ่ยเฉลยด้วยรอยยิ้มกว้าง ภูมิใจนำเสนออย่างยิ่ง
            แผ่นดีวีดีที่นับว่าใหญ่เทอะทะเมื่อเทียบกับข้อมูลที่เก็บเอาไว้นี้ ถูกเลิกใช้ไปนานแล้ว ในยุคนี้ หากต้องการจะดูภาพยนตร์หรือบันทึกการแสดงอะไรสักอย่างที่บ้าน ก็เพียงให้เครื่องโทรทัศน์ดึงข้อมูลจากเครือข่ายข้อมูลไร้สายที่ครอบคลุมทั่วบลูแพลนต์หรือที่เรียกว่า วันสกาย มาฉายบนหน้าจอได้อย่างง่ายดายไม่ต้องเปลืองเนื้อที่จัดเก็บให้วุ่นวาย
            “นายเลือกเลยว่าจะลองดูเรื่องไหน ฉันเพิ่งให้ช่างเทคนิคมาเชื่อมต่อให้มันส่งภาพและเสียงขึ้นจอได้เมื่อวันก่อนนี่เอง” เจ้าของบ้านหนุ่มบอก
            ในระหว่างที่เบรย์ผละไปยังผนังห้องด้านหนึ่งที่ติดตั้งกล่องสื่อสารภายใน เพื่อกรอกคำสั่งให้เริ่มเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม อาเธอร์ก็ก้มลงหยิบจับมองภาพถ่ายบนกล่องพลาสติกแบนๆ เหล่านั้นไปเรื่อย บนหน้าปกนั้นมีทั้งที่เป็นภาพสีสันสดใส บ้างก็เก่าเหลืองซีด
            แต่แล้ว... ชายหนุ่มก็หยุดมือค้างอยู่บนกล่องกล่องหนึ่ง
            นัยน์ตาคมมองภาพหญิงสาวผมดำดัดลอนในชุดเมดยืนหันหลังถือถาดเครื่องดื่ม ผินใบหน้าด้านข้างมาให้เห็นตากลมโตและผมทรงหน้าม้า ท่ามกลางตัวอักษรประหลาดไม่คุ้นตา มีตัวเลขที่เขาพออ่านออก
            ‘... #422…’
            “เรื่องนี้หรือ” เบรย์หันกลับมาถาม
เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้าให้ เขาก็คว้ามันไปเปิดฝาและหยิบแผ่นดีวีดีออกมาใส่เข้าไปในเครื่องเล่นที่ประมูลมาได้
            ชายทั้งสองคนเดินไปนั่งบนเก้าอี้ดูหนังคนละตัว ภาพเคลื่อนไหวสองมิติความละเอียดต่ำฉายขึ้นมาบนหน้าจอขนาดใหญ่เบื้องหน้า การรับชมภาพยนตร์ที่ฟังไม่รู้เรื่อง มันแทบไม่ต่างอะไรนักกับการชมละครใบ้ แต่พวกเขาก็ได้รับชมสภาพผู้คนและสังคมในอดีตกาลอันยาวไกลผ่านภาพเหล่านี้ และเรื่องที่อาเธอร์เลือกหยิบมานี้ ยังบวกความตลกชวนฮาเข้าไปด้วย จนเจ้าของบ้านหนุ่มที่ต่อมอารมณ์ขันทำงานดีเยี่ยมได้หลุดขำขึ้นมาหลายต่อหลายครั้ง
            “ไม่คิดเลยว่าพวกมนุษย์โบราณนี่ก็คิดถึงการมีแอนดรอยด์รับใช้แล้ว แต่ยังโปรแกรมรวนจนเป๋อ วุ่นวายไปหมด” เบรย์หันมาชวนพูดคุย ก่อนจะหันไปมองแอนดรอยด์รับใช้ของตนที่กำลังเข็นรถอาหารค่ำเข้ามา
            สำหรับครอบครัวเล็กหรือผู้ที่ไม่ชอบความวุ่นวาย มักจะมีแอนดรอยด์ไว้คอยรับใช้ในบ้านแทนที่จะจ้างแม่บ้านซึ่งเป็นมนุษย์ เพราะประหยัดกว่าในเรื่องค่าจ้างและสวัสดิการต่างๆ
            แอนดรอยด์ทั้งหลายต่างมีความสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้แทบจะเทียบเท่ามนุษย์คนหนึ่งในสายอาชีพนั้น แต่รูปลักษณ์ภายนอกได้ถูกกฎหมายกำหนดไม่ให้สร้างเหมือนมนุษย์จนแยกไม่ออก พวกมันสามารถประมวลผลการตอบโต้และแสดงออกได้เท่าที่โปรแกรมบรรจุเอาไว้แล้วเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการเรียนรู้ หรือพัฒนาตนเองด้วยการลอกเลียนมนุษย์ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความวุ่นวายมากมายยิ่งกว่าในภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่บนจอ
