รักข้ามเวลา ชุดกาลรักหนึ่ง
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 4 : หล่อห่อทอง
เพ็ญนรีและอาเธอร์เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกันไม่ถึงสามชั่วโมง ในมือของชายหนุ่มก็มีถุงพะรุงพะรังเต็มสองมือ ในขณะที่หญิงสาวซึ่งเดินนำหน้านั้น แสนสบายไม่ต้องหิ้วของให้ลำบากเหมือนเช่นทุกครั้งที่มาซื้อของตามลำพัง
เพ็ญนรีกำลังก้มมองหน้าจอโทรศัพท์เพื่อเช็กรายการสิ่งที่ต้องซื้อหา เมื่อเห็นว่าครบถ้วนตามที่ตั้งใจเอาไว้ก็หมุนตัวหันไปหาคนที่เดินเยื้องอยู่ด้านหลัง หญิงสาวยังไม่ทันได้แจ้งข่าวดีว่าเสร็จสิ้นภารกิจช้อปสนั่นของวันนี้แล้ว กลับเป็นฝ่ายชายหนุ่มที่ยื่นมือมาหาเสียก่อน
“จะยอมให้จ้าช่วยถือแล้วใช่ป่ะ... เอ๊ะ?”
เพ็ญนรีสวนด้วยคำถามรวดเร็วทันใด แต่อาเธอร์กลับใช้ท่อนแขนตวัดล้อมดันให้เธอขยับเข้าหาตัว เพื่อหลบกลุ่มคนที่เดินพูดคุยกันสวนมาโดยไม่ทันได้มองเห็นคนตัวเล็กที่ยืนขวาง
“เวลาเดินก็มองทางสิ” เขาดุ
“แหะๆ ขอบคุณนะ” เพ็ญนรีใช้กลยุทธ์หัวเราะเสียงแห้งเข้าต้านเสียงตำหนิของชายหนุ่ม ยิ้มกว้างเอ่ยขอบคุณในความช่วยเหลือ แล้วก็พาเปลี่ยนเรื่องรวดเร็วฉับพลัน “เหนื่อยไหม... ไม่ให้จ้าช่วยถือจริงๆ เหรอ”
“ฉันถือได้” อาเธอร์ยืนยันเสียงนิ่ง
หากเป็นคนในสังกัดเบิร์นสไตน์หรือคนรู้จักในห้วงเวลาที่เขาจากมา เมื่อได้ยินน้ำเสียงเช่นนี้ของเขาก็คงจะไม่คิดตอแยต่อ แต่นั่นไม่ใช่เพ็ญนรี
“จ้าถือได้จริงๆ นะ ปกติมาซื้อของให้เด็กๆ ของเจ๊จิลล์ จ้าก็ถือเองทั้งนั้นแหละ ไม่เคยมีใครมาเดินตามถือของให้เป็นคุณนายขนาดนี้หรอก เห็นจ้าอย่างนี้...” หญิงสาวกำลังจะเอ่ยอวดอ้างกำลังแขนของตนต่อไปอีกยืดยาว แต่กลับถูกเสียงนิ่งเรียบเอ่ยแทรก
“คุณจ้าจะไปร้านไหนต่อ”
คนที่อ้าปากจะพูดค้าง ตวัดดวงตากลมค้อนคนเอ่ยขัดเสียหนึ่งที ก่อนจะย่นจมูกเล็กๆ แล้วเอ่ยตอบ
“โอเค... อยากช่วยถือให้นักก็ถือต่อไปคนเดียวเถอะ แต่วันนี้เสร็จธุระการช้อปของเราแล้วล่ะ เตรียมกลับบ้านได้”
อาเธอร์พยักหน้าช้าๆ แสดงการรับรู้ ชายหนุ่มนึกลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยบอกถึงสิ่งที่เขายังได้มาไม่ครบ
“ฉันอยากได้ชุดนอนด้วย”
“เอ๊ะ?” เสียงใสแสดงความแปลกใจ ก่อนจะทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว พยักหน้าให้เขาทันที “อ๋อ... ได้สิ แล้วปกตินายใส่แนวไหน”
แม้จะเอ่ยปากถาม แต่ในหัวช่างคิดฟุ้งของสไตลิสต์สาวกลับมีภาพของชายหนุ่มตาหวานในชุดเสื้อนอนกางเกงขายาวสีหวาน พร้อมฮู้ดติดหูแมวน่าเอ็นดูลอยเด่นขึ้นมา
“แค่กางเกงใส่สบายๆ ตัวเดียวก็พอ”
คำตอบของอาเธอร์ พลันฉีกกระชากเสื้อนอนสีหวานออกจากเนื้อตัวหนุ่มใจสาววัยใส ให้กลายมาเป็นหนุ่มกล้ามแน่น หน้าท้องงาม ท่อนแขนเป็นมัดทันทีทันใด
จนเมื่อพอรู้ตัวว่าเผลอคิดจินตนาการเตลิดไปใหญ่อีกแล้ว เจ้าของความคิดก็กระแอมสองทีติด
“อืม... โอเค... ได้... ไปกันเถอะ ตามจ้ามา”
