5 July 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

รักข้ามเวลา - กาลที่ 8 : กองถ่ายผีสิง

รักข้ามเวลา ชุดกาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





กาลที่ 8 : กองถ่ายผีสิง



          ทีมงานเบื้องหลังกองถ่ายละคร รักข้ามฟ้า’ เดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำด้วยรถตู้สองคัน และรถขนอุปกรณ์คันใหญ่อีกหนึ่งคันที่ตามหลังกันมา เป็นเวลาสามชั่วโมงเศษๆ ที่นั่งสัปหงกบนรถตู้ซึ่งออกเดินทางจากกรุงเทพมาตั้งแต่ตีห้า แล้วเหล่าทีมงานก็ได้ก้าวลงจากรถมายืนอยู่หน้าอาคารต้อนรับของรีสอร์ตที่จะใช้ถ่ายทำในที่สุด
            เพ็ญนรีสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ระหว่างรอผู้ประสานงานกองถ่ายและผู้จัดหาโลเคชันติดต่อกับทางรีสอร์ต เธอก็กวาดตามองสำรวจสถานที่อย่างถูกใจ จุดที่เธอยืนอยู่เป็นเนินสูง เบื้องหน้าคือสวนดอกไม้ที่เน้นกุหลาบอังกฤษส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ รอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่น และช่วยบดบังสายตาเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้านพักแต่ละหลัง ซึ่งตั้งอยู่ลดหลั่นกันลงไป มองทอดไกลลงเนินไปคือสวนผลไม้และไร่องุ่นที่มีทิวเขาสูงโอบล้อมด้านข้าง
            หลังจากนั้นไม่นาน ทีมงานทั้งหลายก็มาเตรียมพร้อมอยู่ที่ห้องอาหารของรีสอร์ต ท่ามกลางความสนใจของผู้เข้าพักที่มีจำนวนไม่หนาตานักเพราะไม่ใช่วันหยุดและฤดูกาลท่องเที่ยว
ผู้กำกับหนุ่มใหญ่สั่งให้ช่างกล้องและช่างไฟทดสอบมุมกล้องและลองวัดแสงกันให้พร้อม พลางออกคำสั่งขยับจัดวางอุปกรณ์ที่จะเข้าฉากให้ลงตัว ในขณะเดียวกันทีมช่างแต่งหน้าและเครื่องแต่งกายก็เปิดแฟ้มภาพที่ได้ทำการถ่ายภาพและบันทึกรายละเอียดต่างๆ เอาไว้ เพื่อให้ทั้งหน้าตา ทรงผมและเสื้อผ้าของตัวละครมีความต่อเนื่องในฉากที่ควรต่อเนื่องกัน
ความจริงแล้วเพ็ญนรีมาทำงานให้กองละครเรื่องนี้แบบเฉพาะกิจ เพราะเจ้าของตำแหน่งคอสตูมคนเดิม ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของเธอเกิดตั้งครรภ์กลางอากาศจนไม่สะดวกมาคุมงานต่างจังหวัด จึงได้ขอความช่วยเหลือให้สาวรุ่นน้องคนนี้รับช่วงต่อ ซึ่งพอดีกับในกองละครเรื่องนี้มีดาราในสังกัดจิรภพอยู่หลายคน จึงเหมือนเป็นการได้ตามดูแลพวกเขาไปด้วยในตัว โดยมีผู้ช่วยเป็นริต้า... สาวสวยร่างสูงโปร่งที่เคยใช้นามว่าฤทธามาก่อน
            หลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมง กวินทร์ที่ขับรถมาเองก็มาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย ชายหนุ่มตรงเข้าไปรายงานตัวต่อผู้กำกับเป็นอันดับแรก ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องหนึ่งซึ่งจัดไว้สำหรับเป็นห้องเตรียมตัวนักแสดง
            ชายหนุ่มทักทายส่งยิ้มให้ทีมงานที่รออยู่ ก่อนจะตรงเข้าไปหาเพ็ญนรีที่กำลังตรวจตราบรรดาเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กระเป๋าที่จะต้องใช้ในการเข้าฉากในวันนี้
            “อ้าวมาเร็วดีนี่นายก้อง ดีเลย ไปแต่งหน้าตรงนู้นก่อน จะได้เรียบร้อยก่อนบรรดาสาวๆ จะมา” เพ็ญนรีทักทายเสียงสดใส มือเล็กคว้าไหล่หนาแล้วผลักเบาๆ ไปทางมุมหนึ่งที่มีทีมช่างแต่งหน้าทำผมตั้งโต๊ะทำงานรออยู่ก่อน
            “ผมเป็นเด็กดีมาก่อนเวลาขนาดนี้ จ้าจะมีรางวัลให้หรือเปล่า” กวินทร์ที่เดินไปตามแรงผลัก เอี้ยวใบหน้าหล่อเข้มคมคายมาทวงถาม
            “ขอกับจ้าก็ให้ได้แค่ข้าวกลางวันฟรีเท่านั้นแหละ” หญิงสาวตอบกลับฉับไว ซึ่งคนรู้ทันก็หัวเราะออกมาทันที
มาทำงานกับกองถ่ายอย่างนี้ ยังไงทุกคนก็ได้กินข้าวกองฟรีกันอยู่แล้ว
            “ขอข้าวกลางวันนอกกองนะจ้า... จดไว้แล้วนะ” กวินทร์บอกส่งท้าย ก่อนจะนั่งลงตรงเก้าอี้เบื้องหน้าช่างแต่งหน้า
            “ถ้าจะกินนอกกองก็ไปขอเอากับเจ๊จิลล์เถอะย่ะ” เพ็ญนรีทำหน้าย่นแล้วตวัดสายตาใส่ ไม่นานจากนั้นก็มีเสียงหัวเราะคิกคักจากบรรดาช่างทั้งสี่คน
            “แหม... ยังไงกันคะคุณน้อง สนิทสนมกุ๊กกิ๊กกันดีนะคะ
ช่างแต่งหน้าร่างอวบแตะนิ้วมืออูมๆ เกลี่ยรองพื้นไปบนใบหน้าของพระเอกหนุ่ม พลางส่งสายตามีเลศนัยให้สาวร่างเล็ก
            “ทะเลาะหาเรื่องกันไปวันๆ มากกว่าค่ะ อย่างจ้ากับนายก้องจะมากุ๊กกิ๊กอะไรกันได้” คนถูกแซวส่ายหน้าไม่ยอมรับ
            “ใช่ค่ะ! พี่จ้าก็ชอบต่อล้อต่อเถียงกับพี่ก้องอย่างนี้เล่นตลอด” เสียงใสเสียงหนึ่งดังขึ้นสนับสนุนคำพูดของสไตลิสต์สาว
            เมื่อคนในห้องหันไปมองก็เห็นอลิยา... นางเอกสาวลูกครึ่งไทยฮ่องกงวัยยี่สิบปีเดินเข้ามาในห้อง อีกฝ่ายมีความสูงมากกว่าเพ็ญนรีราวสิบเซนติเมตร แต่รูปร่างผอมบางราวจะปลิวลมเพื่อให้ดูสมส่วนไม่อ้วนฉุยามขึ้นกล้อง
ยังไม่ทันมีใครได้พูดคุยอะไรกันต่อ ร่างระหงของมาลีรินทร์ก็เดินตามเข้ามาในห้องติดๆ พวกเธอทั้งสองคนมีจิรภพดูแลส่งรถตู้ไปรับถึงหน้าบ้าน
            “น้องเอลิส น้องมีน... ว้าววันนี้ตัวหลักมากันครบก่อนเวลานัดเสียอีก” ช่างอีกคนหนึ่งทักขึ้นมาอย่างเห็นเป็นเรื่องประหลาด
เพราะในบางครั้ง ดาราดังบางคนก็ชอบมาช้าด้วยเหตุผลข้ออ้างว่าไม่ชอบมารอใครให้เสียเวลา แต่ไม่คิดเลยว่าตัวเองนั่นแหละที่ทำให้คนอื่นต้องรอ
            “แน่นอนสิคะพี่แป๋วแหวว เด็กเจ๊จิลล์จะขาดวินัยได้ไง” อลิยาบอกแล้วก็หัวเราะนิดๆ แจกรอยยิ้มสดใสที่เรียกความเอ็นดูจากผู้พบเห็นได้ไม่ยาก
            แต่อย่างไรแล้ว คนที่ติดตามเกาะกระแสข่าวซุบซิบดาราอยู่เสมอก็ยังหยุดยั้งอาการคันปากของตัวเองไม่ได้
จริงเหรอคะน้องเอลิส... แล้วเมื่อวานที่มีภาพเฮฮาปาร์ตี้หลุดมาซะว่อนเน็ตล่ะคะ” คำถามของช่างผมที่หยุดมือจากการไดร์ผมแต่งทรงให้พระเอกหนุ่ม ทำให้คนในห้องต่างมองไปยังนางเอกสาวผู้ครองภาพลักษณ์สดใสน่ารักไร้เดียงสาเป็นตาเดียว
            “นั่นก็รูปแอลจริงๆ ค่ะพี่กิ๊บเก๋ ไม่คิดเลยว่าแค่อยากรู้อยากเห็นว่าในผับมันเป็นยังไง เลยนัดเพื่อนๆ ไปเฮฮากัน กลับตกเป็นข่าวว่าไปมั่วสุมเสียได้
            นางเอกสาวว่าแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก้ำกึ่งระหว่างความหงุดหงิดและความกังวล ดวงตากลมโตที่หางชี้ขึ้นนิดๆ แสดงความไม่เข้าใจมองตรงไปยังช่างแต่งหน้าที่นั่งอยู่เบื้องหน้าอย่างหาพวกปรับทุกข์
            “ความจริงแอลก็ยี่สิบแล้วนะคะ ก็เหมือนคนธรรมดาทั่วไปแหละค่ะ คนอื่นยังเที่ยวกันตั้งแต่อายุยังไม่ถึงตามกฎหมายด้วยซ้ำ
            “แหม... ก็น้องเอลิสดูแบ๊วๆ ใสๆ แฟนคลับเห็นเข้าผับดื่มเหล้าอย่างนั้นก็คงตกใจกันเป็นธรรมดาค่ะ” แป๋วแหววบอกด้วยเสียงปรับให้หวานไร้รอยจับผิดและออกจะเข้าอกเข้าใจ
            อลิยาได้ยินดังนั้นก็ส่งยิ้มกระจ่างตาไปให้อีกฝ่าย ก่อนใบหน้าอ่อนหวานน่ารักนั้นจะย่นยู่ แอลลองแล้วไม่เห็นชอบเลยค่ะ เสียงก็ดัง คนก็เยอะอึดอัด คนอื่นชอบไปได้ยังไงก็ไม่รู้
            นางเอกสาวว่าจบก็ส่ายหน้า ก่อนจะหลับตาลงให้ช่างแต่งหน้าประจำกองถ่ายได้เริ่มทำหน้าที่ของตน ไม่สนใจว่าในสายตาของทีมช่างเมาท์จะมีความเคลือบแคลงจับผิดหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ เพราะอย่างไรเธอก็คงทำได้แค่ยืนกรานว่าเรื่องจริงเป็นไปตามที่พูดเท่านั้น


