รักข้ามเวลา ชุดกาลรักหนึ่ง
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 6 : ขอใกล้เธอ
เวลาสี่ทุ่มเศษ รถยนต์สีขาวคันหรูของเพ็ญนรีเคลื่อนเข้าไปในเขตรั้วบ้านเรือนไทยประยุกต์ด้วยฝีมือของฝนปราย หลักจากดับเครื่องยนต์ ดวงตาคมสวยของหญิงสาวก็หันมองเพื่อนสาวที่งึมงำร้องเพลงมาเกือบตลอดทางก่อนจะคอพับหลับ นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลยที่เห็นเพื่อนออกอาการเมาทั้งที่ดื่มค็อกเทลไปแค่แก้วเดียว
ฝนปรายก้าวลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งด้านข้างคนขับ เมื่อเปิดประตูออกก็ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากร่างของเพื่อน ตามด้วยเขย่าต้นแขนของอีกฝ่ายเบาๆ
เพ็ญนรียังไม่ยอมลืมตา เพียงปัดไม้ปัดมือ ส่งเสียงอืออาเบาๆ เท่านั้นก็เงียบไป จนคนปลุกต้องขมวดคิ้วยุ่ง
“ทำไมเมาหนักขนาดนี้ฮะ” ฝนปรายบ่นพร้อมเรียกปลุกอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ได้ผลมากขึ้นมาหน่อย เพราะเพ็ญนรียอมลืมตามามอง แต่หลังจากนั้นกลับหัวเราะออกมาเบาๆ ดูท่าว่าสติจะไม่ครบถ้วนนัก
“มา... เดี๋ยวฉันประคองเข้าบ้าน คืนนี้นอนบ้านฉันก่อนแล้วกัน” บอกแล้วก็สอดแขนไปช่วยประคองคนที่ก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้าโซเซ
แต่ด้วยอุปสรรคจากความสูงของรถที่เธอเลือกเอง ขาสั้นๆ อ่อนแรงที่ก้าวลงมาจึงเซวูบ ยังดีที่มีมือแข็งแรงจากคนที่ปิดประตูรั้วบ้านแล้วก็มายืนมองระวังอยู่ใกล้ๆ ช่วยคว้าต้นแขนเอาไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นอาจมีล้มทั้งคนเมาและคนประคอง
“ผมช่วยดีกว่า” อาเธอร์เสนอ
ฝนปรายมองคนอาสาอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าเอ่ยขอบคุณ ส่งตัวเพื่อนให้คนร่างสูงที่ใช้แขนเพียงข้างเดียวก็สามารถรัดรั้งร่างเล็กๆ ให้ยืนพิงกายมั่นคงได้แล้ว หญิงสาวยื่นตัวเข้าไปในรถเพื่อหยิบกระเป๋าทั้งของเพื่อนและของตนเอง และเมื่อเธอถอยออกมาอีกครั้ง กลับกลายเป็นว่าเพ็ญนรีถูกชายหนุ่มอุ้มเอาไว้จนตัวลอย โดยที่คนเมาไม่ได้ขัดขืนต่อต้าน กลับส่งยิ้มหวานเชื่อม เงยหน้ามองเขาด้วยดวงตาปรือเกือบจะปิด
“อุ้มไปน่าจะเร็วกว่า” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอก
“รบกวนด้วยนะคะ” ฝนปรายมองใบหน้านิ่งเรียบของเขาอย่างเกรงใจ ก่อนจะอธิบายแก้ตัวไม่ให้เพื่อนเสียภาพพจน์ “ความจริงจ้าไม่ได้ขี้เมาขนาดนี้นะคะ จ้าเค้ารู้ตัวเอง ปกติดื่มนิดๆ แก้วเดียวแค่พอให้อารมณ์ดี แต่วันนี้สงสัยบาร์เทนเดอร์ผสมเหล้าหนักมือไปหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ” ชายหนุ่มบอกแล้วก็เห็นหญิงสาวยิ้มพยักหน้าให้ ก่อนที่เธอจะเดินนำไปทางตัวบ้าน