หากเป็นเพื่อนสนิทของเพ็ญนรี คงจะรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังร้อนตัวปกปิดอะไรอยู่ จากการใช้คำที่มีความหมายเหมือนๆ กันซ้ำซ้อน
เพ็ญนรีเดินนำมาจนใกล้จะถึงโซนที่มีชุดนอนของสุภาพบุรุษให้เลือกมากมาย แต่เมื่อสายตาเธอพลันสะดุดเข้ากับบางสิ่ง สมองว่องไวของสไตลิสต์สาวก็นึกได้ว่ายังไม่ได้พาเขามาซื้อสิ่งสำคัญนี้เลย หญิงสาวชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหมุนตัวกลับมา ชี้นิ้วบอกให้อาเธอร์วางบรรดาถุงเสื้อผ้าทั้งหมดที่ถืออยู่ไว้ตรงม้านั่งที่ตั้งอยู่ริมทางเดินด้านข้าง จากนั้นก็ควักกระเป๋าหยิบธนบัตรออกมาส่งให้ชายหนุ่ม
“เอาไปเผื่อไว้นะ นายอยากใส่อะไรยังไงก็เลือกเอาเอง จ่ายเงินเองแล้วกัน จ้านั่งรอตรงนี้แหละ”
อาเธอร์มองใบหน้ากลมขึ้นสีแดงระเรื่อแถมยังหลบตาเขาเป็นครั้งแรกอย่างแปลกใจ แต่ก็ยอมรับแผ่นกระดาษตีมูลค่าหนึ่งพันบาทสามใบมาถือไว้ คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายอาจจะเหนื่อยจากการเดินมาตลอดหลายชั่วโมงเลยอยากจะนั่งพัก
จนเมื่ออาเธอร์เดินตรงไปอีกนิดตามที่หญิงสาวชี้บอก มุมปากสีสดของนักข้ามเวลาหนุ่มก็ขยับยกยิ้มบางอย่างอดไม่อยู่... เข้าใจถึงบางสิ่งในทันที
บริเวณที่รวมสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าบุรุษตรงนี้ นอกจากจะมีชุดนอนหลากหลายรูปแบบให้เลือกแล้ว ยังมีสินค้าประเภทเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้นและชั้นในชายรวมอยู่ด้วย
หึ! นี่คุณจิ๋วจ้าคงคิดเอาเองว่าเขาจะเลือกซื้อชั้นในชาย... ถึงได้นึกอายจนไม่กล้าเดินเข้ามาด้วยกันอย่างนี้
เพ็ญนรีที่นั่งรอและก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นทันทีที่เห็นเท้าใหญ่ในรองเท้าหนังสีน้ำตาลคู่หนึ่งมาหยุดยืนตรงหน้า แล้วเธอก็ต้องเอียงหน้ามองคนตัวโตอย่างไม่แน่ใจนัก เมื่อรู้สึกว่าในแววตาที่เคยนิ่งสงบของเขาคล้ายจะมีประกายแปลกๆ ส่งมาให้
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม” เธอเอ่ยถาม เลิกสนใจในรอยอารมณ์เลือนรางที่อ่านไม่ออกนั่น
“ค่ะ” อาเธอร์ตอบรับพร้อมส่งเงินที่เหลือคืนให้
แต่มือเล็กนุ่มนิ่มกลับไม่ยอมรับ เธอผลักมือใหญ่กลับคืน และเมื่อเห็นคิ้วเข้มเริ่มขมวดก็เอ่ยต่อให้เขาไม่นึกลำบากใจ
“เก็บไว้ติดตัวหน่อยเถอะ เผื่อว่ามีอะไรอยากได้อีก หรือฉุกเฉินหลงกันขึ้นมา อย่างน้อยนายก็เรียกแท็กซี่กลับบ้านได้... แล้วก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะจ้าแค่ให้ยืมก่อน ไว้นายมีค่อยเอามาคืน และถ้าแถมดอกเบี้ยให้ด้วยจะดีมาก”
เพ็ญนรียักคิ้วส่งยิ้มหรี่ตาอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อเอ่ยถึงดอกเบี้ย แววตาครุ่นคิดลังเลของชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป็นมองเธออย่างเต็มตา ก่อนจะคลี่ยิ้มอันแสนล้ำค่าหายากให้คนตัวเล็กได้ยลเป็นครั้งแรก
เฮ้ย... มีลักยิ้มด้วย Perfect!.. “หล่อมากอะ...”