            ช่วงบ่ายของวันเป็นการถ่ายทำฉากพระนางทำหวานเดินเล่นท่ามกลางสวนกุหลาบของรีสอร์ต
ใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาสดชื่นสดใส ราวกับรอบกายโอบล้อมด้วยความสุขสบาย จนอยากจะเดินจับมือเดินเคียงกันอย่างนี้เรื่อยไป ปรากฏอยู่บนใบหน้าของกวินทร์และอลิยาอย่างมืออาชีพ แม้ว่าเวลานี้ทั้งคู่จะต้องอยู่ท่ามกลางแดดจ้าและอากาศร้อนจัด จนร่างแทบสลายกลายเป็นไอก็ตาม
            และในทันทีที่สิ้นเสียงสั่งคัท! สองคนที่ยังสบตาหวานเชื่อมกันเมื่อครู่ก็ต่างสะบัดหน้า เดินตรงปรี่แทบวิ่งเข้าไปใต้ร่มกอล์ฟคันใหญ่ ทั้งพัดลมมือถือและกระบอกน้ำเย็นถูกทีมงานส่งให้อย่างรู้ใจ รวมทั้งช่างแต่งหน้าก็กรูเข้าไปซับเหงื่อซับหน้ากันให้วุ่นวาย ช่างเป็นภาพที่ขัดกับความโรแมนติกหน้ากล้องเสียเหลือเกิน
            แต่นั่นยังไม่ลำบากหนักหนาเท่าช่วงเย็นที่เป็นการถ่ายทำฉากปั่นจักรยานซ้อนท้ายกันกะหนุงกะหนิงระหว่างคู่พระนาง ตามทางดินลูกรังขรุขระที่ข้างทางมีทุ่งดอกหญ้าพลิ้วไหวไปตามกระแสลม ทั้งแสงสีและบรรยากาศทั้งหมดล้วนสวยงามลงตัว จนมั่นใจว่าภาพที่ออกมาต้องงดงามสร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างแน่นอน โดยไม่มีใครได้ฉุกคิดหรอกว่ามันต้องแลกมาด้วยการปั่นจักรยานไปๆ มาๆ นับสิบรอบ รวมระยะทางแล้วก็คงได้เกือบกิโลเมตร จนพระเอกหนุ่มต้องผลัดเปลี่ยนเสื้อยืดสีขาวตัวในที่เปียกเหงื่อจนชุ่มถึงสองรอบ
            “ถ้ามีรอบสามจะสั่งงดน้ำให้ดู จะเหงื่อโชกอะไรขนาดนี้” เพ็ญนรีส่งเสียงบ่นอุบในทันทีที่กวินทร์ก้าวออกมาจากรถตู้ซึ่งถูกใช้เป็นห้องเปลี่ยนเสื้อชั่วคราว
            “จ้าลองปั่นจักรยานกลางอากาศร้อนๆ อย่างนี้ดูไหมล่ะ แล้วชุดเนี่ย จะให้ใส่ทำไมหลายชั้นนักก็ไม่รู้ ขอเสื้อกล้ามตัวเดียวเลยได้ไหมจ้า
            ได้ยินคำอุทธรณ์ของพระเอกหนุ่ม คนรับผิดชอบดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ดูดีที่สุดก็ต้องส่งค้อนเบาๆ พร้อมโต้กลับ
            “อยากโชว์ก้างแขนขนาดนั้นเลยแต่ไม่ต้องรีบร้อนหรอก เดี๋ยวคืนนี้ได้อวดทั้งตัวแน่ ว่าแต่ซิกแพคน่ะ ฟิตมาพร้อมหรือยัง อย่ามาโชว์วันแพคย้วยๆออกกล้องให้เสียชื่อสังกัดเจ๊จิลล์ล่ะ
            “โห... หยามกันขนาดนี้ ตรวจงานกันก่อนเลยเป็นไง” ว่าแล้วกวินทร์ก็แกล้งจะถกชายเสื้อขึ้นให้คนปากดีได้ ตรวจงาน’ และนั่นก็ทำเอาหญิงสาวโวยวายเสียงดัง
            “ไม่ต้องเลย!” มือข้างเดียวที่ใช้การได้ถนัด เหวี่ยงกำปั้นพร้อมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ถืออยู่ใส่อีกฝ่ายอย่างแรงจนเกือบจะเป็นทุบอก
            “รีบๆ รับคืนไปซะ เหม็นเน่ามาก” เสียงฉุนๆ ของคนปากเก่งกล่าวหา
            “ไม่จริงหรอก ผมตัวหอมจะตาย ไม่เชื่อพิสูจน์ได้เลย” วาจาเขามั่นอกมั่นใจ พร้อมกับมือแข็งแรงที่คว้าหลังศีรษะทุย ดึงคนตัวเล็กเข้ามาซุกอก
            “นายก้อง!” เพ็ญนรีดุเสียงดังชิดอกแน่นที่กรุ่นด้วยกลิ่นน้ำหอมผู้ชาย เธอยังไม่ทันได้ขืนตัวออกก็ต้องตกใจกับเสียงร้องเบาๆ ของเขาเข้าเสียก่อน
            กวินทร์สะบัดมือปล่อยตัวหญิงสาวในทันที ก่อนจะรีบก้มมองสำรวจหลังมือตัวเอง เมื่อครู่จู่ๆ มันก็เจ็บแปลบจนสะดุ้ง และตอนนี้มันก็ชาวาบไร้เรี่ยวแรงไปทั้งแขน ชายหนุ่มพยายามบังคับงอนิ้วกำมือ แต่ก็ต้องพบกับความแปลบปลาบราวกับมีเข็มนับพันทิ่มตำจนไม่กล้าขยับมันอีก
            “เป็นอะไร” เพ็ญนรีสอบถามคนที่เอาแต่ก้มหน้ามองหลังมือตัวเองงงๆ
            “ไม่รู้เหมือนกันจ้า มันรู้สึกชาๆ แปลกๆ ยุบยิบทรมานเหมือนเหน็บกิน” ชายหนุ่มอธิบายอาการทั้งที่ใบหน้ายุ่งเพราะไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เขาพยายามใช้มืออีกข้างบีบนวดมันเบาๆ พักหนึ่งจึงค่อยคลายจากอาการชา
            บนใบหน้าของหญิงสาวปรากฏรอยกังวลขึ้นมาทันที ขณะมองเขากำมือสลับแบอยู่สองสามทีก่อนจะสะบัดมันเบาๆ ก็ตั้งข้อสงสัยด้วยความเป็นห่วง
            “มัวแต่ห่วงฟิตหุ่น กินไม่พอแล้วไปเวทหนัก เลยขาดวิตามินหรือเปล่า จ้าว่าเสร็จจากถ่ายละครคราวนี้ไปให้หมอดูหน่อยไหม เกิดเป็นอาการของพวกเส้นประสาทอะไรพวกนี้ล่ะแย่เลย... หรือจะขอไปเช็กวันนี้เลยไหม เดี๋ยวจ้าจะลองขอพี่แจ็คให้” เธอหมายถึงผู้กำกับหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ
            “ไม่เป็นไร แค่สามสี่วันคงไม่มีอะไรหรอก เอาไว้เข้ากรุงเทพแล้วผมจะไปเช็กสุขภาพอย่างที่จ้าแนะนำแล้วกัน จะได้ไม่เป็นห่วง” กวินทร์รับปากอย่างว่าง่าย โรคภัยสมัยนี้ไว้ใจได้เสียที่ไหน โรคประหลาดแปลกใหม่ผุดขึ้นมาเป็นข่าวออกบ่อย และเขาก็ยังไม่อยากจะดังด้วยข่าวอย่างนั้น
            “ไม่ห่วงได้เหรอ นายมันตัวเงินตัวทองของเจ๊จิลล์ทั้งคน
            คำเรียกเปรียบเทียบไม่เข้าหูนั้น ทำเอาคนที่กำลังยิ้มมีความสุขกับความห่วงใยที่หญิงสาวมีให้ถึงกับอารมณ์สะดุด
            “ตัวทำเงินก็พอไหมจ้า ตัวทองไม่ต้อง
            ได้เห็นคิ้วหนาขมวดจนยุ่งแล้ว คนแกล้งเหน็บก็หัวเราะร่า เดินนำเขากลับไปหาทีมงานที่รอเข้าฉากอยู่


