5 July 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

ท่วงเวลารัก - ท่วงรักที่ 1 : เด็กซนกับคนใจร้าย

ท่วงเวลารัก ชุดกาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





บทนำ


            ณ ยูไนเต็ดที่สิบสาม บลูแพลนต์ปี 3309
          ภายในโรงจัดการแสดงสดขนาดย่อมของแอลเอวัน... โดมควบคุมบรรยากาศขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดโด่งดังแห่งหนึ่งของยูไนเต็ด แหล่งรวบรวมกิจกรรมสร้างความบันเทิงอันครบครันหลากหลาย เสียงเพลงบรรเลงท่วงทำนองอ่อนหวานนุ่มนวลราวกับบทเพลงจากสรวงสวรรค์ ดังก้องกระจายไปถึงผู้ชมทุกที่นั่งด้วยคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม ประหนึ่งนั่งฟังเสียงดนตรีสดจากเครื่องดนตรีชั้นเลิศ ไร้ซึ่งการแปลงขยายกำลังเสียงจากเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ใดๆ
เวลานี้บนเวทีค่อนข้างมืดสลัว ไอหมอกขาวหนาทึบลอยเคลื่อนอยู่เหนือพื้นเวที ฉากด้านหลังเป็นภาพกลุ่มเมฆวูบไหวเป็นริ้วคลื่น โดยมีลำแสงสีทองเรืองรองสาดส่องลงมาเฉพาะจุดชวนให้ตื่นตา เหล่านักบรรเลงดนตรีเกือบห้าสิบชีวิตบ้างนั่งบ้างยืนเป็นแนวโค้งครึ่งวงกลม ทั้งหมดอยู่ในชุดกระชับรูปสีเทา คลุมทับด้วยเสื้อโค้ตคอตั้งตัวยาวสีเทาจางจนแทบจะกลืนไปกับกลุ่มเมฆหมอก ลำแสงสายหนึ่งส่องตรงลงมากลางเวที ส่งให้ร่างโปร่งบางในชุดขาวที่ยืนอยู่บนแท่นกลมยกสูงด้านหน้าโดดเด่นขึ้นมา เฉกเช่นเดียวกับเสียงอันพลิ้วหวานจากไวโอลินสีขาวบริสุทธิ์ที่เธอกำลังบรรเลงท่อนโซโลอยู่ในขณะนี้
นักบรรเลงไวโอลินสาวในชุดกระโปรงผ้าเหลือบวาวบางเบากึ่งโปร่งแสงยาวกรอมเท้ากำลังหลับตาพริ้ม ปากเป็นกระจับสีชมพูสดยกยิ้มเพียงบางๆ ปลายนิ้วเรียวขยับกดไปบนสายไวโอลินอย่างคล่องแคล่ว มืออีกข้างก็โยกคันชักสีให้เกิดห้วงเสียงอันไพเราะ กายโปร่งบางโยกย้ายไปมาช้าๆ ตามทำนองเพลงอันงดงามที่เธอเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตนเอง
วันนี้เป็นวันเปิดตัวบทเพลงในชุด Angelic ซึ่งเป็นเพลงชุดที่สองในชีวิตของ พีณา วิลตันไชลด์... เด็กสาววัยยังไม่ถึงสิบแปดปีดีที่กำลังเป็นที่จับตามองในฐานะนักบรรเลงไวโอลินและเมโลดิสต์สาวน้อยมหัศจรรย์ ผู้ซึ่งก้าวเข้าสู่วงการคีตบำบัดตั้งแต่เธออายุเพียงสิบห้าปี
กลุ่มผู้ชมด้านล่างล้วนเป็นบุคคลมีชื่อเสียงจากวงการต่างๆ ซึ่งได้รับเชิญมาเป็นพิเศษ และที่ขาดไม่ได้คือเหล่านักกระจายข่าวสายบันเทิงที่มาทำงานตามหน้าที่ เวลานี้ทุกคนต่างมีอาการคล้ายตกอยู่ในภวังค์อันแสนสุข บทเพลงที่ผ่านหูนอกจากจะงดงามอ่อนหวาน ชวนให้นึกถึงภาพเทพธิดาตัวน้อยแสนบริสุทธิ์ตามตำนานโบราณที่โบยบินเหนือมวลหมู่เมฆบนท้องฟ้ากว้าง คลื่นเสียงที่ถูกส่งผ่านมายังมีคุณสมบัติพิเศษในการสื่อสารตรงเข้าสู่เซลล์ประสาท ช่วยบำบัดจิตใจอันตึงเครียด อ่อนล้า ให้ฟื้นคืนพลัง ดึงกระแสอารมณ์เข้าสู่ความผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง และสุขสงบ
เสียงบรรเลงสุดท้ายแว่วหายไป พร้อมกับแสงไฟบนเวทีที่ดับลง เหลือเพียงลำแสงที่ส่องตรงไปยังร่างสีขาวกลางเวที พีณาค่อยๆ ลดไวโอลินและคันชักลงแนบข้างกาย พร้อมกับแท่นยกสูงใต้เท้าที่ลดระดับลงช้าๆ เพื่อให้เธอสามารถขยับก้าวไปยังด้านหน้าเวที ใบหน้างดงามน่ารักราวตุ๊กตาที่ผู้สร้างบรรจงปั้น ส่งยิ้มสว่างไสวไปให้ผู้ชมนับร้อยที่มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวเพลงชุดใหม่ของเธอ รอยยิ้มบริสุทธิ์สดใสที่เน้นย้ำให้ภาพของเทพธิดาในห้วงความคิดของผู้รับชมการแสดงเมื่อครู่ยิ่งชัดเจนแจ่มชัด
เสียงปรบมือดังกึกก้องตามมาหลังจากนั้น ภาพของผู้ชมที่ยืนขึ้นให้เกียรติ และแสดงความชื่นชอบชื่นชมต่อบทเพลงที่เพิ่งจบลงไป ยิ่งเรียกรอยยิ้มกระจ่างตาของเจ้าของบทเพลงให้ยิ่งฉีกกว้างออก พีณาโค้งกายลงแทนคำขอบคุณต่อผู้ชมทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ก่อนจะปิดท้ายลงที่ตรงกลาง เสียงปรบมือที่ยังคงดังต่อเนื่องทำให้เด็กสาวที่ยังไม่หุบยิ้มโค้งกายก้มหน้าค้างไว้นานเป็นพิเศษ
แต่แล้ววงคิ้วเรียวเหนือดวงตากลมสุกใสก็ต้องกระตุกย่นอย่างแปลกใจ เมื่อจู่ๆ เสียงปรบมือพลันเงียบหายกะทันหัน ไม่ใช่ค่อยๆ ผ่อนซาลงไปเช่นปกติ แถมยังมีเสียงฮือฮาเซ็งแซ่ของผู้คนเบื้องล่างดังตามมาสร้างความประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้พีณาเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย แล้วเธอก็ต้องกะพริบตาปริบสองสามครั้ง ก่อนจะเบิกตาโตปากเผยอค้าง เมื่อเห็นพีโอเนียสีขาวและสีชมพูอ่อนจางช่อโตถูกยื่นส่งมาให้จากผู้ที่ยืนอยู่หน้าเวที
สิ่งที่ทำให้เด็กสาวตกตะลึงไม่ใช่เพราะมันเป็นดอกไม้สายพันธุ์พิเศษดอกโตเท่าสองฝ่ามือ หรือเพราะขนาดช่อดอกไม้ที่ใหญ่เสียจนไม่มั่นใจว่าสองแขนจะโอบรอบ แต่เป็นเพราะชายหนุ่มผู้ที่ถือมันมามอบให้เธอต่างหาก!