แม้จะเป็นเพียงการยกมุมปากไม่เห็นฟัน แต่เพ็ญนรีที่ได้รับรอยยิ้มกะทันหันไม่ทันตั้งตัวก็ถึงกับมองเขาตาค้าง เผลอหลุดสิ่งที่คิดออกมาโดยไม่รู้ตัว จนคนที่ก้มมองอาการของเธออยู่ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นพร้อมส่ายหน้า
“หล่อมากแค่ไหน”
เสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยถาม เรียกดึงสติหญิงสาวกลับมา เธอกะพริบตาปริบๆ แล้วกระแอมในลำคอสองสามที ก่อนจะตามมาด้วยถ้อยคำที่หมายมั่นปั้นมือเอาไว้ตั้งแต่แรกพบหน้า แต่ที่ยังไม่ได้ถามออกไปก็เพราะอยากตีสนิทสร้างความคุ้นเคยกับเขาก่อน จะได้เกลี้ยกล่อมง่ายๆ
ตอนอยู่ในร้านเสื้อ ที่ต้องดึงตัวธีรนัย... เจ้าเด็กพูดมากออกไปปรามเสียไกลก็เพราะกลัวไก่ตื่น
“สนใจเข้าวงการไหมอาเธอร์”
คำถามของหญิงสาว เก็บงำรอยยิ้มของนักข้ามเวลาหนุ่มให้กลายเป็นใบหน้าเรียบสนิทในพริบตา จนตัวเขาเองยังอดแปลกใจไม่ได้ ที่เกิดโมโหขุ่นใจขึ้นมากับการแค่ได้รู้ว่าแววตาชื่นชอบชื่นชม รวมถึงการกระทำดีๆ ที่คนตัวเล็กมีให้เขาทั้งหมด ที่แท้ก็เพราะมีจุดประสงค์แอบแฝง
“ไม่!” เสียงเย็นชาเอ่ยปฏิเสธรวดเร็ว
อาเธอร์เชิดหน้าตึงๆ มองตรงไปทางอื่น ไม่ใช่ใบหน้าอ่อนใสและดวงตาวิบวับมุ่งหวังบางสิ่งของคนตรงหน้า
“โห... ตอบเร็วไปไหมอะ? ไม่ลองคิดสักนิด หรือเก็บไปพิจารณาสักหน่อยก่อนเหรอ ออร่าซูเปอร์สตาร์จับอย่างนายรับรองดังระเบิด”
เพ็ญนรีเกลี้ยกล่อมต่อไป ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าแววตาของคนร่างสูงเริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมขุ่นมัวลงแค่ไหน
“เอาแค่งานถ่ายแบบก็ได้... สนใจไหม แค่ยืนนิ่งๆ หน้ากล้องก็ได้เงินง่ายๆ แล...”
“ฉันไม่ได้ขาดแคลนเงิน” เขาเอ่ยแทรกขัด
ครั้งนี้เสียงของเขาเข้มจัด จนสะกิดให้คนที่กำลังทำตัวเป็นแมวมองเริ่มรับรู้ถึงอารมณ์ไม่ดีของเป้าหมาย
“โธ่... จ้าก็ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น... ดูมาดนายก็รู้ว่าคงฐานะดี มีอันจะกินอยู่หรอก” หญิงสาวบอกเสียงอ่อนติดหางเสียงง้อ
บุคลิกนิ่งหยิ่งราวคุณชายผู้ถือตัวที่เขาเป็นอยู่ คนธรรมดาทั่วไปคงไม่ได้เป็นเจ้าของมันง่ายๆ หรอก
แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวโตยังเมินหน้าหนีและนิ่งเงียบ เพ็ญนรีก็ก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ เสียงเล็กใสงึมงำเบาๆ
“ก็แค่ถามดูเผื่ออยากใช้ความหล่อให้เกิดประโยชน์ สร้างความสุขตาสุขใจให้สาวๆ ใครจะไปรู้ว่านายไม่ชอบขนาดนี้ล่ะ”
อาเธอร์เหลือบสายตาลงมองคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดจนเห็นแค่กลุ่มผมหนานุ่มสีน้ำตาลทอง แค่ได้ยินน้ำเสียงและเห็นท่าทางดูน่าสงสารเหมือนถูกเขารังแก คนตัวโตก็ต้องหงุดหงิดผสมรู้สึกผิดอย่างที่ไม่ค่อยเป็นบ่อยนัก
“รู้ว่าฉันไม่ชอบก็อย่าถามเรื่องนี้อีก”
“อือ...” เพ็ญนรีรีบพยักหน้าเร็วๆ ทั้งที่ก้มหน้าอยู่ ส่งเสียงตอบรับในลำคอแผ่วเบา