            ตรงข้างๆ จักรยานคันเก่าคลาสสิกที่ถูกใช้งานอย่างหนัก อลิยาที่ซับหน้าเติมแก้มเติมปากเรียบร้อยยืนรออยู่พร้อมแล้ว ใบหน้าของนางเอกสาวคล้ายจะบึ้งตึงเล็กๆ ไม่ยิ้มแย้มเหมือนเคย แต่เพ็ญนรีก็คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงทั้งร้อนและเหนื่อย รวมทั้งอาจไม่ชอบใจที่ต้องรอ
            “ขอโทษที่นานไปหน่อยครับ ผมเช็ดตัวเช็ดเหงื่อด้วยนิดนึง กลัวแอลจะเหม็นเน่าไม่กล้าเข้าใกล้” กวินทร์บอกผู้กำกับและทีมงานด้วยน้ำเสียงรื่นเริงเป็นธรรมชาติ ซึ่งต่างก็ไม่มีใครติดใจเอาความกับเวลาไม่ถึงสิบห้านาทีที่เขาหายไป
            เพ็ญนรีที่ยืนกอดอกอยู่ห่างๆ ถึงกับส่งค้อนให้ เมื่อพระเอกหนุ่มจงใจมองมาด้วยสายตาล้อเลียน ยามเขาเอ่ยถึงกลิ่นเหม็นเน่า แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงัก คล้ายว่าจะได้ยินเสียง หึ’ แว่วเบามาจากด้านหลัง แต่พอหันขวับไปมองกลับไม่เห็นมีใครยืนอยู่สักคน
            “มีอะไรเหรอคะเจ๊จ้า” ริต้าที่หันมาเห็นอาการของเธอเอ่ยถาม
            เพ็ญนรีชักสีหน้ายุ่งอย่างคาใจ แต่เมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปกติก็ปัดไล่มันทิ้งไป คิดว่าคงเป็นเพียงอาการหูแว่ว ไม่ก็ฟังเสียงอะไรผิดไป เธอส่ายหน้าบอกกับผู้ช่วยสาวว่าไม่มีอะไร แล้วก็หันไปให้ความสนใจกับการถ่ายทำตรงหน้า 
            กวินทร์กำลังโน้มใบหน้าลงช้าๆ ประทับรอยจุมพิตลงบนริมฝีปากอิ่มของอลิยาท่ามกลางแสงตะวันยามเย็นและสายลมพัดโชยเอื่อย
            ภาพอันสวยงามโรแมนติกเบื้องหน้า ทำให้หญิงสาวผู้แสดงออกเสมอว่ายังตั้งหน้าตั้งตารอพบเนื้อคู่อย่างจริงจัง แต่แท้จริงหัวใจยังไร้เดียงสาในเรื่องความรักยิ่งนักถึงกับอมยิ้มออกมา คันยิบในหัวใจผสมเก้อเขินเล็กๆ เมื่อเกิดคำถามซุกซนผุดขึ้นมาในความคิด
แล้วจูบแรกของเธอเล่า... จะเป็นเช่นไร
จะให้ความรู้สึกดี ชวนเคลิ้มฝัน หรือขัดเขินมากมายแค่ไหนกัน...