นักข้ามเวลาหนุ่มไม่ได้แค่เพียงเอ่ยรับว่าเข้าใจไปอย่างนั้น แต่เขาเข้าใจถึงสาเหตุของการที่คนในอ้อมแขนเมามายกว่าปกติดีทีเดียว ร่างกายที่อ่อนแรง พลังงานลดหายจากการถูกเขาอ่านรอยทรงจำไปเมื่อกลางวัน ย่อมมีบ้างที่จะต้านทานฤทธิ์แอลกอฮอล์ได้ลดลง
อาเธอร์ทิ้งจังหวะเท้าก้าวช้ากว่าปกติ ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมองใบหน้าเล็กสีชมพูที่เอียงซบต้นแขน ถูไถใบหน้าคลอเคลียไปมาคล้ายลูกแมวเชื่องๆ สักตัวที่กำลังออดอ้อนเจ้าของ
ขณะหยุดยืนรอฝนปรายไขประตูเข้าบ้าน ริมฝีปากสีสดของชายหนุ่มเม้มเข้าหากันเล็กๆ อย่างลังเล ก่อนจะตัดสินใจฉวยโอกาสเหมาะที่ตกอยู่ในมือ ท่อนแขนที่รับน้ำหนักศีรษะของหญิงสาวพลันกระตุกยกเร็วๆ หนึ่งที จนคนที่กำลังสบายเสียจนดวงตาจวนจะปิดต้องส่งเสียงครางประท้วง พร้อมกับลืมตาโตขึ้นมามองเขาตาขุ่น
และจังหวะนั้นเอง... อาเธอร์ก็ได้สานต่อสิ่งที่คั่งค้าง จากที่ตอนกลางวันจำต้องหยุดเพราะอาการอ่อนแรงของคนตัวเล็ก
เมื่อฝนปรายเปิดประตูบ้านแล้วหันกลับมาอีกครั้ง เธอก็ได้เห็นว่าเพื่อนสาวหลับสนิทไปแล้วในอ้อมแขนคนร่างสูง ไม่รู้สึกตัวและไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแม้กระทั่งถูกวางลงอย่างนุ่มนวลบนเตียงของเธอในห้องนอน
อาเธอร์กลับเข้าห้องของตัวเองด้วยใบหน้านิ่งขรึม ครุ่นคิดเกี่ยวกับเบาะแสใหม่ที่ได้พบโดยบังเอิญเมื่อบ่ายวันนี้ ในจังหวะที่เขาอ่านรอยทรงจำของเพ็ญนรี ค้นภาพเหตุการณ์ซึ่งถูกสมองและจิตใต้สำนึกของเธอบันทึกไว้เพื่อช่วยตามหาโทรศัพท์ เขากลับสัมผัสได้รางๆ ถึงพาร์ตของอีธานในรอยทรงจำของเธอ จึงได้เผลอเพ่งพลังทะลวงเข้าไปมากขึ้น เพื่อค้นหาไล่ตามจับพาร์ตที่แสนริบหรี่บางเบานั้นให้ชัดเจน จนหญิงสาวทนรับไม่ไหวถึงกับอ่อนแรงเข่าทรุดเกือบหมดสติ เขาจึงได้รู้สึกตัวและหยุดการอ่าน
เมื่อครู่เขาฉวยจังหวะสบตาคนเมา ส่งจิตเข้าไปไล่ตามหาพาร์ตของอีธานอีกครั้ง แล้วเขาก็ค้นพบว่าสิ่งนั้นปรากฏขึ้นบนรอยทรงจำของเธอถึงสองครั้งสองครา แต่น่าแปลกที่มันเลือนรางเสียจนไม่เห็นเป็นภาพปรากฏเฉกเช่นรอยจำอื่นๆ และแม้เขาจะพยายามเต็มที่ในการจับต้องจนหญิงสาวผู้เป็นสื่อกลางหลับใหลไปก็ยังไม่ได้ร่องรอยอื่นใดเพิ่มเติม นอกจากรู้ว่าเธอเคยเข้าใกล้ผู้เป็นเจ้าของพาร์ตนั้นในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