อาการของหญิงสาวทำให้คิ้วเข้มของชายหนุ่มขมวดแน่นเข้าไปอีก ไม่รู้ทำไมจึงไม่ชอบใจกับท่าทางไร้พลังไร้ความสดใสของเธอเอาเสียเลย
“คุณจ้าจะซื้ออะไรอีกไหม หรือจะกลับบ้านเลยคะ”
เขาถามเสียงนุ่ม ทั้งน้ำเสียงและใบหน้าคมคายผ่อนความเย็นชาดุดันลงไปกว่าครึ่ง
ชายหนุ่มที่ตกหลุมติดกับ ต้องกลายมาเป็นฝ่ายง้อโดยไม่รู้ตัว ไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าคำชักชวนน้ำเสียงอ่อนลงกว่าปกติของตน ทำให้คนที่ก้มหน้าเพื่อซ่อนรอยยิ้มนั้นยิ่งยิ้มกว้างออกมาแค่ไหน
อุตส่าห์ทำงานคลุกคลีกับดารานักแสดงทั้งที มันก็ต้องมี ‘สกิล’ ติดตัวมาบ้างแหละ!
“วันนี้ขอบใจมากนะนายอาเธอร์ เดี๋ยววันหลังชวนนายไปช้อปด้วยบ่อยๆ ดีกว่า สบ๊าย... สบาย” น้ำเสียงร่าเริงอย่างเพ็ญนรีคนเดิมเอ่ยขึ้น หลังจากจอดรถลงตรงหน้าบ้านของฝนปราย
อาเธอร์เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายสั้นๆ ก่อนจะลงไปเปิดประตูตอนหลังเพื่อหยิบถุงบรรจุเสื้อผ้าของเขาที่วางแยกไว้ เมื่อได้ของครบก็ปิดประตูแล้วหยุดยืนนิ่ง มองส่งคนตัวเล็กขับรถเข้าบ้านหลังตรงข้ามไป
จากนั้นนักข้ามเวลาหนุ่มก็พาใบหน้านิ่งเรียบเดินผ่านสวนร่มรื่นเข้าไปในบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้หลังไม่ใหญ่โตนัก แต่ให้ความรู้สึกสงบสบายตั้งแต่คืนแรกที่ได้เข้ามาอาศัย
ภายในบ้าน คุณยายดวงดาวและฝนปรายกำลังนั่งพับเพียบล้อมตั่งตัวเตี้ยบนพื้นไม้ยกสูงไม่ไกลจากประตู ในมือของหญิงชรามีเข็มเล่มยาวเสียบร้อยดอกไม้ดอกเล็กสีขาวเป็นเกลียวทรงกระบอกขึ้นไป ส่วนหญิงสาวที่เงยหน้าหันมามองนั้น กำลังจับกลีบกุหลาบประกอบมัดเป็นดอกไม้ตูมอยู่พอดี
“งั้นเดี๋ยวขิมพาอาเธอร์เอาของไปเก็บที่ห้องก่อนนะจ๊ะ” ฝนปรายเอ่ยบอกผู้เป็นยาย
หญิงสาววาง ‘ดอกข่า’ จากกุหลาบสำหรับห้อยปลายอุบะลงในพานดอกไม้ เมื่อลุกขึ้นมาก็เรียกให้ชายหนุ่มเดินตาม
“ได้ของครบไหมคะ” ฝนปรายสอบถามระหว่างเดินขึ้นชั้นสอง เมื่อเห็นนักข้ามเวลาหนุ่มพยักหน้ารับช้าๆ ก็ยิ้มให้ แล้วเอ่ยต่อ
“แน่ล่ะค่ะ ไปช้อปกับยัยจ้าทั้งที ไม่มีขาดหรอก มีแต่จะเกินจำเป็นมากกว่า”
อาเธอร์ขยับยกมุมปากเล็กน้อยกับถ้อยคำคาดเดาตรงแม่นอย่างรู้จักเพื่อนตัวเองดี ทั้งคู่เดินมาถึงประตูไม้บานหนึ่งที่อยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน ตรงข้ามกับห้องของฝนปรายและคุณยายดวงดาวที่อยู่ด้านหลัง เมื่อหญิงสาวผลักเปิดเข้าไปก็เห็นห้องนอนที่มีเตียงเดี่ยวหลังเล็กและเครื่องเรือนไม้ไม่กี่ชิ้นดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย หน้าต่างสองบานเปิดกว้างรับแสงยามเย็นที่สาดส่อง และยังมีกลิ่นหอมของบางสิ่งลอยเข้าจมูกมาต้อนรับ
นักข้ามเวลาหนุ่มเดินตามกลิ่นหอมไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง ก็เห็นแจกันไม้ไผ่ปักช่อดอกไม้ที่ได้จากใบไม้สีเขียวบิดพับเป็นดอกสวยงาม
“คุณยายให้ลูกบัวพับใบเตยมาไว้ให้ค่ะ กลัวว่าห้องไม่ได้ใช้มานานแล้วจะอับ” ฝนปรายอธิบายสิ่งที่คิดว่าเขาคงอยากรู้ แล้วจึงค่อยบอกต่อ