            การถ่ายทำละครดำเนินไปจนถึงช่วงดึก หลังจบฉากที่พระเอกถูกนางร้ายวางยาและกำลังจะพาตัวไปยังบ้านพักของตัวเองได้สำเร็จ แต่ระหว่างทางกลับถูกนางเอกมาพบและเห็นความผิดปกติ จึงเกิดการปะทะฝีปากและแย่งตัวพระเอกกลับมาดูแลที่ห้องเพราะคิดว่าเขาแค่เมา
จากนั้นก็มาต่อเนื่องกันที่ฉากเรียกเรตติ้งฉากหนึ่งของเรื่อง... ผู้ชมสาย ฟินจิกหมอน’ ร้อยทั้งร้อย ล้วนต่างรอคอยกันว่านางเอกจะโดนพระเอกจับกินตอนไหน
เรตติ้งเกินสิบและกระแสกล่าวขวัญถึงฉากนี้ เหล่าทีมงานล้วนขอฝากความหวังไว้กับบทหวานชื่นปนร้อนระอุภายในห้องนอน ผนึกกำลังกับกล้ามหน้าอกตึงแน่น หน้าท้องเป็นลอนสวยไร้ไขมันส่วนเกิน และท่อนแขนแกร่งของพระเอกหนุ่ม ที่ทุกคนต่างได้มองอย่างชื่นชมหลังจากเขาถอดเสื้อออกแล้วเหวี่ยงทิ้งลงข้างเตียงด้วยอารมณ์จวนเจียนปะทุ
            กวินทร์โน้มตัวเข้าหานางเอกที่ถูกเหวี่ยงมานอนแผ่หลา สีหน้าตระหนกตกตื่นอยู่กลางเตียงกว้าง... ใบหน้าคมคายเปี่ยมอารมณ์ปรารถนากดต่ำซุกลงกับลำคอระหง...
และนั่นก็เป็นภาพสุดท้าย ก่อนผู้กำกับจะสั่งคัท!
            “โอเค เดี๋ยวขอถ่ายซูมนายก้องใกล้ๆ จากมุมมองของนางเอกหน่อย
            ฉากเซอร์วิสคนดูสาวๆ อย่างนี้... ย่อมปล่อยพลาดไปไม่ได้เด็ดขาด