นักข้ามเวลาหนุ่มตัดสินใจพักวางเรื่องเกี่ยวกับพาร์ตของพี่ชายและเพ็ญนรีเอาไว้ชั่วคราว ร่างสูงนั่งลงตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่เขาใช้เป็นฐานในการตามหาผู้หญิงปริศนาโดยอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกช่องทางการตามหานอกจากที่คิดจะใช้การจ้างนักสืบ
อาเธอร์เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กยุคปีสองพันเศษที่พนักงานขายโฆษณาเต็มที่ว่าเป็นคอมพิวเตอร์แห่งอนาคต ประสิทธิภาพเยี่ยม หน้าจอแสดงผลละเอียดระดับที่ดวงตาแยกพิกเซลไม่ออก ทั้งบางเฉียบและน้ำหนักเบา ในขณะที่แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึงสิบชั่วโมง
ขณะรอให้โน้ตบุ๊กเปิดตัวเองพร้อมใช้งาน อาเธอร์ก็คว้ามินิคอมพ์จากโลกอนาคตของจริงออกมาวางข้างๆ กันบนโต๊ะ แตะปลายนิ้วบนหน้าจอขนาดไม่เกินหนึ่งฝ่ามือเพื่อเลือกฟังก์ชันเดสก์ท็อป หน้าจอแสดงผลโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นตั้งฉากเหนือจอมินิคอมพ์ ขณะที่ด้านข้างของเครื่องก็ฉายลำแสงปรากฏเป็นแป้นคีย์บอร์ดบนพื้นผิวโต๊ะ ซึ่งใช้อินฟราเรดเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของปลายนิ้วในการป้อนคำสั่ง อาเธอร์แตะปลายนิ้วไปบนจอโปร่งแสงเบื้องหน้า ลากยืดออกเพื่อปรับขนาดของหน้าจอตามความต้องการใช้งานอีกเล็กน้อย คอมพิวเตอร์สำหรับพกพาจากโลกอนาคตก็พร้อมใช้งาน
ชายหนุ่มทำงานสลับไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์จากสองห้วงเวลาตามความสามารถของมันอย่างสอดคล้อง เครื่องหนึ่งจากโลกอนาคตแม้จะมีโปรแกรมอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย แต่ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อ ดึงข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตในโลกปัจจุบันมาประมวลผลได้เช่นโน้ตบุ๊กเครื่องบาง
บนหน้าจอโปร่งแสงที่ลอยบนอากาศ อาเธอร์กำลังใช้โปรแกรมจำลองภาพใบหน้าของหญิงสาวปริศนา กำหนดเวลาเพิ่มอายุเข้าไปอีกยี่สิบปี รอเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีก็ได้ภาพจำลองความเป็นไปได้ทั้งสิบแบบ
ชายหนุ่มส่งภาพเหล่านั้นเข้ามายังโน้ตบุ๊กสีขาว ก่อนจะป้อนเข้าไปในโปรแกรมค้นหาบุคคลซึ่งแอบแฝงทำงานร่วมกับการตรวจจับและติดแท็กใบหน้าอัตโนมัติในระบบโซเชียล โดยจะประมวลผลเปรียบเทียบภาพจำลองนี้เข้ากับใบหน้าบุคคลซึ่งปรากฏในรูปถ่ายจำนวนมากมายนับล้านที่มีการโพสต์ขึ้นมาในแต่ละวัน หากพบผู้มีใบหน้าใกล้เคียงกันก็จะส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่บันทึกอยู่ในโซเชียลให้เขาได้รู้ เพื่อติดตามหาคนคนนั้นต่อไป