“กระเป๋าของคุณอยู่ในตู้เสื้อผ้านะคะ แล้วก็... ห้องนี้ไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องลำบากคุณไปใช้ห้องข้างนอก... ตรงนั้น”
ฝนปรายชี้นิ้วบอกตำแหน่งผ่านประตูที่ไม่ได้ปิดงับ เห็นเขามองตามแล้วพยักหน้ารับก็เอ่ยต่อ “คุณใช้เวลาจัดของ พักผ่อนตามสบายนะคะ เดี๋ยวตอนค่ำค่อยลงไปทานข้าวกัน”
“ขอบคุณมาก” อาเธอร์เอ่ยออกมาในที่สุด ก่อนที่จะเดินไปส่งหญิงสาวตรงหน้าประตูห้องแล้วปิดมันลง
ชายหนุ่มหมุนตัวกลับมานั่งลงบนเตียง มองเจ้าช่อดอกไม้สีเขียวจากการประดิดประดอยแล้วก็หลับตาลงสูดลมหายใจเข้าลึก กลิ่นใบเตยผสมกลิ่นห้องไม้เก่า กลิ่นดอกไม้หอมเจือจางที่ลอยปะปนมาในอากาศ
อย่างไรเขาก็ยังยืนยันความคิดเดิม...
มนุษย์ยุคนี้ช่างน่าอิจฉาเสียจริง !
ก่อนเข้านอนคืนนั้น อาเธอร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องของฝนปราย เมื่อยังเห็นแสงไฟเล็ดลอดออกมาจากช่องว่างของบานประตูก็ยกมือเคาะและส่งเสียงเรียกเบาๆ เขาได้ยินเสียงหญิงสาวตอบรับให้รอสักครู่ เพียงไม่นานเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาพร้อมเอ่ยถาม
“มีอะไรหรือคะ”
“ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหมคุณขิม” ชายหนุ่มลังเลรีรอ ด้วยเรื่องที่จะพูดนั้นเกี่ยวข้องกับความลับของตน
ฝนปรายมองใบหน้าเรียบเฉยจริงจัง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องสำคัญและไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่ถ้าคุณยายรู้ว่าเธอปล่อยให้เขาเข้ามาในห้องนอนตามลำพังกลางค่ำกลางคืน คงจะว่ากล่าวว่าไม่งามเป็นแน่แท้ และถ้าเลี่ยงได้เธอก็ขอทำในสิ่งที่ผู้เป็นยายสบายใจดีกว่า
“ลงไปที่ศาลาแล้วกันค่ะ” หญิงสาวหาทางออกที่เหมาะสม ชายหนุ่มพยักหน้ายอมรับและก้าวตามเจ้าของบ้านลงไปชั้นล่าง
ฝนปรายเปิดสวิตช์ไฟที่ตรงข้างผนัง ก่อนจะปลดกลอนประตูหลังบ้าน พาเขาเดินไปตามทางปูด้วยอิฐตัวหนอนที่มีไฟในสวนสีส้มส่องให้เห็นทางเรื่อยไปถึงศาลาริมน้ำ ที่ตรงนี้คงเป็นส่วนตัวพอที่จะคุยกันโดยไม่มีใครมารู้เห็น แต่ก็ไม่รโหฐานลับตาคนจนเกินไป
“ฉันจะขอปรึกษาเรื่องการเริ่มต้นหาคนคนหนึ่ง”
อาเธอร์เข้าเรื่องทันทีที่หญิงสาวนั่งลงบนม้านั่งตัวยาวด้านข้างศาลา โดยที่ตัวเขายืนอยู่เบื้องหน้า
ชายหนุ่มหยิบมินิคอมพ์ขนาดประมาณฝ่ามือของตนออกมาจากกระเป๋ากางเกง แตะบนหน้าจอไม่กี่ครั้งก็ยื่นไปตรงหน้าหญิงสาว
ฝนปรายก้มมองดูก็เห็นภาพที่ออกจะดูเก่า มันเป็นภาพครึ่งตัวของหญิงสาวผมดำดัดหยิกตามสมัยนิยมเมื่อสักยี่สิบสามสิบปีก่อน
“ไหนคุณบอกว่ามาตามหาพี่ชายไม่ใช่เหรอคะ”
“ผู้หญิงคนนี้เป็นเบาะแสเดียวที่ฉันมีอยู่ ซึ่งอาจจะนำพาไปหาพี่ชายของฉันได้” อาเธอร์ชี้แจงข้อสงสัย
ปลายนิ้วขาวจัดปัดบนจอภาพอีกครั้ง มันก็เปลี่ยนเป็นภาพหน้าปกตลับดีวีดีภาพยนตร์เรื่องดังในอดีต
“สมฤดี #422อาร์?” ฝนปรายเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง ทั้งน้ำเสียงและแววตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“เธอปรากฏตัวในบันทึกการแสดงเรื่องนี้ และมีสร้อยคอที่เป็นของสำคัญของอีธานสวมอยู่กับตัว”