            ใช้เวลากันอีกไม่นาน การถ่ายทำของวันนี้ก็เสร็จสิ้น ทีมงาทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อนยังที่พักของตน ผู้กำกับหนุ่มใหญ่และเหล่านักแสดงนำต่างได้เข้าพักในบ้านพักหลังเล็กโดยไม่ต้องนอนรวมกับใคร ส่วนทีมงานและตัวประกอบอื่นๆ ถูกจัดให้พักรวมกันในบ้านพักหลังใหญ่หลังละสี่ถึงแปดคน
            หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อย เพ็ญนรีที่ยังไม่รู้สึกง่วงก็ออกมานั่งเล่นโทรศัพท์ วิดีโอคอลคุยกับมารดาอยู่ในห้องนั่งเล่นส่วนกลางของบ้าน โดยมีผู้ประสานงานกองถ่ายและทีมงานหญิงอีกสองคนที่ออกมาหาจุดสัญญาณอินเทอร์เน็ตแรงที่สุดในบ้านนั่งอยู่ข้างๆ กัน
            ทุกวันนี้... หากขาดโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตไปคงเหมือนขาดใจ
            จนเมื่อตกดึก ด้านนอกก็เริ่มมีลมแรงพัดหวีดหวิว ตามมาด้วยสายฝนเทกระหน่ำราวฟ้ารั่ว ลมพายุโหมแรงจัดจนพัดพาให้ฝนสาดกระทบกระจกหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง ไม่นานสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อพวกเธอเข้ากับโลกกว้างก็เริ่มขาดหาย สาวๆ ทั้งหลายจึงตัดสินใจชักชวนกันเข้านอน ไฟในห้องนั่งเล่นของบ้านพักถูกปิดลง เหลือเพียงแสงไฟสนามด้านนอกสาดส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาให้เห็นภายในบ้านเป็นเงาลางๆ
             ในห้วงกึ่งฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น ท่ามกลางเสียงสายฝนหลงฤดูที่เทกระหน่ำอยู่ด้านนอก เพ็ญนรีรู้สึกราวกับได้ยินเสียงลมอู้ดังกว่าปกติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงประตูปิดแว่วเบา เวลานั้น... ประสาทสัมผัสของคนที่กำลังจะหลับถูกปลุกเร้าให้ตื่นขึ้นมาทันที!
หญิงสาวลืมตาโพลงอยู่บนเตียง พยายามเงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอกห้องนอนด้วยใจระทึก ทั้งไม่แน่ใจว่าหูแว่วไปเองหรือไม่ ทั้งคิดในทางร้ายว่าอาจเป็นโจรบุกปล้นบ้านพัก ส่วนอีกใจหนึ่งกลับถูกบรรยากาศในยามนี้ชักจูงให้คิดไปถึงสิ่งลี้ลับที่พิสูจน์ไม่ได้
            การคิดถึงสิ่งลี้ลับทำให้เพ็ญนรีได้แต่นอนตัวแข็ง ไม่กล้าก้าวเท้าลงจากเตียง แต่การนึกถึงโจรก็ทำให้ไม่กล้าเปิดไฟในห้องขับไล่ความกลัว เพราะเกรงจะเป็นการดึงความสนใจจากผู้บุกรุก หากมีแสงสว่างเล็ดลอดออกไป
หญิงสาวมองเพื่อนร่วมห้องที่หลับสนิทอยู่ข้างกาย พลางนึกทบทวนว่าตนเองล็อกประตูห้องนอนดีแล้วก็อุ่นใจขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่มือเล็กเย็นเฉียบก็ยังคว้าโทรศัพท์มือถือมาปัดไล่หาเบอร์ที่คิดว่าพึ่งพาได้มากที่สุดในยามนี้ เตรียมพร้อมจะกดโทรออกในทันทีที่ได้ยินเสียงผิดปกติหน้าประตูห้อง
            ช่วงเวลาแห่งความระทึกผ่านไปเกือบสิบนาที สายฝนด้านนอกยังคงเทกระหน่ำอยู่เช่นเดิม ส่วนในตัวบ้านก็ไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นอีก คนที่นอนเบิกตาตัวเกร็งจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมาเชื่องช้า นึกโทษหูตัวเองอีกครั้งที่ชักจะมีอาการหูแว่วบ่อยเกินไปแล้ว
            เพ็ญนรีค่อยๆ ผ่อนคลายจากอาการอกสั่นขวัญแขวน พยายามสงบหัวใจที่เต้นรัวให้เข้าสู่ภาวะปกติ จวบจนเวลาผ่านไปอีกครู่ใหญ่จึงค่อยเข้าสู่ห้วงนิทราทั้งที่หัวคิ้วยังขมวดยุ่ง

           
            นี่ๆๆ ริต้ามีอะไรจะเล่าให้ฟัง
            ยามเช้าที่ทีมงานบางส่วนนั่งล้อมวงทานข้าวต้มกันอยู่ ริต้าเกริ่นนำขึ้นมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบ เมื่อเห็นเหล่าผู้ร่วมโต๊ะหลายคนหันมาสนใจก็โน้มกายไปข้างหน้า เป็นกิริยาที่เหล่าคนสนใจต่างชะโงกตามเข้ามาใกล้เพื่อเงี่ยหูรอฟัง เพราะคิดว่าคงเป็นข่าวลับข่าวเมาท์
            “ริต้าว่ารีสอร์ตนี้... แรง!”
ระดับเสียงของคนเล่าลดเบา แต่คำท้ายเน้นหนักที่หลายๆ คนเข้าใจความหมายกันดีนั้น กลับทำเอาวงล้อมแตกฮือ ดวงตาแต่ละคู่เบิกกว้างอย่างตกใจบวกฉงนสนใจ จดจ้องมองคนต้นเรื่องแทนการเอ่ยถามให้เล่าต่อ
            “เมื่อคืนน่ะสิ ตอนริต้าเดินไปปิดม่านจะนอน สายตาก็ดั๊น... บังเอิญมองไปทางบ้านพักของพวกผู้หญิงเข้าพอดี แล้วริต้าก็เห็นเงาเหมือนคนตัวโตๆ เดินมาหยุดหน้าบ้าน แต่แค่แปบเดียวก็หายไปต่อหน้าต่อตาเลย... ริต้าว่านะ อาจจะแวบหายเข้าบ้านไปนั่นแหละ
คนที่ไม่เคยมีแม้แต่เศษเสี้ยวสัมผัสที่หก ไม่เคยพบเห็นอะไรทำนองนี้มาก่อน นึกแล้วก็ยังอกสั่นขวัญแขวนไม่หาย