ชาลส์ แมคแกรี่... ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าคมคายไร้ที่ติประดุจรูปปั้นเทพบุตร ผู้นำตระกูลแมคแกรี่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจคนสำคัญของตระกูลวิลตันไชลด์ของเธอ แถมเขายังมีเรื่องขัดแย้งแข่งขันกับผู้เป็นลุงของเธอมาโดยตลอด ระหว่างเธอกับเขาจึงไม่ค่อยจะญาติดีกันสักเท่าไร
“รีบมารับไปสิ”
แม้ระยะห่างเกือบสิบเมตรจะทำให้พีณาได้ยินสิ่งที่เขาพูดไม่ถนัดนัก แต่ก็พอจะรู้ว่าเขาพูดอะไรจากการขยับของริมฝีปากหยักได้รูปแต่บางเฉียบบ่งบอกความเฉียบขาด นอกจากนี้เธอยังมองเห็นสายตาคมปลาบฉายแววบังคับข่มขู่อย่างชัดเจน
เด็กสาวเม้มริมฝีปากที่เผยอค้างเข้าหากันนิดๆ ก่อนจะยื่นไวโอลินให้ทีมงานมาช่วยรับไป ขณะก้าวช้าๆ ไปยังหน้าเวที ดวงตากลมโตก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองอย่างไม่มั่นใจกึ่งปรึกษาไปทางคนในครอบครัวที่ก้าวเข้ามาหา ถึงแม้จะเห็นว่าผู้เป็นลุงพยักหน้าให้ด้วยใบหน้านิ่งเฉย แต่เธอก็พอดูออกว่าเขากำลังไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
พีณาหันกลับมาหาชายหนุ่มที่ยื่นช่อดอกไม้ค้างอยู่ พยายามรักษาสีหน้าไม่ให้แสดงความยุ่งยากใจและไม่ชอบใจเอาไว้เต็มที่ เมื่อก้าวเข้าไปใกล้ขึ้น กลิ่นหอมหวานจางๆ ของดอกไม้ที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษก็ลอยมาให้ได้กลิ่น เด็กสาวย่อกายคุกเข่าลงกับพื้นเวที โน้มตัวลงไปรับดอกไม้ช่อใหญ่ยักษ์มาด้วยสองแขน น้ำหนักของมันหนักอึ้งเสียจนเธอต้องระวังให้ดี ไม่ให้มันเป็นต้นเหตุพาร่วงตกเวที
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยเบาๆ อย่างเสียไม่ได้ เจ้าช่อดอกไม้นี้แม้จะสวยมาก แต่ก็ช่างใหญ่เกินตัวจนชวนให้คิดว่ามันเป็นภาระมากกว่าของขวัญ หากแต่ก่อนจะได้ยกตัวกลับขึ้นมา แขนข้างหนึ่งของเธอกลับถูกคว้ายึดไว้ ตามด้วยเจ้าของมือใหญ่ที่ยื่นหน้าเข้ามาเอ่ยกระซิบเสียใกล้
“ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง... และหวังว่าเธอจะไม่ลืมข้อตกลงของเรานะเด็กน้อย”
นอกจากจะเรียกขานด้วยถ้อยคำสุดขัดหูแล้ว ชาลส์ยังก่อปัญหาให้เธอด้วยการแตะปลายนิ้วแผ่วเบาตรงข้างแก้ม พร้อมส่งรอยยิ้มแปลกๆ ที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลยมาให้เป็นการส่งท้าย ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะผละถอยออกไปเมื่อผู้เป็นลุงของเธอก้าวเข้ามาตีหน้าเคร่งใส่ สายตาดุจัดจับจ้องผู้ที่มาปรากฏตัวโดยไม่ได้รับเชิญกึ่งไม่ไว้ใจกึ่งขับไล่
จากนั้นครอบครัววิลตันไชลด์ก็มีโอกาสเข้ามาร่วมแสดงความยินดีและมอบช่อดอกไม้ให้เธอได้เสียที ซึ่งจริงๆ แล้วดอกไม้ช่อนี้ควรจะเป็นดอกไม้ช่อแรกสำหรับวันสำคัญของเธอแท้ๆ
พีณาปัดไล่ความไม่ชอบใจและความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงที่ชาลส์ทวงถามทิ้งไป ก่อนจะหันไปยิ้มแย้มส่งเสียงหวานใสเอ่ยขอบคุณกับครอบครัว รวมถึงคนอื่นๆ ที่ทยอยเข้ามาให้กำลังใจและแสดงความยินดี ทั้งของขวัญและช่อดอกไม้ถูกเธอรับมาและส่งผ่านไปยังทีมงานที่มารอรับ แต่ในกระแสความรู้สึกของเธอยังสัมผัสได้ว่ามีสายตาคมกริบคู่หนึ่งคอยมองจ้องอยู่ จับจ้องชนิดที่สร้างความอึดอัดรำคาญใจจนอยากจะถลึงตาโต้กลับ แต่ทว่าเธอไม่สามารถทำได้ในเวลานี้ ในขณะที่มีกล้องบันทึกภาพของบรรดานักกระจายข่าวคอยจับภาพอยู่
แค่เมื่อครู่ที่มีภาพของผู้นำตระกูลแมคแกรี่มาปรากฏตัวร่วมแสดงความยินดีกับคนในตระกูลคู่แข่ง พร้อมกับพีโอเนียช่อโตที่หญิงสาวหลายคนเห็นแล้วต้องอุทานตาโตและมองมาด้วยแววตากังขาปนอิจฉา ไหนจะท่าทางแสดงความสนิทสนมที่เขาทำอีกเล่า เพียงเท่านี้เธอก็ไม่รู้ว่าจะตอบคำถาม หรือชี้แจงกับนักกระจายข่าวที่ตั้งหน้าตั้งตารอเตรียมยิงคำถามใส่อย่างไรดี
พีณาขบคิดวุ่นวายใจอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกได้ว่ากระแสสายตาอันเข้มข้นนั้นจางหายไปแล้ว เมื่อชำเลืองมองไปยังต้นกำเนิดก็พบว่าร่างสูงสง่างามจนเฉียดเข้าใกล้คำจำกัดความว่าหยิ่งผยองในชุดเสื้อโค้ตสีขาวตัวยาวก็ได้หายตัวไปแล้วเช่นกัน
พอเห็นดังนั้นแล้ว... เด็กสาวก็อดฉุนเฉียวเขาอยู่ในใจไม่ได้
เขาจงใจมาก่อกวนสร้างปัญหาให้เธอชัดๆ แถมยังเลี่ยงหนีการรุมล้อมของนักกระจายข่าวไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!

คนนิสัยไม่ดี!



ท่วงรักที่ 1 : เด็กซนกับคนใจร้าย


            บลูแพลนต์ปี 3306 ณ โรสบริกเฮาส์... คฤหาสน์ทรงปราสาทโบราณหลังย่อมสีน้ำตาลแดง ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวและสวนกุหลาบงามภายในโดมควบคุมบรรยากาศของตระกูลวิลตันไชลด์ 
            เสียงเพลงบรรเลงไวโอลินจังหวะสนุกสนานสดใส ดังสะท้อนไปทั่วห้องทรงกลมสูงโปร่งที่จัดไว้เป็นห้องเอ็นเตอร์เทนสำหรับคนในบ้าน บนหน้าจอขนาดใหญ่เต็มผนังซึ่งโค้งโอบไปครึ่งห้อง กำลังฉายภาพเนินทุ่งดอกไม้ริมธารน้ำใส ใบไม้ใบหญ้าและดอกไม้ป่าเล็กๆ หลากสีสันโอนไหวเอนลู่ไปตามสายลมที่พัดผ่าน ฝูงผีเสื้อและแมลงปอบินว่อน ร่อนโฉบจากดอกนั้น โผไปเกาะดอกนี้ ดูรื่นเริงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาไม่ต่างจากบทเพลงที่กำลังบรรเลงอยู่เลย
            บรรดาผู้ฟังทั้งสามที่นั่งเอนหลังผ่อนคลายอยู่บนโซฟาหนังสังเคราะห์สีครีมตัวโต ต่างก็มีรอยยิ้มแห่งความสุขประดับอยู่บนใบหน้า โดยเฉพาะเด็กสาววัยสิบห้าปีที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างบิดาและผู้เป็นย่า บนใบหน้าเล็กๆ นั้นฉาบแต้มด้วยรอยยิ้มกว้างกว่าใคร