จากคำอธิบายของนักข้ามเวลาหนุ่ม ฝนปรายพยักหน้าช้าๆ พร้อมปะติดปะต่อเรื่องราว เขาคงคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะเคยพบเจอ รู้จัก หรือไม่ก็มีความเกี่ยวข้องและมีเบาะแสเกี่ยวกับพี่ชายของเขา
แต่ว่า...
“แต่หนังเรื่องนี้ออกฉายเมื่อนานมากแล้วนะคะ น่าจะยี่สิบปีได้ ป่านนี้เราจะหาตัวเธอได้ที่ไหน ยิ่งเป็นตัวประกอบออกมาแค่ไม่กี่ฉากด้วย” หญิงสาวเอ่ยถึงปัญหาที่มองเห็นด้วยสีหน้าคิดหนักแทน
“ฉันคิดว่าเธอเป็นนักแสดงในยุคนี้ แล้วจะหาตัวได้ง่ายๆ เสียอีก”
ผู้ได้รู้ข้อมูลใหม่ขมวดคิ้ว ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้น แต่เพียงไม่นานใบหน้านั้นก็กลับมานิ่งเฉยดังเดิม
ต่อให้เป็นเรื่องยากเย็นแค่ไหน... ย่อมดีกว่าการค้นหาโดยไร้ร่องรอยใดๆ ให้คลำทางอย่างที่แล้วมา
“ถ้าอย่างนั้น... นอกจากที่ฉันจะสืบค้นจากเครือข่ายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของโลกใบนี้แล้ว อาจจะต้องจ้างนักสืบให้ช่วยตามหาอีกแรง”
เท่าที่เขาได้ทำการศึกษาเตรียมตัวก่อนเดินทาง โลกยุคนี้ยังไม่มีการเก็บข้อมูลบุคคลไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เช่นในอนาคต และยิ่งเป็นอดีตย้อนไปถึงยี่สิบปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะพัฒนา ก่อนสังคมจำลองบนโลกออนไลน์ไร้พรมแดนจะแพร่หลายอย่างที่เป็นอยู่ เรื่องราวของหญิงสาวคนนั้นก็คงจะมีบันทึกไว้ในระบบเครือข่ายน้อยนิดเข้าไปใหญ่
“นั่นก็น่าจะเป็นทางที่เร็วที่สุด สำหรับการตามหาคนแบบไม่ต้องการให้เอิกเกริกแล้วล่ะค่ะ” ฝนปรายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“แล้วมีแบบเอิกเกริกด้วยหรือ” นักข้ามเวลาหนุ่มถามอย่างต้องการเก็บเป็นความรู้
“มีสิคะ เบาะๆ ก็โพสต์ลงโซเชียลให้คนช่วยกันแชร์ตามหา... ตั้งกระทู้ใส่ไข่เพิ่มความดราม่าในหมื่นปี๊บ หรือไม่ก็เข้าหาคุณจอมยุทธไง” คนแห่งยุคปัจจุบันตอบยิ้มๆ เอ่ยถึงเว็บไซด์ดังที่มีสมาชิกนับล้านเป็นผู้คนต่างฐานะหลายอาชีพ แถมยังชื่นชอบจะสถาปนาตนเป็นนักสืบสิงสถิตอยู่ ไหนจะยังชื่อของนักข่าวชื่อดังที่ขายภาพลักษณ์ในการเป็นที่พึ่งพาของชาวบ้านผู้เดือดร้อน
อาเธอร์ฟังแล้วก็เลิกคิ้วสูงคล้ายสงสัยว่ามีวิธีการเช่นนี้ด้วยหรือ แต่ถ้าให้เรื่องโด่งดังแพร่กระจายไปอย่างนั้น มันคงไม่ดีแน่ เขาไม่อยากจะปรากฏตัวหรือไปเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายนัก
“ฉันขอเลือกตามหาอย่างสงบก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มบอก
อาเธอร์เก็บมินิคอมพ์ลงกระเป๋ากางเกงข้างหนึ่ง ก่อนจะล้วงกระเป๋าอีกข้างหยิบบางสิ่งออกมายื่นส่งให้หญิงสาวเจ้าของบ้าน
ฝนปรายส่งเสียงในลำคออย่างสงสัยเมื่อเขากำมือยื่นมาตรงหน้า แต่พอได้เห็นสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือเขาชัดๆ ก็ต้องเบิกตาโต... ทองคำแท่ง!