นักข้ามเวลาหนุ่มต้องขอบคุณความสามารถในการใช้งานอินเทอร์เน็ตอันหลากหลายของยุคนี้ ที่ยังพอมีการพัฒนามาถึงระดับที่เขาสามารถหาช่องทางประยุกต์ใช้เพื่อการตามหาตัวบุคคลได้บ้าง
จวบจนเลยเวลาเที่ยงคืนมาเกือบชั่วโมง อาเธอร์ก็โบกมือเหนือมินิคอมพ์หนึ่งครั้ง หน้าจอแสดงผลและคีย์บอร์ดที่ถูกฉายออกมาจากเครื่องหลักก็หายไป เขาจัดการเก็บมันลงในลิ้นชัก ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมเสื้อผ้าไปอาบน้ำและเตรียมเข้านอน
ในขณะที่หัวถึงหมอน แผ่นหลังเอนราบไปกับฟูกนอนและปลายเท้ายื่นเลยปลายเตียงไปไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาของอาเธอร์ยังไม่ผ่อนคลายจากการครุ่นคิดถึงคนตัวเล็กที่ตอนนี้หลับอยู่อีกห้อง
จากอาชีพของหญิงสาวที่อยู่ในแวดวงดาราและนักแสดง มันก็อาจเป็นไปได้ที่เธอจะเคยพบผู้หญิงในบันทึกการแสดงคนนั้นมาก่อน
บางที... วิธีที่ดีที่สุดในการตามหาคนตอนนี้... โดยไม่ต้องพูดถามหรืออธิบายอะไรให้เพ็ญนรีรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเขาให้มากความ
แค่เพียงคอยตามเกาะติดตลอดเวลาที่หญิงสาวออกไปทำงานพบเจอผู้คน เขาก็อาจจะเข้าใกล้เป้าหมายได้เร็วกว่ารอการทำงานของโปรแกรมค้นหาบุคคล หรือใช้การจ้างนักสืบก็เป็นได้
เสียงกุกกักเหมือนมีคนเดินไปมาทำอะไรอยู่ในห้อง ก่อนจะตามด้วยเสียงเปิดปิดประตูเบาๆ ทำให้เพ็ญนรีต้องฝืนอาการหนักหัวและง่วงงุนจนน่าแปลกของตน ลืมตาขึ้นมามองหาต้นกำเนิดเสียงผิดปกติที่ไม่ควรมีในห้องนอนของเธอ แล้วภาพเพดานไม้ที่กระทบดวงตาเป็นสิ่งแรกก็ทำให้เธอขมวดคิ้วยุ่ง สะดุ้งผุดลุกอย่างตกใจ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องหลับตาลงอีกครั้งพร้อมยกสองมือขึ้นกุมขมับ
“โอ๊ย... ทำไมมึนหนักขนาดนี้เนี่ย”
รอจนอาการวิงเวียนลดน้อยลงแล้ว เธอจึงค่อยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง มองรอบตัวเพียงไม่นานก็รู้ว่าที่นี่เป็นห้องของใคร
เพ็ญนรียังไม่ทันได้ก้าวลงจากเตียงเพื่อตามหาเพื่อนสาว เจ้าของห้องร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีซีดก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา
“เป็นไงมั่งไอ้จ้า เมื่อคืนซ่าดีนัก หมดสภาพเลยไหมล่ะ”
“ยังโอเค...”
เธอตอบไปอย่างนั้น แต่ใบหน้ายุ่งและดวงตาปรืออยากจะหลับตลอดเวลานั้นไม่ได้ ‘โอเค’ อย่างที่ว่าเลยสักนิด
ไม่คิดเลยว่าแซงเกรียแก้วเดียวนั้นจะออกฤทธิ์แรงขนาดนี้...