จวบจนบทเพลงจบลง ภาพเนินทุ่งดอกไม้สามมิติเสมือนจริงก็วับหาย หน้าจอโค้งพลันเปลี่ยนเป็นผนังห้องสีควันบุหรี่เรียบๆ มองดูเหมือนผนังธรรมดาทั่วไป เวลานั้นเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางก็เริ่มขยับตัวอย่างตื่นเต้นทนรอไม่ไหว วงหน้าเล็กที่ฉายแววงดงามน่ารักมาตั้งแต่วัยเยาว์หันไปทางขวามือ ส่งรอยยิ้มกระจ่างใสที่คนมองไม่อาจต้านทานได้ให้ผู้เป็นบิดา ก่อนจะเอนกายพิงศีรษะกลมๆ ซึ่งปกคลุมด้วยผมยาวสีบลอนด์เทาหยักเป็นลอนคลื่นลงกับต้นแขนแกร่ง
“เป็นยังไงคะแด๊ดดี้ ฟังแล้วมีความสุขที่สุดเลยใช่ไหมคะ”
พีณาเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถาม สีหน้าเต็มเปี่ยมด้วยความคาดหวัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตื่นเต้น ดีใจ และภาคภูมิใจกับผลงานเพลงบำบัดจิตใจบทเพลงแรกในชีวิตแค่ไหน
เลย์ดีนก้มหน้ามองบุตรสาว ของขวัญอันแสนวิเศษล้ำค่าซึ่งคู่ชีวิตได้มอบให้ไว้ ชายหนุ่มส่งยิ้มอ่อนโยนเข้าไปในดวงตากลมโตสีฟ้าอมเทาเช่นเดียวกับเขา ในเวลานี้มันกำลังเปล่งประกายวิบวับ วาดหวังเฝ้ารอคำชม จนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นแกล้งบีบจมูกเล็กโด่งเชิดรั้นนิดๆ นั้น
“ถ้าแด๊ดดี้ฟังแล้วไม่ชอบ จะตอบว่าไม่มีความสุขได้เหรอคะ คงได้มีคนน้อยใจจนไม่คุยกับแด๊ดดี้แน่นอนเลย”
คำตอบหยอกเย้าจากบิดาพาให้ปากรูปกระจับสีชมพูสดสุขภาพดีของเด็กสาวยื่นยาวออกมาทันที พีณาทำหน้ามุ่ยแล้วแกล้งงอนไม่สนใจบิดา หันไปทางผู้เป็นย่าที่นั่งอยู่อีกข้าง
มาดามเมเรน...หญิงวัยเกือบครบหนึ่งร้อยปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ด้วยวิทยาการทางการแพทย์และการชะลออายุอันล้ำเลิศในยุคนี้ ทำให้เธอยังดูไม่ต่างจากหญิงยุคโบราณในวัยปลายหกสิบเลย
“แกรนด์มัมขา...” พีณาลากหางเสียง ทำตาละห้อยเหมือนจะฟ้อง
แกรนด์มัมผู้ถูกเรียกหาจึงคลี่ยิ้มทั้งขันทั้งเอ็นดูให้หลานสาว ก่อนจะรีบเอ่ยยกยอเอาใจเพื่อไม่ให้เด็กสาวเสียกำลังใจไปตามคำเย้าแหย่ของบุตรชาย
“พีณาของแกรนด์มัมเก่งที่สุด แกรนด์มัมมีความสุขมากๆ เหมือนได้ออกไปสัมผัสทุ่งดอกไม้ด้วยตัวเองเชียวล่ะ หนูก็รู้สึกได้ใช่ไหม” เธอเอ่ยบอก พร้อมกับคว้ามือเล็กกว่ามาสอดประสานนิ้วเรียวทั้งห้าเกาะกุมกันไว้
เพียงเท่านั้นพีณาก็คลี่ยิ้มออกมาทันที คลื่นอารมณ์เบิกบานรื่นเริงจากผู้เป็นย่าถูกส่งผ่านมาให้เธอสัมผัสรับรู้ได้อย่างชัดเจน
เด็กสาวมี กิฟต์ประจำตัวเป็นความสามารถในการสื่อสารกับสิ่งที่อยู่ภายในกายผู้อื่น แม้จะไม่ลึกล้ำขนาดรับรู้ถ้อยความคิดและสื่อสารออกไปโดยไม่ต้องใช้การพูดจาเหมือนเช่นบิดาและผู้เป็นลุง แต่เธอก็สามารถจับกระแสอารมณ์และความรู้สึกของคนรอบข้างได้ไวกว่าคนทั่วไป และยิ่งจับต้องมันได้ชัดเจนยิ่งขึ้นผ่านการสัมผัส นอกจากนี้ยังสามารถส่งพลังด้านบวกจากตัวเธอไปบำบัดอารมณ์ด้านลบต่างๆ ได้ และจากความสนใจด้านดนตรีที่มีอยู่เดิม ครูประจำตัวที่สถานเรียนรู้จึงจัดหลักสูตรเฉพาะตัว ฝึกฝนให้เธอสามารถใช้เสียงเพลงเป็นสื่อกลางเพื่อส่งผ่านพลังบวกนี้ได้ดียิ่งขึ้น และทำให้เธอได้มีผลงานเพลงคีตบำบัดในวันนี้
“พีณารู้สึกถึงพลังงานสีส้มอมชมพูเลยค่ะ” เด็กสาวยิ้มกว้างจนตาโตๆ โค้งหยีด้วยความปลาบปลื้มใจ
แท้จริงแล้วอารมณ์ต่างๆ ที่จิตของเธอสัมผัสได้นั้น ไม่ได้ปรากฏเป็นสีสันอย่างที่พูดไป แต่มันเป็นการบอกวัดและอธิบายสิ่งที่เป็นนามธรรมให้คนฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างเช่นระดับสีส้มอมชมพูก็หมายถึงอารมณ์ที่รวมเอาทั้งความเบิกบานแจ่มใสและรักใคร่เอ็นดูเอาไว้ด้วยกัน นับเป็นสภาวะอารมณ์บวกขั้นสูงทีเดียว
            แต่เพียงไม่นาน รอยยิ้มกว้างของเด็กสาวก็ถูกเก็บกักไว้จนเหลือเพียงอาการอมยิ้มกริ่ม นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาฉายแววซุกซนคล้ายกำลังมีแผนการบางอย่าง เอ่ยถามออกไปเสียงใส
            “เป็นคนเก่งก็ควรได้รับรางวัลจริงไหมคะ”
            พอได้ยินดังนั้น มาดามเมเรนก็หัวเราะออกมาเบาๆ “จะขออะไรจากแกรนด์มัมอีกหรือคราวนี้”
            ผู้ที่รอคำตอบของเด็กสาวไม่ได้มีเพียงมาดามเมเรนเท่านั้น แต่ยังมีเลย์ดีนที่ถูกบุตรสาวแกล้งงอน หันมองมาอย่างตั้งใจรอฟังด้วยเช่นกัน
            “อาทิตย์หน้า พีณาขอยืมแอร์โมบิลไปตั้งแคมป์นอกเขตเมืองกับพวกชารีย์ได้ไหมคะ”
คำขอของพีณาชวนให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนเลิกคิ้วสูง แปลกใจที่เธอไม่ได้ขอไปเที่ยวกับเพื่อนอย่างเดียว แต่กลับขอยืมพาหนะสำหรับใช้เดินทางด้วย
“ขอยืม?” มาดามเมเรนถึงกับต้องทวนคำขอของหลานสาว
“ค่ะ พีณาขอบังคับแอร์โมบิลไปเที่ยวกันเองได้ไหมคะ”
เมื่อได้ฟังคำขอ ผู้ใหญ่ทั้งสองก็พลันระลึกได้ว่าพีณาเพิ่งมีอายุครบสิบห้าปีไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และสิทธิ์ที่เด็กทุกคนจะได้รับโดยอัตโนมัติหลังจากที่มีอายุครบสิบห้าปีบริบูรณ์ คือ การ ปลดล็อกจากข้อห้ามบางอย่าง เช่น การเดินทางออกนอกยูไนเต็ดเพียงลำพังโดยไม่มีผู้ปกครอง รวมถึงการบังคับแลนด์โมบิลและแอร์โมบิลนี้ด้วย
“ไม่ได้!
เสียงห้ามขึงขังดังจากปากของเลย์ดีน คิ้วเข้มของคนหวงลูกสาวขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างไม่เห็นด้วย “จะไปกันแค่เด็กๆ อย่างนั้นได้ยังไง ไม่ได้เด็ดขาด”
“โธ่... แด๊ดดี้ขา... กฎหมายอนุญาตพีณาแล้วนะคะ แสดงว่าเค้าต้องวางใจว่าเด็กอายุสิบห้าก็มีความสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว อีกอย่างเราก็ไปกันตั้งสี่คน” พีณาหว่านล้อมชักจูง พลางกอดแขนกลของบิดาด้วยท่าทางออดอ้อน
เลย์ดีนเสียแขนซ้ายไปเพราะอุบัติเหตุทางแอร์โมบิลเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เขาต้องสูญเสียคู่ชีวิต และเด็กสาวต้องสูญเสียมารดา จากนั้นมาชายหนุ่มก็กลายเป็นคนเก็บตัว ไม่ค่อยออกจากวิลตันไชลด์โดม และต้องอาศัยแขนกลอัจฉริยะซึ่งมองเผินๆ แล้วเหมือนจริงจนแทบแยกไม่ออกมาโดยตลอด
“ไปกันสี่คน... แสดงว่ามีวัตต์ไปด้วยใช่ไหม ยังไงก็ไม่ได้!