            “แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่เมื่อคืนยะนังริต้า! เกิดที่เห็นไม่ใช่อย่างที่หล่อนคิด แต่เป็นคนร้ายหื่นกามบุกบ้านสาวๆ จะทำไง
เสียงแหลมเล็กจากช่างทำผมร่างสูงโย่งซึ่งภายนอกยังเป็นชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามผู้เล่า
            “ก็ริต้ามั่นใจน่ะสิเจ๊บิวตี้ ว่าไม่ใช่คนแน่ๆ คนที่ไหนจะมาให้เห็นแค่ลางๆ เดี๋ยวจางเดี๋ยวหาย... แล้วถามจริงเถอะ... ตอนกลางค่ำกลางคืนอย่างนั้น ริต้าสมควรจะทักว่าเห็นได้เหรอ เกิดของเค้าแรง พุ่งมาที่บ้านเราแทนจะทำไง
            “ไม่ได้ตาฝาดไปเองแน่นะหล่อน?” กิ๊บเก๋วางช้อนที่ถือค้างตอนฟังเรื่องเล่าลง แล้วถามอย่างลุ้นๆ อยากให้เป็นอย่างที่ถามมากกว่า
            “แน่สิเจ๊ริต้าขยี้ตาอยู่สามทีก็ยังเห็นเหมือนเดิม แต่พอกะพริบตาอีกทีก็หายแวบ... นี่ดูสิคะแค่พูดถึงก็ขนลุกแล้ว” ว่าพร้อมกรีดกรายท่อนแขนขาวผ่องไปข้างหน้า ให้ผู้ร่วมวงอาหารเช้าเคล้าเรื่องผีได้เห็นตุ่มขนแขนที่ผุดตั้งชัดๆ
            “แล้วอย่างนี้พวกสาวๆ จะเป็นไงบ้างเนี่ย” เจ๊แป๋วแหวว พี่ใหญ่ของวงเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วงคนในบ้านที่เจอของดีเข้าให้
            “ก็เกือบช็อกน่ะสิคะเจ๊
            เสียงใสที่ดังมาจากนอกวง ทำเอาบรรดาผู้ที่จับกลุ่มกันอยู่ตกอกตกใจหันขวับ เมื่อพบว่าเป็นหญิงสาวร่างเล็กที่ก้าวเข้ามาพร้อมใบหน้ายุ่ง วงเมาท์เรื่องลี้ลับก็พากันเขยิบเก้าอี้เปิดทางออก พร้อมเลื่อนเก้าอี้ว่างให้คนมาใหม่นั่งลงโดยอัตโนมัติ ก่อนจะยิงคำถามสัมภาษณ์ทันที
            “ว่าไงคุณน้องจ้า เมื่อคืนเจอดีอะไรบ้าง” 
            “เล่ามาๆๆ
            หลายต่อหลายเสียงพากันเร่งเร้า ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวน่ากลัวชวนขนหัวลุก แต่ความอยากรู้ก็ชนะทุกสิ่ง
            “ไม่ได้เจออะไรจังๆ หรอกค่ะ จ้าแค่ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด แล้วก็ไม่มีอะไรอีก แต่แค่นี้ก็นอนแข็งค้างบนเตียงทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ใบหน้าคนเล่าซีดจนไร้สีเลือด เมื่อได้รู้ว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้หูแว่วไปเอง
            “นั่นไงแน่เลย... อย่างที่ริต้าบอกไง ว่า เค้า’ หายเข้าไปในบ้าน” ริต้าว่าอย่างตื่นเต้น นำคำบอกเล่าไปปะติดปะต่อกับสิ่งที่เธอเห็น
            “แปลกนะ เป็นผีแล้วยังต้องเปิดประตูด้วย ไม่ทะลุกำแพงเอาล่ะ” บิวตี้เอ่ยสิ่งที่สงสัยขึ้นมาลอยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจัง
แต่ความถามนั้นกลับทำให้วงเมาท์ต่างหยุดชะงัก แต่ละคนต่างนิ่งใช้ความคิดโดยพร้อมเพรียง
            “หรือบางที ประตูอาจไม่ได้เปิดจริง... แต่ที่ยัยจ้าได้ยินอาจเป็นเสียงประตูที่ดังจากโลกวิญญาณ ข้ามมิติมาให้ได้ยินอะไรทำนองเนี้ย
            “หรือจะเป็นวิญญาณประเภทอิทธิฤทธิ์ติดๆ ดับๆ ไม่งั้นยัยริต้าจะเห็นแบบแวบโผล่ๆ เหรอ
            ข้อสันนิษฐานของแต่ละคนช่างหลากหลายสร้างสรรค์ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นพ้องตรงกันคงจะเป็นข้อสรุปที่ว่า เมื่อคืนมี ของแรง’ ผ่านเข้าไปในบ้านพักของเพ็ญนรีจริงๆ แล้วเป็นแน่แท้
            “แล้วคืนนี้จ้าจะกล้านอนในบ้านนั้นได้ไงเนี่ย” เสียงโอดครวญจากผู้ที่ต้องพักในบ้านหลังนั้นต่ออีกหลายคืน
เพ็ญนรีมองไปรอบวงด้วยดวงตาละห้อย แต่เธอก็ได้รับเพียงแววตาเข้าใจและเห็นใจกลับมาเท่านั้น ไม่มีใครกล้ายื่นข้อเสนอแลกบ้านกับเธอสักคน
            จากการเล่าสู่กันฟังในยามเช้า ยังไม่ทันสาย ข่าวรีสอร์ตนี้ แรง’ ก็กระจายไปทั่วกองถ่าย และเป็นเหตุให้บรรดาทีมงานเริ่มมีความหวาดระแวงต่อรอบตัวมากขึ้น แถมสายตาก็ยังสังเกตสังกาทุกสิ่งไปหมด
            ในวันนั้นมีเหตุเกิดจากความแรงตามมาอีกมากมาย ทั้งสิ่งของเคลื่อนย้ายผิดตำแหน่งจากที่วางเอาไว้ ทั้งความรู้สึกคล้ายถูกจับจ้องและบางครั้งยังเหมือนมีบางอย่างที่มองไม่เห็นวูบผ่านตัวไป แถมหลายคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกอ่อนแรง ง่วงงุนอยากหลับทั้งที่เมื่อคืนก็หลับสนิทเต็มที่
            ทว่าเมื่อเข้ายามบ่าย กระแสข่าวที่เกิดจากภาพแอบถ่ายภาพหนึ่งหลุดออกไปสู่สังคมออนไลน์ภายนอกก็ดังสะท้อนกลับมาถึงกองถ่าย จนกลบกระแสความแรงของเจ้าถิ่นไร้รูปร่างของที่นี่ไปจนมิด