“ฉันไม่มีเงินของยุคนี้ มีแค่ทองคำติดตัวมาบ้าง ส่วนนี้ฉันตั้งใจเอามาให้คุณขิมสำหรับค่าที่พัก แล้วก็ค่าเสื้อผ้าที่คุณจ้าซื้อให้... ส่วนที่ต้องจ้างนักสืบ ฉันจะไปเอามาให้เพิ่ม”
ฝนปรายฟังคนจ่ายค่ากินอยู่ด้วยทองคำที่เขาล้วงออกมาจากกระเป๋าง่ายๆ ราวมันเป็นเศษโลหะไร้ค่าแล้วก็ต้องอึ้งไป
‘ส่วนนี้’ ของเขาคือทองคำแท่งน่าจะหนักสักแท่งละสิบบาทจำนวนสามแท่ง ตีราคาเหมาง่ายๆ ก็แท่งละสองแสน!
“คุณพกทองอย่างนี้มาเท่าไหร่กันอาเธอร์” หญิงสาวอยากรู้นัก
“สักสี่สิบชิ้นได้ แต่ถ้าคุณขิมว่าไม่พอ...”
“สี่สิบ!” ฝนปรายทวนคำอย่างตกใจ ขัดจังหวะก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อจนจบ ส่งผลให้คิ้วเข้มขยับเข้าหากันเล็กๆ ด้วยความไม่ชอบใจสักเท่าไร แต่เขาก็ยอมเงียบรอฟังว่าเธอจะพูดอะไรต่อ
ดวงตาคมสวยสีดำสนิทมองใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยตรงหน้าอย่างอึ้งไม่หาย ไม่นึกเลยว่าตัวเองจะพกตู้เซฟเดินได้บรรจุทองสี่ร้อยบาทเข้ามาอยู่ในบ้านโดยไม่รู้ตัว ถ้าหากเรื่องนี้หลุดออกไป บรรดาโจรแสนชุกชุมในยุคเศรษฐกิจซบเซาคงได้ตาลุกวาว
“เท่านี้ก็เกินพอแล้วค่ะ คุณเก็บพวกมันที่เหลือเอาไว้ให้ดีๆ แล้วกัน”
ฝนปรายกำชับหลังจากเก็บอาการตื่นตะลึงลงได้แล้ว
“ส่วนค่ากินค่าอยู่ที่นี่ฉันไม่คิดเงินคุณหรอก แต่สำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการตามหาคน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาเอามันไปขายสักแท่งสองแท่งก่อน แล้วค่อยไปเปิดบัญชีเงินฝากกัน”
คำตอบกลายๆ ว่าใช้ทองคำแค่สองแท่งก็เพียงพอสำหรับการจ้างนักสืบตามหาคน เรียกให้คิ้วเข้มได้รูปของนักข้ามเวลาหนุ่มเลิกสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แม้จะรู้ว่าค่าครองชีพในอดีตนั้นต่ำกว่าอนาคตอยู่มาก แต่เขาก็ไม่คิดว่าค่าจ้างคนทำงานในยุคนี้จะน้อยนิดขนาดนี้
แต่เมื่ออีกฝ่ายยืนยันว่าพอ คนพูดน้อยจึงไม่ได้บอกว่านอกจากทองคำแล้ว ยังมีเพชรน้ำบริสุทธิ์ร้อยเปอร์เซ็นต์เจียระไนอย่างดี excellent cut เม็ดเล็กๆ สามสี่กะรัตมาเผื่ออีกหนึ่งกล่อง
เช้าวันถัดมา อาเธอร์จึงได้ออกจากบ้านริมน้ำไปผจญกับความหงุดหงิดบนท้องถนนอันแสนวุ่นวายไร้ระเบียบอีกครั้ง จุดหมายแรกที่ฝนปรายพาเขาไปคือร้านทองใกล้บ้านที่ค่อนข้างใหญ่โตแห่งหนึ่ง การขายทองในครั้งนี้ พวกเขาถูกกดราคาลงต่ำกว่าราคากลางซื้อขายทองแท่งอยู่บ้าง เพราะทองจากอนาคตที่นักข้ามเวลาหนุ่มนำมาไม่มีการตีตราประจำร้านทองใหญ่ๆ ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเครื่องการันตีเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทองคำ
จากนั้นพวกเขาก็นำเงินสดที่ได้มาเกือบทั้งหมดไปฝากธนาคารในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลนัก โดยใช้ชื่อของฝนปรายแทนคนที่ไม่มีหลักฐานแสดงตน เมื่อออกจากธนาคารมา หญิงสาวก็อธิบายการใช้บัตรสี่เหลี่ยมที่ได้มาคู่กับสมุดบัญชี ว่ามันสามารถใช้กดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มและยังสามารถใช้แทนเงินสดได้ในร้านค้าบางร้านที่รับบัตรเดบิต
อาเธอร์ได้ลองใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตไม่นานหลังจากนั้น เมื่อเขาบอกกับหญิงสาวว่าอยากได้อุปกรณ์ที่มนุษย์ยุคนี้ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารเพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน รวมทั้งคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูงสักเครื่อง เนื่องจากมินิคอมพ์จากอนาคตที่เขามีอยู่ไม่สามารถเชื่อมต่อรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบันได้ อาจเป็นเพราะมีการใช้ระบบปฏิบัติการที่ไม่เข้าพวกกัน
ชายหนุ่มเรียนรู้ระบบการซื้อขายของที่นี่อย่างรวดเร็ว แม้จะคิ้วยุ่งขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้เห็นประเภทของธนบัตรและเหรียญที่เรียกรวมๆ กันว่าเงินสดที่หญิงสาวพยายามหามาให้เขาดูจนเกือบครบ นึกขัดใจคนคิดนักว่าทำไมจะต้องมีให้หลากหลายขนาดนี้ แถมธนบัตรมูลค่าเท่ากันยังมีทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ให้เกิดคำถาม... จะทำไปเพื่อ?
เมื่อเขาเอ่ยถาม ฝนปรายก็อธิบายว่าบางครั้งก็มีการเพิ่มเทคโนโลยีในการจัดพิมพ์เพื่อป้องกันการปลอมแปลงธนบัตร หรือไม่ก็จัดพิมพ์พิเศษเพื่อฉลองโอกาสสำคัญต่างๆ ได้ฟังอย่างนั้น ชายหนุ่มที่มาจากโลกที่ไม่มีเงินสดให้ใช้แล้ว จึงค่อยพยักหน้าว่าเข้าใจ
ช่วงกลางวัน ฝนปรายได้พาอาเธอร์แวะไปฝากท้องที่ศูนย์อาหาร ซึ่งมีของกินให้เลือกหลากหลายทั้งคาวหวานและครบถ้วนแทบทุกสัญชาติ เมื่อเจอกับระบบที่จะต้องใช้เงินสดแลกบัตรสำหรับจ่ายค่าอาหารในศูนย์ และเมื่อทานเสร็จก็ต้องมาแลกมูลค่าที่เหลือคืนกลับ ชายหนุ่มจากโลกอนาคตก็ต้องลอบทำหน้าเบื่อหน่ายขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องมีขั้นตอนการใช้จ่ายหลายขั้นตอนให้ยุ่งยากเสียเวลา แตกต่างจากในปีสามพันสามร้อยที่แค่เพียงแตะ ‘เดลต้า’ เข้ากับแท่นรับ ก็สามารถใช้จ่ายดีลได้สะดวกสบายในทุกๆ ที่
อ่านต่อ >> กาลที่ 5 : เดินสายแก้บน
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
โหลดฉบับอีบุ๊ค...
Meb : https://goo.gl/NMjUZU
The1Book : https://goo.gl/YBDkJg
Hytexts : https://goo.gl/AG1Hxy
Ookbee : https://goo.gl/FMfeuY
NaiinPann : https://goo.gl/X5dZpR
Google Play : https://goo.gl/ZJ8RWG
Dek-D : https://goo.gl/MyUR2K
No comments:
Post a Comment