เลย์ดีนยืนกราน เขาทั้งห่วงทั้งหวงบุตรสาวคนเดียวเป็นที่สุด การมีเด็กหนุ่มร่วมเดินทางไปด้วยยิ่งทำให้เขาไม่ไว้วางใจเข้าไปใหญ่
“มีวัตต์ไปด้วยสิคะยิ่งดี จะได้ช่วยดูแลพวกเราที่เป็นผู้หญิงไงคะ” เด็กสาวอธิบายทั้งที่คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดอย่างไม่เข้าใจ
พีณามองว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกหรืออันตราย แถมยังน่าสนุกจะตายไป เดี๋ยวนี้เด็กหนุ่มเด็กสาวที่ได้รับการปลดล็อกแล้วก็มักจะออกเดินทางท่องเที่ยวผจญภัยตามประสาวัยรุ่นกันทั้งนั้น แถมบางคนยังเดินทางเพียงลำพังคนเดียว หรือแม้แต่ไปยังสถานที่แปลกตาและดูลำบากลำบน จนเธอได้แต่มองตาปรอยด้วยความอิจฉา เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับอนุญาตขนาดนั้น
“แล้วหนูบังคับแอร์โมบิลเป็นแล้วหรือพีณา” เสียงนุ่มชวนเย็นใจของมาดามเมเรนเอ่ยแทรก
พีณาได้ยินดังนั้นก็หันไปยิ้มแย้มให้คนตั้งคำถามทันที ดูเหมือนว่าเธอได้เตรียมคำตอบสำหรับเรื่องนี้เอาไว้แล้ว
เด็กสาวหันกลับมามองผู้เป็นบิดา ดวงตากลมกะพริบปริบๆ ส่งพลังอ้อนออกไปเต็มพิกัด
“ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายวันนี่คะ พีณาจะเป็นนักเรียนรู้ที่ตั้งอกตั้งใจที่สุดในบลูแพลนต์เลยค่ะ แด๊ดดี้ขา... แด๊ดดี้ใจดี๊ใจดี แด๊ดดี้สอนพีณานะคะ” เสียงเล็กใสเอ่ยขอ พร้อมกับโถมกายเข้าไปกอดเอวบิดาไว้ ศีรษะกลมทุยคลอเคลียกับอกแกร่งของคนที่พยายามฝืนใจทำเข้มขรึม
เพียงไม่นาน... เด็กสาวก็ได้หัวเราะเริงร่า เมื่อบิดายอมพยักหน้า เอ่ยคำว่า ก็ได้
“แต่วันที่พีณาเดินทาง แด๊ดดี้จะให้ผู้คุ้มกันของเราตามไปด้วย โอเคไหม”
พีณาหุบยิ้มฉับและหน้ามุ่ยลงทันทีที่จบคำนั้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยต่อรอง “ให้ตามไปห่างๆ อีกคันได้ไหมคะ พีณาไม่อยากให้เพื่อนๆ เกร็งจนหมดสนุก”
“เพื่อนๆ หมดสนุก หรือว่าพีณาหมดสนุกกันแน่ ฮึ?” เลย์ดีนหรี่ตามองพร้อมดักคอบุตรสาวอย่างรู้ทัน ส่วนมาดามเมเรนก็ยังหัวเราะเบาๆ อย่างเห็นด้วย
“ก็หมดสนุกกันทั้งขบวนเลยไงคะ” เด็กสาวยอมรับโดยไม่เฉไฉเถียงค้าน
ก็มันเป็นความจริงยิ่งกว่าจริง... ถ้าขืนให้มีผู้คุ้มกันตัวโตที่สุดแสนจะจริงจังต่อหน้าที่คอยตามประกบติด คอยเฝ้าระวัง เฝ้าบอกให้ห้ามทำนู่นทำนี่ และพร้อมจะเข้ามาช่วยเหลือดูแลพวกเธอทุกอย่าง มันจะได้สัมผัสรสชาติการเดินทาง เปิดประสบการณ์ปลดล็อกที่แท้จริงตรงไหนกัน
“ให้ตามไปอีกคันก็ได้ แต่พีณาห้ามไปทำอะไรไม่ดี หรือผาดโผนเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด... โอเคไหม”
แม้ว่าพีณาจะเป็นเด็กดี และรู้จักคิดมากกว่าเด็กในวัยเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงและอยากรู้อยากลองคนอื่นๆ แต่เลย์ดีนก็ต้องกำชับเอาไว้ก่อน เพราะรู้ดีอีกเช่นกันว่าในบางครั้งบุตรสาวของเขาก็ช่างแก่นกล้า แสบและซนกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนใสบอบบางมากนัก
“รับทราบ พร้อมปฏิบัติค่ะ” พีณารีบรับปากพร้อมยกนิ้วชี้และนิ้วกลางแตะหางคิ้วแล้วสะบัดข้อมือออกเร็วๆ หนึ่งที
ดูแล้วช่างเป็นท่าปฏิญาณที่ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย ในเมื่อมันมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างและเสียงหัวเราะเริงร่าอย่างยินดีเหลือล้นที่การเจรจาสำเร็จด้วยดี


ร่างโปร่งบางของเด็กสาวในชุดเสื้อคอตั้งแขนกุดสีชมพูและกางเกงกระชับรูปขายาวสีขาว เคลื่อนไถลไปตามทางเดินรอบทะเลสาบจำลองในสวนพรรณไม้ขนาดใหญ่ด้วยรองเท้าหุ้มข้อติดล้อเครื่องกล ผมยาวสีบลอนด์เทาถูกมัดรวบเป็นหางม้าสูงกลางศีรษะกวัดแกว่งไปมา ในเวลานี้ใบหน้าเล็กน่ารักกลับบูดสนิทอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอยังอารมณ์ดีสุดขีดกับการได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ด้วยการบังคับแอร์โมบิลมาด้วยตัวเองแท้ๆ
พีณาเพิ่งเรียนรู้การบังคับแอร์โมบิลจากเลย์ดีนมาได้ไม่ถึงสามวัน เธอก็เก่งกล้าพอที่จะบังคับมันออกนอกวิลตันไชลด์โดมเพื่อทดสอบการบังคับมันบนเลน... เส้นทางล่องหนลอยฟ้าซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางในยูไนเต็ด โดยที่เลย์ดีนได้สั่งให้บีเจย์... ผู้คุ้มกันฝีมือดีคอยติดตามมาดูแลบุตรสาวด้วย
ความจริงแล้วการบังคับแอร์โมบิลในสถานการณ์ปกตินั้นไม่ใช่เรื่องยากลำบากอะไรนัก ในยุคปีสามพันสามร้อยนี้ แอร์โมบิลทุกคันแทบจะเคลื่อนที่อัตโนมัติโดยอาศัยระบบควบคุมภายในร่วมกับสัญญาณดาวเทียมเพื่อการนำร่อง เพียงแค่ออกคำสั่งเลือกที่หมายและตั้งโปรแกรมเส้นทางเท่านั้น แต่ที่ยากกว่าคือการบังคับมันในโหมดฉุกเฉิน สำหรับกรณีสัญญาณขาดหาย เกิดเหตุผิดปกติเข้าแทรกกะทันหัน หรือมีการคำนวณความเร็วผิดพลาดจนต้องใช้บุคคลบังคับแทน
            สถานที่แรกที่พีณานึกถึงและออกคำสั่งให้แอร์โมบิลนำพาเธอมาก็คือ เกรนเด้การ์เด้น... กลุ่มโดมควบคุมบรรยากาศที่ภายในเป็นสวนผสมผสานระหว่างพืชพรรณไม้แท้จริงและต้นไม้ประดิษฐ์ขนาดใหญ่ที่สุดในยูไนเต็ดที่สิบสาม สาเหตุที่เด็กสาวชื่นชอบที่นี่เป็นพิเศษ ทั้งที่มันเป็นของตระกูลคู่แข่ง ไม่ใช่เพราะความกว้างใหญ่และการออกแบบจัดแต่งพื้นที่อย่างสร้างสรรค์สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะที่นี่มี พีโอเนีย ไม้ดอกพันธุ์พิเศษที่หาชมที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
            ทันทีที่มาถึงเกรนเด้การ์เด้น พีณาก็บอกให้บีเจย์แยกตัวไปเดินเล่นที่ไหนก็ได้ตามสบาย แต่ผู้คุ้มกันผิวขาวหน้าเคร่งกลับฟังแล้วปล่อยผ่าน ร่างสูงนับสองจุดสองเมตรยังคอยตามติดเธออย่างแข็งขัน จนเธอต้องโคลงศีรษะไปมาก่อนจะเลิกสนใจเขา แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนพีรามิดโดยไม่ให้เสียเวลา
            กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งมาปะทะจมูกในทันทีที่บานประตูเรือนกระจกควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเลื่อนเปิดออก จุดประกายความสุขให้เธอได้เหมือนเช่นทุกครั้งที่มาเยือนที่นี่ พีณาก้าวเดินช้าๆ ไปตามทางเดินภายในเรือนพีรามิดซึ่งปูด้วยหินทรายสีน้ำตาลสลับอ่อนเข้มเป็นลวดลายสวยงาม สองข้างทางทั้งซ้ายขวาเป็นต้นพีโอนีทรงพุ่มงามสูงสามถึงห้าเมตรที่ออกดอกสะพรั่งเต็มต้น จากข้อมูลของสถานที่บอกไว้ว่าในเรือนพีรามิดแห่งนี้มีพีโอนีต้นยักษ์ปลูกไว้กว่าสามร้อยต้นเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีต้นพีโอนีขนาดเล็กสูงไม่ถึงเมตรปลูกแทรกระหว่างช่องว่างจนเกือบเต็มพื้นที่
            ดวงตากลมโตสีฟ้าอมเทาทอดมองดอกไม้สายพันธุ์โบราณที่ป้าสะใภ้ของเธอเรียกมันว่า โบตั๋นอย่างชื่นชม แต่ละดอกนั้นมีขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือของเธอเสียอีก กลีบดอกบอบบางเรียงซ้อนกันแน่นขนัดนับร้อยกลีบ และบางดอกที่เบ่งบานเต็มที่ก็ใหญ่กว่าสองมือเธอด้วยซ้ำ
            พีณาเดินชื่นชมพวกมันไปช้าๆ ไม่เร่งรีบ ผ่านต้นดอกสีขาว สีชมพูอ่อน จนมาถึงสีชมพูเข้มจนเกือบแดงซึ่งอยู่ใกล้ใจกลางโดมที่สุด
            ถึงแม้พีโอนีต้นใหญ่สองข้างทางนั้นจะสวยสง่างามชวนประทับใจเพียงใด แต่ก็ยังไม่ใช่ที่หนึ่งในใจสำหรับพีณา เพราะเป้าหมายของเธอคือหอคอยสูงซึ่งสร้างจากไม้หอมทั้งต้นขนาดใหญ่ที่หาได้ยากยิ่งนับสิบต้น ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางจัตุรัสใจกลางโดมตรงนี้ต่างหาก
            เถาพีโอเนียใบสีเขียวอ่อนปกคลุมด้วยขนสีเงินวาวเลื้อยพันรอบหอคอยสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำทั้งสี่ด้าน เหล่าดอกไม้สีขาวและสีชมพูจางพากันเบ่งบานละลานตา เปลี่ยนให้หอคอยแกร่งแลดูอ่อนหวานและงดงามเป็นที่สุด จนทำให้พีณายืนยิ้มมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไม่รู้เบื่อ
            ต้นพีโอเนียเป็นผลงานของนักวิจัยตัดต่อพืชพรรณของแมคแกรี่ ที่นำพีโอนีมาดัดแปลงผสมรวมเข้ากับพรรณไม้เถาจนกลายเป็นต้นไม้พันธุ์ใหม่ หากเพียงแค่มองดูด้วยตา ดอกของมันก็ไม่ต่างจากดอกพีโอนีสักเท่าไร แต่กลิ่นของพีโอเนียจะหอมหวานละมุนบางเบา ฟุ้งกระจายไปได้ไกล แถมยังให้ความรู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนกับกลิ่นของพีโอนีที่หอมหวานจัดและหนักลึกกว่า
            พีณาสูดกลิ่นหอมละมุนที่ชื่นชอบและ ต้องกับร่างกายของเธอที่สุดเข้าเต็มปอด ก่อนจะยิ้มมากขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตในส่วนที่เธอส่งออกไปขณะเล่นบทเพลงบำบัดค่อยๆ ฟื้นคืนมา
            แต่เพียงแค่ไม่กี่นาที... ช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กสาวก็มีอันต้องสะดุด เมื่อรู้สึกได้ว่าตนกำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครบางคนที่จ้องมองมาเขม็ง พีณาจึงหมุนตัวไปมองตามกระแสสายตาอย่างสงสัย
            สายตาคู่นั้นพุ่งตรงมาจากอาคารร้านค้าในเรือนพีรามิด ซึ่งชั้นบนเป็นส่วนของคาเฟ่ที่ให้บริการเครื่องดื่มและขนมของว่าง แค่เพียงไม่นานเลย สายตาของเธอก็ปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่มีรัศมีบางอย่างโดดเด่นออกมาจากผู้คนรอบด้าน
ชาลส์ แมคแกรี่!
ร่างสูงในโค้ตสีขาวกำลังนั่งไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อยู่ที่โต๊ะริมผนังกระจก มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกระเป๋าด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่สายตาคมของเขามองมุ่งพุ่งเป้ามาเหมือนต้องการจ้องจับผิด โดยไม่สนใจสาวสวยที่นั่งร่วมโต๊ะเลยสักนิด ปล่อยให้เธอคนนั้นพูดและยิ้มคนเดียวอยู่พักใหญ่ กว่าจะรู้สึกตัวและหันมองตามสายตาของเขาอย่างสงสัย
            พีณาทำหน้าเบ้ ถลึงตาจ้องมองคืนกลับไปอย่างไม่พอใจเขานัก แต่ครู่ถัดมาเธอก็ชะงักค้างอย่างร้อนตัว ในหัวมีคำพูดกึ่งข่มขู่ของเขาเมื่อครั้งโชคร้ายได้พบกันที่นี่เมื่อหลายเดือนก่อนดังสะท้อนขึ้นมา และทันทีที่นึกขึ้นมาได้ เด็กสาวก็หมุนตัวเดินหนีไปจากสายตาคมกริบน่ากลัวคู่นั้นโดยเร็ว
            หวังว่าหลังจากนี้ฉันจะไม่ได้รับรายงานว่ามีต้นไม้ต้นไหนเฉาลงนะเด็กน้อย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายก็แล้วกัน
            นั่นคือคำที่เขาขู่เอาไว้... ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากวันนั้นเขาจะต้องได้รู้เรื่องต้นพีโอนีสักสามสี่ต้นเหี่ยวเฉาลงราวกับไม่ได้รับการรดน้ำมาหลายสัปดาห์ ในเมื่อวันนั้นเธอเพิ่งแอบ แตะต้องเพื่อแบ่งพลังชีวิตมาฟื้นฟูตัวเองไปเล็กน้อย
            แต่เธอก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดทำให้พวกมันแห้งเฉายืนต้นตายเสียหน่อย เธอก็แค่ทำตัวเป็นวิลตันไชลด์ที่ดี กลั่นแกล้งก่อกวนให้สวนสวยๆ ของพวกแมคแกรี่ดูหมองลงไปนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง
ความจริงเธอก็เคยทำอย่างนี้มาตั้งหลายครั้งหลายหน ตั้งแต่ได้เรียนรู้วิธีแบ่งพลังจากธรรมชาติที่แสนอัศจรรย์ โดยเลือกลงมือกับต้นไม้ริมขอบเรือนพีรามิด ไม่ได้ยุ่งกับเถาพีโอเนียอันโดดเด่นให้เป็นที่สังเกต และมันก็ไม่น่ามีหลักฐานอะไรเชื่อมโยงมาถึงเธอได้เสียหน่อย
ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมถึงถูกเขาจับได้?
            คนที่ต้องเผ่นหนีออกมาทั้งที่ยังชื่นชมดอกไม้ที่ชื่นชอบได้ไม่ทันไร ได้แต่นึกหงุดหงิดว่าช่วงนี้โชคไม่ดีเอาเสียเลย ถึงได้มาเจอกับชาลส์เข้าถึงสองครั้งสองครา อีกทั้งยังนึกหงุดหงิดขัดใจว่าทำไมต้นไม้ที่ ต้องกับร่างกายเธอที่สุด จะต้องเป็นต้นไม้ที่ตระกูลแมคแกรี่เป็นผู้ถือครองเอกสิทธิ์ในฐานะเป็นผู้พัฒนามันขึ้นมาด้วยก็ไม่รู้
            พอพ้นจากเรือนพีรามิดมาได้ระยะหนึ่ง พีณาก็ค่อยคลายใจ ผ่อนคลายความระแวงลงมา เธอมั่นใจว่าผู้ชายใจร้ายคนนั้นคงไม่ถึงกับทอดทิ้งคู่ควงคนสวย แล้วไล่ตามมาวุ่นวายหาเรื่องกันหรอก จึงได้หยุดการเคลื่อนที่ด้วยล้อกล เปลี่ยนมาก้าวเดินชมนกชมไม้ริมทะเลสาบจำลองไปเรื่อย พอเริ่มเมื่อยก็หย่อนกายนั่งลงบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีฝูงนกตัวเล็กสีหวานหลากสีกำลังส่งเสียงร้องประสานชวนให้ฟังเพลิน
            ถึงตรงนี้พีณาก็อดนึกเสียดายปนขัดใจขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
            หากไม่นับตัวเจ้าของสถานที่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างในเกรนเด้การ์เด้นล้วนถูกใจเธอไปหมดจริงๆ
            พีณานั่งฟังเสียงนกร้องอยู่เพลินๆ ก็คล้ายว่าจะมีเมโลดี้ผุดลอยขึ้นมาในหัว เด็กสาวจึงออกคำสั่งให้จีเนียสวอตช์... นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะเริ่มต้นการบันทึกเสียง
            เธอเคาะปลายนิ้วเป็นจังหวะบนม้านั่ง พร้อมส่งเสียงด้าดาดัม สูงๆ ต่ำๆ ไปตามอารมณ์ กะว่าถ้ากลับไปถึงวิลตันไชลด์โดมแล้ว เธอจะแปลงมาเป็นตัวโน้ตสำหรับบรรเลงเพลง ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้บทเพลงดีๆ จากเสียงที่บันทึกไว้ก็ได้
            แต่แล้วความสำราญของสาวเมโลดิสต์ฝึกหัดก็มีอันถูกบางสิ่งขัดจังหวะอีกครั้ง เมื่อเธอได้ยินเสียงแปลกปลอมคล้ายมีวัตถุบางอย่างพุ่งฝ่าหมู่ใบไม้หนาทึบของต้นไม้ใหญ่เหนือศีรษะ ตามมาทันทีด้วยเสียงฝูงนกแผดร้องดังอย่างตื่นตระหนกตกใจ พร้อมๆ กับที่พวกมันพากันแตกฮือบินหนี และในวินาทีที่เธอแหงนหน้าขึ้นไปมองนั่นเอง ยานรบบังคับลำหนึ่งก็หล่นใส่หน้าผากเธออย่างจัง!
            “โอ๊ย!” พีณาก้มหน้ายกมือขึ้นกุมหน้าผากทันที นอกจากจะโดนมันกระแทกใส่จังๆ แล้ว เธอยังรู้สึกเจ็บแสบคล้ายว่าจะโดนมุมแหลมคมของมันบาดผิวจนเป็นแผลอีกด้วย
            “วันนี้โชคไม่ดีจริงๆ เลย” เด็กสาวนิ่วหน้าบ่นงึมงำ พอลดมือที่กดแผลลงมามองก็เห็นว่ามีเลือดซึมติดฝ่ามือมานิดๆ
ในเวลานั้น กลุ่มเด็กผู้ชายสี่คนก็พากันวิ่งกรูเข้ามาหา หนึ่งในนั้นวิ่งไปอุ้มยานรบบังคับที่ปลายปีกบิดงอขึ้นมาจากพื้น ในขณะที่เด็กหนุ่มตัวสูงกว่าใครมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า มองเด็กสาวอย่างเป็นห่วงและรู้สึกผิด
            “เป็นอะไรหรือเปล่า ขอโทษแทนน้องชายเราด้วย”
            “เป็นแผล เจ็บจะแย่น่ะสิ ถามมาได้...” พีณาเงยหน้าไปตอบเขาอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่จากนั้นก็ต้องเอียงหน้ามองงงๆ เมื่อเห็นเขาชะงักงัน มองจ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบ
            “เป็นอะไร... แผลใหญ่น่ากลัวมากเหรอ” ใบหน้าน่ารักพลันเหยเก รีบถามอย่างสงสัยปนนึกกลัวนิดๆ
            “เอ่อ... เปล่า... ไม่ใหญ่ๆ แค่มีขีดเล็กๆ เท่านั้น เอ่อ... ให้เราพาไปทำแผลนะ” เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดตัวสูงโปร่งผมทองสว่างรีบขันอาสา
            ทว่าพีณาไม่ทันได้สนใจเขานัก เพราะจังหวะนั้นเธอเห็นผู้คุ้มกันที่ตามเฝ้าอยู่ห่างๆ ก้าวมาถึงพอดี พร้อมกับที่สองหูได้ยินเสียงบางสิ่งหล่นตุบลงมาจากกิ่งไม้ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหลมสูงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่กลับดังเพียงแผ่วเบาเท่านั้น และสิ่งนั้นก็ส่งผลให้สีหน้าเด็กสาวดูไม่ดียิ่งกว่าตอนที่เห็นว่าตัวเองได้แผลเลือดออกเสียอีก
            พีณาผุดลุกจากม้านั่งอย่างเร็วไว ก้าวเร็วๆ ไปหาต้นเสียงแหลมนั้น เธอทรุดกายนั่งลงบนส้นเท้า ก้มลงพินิจมองและแตะปลายนิ้วสำรวจอาการของเจ้าลูกนกตัวเล็ก ที่ขนแรกเกิดยังอ่อนนุ่มและขึ้นแค่หรอมแหรม คิดว่ามันคงตกใจจนดิ้นตกจากรัง หรือไม่บางทีอาจเป็นเพราะรังของมันถูกยานบังคับพุ่งเฉี่ยวจนเสียหายขาดความแข็งแรง แค่เพียงไม่นานนักเธอก็ตัดสินใจช้อนตัวลูกนกบาดเจ็บที่น่าสงสารขึ้นมาด้วยมือเปล่าอย่างไม่กลัวสกปรก
            “เดี๋ยวเราไปห้องปฐมพยาบาลเอง แล้วจะพาเจ้าตัวนี้ไปด้วย พวกนายไม่ต้องไปหรอก เราไปกับคนของเราได้” พีณาบอกกับเด็กหนุ่มผมทองที่อาสาให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธมือใหญ่ของบีเจย์ที่จะมาช่วยรับลูกนกไปอุ้มไว้แทน สองมือเล็กประคองลูกนกตัวจิ๋วที่สั่นเทาไปทั้งตัวเอาไว้ พร้อมลอบส่งถ่ายพลังบางอย่างให้มันอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง
            “มีเรื่องอะไรกัน”
            เสียงเรียบดุที่ดังมาจากนอกวง เรียกให้ทุกคนที่มัวแต่สนใจลูกนกพากันสะดุ้งหันขวับ พีณาหมุนตัวไปมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อโค้ตสีขาวที่หยุดยืนอยู่ห่างไปไม่ไกลแล้วต้องหน้ายุ่งหนักกว่าเดิม ในขณะที่บีเจย์รีบขยับก้าวเข้ามายืนขวางหน้า กั้นตัวเธอจากสายตาสีเทาคมกริบที่พุ่งตรงมายังเด็กสาวคนเดียวในกลุ่ม
            ริมฝีปากหยักบางเฉียบของชาลส์บิดยกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเยาะท่าทางระมัดระวังอันไร้สาระของผู้คุ้มกันจากวิลตันไชลด์ ชายหนุ่มก้าวช้าๆ เฉียดผ่านร่างสูงใหญ่ในชุดกระชับรูปสีเข้ม ที่ทำเพียงมองตามตาไม่กะพริบแต่ยังไม่คิดทำอะไรบุ่มบ่าม ร่างสูงสองร้อยเซนติเมตรเศษเหยียดกายตั้งตรงประดุจเจ้าป่าผู้หยิ่งผยอง ก้มหน้าน้อยๆ และปรายตาลงมองเด็กสาวที่สูงเพียงแค่อกของเขาเท่านั้น แต่แล้วนัยน์ตาเยียบเย็นข่มขวัญของเขาก็เกิดรอยกระเพื่อมไหววูบผ่านระลอกหนึ่ง เมื่อได้เห็นขีดสีแดงยาวเกือบสองนิ้วบนหน้าผากขาวเนียน
            “ก่อเรื่องอะไรอีก” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถาม คิ้วเข้มสีดำเช่นเดียวกับเรือนผมที่จัดแต่งทรงเรียบกริบ ขยับย่นเข้าหากันแสดงความรำคาญใจ
            พีณาได้ยินคำถามนั้นก็ส่งสายตาขุ่นๆ ไปให้คู่ปรับต่างวัยทันที
            คนคนนี้เพิ่งมาถึงก็กล่าวหาว่าเธอก่อเรื่องเสียแล้ว!