“เดี๋ยวฉันต้องออกไปทำงานแล้ว แต่แกจะนอนพักต่อก็ได้นะ เมื่อคืนฉันตอบคุณนายแม่ของแกให้แล้ว ว่าแกนอนที่นี่ ไม่ต้องห่วง”
ฝนปรายหมายถึงการใช้โทรศัพท์ของเพื่อนสาวเอง พิมพ์ตอบกลับมารดาของอีกฝ่ายที่ส่งข้อความสอบถามเข้ามาหลายครั้ง ว่าคืนนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า
ด้วยอาชีพของเพื่อนร่างเล็กที่เอาแน่เอานอนกับเวลาและสถานที่ทำงานไม่ได้ เพ็ญนรีจึงมีห้องชุดในคอนโดหรูใจกลางเมืองเป็นที่พักสำรองอีกหนึ่งแห่ง เผื่อเวลาที่ต้องเลิกงานดึกดื่นหรือเริ่มงานเช้าตรู่ก็จะได้ไปพักเสียที่นั่น ไม่ต้องขับรถไปกลับบ้านที่อยู่ไกลสุดขอบเมืองหลวงอย่างนี้ให้เหนื่อย ดังนั้น การที่อีกฝ่ายไม่กลับบ้านจึงไม่ใช่เรื่องที่คนในบ้านจะวิตกหรือมาซักไซ้อะไรมากนัก เพียงแต่ต้องบอกกล่าวทุกครั้งให้หายห่วง
ส่วนการที่เพื่อนสาวมาค้างบ้านเธอก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของเพื่อนรักเพื่อนซี้เป็นสิบๆ ปีคู่นี้
“อือ... ขอบใจนะ” คนบนเตียงบอกพร้อมพยักหน้า
เพ็ญนรีเหลือบมองนาฬิกาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ายังเช้านักก็ล้มตัวลงนอนทันที กะว่าถ้าได้นอนต่ออีกสักชั่วโมงสองชั่วโมง อาการหนักหัวจนไม่อยากตื่นคงจะดีขึ้นบ้าง
สายวันนี้เธอมีนัดแรกพบกับเด็กใหม่ในสังกัดของจิรภพเสียด้วย โปรแกรมงานของวันนี้จึงจัดว่าแน่นเอี๊ยดยันค่ำแน่นอน เพราะเธอต้องช่วยเคลือบออร่าให้เด็กใหม่ทั้งสองคนให้เรียบร้อย ก่อนจะออกต่างจังหวัดไปกับกองถ่ายละครในอีกสองวัน
หญิงสาวที่นอนหลับตานึกถึงตารางงานได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องดังแว่วเข้ามาในสติ ก่อนที่จะหลับลึกลงไปในเวลาอันรวดเร็ว
เสียงปลุกเป็นทำนองเพลงดิสโกสนุกสนานดังขึ้นในเวลาแปดโมงเช้า เพ็ญนรีที่ได้หลับเพิ่มอีกหนึ่งตื่นก็มีพลังสดใสขึ้นมาอีกนิด มือบางควานหาไปบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงไม้หลังใหญ่เพื่อปิดเสียงตั้งปลุกจากโทรศัพท์
คนที่รู้สึกเหมือนชาร์จแบตได้ไม่เต็มร้อย พยายามต่อสู้กับความง่วง จนลุกจากเตียงขึ้นมาได้ในสองสามนาทีหลังจากนั้น เธอตรงเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำปลุกความสดชื่นปลอดโปร่ง คว้ากระเป๋าและข้าวของของตัวเองมาครบก็เดินลงไปด้านล่าง เพื่อจะกลับบ้านเตรียมตัวไปทำงาน