            “ไม่ใช่เพราะจินตนาการของคนยุคเก่าหรือไง ถึงได้มีการต่อยอดพัฒนาจนเราได้ใช้ประโยชน์จริง” อาเธอร์บอกกับเพื่อน
แล้วนักข้ามเวลาหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อเห็นคนในจอจี้กระบองไฟฟ้าไปที่แอนดรอยด์แม่บ้านตากลมตัวนั้น จนวงจรในร่างช็อต
            “พวกนี้ก็อยากรู้อยากเห็นจนก่อเรื่อง
            เบรย์ได้ยินถ้อยคำตำหนิของเพื่อนแล้วก็ยิ่งนึกขำ
            “มันแค่การแสดงน่าคุณชาย... ไม่ต้องอินจัดขนาดนั้น
            “คนเขียนบทก็เอามาจากพื้นฐานนิสัยมนุษย์จริงๆ ทั้งนั้น
            อาเธอร์ผู้จริงจังและไม่ชอบความวุ่นวายของผู้คนเป็นทุนเดิมยิ่งหน้ายุ่งเข้าไปอีก เมื่อเห็นแอนดรอยด์สาวผู้ถูกกระทำเกิดอาการเครื่องรวน จนเอาแต่เดินตรงไปข้างหน้าไม่หยุด ไม่ทันไรก็ชนเสาไฟฟ้าเข้าให้
เขาส่ายหน้าอย่างหมดอารมณ์สนุกกับการเก็บข้อมูลจากยุคโบราณ กำลังจะเอื้อมมือไปตักอาหารบนโต๊ะเบื้องหน้า
            แต่พริบตานั้น... อาเธอร์ก็ต้องตวัดสายตากลับไปมองบนจอเขม็ง ของสิ่งหนึ่งวูบไหวอยู่บนจอพร้อมกับหัวใจของเขาที่กระตุกอย่างรุนแรง
            “ย้อนกลับไปดูฉากก่อนหน้าซิ” อาเธอร์บอกเพื่อน น้ำเสียงดูเร่งร้อนกว่าปกติจนเบรย์ต้องแปลกใจ
            “เร็วสิ” เขาเร่งเมื่อเจ้าของเครื่องเล่นยังงุนงงไม่ขยับตัว
            “โอเคๆ เดี๋ยวนะ
เบรย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปคว้ารีโมตคอนโทรลที่วางไว้บนโต๊ะเบื้องหน้า ด้วยความไม่คุ้นเคยทำให้ต้องมองหาปุ่มที่ต้องการอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกดสั่งให้ภาพเล่นย้อนกลับไป
            อาเธอร์ลุกขึ้นยืน มองภาพแอนดรอยด์สาวและผู้คนเดินถอยหลังรวดเร็วไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งก็บอกให้เพื่อนหยุด จากนั้นภาพบนจอก็กลับมาเคลื่อนไหวเป็นปกติ แอนดรอยด์สาวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งผ่านผู้คนมากมายรายทาง ดวงตาคมกริบแทบไม่กะพริบกวาดมองทุกคนบนหน้าจออย่างละเอียด และแล้วสิ่งที่สะดุดตาและกระตุกหัวใจของเขาก็กลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
            “หยุดภาพ!”
            เมื่อภาพเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงตามที่เขาร้องสั่งให้เพื่อนกด อาเธอร์ก็เดินเข้าไปใกล้หน้าจอด้วยใจที่เต้นรัวระทึก และเมื่อได้มองสำรวจสิ่งนั้นให้ชัดเจนจนแน่ใจ หัวใจเขายิ่งกระตุกเต้นแรงยิ่งขึ้นไปอีกด้วยความตื่นเต้นยินดี ทั้งยังเหลือเชื่อไม่คาดฝัน ก่อนจะค่อยผ่อนแรงลงเมื่อเขาควบคุมมันเอาไว้ได้ในที่สุด
            สร้อยคอที่ห้อยลงมาถึงกลางอกของผู้หญิงคนหนึ่ง... มันเหมือนเข็มทิศกาลเวลาไม่มีผิด! 


อ่านต่อ >> กาลที่ 2 : เจ้าจันทร์เจิดจ้า


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 

Meb : https://goo.gl/NMjUZU
The1Book : https://goo.gl/YBDkJg
Hytexts : https://goo.gl/AG1Hxy
Ookbee : https://goo.gl/FMfeuY
NaiinPann : https://goo.gl/X5dZpR
Google Play : https://goo.gl/ZJ8RWG
Dek-D : https://goo.gl/MyUR2K




No comments:

Post a Comment