               นายก้อง!” 
               เสียงของจิรภพทั้งดังทั้งตำหนิชัดเจนมาตามคลื่นโทรศัพท์ ตามด้วยคำบ่นยาวเหยียด 
               ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ไม่รู้จักระวังเก็บไม้เก็บมือเสียบ้าง เจ๊ก็บอกแล้วว่าขออย่างน้อยก็ให้ละครออกฉายจนจบเสียก่อน นี่อะไรกันถ่ายยังไม่ทันเสร็จก็ไปยืนกอดกันกลมกับยัยจ้าได้ยังไง
            ระหว่างฟังจิรภพบ่นยืดยาว กวินทร์ก็ปลีกตัวออกมาจากทีมงานที่เวลานี้ยกกองกันมาถ่ายทำตรงลำธารเล็กๆ ซึ่งไหลผ่านพื้นที่ด้านข้างรีสอร์ต เมื่อมาหยุดยืนใต้ร่มไม้ต้นหนึ่งที่ให้ความเป็นส่วนตัวมากพอ เขาก็เริ่มเจรจาและอธิบายเหตุการณ์
            “ผมยอมรับครับเจ๊จิลล์ว่าเผลอไปหน่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาเห็นเข้านะครับ ตอนนั้นแถวนั้นไม่มีใครอยู่เลย
            ภาพที่หลุดออกไปนั้นไม่ชัดเจนเท่าใดนัก คาดว่าคนถ่ายนั้นอยู่ห่างออกไปจนเกินความสามารถของอุปกรณ์ที่ใช้แอบถ่าย แต่ก็พอดูออกว่าเป็นพระเอกหนุ่มกำลังยืนกอดกับหญิงสาวคนหนึ่ง ข้างรถตู้กองถ่ายซึ่งมีสติกเกอร์โลโก้บริษัทติดอยู่หรา และแม้จะเห็นเพียงด้านหลังของหญิงสาว แต่จากรูปร่างและเสื้อผ้าที่เธอใส่ จิรภพและทีมงานในกองก็รู้ได้ว่าเป็นเพ็ญนรี
            “คราวหน้าผมจะระวังให้ดีกว่านี้แล้วกันครับ
            “ไม่มีคราวหน้าย่ะ! จนกว่าละครจะฉายจบ” จิรภพยื่นคำขาด
            “โธ่เจ๊จิลล์... แล้วจะให้ผมอยู่เฉย ปล่อยให้จ้าถูกไอ้หน้าสวยนั่นคาบไปเหรอครับ ผมรอมานานเกินปะ... โอ๊ะ!”
ขณะที่กวินทร์กำลังต่อรองอย่างหัวเสีย จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ลอยมากระแทกกลางหลังจนเขาต้องหันขวับ
            “เป็นอะไรนายก้อง...”
            พระเอกหนุ่มปล่อยผ่านคำถามจากผู้จัดการส่วนตัว กวาดตามองรอบกายก็พบเพียงชายป่าโล่งๆ ไร้ผู้คน เมื่อก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าข้างเท้าก็เห็นเศษใบไม้และกิ่งไม้แห้งค่อนข้างใหญ่ตกอยู่หนึ่งกิ่ง
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบคล้ายมีบางอย่างเหยียบย่ำบนใบไม้แห้งไม่ห่างตัวนัก พระเอกหนุ่มจึงรีบเงยหน้ามองไปทางต้นเสียงทันควัน
แต่ทว่า... ความว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตใดปรากฏให้เห็นก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึก
            “นายก้อง...” เสียงจิรภพยังคงเรียกหา
            วินาทีนั้นกวินทร์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขารีบก้าวเท้าเร็วๆ ออกจากจุดนั้นทันที ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อบางอย่างลอยมาปะทะแผ่นหลังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่กล้าเหลียวหลังไปมองอีกแล้ว ตั้งหน้าตั้งตารีบเร่งฝีเท้าจนแทบกลายเป็นวิ่งกลับเข้าไปหาทีมงานที่ข้างลำธาร โดยมีเสียง หึ’ ลอยตามไล่หลัง