เพ็ญนรียิ้มแห้งๆ ให้คุณยายดวงดาว เมื่ออีกฝ่ายทักทายพร้อมบอกกล่าวตักเตือนอย่างรู้เหตุที่ทำให้เธอต้องมาค้างที่บ้านนี้ คงเป็นเพื่อนของเธอที่บอกเล่าให้ฟังอย่างไม่เคยมีอะไรปิดบังผู้เป็นยาย หญิงสาวส่งยิ้มนำแล้วโผเข้ากอดเอวผู้อาวุโสของบ้านอย่างประจบกลบความผิด
“ความจริงจ้าแค่มึนๆ ไม่ถึงกับเมานะคะ”
“แค่มึนจริงรึ” คุณยายดวงดาวถามกลับ ไม่ตกหลุมวาจาหลบเลี่ยงของคนรุ่นสาว
“ถ้าแค่มึนจะต้องลำบากให้พ่ออาเธอร์อุ้มไปส่งถึงในห้องรึเจ้าจ้า”
สิ่งที่อีกฝ่ายบอกมาทำเอาดวงตากลมเบิกโตขึ้นอย่างคาดไม่ถึง นึกว่าเป็นเพื่อนสาวที่หิ้วปีกเธอขึ้นห้องเสียอีก
แววตาเปิดเผยบอกชัดถึงความไม่รู้เรื่องราว แถมด้วยริ้วแดงพาดผ่านใบหน้าผ่องใสจางๆ เรียกให้หญิงชราที่มองอยู่ด้วยแววตาปรานีต้องส่ายหน้า
“ดื่มจนไม่รู้สึกตัว ดูแลตัวเองไม่ได้อย่างนี้ ไม่ดีเลยรู้ไหม”
คำตักเตือนอย่างเป็นห่วงจริงใจทำให้ใบหน้ายิ้มรื่นของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นยอมรับผิดแต่โดยดี
“ต่อไปจ้าจะระวังกว่านี้ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณยาย”
เพ็ญนรียกมือไหว้หญิงชราเจ้าของบ้าน ก่อนจะต้องรีบขอตัวลากลับเพราะต้องไปทำงานตามนัดในตอนสาย
ในขณะเดินแยกออกมา คิ้วเรียวที่เธอคิดเสมอว่ามันบางเกินไปก็ยังขมวดยุ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เธอมั่นใจว่าดื่มค็อกเทลไปแค่แก้วเดียวตามที่รู้ลิมิตของตนเองดี แต่ทำไมถึงได้เมาหนักขนาดไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนอุ้มไปส่งถึงบนห้อง หรือบางที... เธอควรต้องทดสอบความทนทานของทองแดงในลำคอของตัวเองใหม่เสียแล้ว
สาวหัวยุ่งฟูยังมีความคิดวุ่นวายอยู่ในสมองต่อไปอีก ว่าครั้งนี้เธอควรจะเรียกเพื่อนมานั่งเฝ้าดูอาการหลังดื่ม หรือควรจะตั้งกล้องถ่ายตัวเองไม่ต้องรบกวนใครต่อใครดี เพราะถ้าจะให้เลิกดื่มไปเสียเลย มันก็ลำบากเวลาต้องเข้าสังคมในบางครั้ง
หญิงสาวที่คิดนั่นคิดนี่เต็มหัว ก้าวเดินช้าๆ อย่างไม่สนใจสิ่งรอบตัว แต่ในระหว่างที่กำลังจะถึงรถคันโตที่จอดอยู่นั้น ร่างของเธอกลับถูกกระแทกชนเข้าอย่างจัง จนแทบจะเซล้มกองกับพื้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้มือใหญ่ของตัวการที่มาชนเธอคว้าข้อมือฉุดรั้งตัวเอาไว้ก่อน
ทว่า...
“โอ๊ย!”