            พอถลึงตาใส่เขาเสร็จ เธอก็สะบัดหน้าเมินหนีไม่อยากพูดจาด้วย หันไปเอ่ยกับผู้คุ้มกันของตัวเอง
            “กลับกันดีกว่าค่ะบีเจย์” บอกแล้วก็ตั้งท่าจะเดินหนี แต่เธอกลับไม่สามารถก้าวเท้าต่อได้ เพราะตรงหน้าพลันมีผู้คุ้มกันของแมคแกรี่หรือที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า เอ็มการ์ด ปรากฏตัวยืนขวางหน้าอยู่ถึงสองคน
            “พวกวิลตันไชลด์นี่สั่งสอนลูกหลานให้เป็นจอมทำลายไม่พอ ยังสอนให้เป็นหัวขโมยด้วยหรือไง”
            คำกล่าวหานั้นทำเอา ลูกหลานวิลตันไชลด์หันขวับไปมองคนพูด สีหน้าบอกชัดว่าไม่พอใจอย่างยิ่ง เสียงเล็กใสโต้แย้งกลับในทันที
            “พีณาไม่ได้ชอบทำลาย แล้วก็ไม่ได้เป็นขโมยด้วย”
            “งั้นหรือ...” ชาลส์มองคนตัวเล็กด้วยสายตาไม่ค่อยเชื่อถือ ปากบางหยักได้รูปอมยิ้ม ยั่วอารมณ์เด็กน้อยที่มองเขาด้วยดวงตาลุกวาว... ไม่ใช่ลุกวาวด้วยความหลงใหลชื่นชมอย่างเช่นหญิงสาวทั่วไป แต่กลับเต็มไปด้วยอคติและความไม่ชอบหน้า
เหมือนกับเมื่อหกปีก่อนที่เขาได้พบเธอที่นี่ไม่มีผิด... ครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตที่คนอย่างชาลส์ แมคแกรี่ ถูกเด็กหญิงตัวเล็กไม่ถึงสิบขวบใช้กำปั้นน้อยๆ ชกหน้าเข้าเต็มแรง
“แล้วเธอจะอธิบายเกี่ยวกับต้นพีโอนีทั้งสี่ต้นในเรือนพีรามิดว่ายังไง แล้วยังลูกนกในมือที่กำลังจะเอาออกจากเกรนเด้โดยไม่ได้รับอนุญาตอีกล่ะ... หนูน้อยขี้โกหก”
            ในตอนท้าย ชาลส์ยังอุตส่าห์ใจดีแถมข้อกล่าวหาให้เด็กสาวเพิ่มเป็นพิเศษอีกต่างหาก แต่เพราะพีณากำลังมุ่งสมาธิไปยังสิ่งอื่น เธอจึงไม่ทันได้คิดหาคำตอบโต้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ได้แต่ตีหน้าบูดบึ้งขึงตาใส่คนพูด
            เจ้าของสถานที่เว้นจังหวะรอให้เด็กสาวเถียงกลับอยู่ไม่นานก็หมดอารมณ์สนุก ออกคำสั่งเสียงเข้มงวด
            “ส่งมันมานี่ ส่วนเธอก็รีบไปห้องปฐมพยาบาลซะ ห้ามเอาหัวที่มีรอยแดงๆ นั่นออกไปจากที่นี่เด็ดขาด ฉันไม่อยากให้เกรนเด้ต้องเสียชื่อเสียง ถูกกล่าวหาว่าระบบการดูแลความปลอดภัย และการรักษาพยาบาลบกพร่อง”
            แม้จะมีมือใหญ่ยื่นมารอรับอยู่ตรงหน้า แต่พีณากลับยืนประคองลูกนกอยู่นิ่งไม่ยอมขยับ เธอเม้มริมฝีปากแน่นขณะสบสายตาขึงดุบีบบังคับให้ทำตาม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นบนหน้าผากเล็กที่เย็นเฉียบลงกว่าปกติ
            “พีณา...” ชาลส์เรียกชื่อเด็กสาวเสียงเย็น เห็นชัดว่าคนขี้รำคาญกำลังจะหมดความอดทน
            ชั่วอึดใจหลังจากนั้น คิ้วเรียวบนใบหน้าเล็กของพีณาก็ขมวดเข้าหากันอีกครั้งเป็นการปิดท้าย ก่อนจะตัดใจยอมก้าวเข้าไปหาคนตาดุ ยื่นสองมือที่กอบกุมลูกนกบาดเจ็บซึ่งเวลานี้เนื้อตัวไม่สั่นเทาและไม่ส่งเสียงร้องใดๆ อีกแล้วให้เขา
            “ระวังดีๆ อุ้มมันเบาๆ นะคะ”
            ขณะวางลูกนกลงบนมือใหญ่อย่างระมัดระวัง ด้วยความกังวลเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กจึงทำให้เด็กสาวเผลอตัวเอ่ยสั่งความด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนลงกว่าทุกครั้ง เธอกลัวเหลือเกินว่าคนใจร้ายอย่างเขาจะไม่รู้จักทะนุถนอมเบาแรง
            ชาลส์มองศีรษะกลมๆ ของเด็กสาวที่ก้มหน้าก้มตาวางลูกนกลงบนอุ้งมือเขาช้าๆ ก่อนที่คิ้วเข้มจะกระตุกเข้าหากัน เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของปลายนิ้วเล็กๆ ที่แตะถูกฝ่ามือ ชายหนุ่มนึกใคร่ครวญอยู่ไม่นานก็กระตุกยิ้มร้าย พอจะเข้าใจในอะไรบางอย่าง
            เด็กคนนี้... ทุกทีก็เห็นทำเป็นเก่ง แต่เอาเข้าจริงๆ กลับหวาดกลัวเขาจนมือเย็นเฉียบ
            ความคิดอยากแกล้งเด็กวิลตันไชลด์ทำให้ชาลส์กดยิ้มร้ายลึกยิ่งขึ้น เขาส่งลูกนกให้เอ็มการ์ดมารับไป สั่งให้พาไปรักษากับสัตวแพทย์ในสวนสัตว์ที่อยู่ในกลุ่มโดมเดียวกับที่นี่ จนเมื่อมือว่างก็จัดการคว้ามือเล็กเย็นจัดนั้นหมับ ก้มหน้าลงไปหาเด็กสาวที่ออกอาการตื่นตระหนกเงยหน้าขึ้นมามองเขาตาโต พร้อมเอ่ยบอกอย่างมีน้ำใจสุดๆ
            “ฉันพาไปล้างมือทำแผลเองดีกว่า”
            ชายหนุ่มว่าแล้วก็ออกเดินทันที พร้อมออกแรงฉุดลากเด็กสาวติดมือไปอย่างไม่สนใจใคร โดยเบื้องหลังนั้น ผู้คุ้มกันของเด็กสาวก็รีบก้าวเท้าตาม ตั้งท่าจะเข้ามาเอาตัวคุณหนูคืน แต่กลับถูกเอ็มการ์ดทั้งสองคนขยับแทรกขวางเอาไว้
“ฉันไม่ทำอะไรเด็กน้อยนี่หรอกน่า แค่แสดงน้ำใจของเจ้าถิ่นที่ดีเท่านั้น” ชาลส์อุตส่าห์หันกลับไปสั่งความไม่ให้ผู้คุ้มกันของเด็กสาวตื่นตูมเกินเหตุ ก่อนจะออกเดินต่อ
            “ไม่เอา! ไม่ไปนะคะ ปล่อยสิ! พีณาไปเองได้ ไม่รบกวน...”