            ดวงตาสีน้ำตาลทองมองตามหลังชายหนุ่มที่บังอาจเรียกเขาลับหลังว่า ไอ้หน้าสวย’ ใบหน้าหล่อเหลาของร่างที่ตอนนี้โปร่งแสงนั้นเรียบตึง แต่ในแววตากลับแฝงด้วยความรื่นเริงเอาไว้เล็กๆ
นักข้ามเวลาหนุ่มอยู่ในชุดพรางตัวล่องหน เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับหน่วยแฝงกายสายลับ ที่อาศัยหลักการหักเหของแสงให้อ้อมวัสดุพิเศษที่เคลือบเนื้อผ้าและหน้ากากปิดบังใบหน้า ลวงสายตาให้มองทะลุร่างไปเห็นภาพด้านหลัง และยังสามารถใช้หลบเลี่ยงรังสีอินฟราเรด รวมถึงกล้องจับความร้อนได้อีกด้วย
            อาเธอร์ติดตามเพ็ญนรีมาถึงกองถ่ายตั้งแต่เมื่อวาน แฝงกายไล่อ่านรอยทรงจำจากบรรดาเครื่องมืออุปกรณ์ที่ใช้งานในกองถ่าย และยังได้เพ่งจิตเข้าไปตามหาพาร์ตของพี่ชายจากทีมงานหลายคน แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม บ่ายนี้เขาจึงตัดสินใจปลีกตัวออกมาเฝ้ามองการทำงานของกองถ่ายละครอยู่ห่างๆ เพราะเห็นว่าผู้คนในกองเริ่มจับได้ถึงการมีสิ่งแปลกปลอมแฝงตัวอยู่แล้ว
            มุมปากของนักข้ามเวลาหนุ่มขยับยิ้มจาง เมื่อคิดถึงเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มพลังงานหลังความตาย จนสร้างความแตกตื่นหวาดกลัวให้พวกเขาเหล่านั้นกันใหญ่ เพียงแค่เมื่อคืนเขาประมาท ไม่คิดว่าจะมีคนพบเห็นก่อนหลบฝนเข้าบ้านพักได้สำเร็จ
ทั้งหมดต้องโทษจุดอ่อนของเทคโนโลยีล่องหนที่ไม่สามารถหักเหแสงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อเปียกน้ำหรืออยู่กลางสายฝนเช่นเมื่อคืน จะว่าเป็นความผิดพลาดของผู้ประดิษฐ์ก็คงไม่เชิง ในเมื่อบลูแพลนต์ยุคที่เขาจากมา ไม่เคยมีฝนตกกลางยูไนเต็ดให้สิ่งของหรือบ้านเรือนเสียหายมานานนับร้อยปีแล้ว เพราะสามารถบังคับควบคุมให้มันไปตกกลางกรีนแอเรีย ทะเลทรายหรือกลางทะเลได้สำเร็จ
            อาเธอร์หลุดจากความคิดเมื่อเห็นหญิงสาวสองคนเดินตรงมาทางที่เขายืนอยู่ ในใจก็นึกขันระคนขัดใจอยู่เพียงลำพัง เขารู้ว่าทุกคนในกองถ่ายต่างผวากลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ทำไมยังชอบพากันเดินสวนสนามมายังจุดที่เขายืนอยู่นัก
            “พี่จ้าจะอธิบายเรื่องรูปนี้ยังไง
            เมื่ออยู่ห่างจากทีมงานในระยะที่ไม่มีใครได้ยินการสนทนา อลิยาก็ยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าสาวรุ่นพี่ บนหน้าจอนั้นแสดงเว็บข่าวบันเทิงออนไลน์ที่ปั้นแต่งข่าวได้เป็นเรื่องเป็นราวจากภาพที่หลุดไปเพียงภาพเดียว
            และนางเอกสาวดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการก็กำลังถูกกระแซะเสียแรง ทำนองว่างานนี้ต้องมีเคลียร์ ว่าใครเป็นตัวจริงและใครกันแน่เป็นมือที่สาม เมื่อมีภาพพระเอกหนุ่มโอบกอดสาวปริศนาหวานชื่นกลางกองถ่าย แต่เห็นชัดว่าไม่ใช่นางเอกคู่ขวัญร่วมกอง
            “คนเค้าหาว่าพี่ก้องทิ้งแอลไปคบสาวนอกวงการเพราะทนนิสัยแอลไม่ไหว ไม่ก็หาว่าแอลไปแย่งพี่ก้องมาควงสร้างกระแสเรียกเรตติ้ง จนแฟนตัวจริงตามมาเอาเรื่องกันถึงกองถ่าย ให้พี่ก้องง้องอนอย่างในรูป... ภาพนี้ทำแอลเสียหายหมดแค่ไหน รู้ไหมคะ” นางเอกสาวต่อว่าอย่างฉุนจัด
            เพ็ญนรีที่เพิ่งได้รู้ว่าเรื่องถูกใส่สีเติมไข่ขยายความชนิดมโนจัด ถึงกับกลอกตามองฟ้า ก่อนจะพ่นลมหายใจแรง
            “แอลก็รู้ว่าระหว่างพี่กับนายก้องไม่มีอะไรกันจริงๆ ...รูปนี้มันก็แค่พี่จะล้มแล้วนายก้องก็ช่วยไว้
เพ็ญนรียืนยันตามที่บอกกับทุกคนในกอง โดยไม่สนใจว่าคนฟังจะเชื่อกันหรือไม่ เพราะขืนให้บอกออกไปตามตรงว่านายพระเอกแค่คว้าตัวเธอไปแกล้งหยอกเล่นเท่านั้น ดีไม่ดีเรื่องอาจไม่จบ เพราะคนคงจะเอาไปเมาท์กันต่อว่าเรื่องมีมูลเสียมากกว่า
            “พี่จ้าคิดว่าแอลโง่เหรอคะ แอลกินข้าวนะคะ ไม่ได้กินหญ้า
            นางเอกสาวสวนกลับตรงและแรง ไม่เหลือความเกรงใจว่าอีกฝ่ายอายุมากกว่าหลายปี จนเพ็ญนรีชักจะหมดความอดทนเช่นกัน
            “เฮ้อ... เออๆๆ บอกความจริงก็ได้นายก้องก็แค่เล่นๆ แกล้งพี่อย่างที่เคยนั่นแหละ พี่แค่แกล้งหาว่านายก้องตัวเหม็น เลยโดนจับพิสูจน์กลิ่นซะก็แค่นั้น!”
            “แล้วพี่จ้าไปพูดจาทำนองนั้นทำไม คิดจะอ่อยพี่ก้องใช่ไหมคะ” อลิยาซัดกลับอย่างไม่สงวนถ้อยคำใส่ความ
นางเอกสาวถูกจัดแจงจัดฉาก สร้างความสัมพันธ์คลุมเครือชวนลุ้นกับพระเอกหนุ่มไฮโซเสน่ห์แรงมาหลายเดือนเข้า หากจะให้เธอควบคุมหัวใจไม่ให้นึกหวั่นไหวกับเขาเลยสักนิดก็คงเป็นไปได้ยาก
            “ยัยแอล!” คนถูกกล่าวหาเสียงดังขึ้น ยกมือข้างดีเท้าเอว จ้องอีกฝ่ายตาลุกพอง พูดจาอะไรให้รู้จักเคารพกันบ้าง อย่าให้พี่โมโหขึ้นมานะ
            “คิดว่าแอลกลัวหรือไง... อย่างพี่จ้าจะทำอะไรแอลได้” นางเอกสาวหน้าตาน่ารักกอดอกยักไหล่ ปรายตาลงมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางขัดตายิ่งนัก
            เพ็ญนรีเม้มปากแน่น หายใจฮึดฮัด ท่าทางของอีกฝ่ายยั่วให้เธอโมโหขึ้นมาจริงๆ แต่ก็อย่างที่อีกฝ่ายบอก เธอไม่รู้จะหาเรื่องเล่นงานอะไรให้อีกฝ่ายรู้จักเข็ดหลาบเลิกก้าวร้าวกับเธอเสียที จะให้ใส่ไฟฟ้องจิรภพให้แช่แข็งอีกฝ่ายเสียก็ไม่ใช่นิสัยของเธอ
            ช่วงแรกที่อลิยาเข้ามาในสังกัดจิรภพใหม่ๆ แม้อีกฝ่ายจะเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากและเอาแต่ใจตามประสาคุณหนูลูกมหาเศรษฐีไปบ้าง แต่ก็ดูเป็นเด็กดี น่ารัก ตั้งใจทำงาน และน่าสนับสนุนเต็มที่ เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหลายเดือนให้หลังมานี้ อีกฝ่ายถึงชอบมองเธอเหมือนไม่พอใจ และไม่ให้ความสนิทสนมกันเหมือนตอนแรก
            “เหอะถ้าจะทำตัวไม่รู้จักโต ไม่มีเหตุผลขนาดนี้ก็อย่ามาพูดกันดีกว่า เดี๋ยวจะทะเลาะกันเปล่าๆ ต่างคนต่างทำงาน ตัวใครตัวมันแล้วกัน” เพ็ญนรีว่าแล้วก็สะบัดหน้าเดินหนีไม่อยากมีเรื่อง ยังไงแล้วอีกฝ่ายก็นับเป็นคนร่วมสังกัด
            “เดี๋ยวสิ!” อลิยาร้องเรียกพร้อมคว้าข้อมือดึงรั้งอีกฝ่ายเอาไว้ เธอยังเหลืออีกหนึ่งประโยคสำคัญที่ต้องการบอก และคาดคั้นให้อีกฝ่ายรับปาก
            “โอ๊ย...” / “อ๊ะ!”
            เสียงของสองสาวพลันดังประสาน คนหนึ่งนั้นด้วยความเจ็บตรงข้อมือซ้ายที่ถูกอีกฝ่ายกระชากดึงอย่างแรง ส่วนอีกคนหนึ่งก็ตกใจหนักที่หลังมือถูกฟาดเพี้ยะ!
            เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังชัดเจนเต็มสองหูนั้น ทำเอาสองสาวที่เมื่อครู่ยังโกรธขึ้งกันแทบแย่มองหน้าสบตากันทันที
            “พี่จ้า...” น้ำเสียงสั่นๆ ของนางเอกสาวไม่หลงเหลือความอวดดี ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางสวยงามพร้อมเข้าฉากก็ซีดเผือด
            “พี่เปล่าตีแอลนะ” เสียงที่ตอบกลับก็ทั้งสั่นทั้งเบาหวิว ใบหน้าอ่อนกว่าวัยนั้นซีดขาวไม่ต่างกับอีกฝ่ายเลย
            และชั่ววินาทีหลังจากนั้น คนทั้งคู่ก็หมุนตัวมุ่งหน้ากลับเข้าไปหาทีมงานด้วยฝีเท้าที่ไม่มีใครยอมถูกทิ้งให้รั้งท้ายตามหลัง
            ข่าวความแรงที่สองสาวบอกเล่ากับผู้ที่เข้ามาสอบถาม เมื่อเห็นสีหน้าแปลกๆ ของพวกเธอ ทำให้ทีมงานตัดสินใจทำพิธีกราบไหว้บอกกล่าวเจ้าของสถานที่และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปักธูป ถวายผลไม้และน้ำหวานที่ริมชายป่าแห่งนั้น เพื่อความสบายใจและขอความราบรื่นในการทำงาน ก่อนที่ผู้กำกับจะเรียกเข้าฉากและสั่งเดินกล้องต่อไป

อ่านต่อ >> กาลที่ 9 : คือใคร?


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 

Meb : https://goo.gl/NMjUZU
The1Book : https://goo.gl/YBDkJg
Hytexts : https://goo.gl/AG1Hxy
Ookbee : https://goo.gl/FMfeuY
NaiinPann : https://goo.gl/X5dZpR
Google Play : https://goo.gl/ZJ8RWG
Dek-D : https://goo.gl/MyUR2K




No comments:

Post a Comment