            เด็กสาวร้องปฏิเสธเขาชุดใหญ่ พยายามขืนตัวและดึงมือเล็กๆ ออกจากพันธนาการของมือใหญ่อุ่นจัด แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านอะไรเขาได้สักอย่าง
            หนึ่งชายหนุ่มกับหนึ่งเด็กสาว และคนตัวโตอีกสามคนเดินจากไปแล้ว เหลือทิ้งไว้เพียงกลุ่มเด็กชายผู้เป็นต้นเหตุที่แทบไม่มีบทบาทตั้งแต่ผู้นำตระกูลแมคแกรี่ปรากฏตัว พวกเขาได้แต่มองตามอย่างไม่รู้จะช่วยเหลือเด็กสาวอย่างไร และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องช่วยหรือไม่ ในเมื่อชาลส์ก็ไม่ได้มีท่าทีจะทำร้าย เพียงแค่จะพาไปทำแผลโดยที่เด็กสาวดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไรเท่านั้น
            ทุกคนในเหตุการณ์ต่างไม่มีใครรับรู้เกี่ยวกับอาการของเจ้าลูกนกขาหักที่น่าสงสารเลยสักนิด ว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บของมันดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าอัศจรรย์ นอกจากเด็กสาวที่เป็นผู้สำรวจอาการของมันตั้งแต่ต้น และประคองมันไว้ในอุ้งมือแต่เพียงผู้เดียว


          ห้องปฐมพยาบาลภายในเกรนเด้การ์เด้นมีการจัดเตรียมไว้ถึงห้าจุดเพื่อให้ผู้มารับบริการสามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและรวดเร็ว ภายในห้องสีขาวขนาดยี่สิบตารางเมตรเรียบโล่งสะอาดตา มีเพียงเตียงขนาดเล็กปูด้านบนด้วยแผ่นโฟมชนิดพิเศษหุ้มด้วยแผ่นโพลีเมอร์สีฟ้าอ่อนตั้งไว้ชิดผนังด้านหนึ่ง ยาและเครื่องมืออุปกรณ์ในการรักษาขั้นพื้นฐานถูกจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่ในตู้กระจกที่ฝังไว้ในผนังอีกฝั่ง
            พีณากำลังนั่งห้อยขาอยู่บนเบาะบางๆ นุ่มหยุ่น นายแพทย์หนุ่มเลื่อนโต๊ะวางอุปกรณ์ทำแผลมายืนอยู่ตรงหน้า พลางปลอบเสียงอ่อนโยนไม่ให้เธอกลัวเจ็บ ก่อนจะเริ่มต้นลงมือทำแผลให้อย่างคล่องแคล่ว โดยมีชาลส์ยืนกอดอกมองมาไม่วางตาจากตรงปลายเตียง
            “อ๊ะ!” เสียงเล็กๆ อุทานออกมาด้วยความเจ็บเมื่อสำลีชุบน้ำเกลือบริสุทธิ์แตะโดนแผล ก่อนจะต้องสูดปากแรงและเอนกายหนีโดยอัตโนมัติ เมื่อแพทย์หนุ่มเพิ่มแรงอีกนิดเพื่อเช็ดล้างคราบเลือดที่ซึมออกมาแห้งกรังตรงปากแผล
            “เจ็บหรือ...” เสียงเข้มของคนยืนคุมดังขึ้นมา
            พีณาหันไปพยักหน้าให้เขาทันที กำลังจะเอ่ยปากตอบเสียงอ่อยว่าเจ็บมาก แต่แล้วเธอก็ต้องอ้าปากค้าง เมื่อได้ยินคำพูดเฉยชา ไร้ซึ่งความเห็นใจที่เขาเอ่ยตามมา
“แผลเล็กนิดเดียวแค่นี้ หัดรู้จักอดทนเอาหน่อยแล้วกัน”
คนถูกเหน็บให้อดทนจึงหุบปากฉับ พร้อมตั้งคำถามปนตำหนิตัวเองอยู่ในใจ นี่เธอลืมตัว เผลอจะอ้อนขอความเห็นอกเห็นใจจากเขาได้ไงกัน
จากนั้นพีณาก็ทนนั่งนิ่งๆ บังคับตัวเองไม่ให้ส่งเสียงอะไรอีก พลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันต่อว่าคนใจร้ายใจดำอยู่ในใจโดยไม่เก็บซ่อนสีหน้าอาการ
ชาลส์มองดวงตากลมโตลุกวาวของเด็กสาวมือซุกซนที่ถูกเขาแกล้งยั่วให้โมโหแล้วก็ลอบยิ้ม เพิ่งค้นพบในวันนี้นี่เองว่าเด็กบางคนก็ไม่ได้น่าเบื่อน่ารำคาญ แถมยังช่วยให้เขารู้สึกสนุกสนานได้ด้วยซ้ำไป
จนกระทั่งแพทย์หนุ่มทายาสมานแผลและยาลดอาการอักเสบบวมช้ำประสิทธิภาพสูงให้เรียบร้อย พีณาก็เอ่ยขอบคุณเสียงสดใส รู้สึกว่าความเจ็บแสบและอาการปวดศีรษะตุบๆ ลดลงไปมาก
“ยินดีครับคนเก่ง” แพทย์หนุ่มตอบรับพร้อมส่งมือให้เด็กสาวจับยึดเพื่อก้าวลงจากเตียง
“รับรองว่าไม่ถึงสิบนาที คุณหนูก็จะหายเจ็บ จนลืม...”
“เรียบร้อยก็กลับไปได้แล้ว” ชาลส์บอกไล่แทรกคำพูดปลุกปลอบยืดยาวของแพทย์ประจำห้องด้วยน้ำเสียงห้วนติดรำคาญ และมันก็เรียกสายตาขุ่นเคืองของเด็กสาวให้มองกลับมาที่เขาได้อีกครั้ง
“คนนิสัยไม่ดี” ปากเล็กๆ พ่นคำต่อว่าด้วยความกล้าไม่กลัวใคร ที่ถูกเสริมทับด้วยความโมโห ก่อนจะสะบัดใบหน้าหงิกงอเดินหนีออกจากห้องไปโดยไม่คิดจะเอ่ยขอบคุณหรือบอกลาเจ้าของสถานที่
ชาลส์หัวเราะเสียงทุ้มลึกในลำคอ ทำเมินเหมือนมองไม่เห็นสายตาของนายแพทย์หนุ่มที่ลอบมองมาอย่างกังขากับการกระทำที่ไม่สมเป็นสุภาพบุรุษของเจ้านายใหญ่ ชายหนุ่มก้าวเท้ายาวๆ ตามออกไปหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าอาคาร สองมือสอดล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตตัวยาว นัยน์ตาคมสีเทาเปล่งประกายวาววาบแปลกๆ ขณะมองตามเด็กสาวที่เคลื่อนไถลด้วยรองเท้าล้อกลมุ่งหน้าไกลห่างออกไปเรื่อยๆ โดยมีผู้คุ้มกันของเธอตามไปติดๆ
ด้วยเพราะพีณาเป็นคนของวิลตันไชลด์ จึงเป็นธรรมดาที่คนของเขาจะรายงานถึงการมาเยือนของเธอให้เขาได้รู้ทุกครั้ง แรกๆ เขาก็ปล่อยผ่านอย่างไม่ใส่ใจ แต่ช่วงหลังที่เกิดเหตุการณ์ต้นพีโอนีเหี่ยวเฉาลงโดยหาสาเหตุไม่ได้ เขาก็ชักเริ่มผิดสังเกตเพราะมันมักเป็นช่วงเวลาหลังจากพีณามาที่นี่ไม่กี่วัน และเมื่อให้คนย้อนดูภาพบันทึกจากมุมต่างๆ ในเรือนพีรามิด เขาก็ได้เบาะแสเพิ่มเติม ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาเหล่านั้นต่างเป็นต้นที่เด็กสาวหยุดยืนชมอยู่นานเป็นพิเศษ
ก่อนหน้านี้เขาจึงไปดักเจอและเอ่ยขู่ออกไปทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเธอทำอะไรกับต้นไม้เหล่านั้นกันแน่ แต่ดวงตาตื่นตระหนกอย่างไม่รู้จักปิดบังอำพรางคู่นั้นก็ทำให้เขามั่นใจว่าเธอเป็นตัวต้นเหตุจริงๆ
หึ! เขานิสัยไม่ดีตรงไหนกัน ยังไม่ทันได้ลงมือทำโทษเด็กมือบอนให้สมกับที่กล้ามายุ่งกับต้นไม้ในสวนของเขาเลยด้วยซ้ำ
ชาลส์นึกถึงคำต่อว่าที่เด็กสาวทิ้งท้ายไว้แล้วก็คิดแก้ตัวกับตัวเอง ผสมกับคาดโทษเด็กสาวตัวแสบอยู่ในใจ โดยไม่ทันได้สังหรณ์ใจสักนิดเลยว่า... อีกสองวันต่อมา เขาจะต้องหัวเสียหนักกับรายงานเรื่องการเหี่ยวเฉาของต้นไม้ใบงามพุ่มใหญ่ตรงหน้าอาคารจอดโมบิลของเกรนเด้การ์เด้นอีกจนได้!

อ่านต่อ >> ท่วงรักที่ 2 : ทริปปลดล็อก


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 

NaiinPann : https://goo.gl/zPJdfH
Google Play : https://goo.gl/NuGawa



No comments:

Post a Comment