เพ็ญนรีร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด กำลังจะสะบัดข้อมือที่ถูกคว้าฉุดไว้อย่างแรงเกินจำเป็นจนมันเจ็บแปลบราวจะหัก มือใหญ่ก็คลายแรงบีบออกไปเสียก่อน แล้วใช้มืออีกข้างเข้าคว้ารวบเอวบางไว้หลวมๆ
“นายอาเธอร์! เจ็บนะ! แขนคนนะไม่ใช่ท่อนไม้ ถ้าจะช่วยอย่างนี้ ปล่อยจ้าล้มไปเลยดีกว่า คนอะไรแรงเยอะแล้วยังไม่รู้จักระวังอีก”
หญิงสาวต่อว่าเป็นชุด เงยหน้าคอแทบตั้ง มองจ้องร่างสูงที่ยืนชิดด้วยดวงตาวาววับทั้งด้วยความโกรธและรอยน้ำตา โมโหต้นเหตุที่จู่ๆ ก็เข้ามาชนเต็มแรง แล้วยังยื้อยุดข้อมือเธอเอาไว้จนเจ็บร้าว
“ขอโทษ” อาเธอร์บอกเสียงเบา ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยไร้รอยตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงหัวคิ้วที่ขยับชิดกันกว่าปกติที่บ่งบอกถึงความเคร่งเครียด และแววตาขอลุแก่โทษอย่างรู้สึกผิด
พอเห็นสีหน้าและแววตาอย่างนั้นของเขาแล้ว คนโกรธง่ายแต่หายเร็วก็อ้ำอึ้งที่จะต่อว่าอะไรต่อไปอีก รู้อยู่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้
คนที่เจ็บจนน้ำตาหยดจึงทำได้แค่ก้มหน้ามองข้อมือซ้ายของตัวเอง ก่อนจะบ่นกระปอดกระแปด “แขนจ้าจะหักหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คนตัวโตก้มหน้ามองเห็นแค่กลุ่มผมสีน้ำตาลทองยุ่งๆ ยิ่งหน้าเคร่งเข้าไปอีก ริมฝีปากสีสดเม้มแน่น ก่อนจะเอ่ยพร้อมๆ กับคว้าแขนข้างขวาที่ยังดีอยู่ของคนตัวเล็กให้เดินตามกลับเข้าบ้าน “ไม่หักหรอก เข้าบ้านก่อน เดี๋ยวดูให้”
เพ็ญนรีกลับเข้ามานั่งที่เก้าอี้ไม้ตัวยาวของชุดรับแขก ส่วนตัวต้นเหตุนั้นเพียงบอกสั้นๆ ว่าให้รอตรงนี้แล้วก็เดินดิ่งขึ้นบ้านไป โดยมีคุณยายดวงดาวเดินเข้ามาถามไถ่อย่างสงสัย เมื่อรู้เรื่องก็มองสำรวจข้อมือเล็กที่เริ่มบวมแดงอย่างเป็นห่วง หญิงสาวเล่าเรื่องราวพร้อมอ้อนขอความเห็นใจจากคุณยายไม่ทันไร ตัวการก็กลับลงมาพร้อมอะไรสองสามอย่างในมือ
ร่างสูงทรุดกายนั่งลงใกล้ๆ คว้าแขนซ้ายของหญิงสาวขึ้นมาอย่างเบามือ เขาจัดการพ่นอะไรบางอย่างซึ่งให้ความรู้สึกเย็นจัดลงบนข้อมือที่บวมเป่ง ขณะที่เธอเริ่มรู้สึกชาขึ้นมานิดๆ มือใหญ่แต่คล่องแคล่วและพยายามนุ่มนวลที่สุดก็จัดการพันเทปผ้ายืดเอาไว้ตั้งแต่ฝ่ามือจรดข้อมือไม่ให้ขยับเคลื่อน
“เอาน้ำแข็งประคบเสียหน่อยไหม” คุณยายดวงดาวที่นั่งอยู่ถามขึ้นมา
“ไม่เป็นไรครับ ยาที่ผมติดตัวมาด้วยพอช่วยได้” อาเธอร์ตอบสั้นๆ
ไม่ได้อธิบายต่อว่ายาพ่นระงับการอักเสบปวดบวมจากอนาคตขวดนี้ แค่เพียงพ่นให้ทั่วบริเวณที่ปวดและพันทับด้วยเทปเย็นก็จะทำให้อาการเคล็ดปวดต่างๆ หายเป็นปลิดทิ้งภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่ทว่าเขาไม่อาจให้วิทยาการล้ำสมัยขนาดนั้นหลุดลอดสู่สายตาคนยุคนี้ จึงใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยและพันผ้ายืดธรรมดา แค่บรรเทาอาการเจ็บปวดให้คนตาแดงๆ ตรงหน้าเท่านั้น
“ขอโทษนะคุณจ้า” เป็นอีกครั้งที่เขาเอ่ยคำนี้ต่อเธอ
เพ็ญนรีมองตาสีน้ำตาลทองบนใบหน้าจริงจังที่เพ่งตรงมาก็ตีหน้ามุ่ย หงุดหงิดขัดใจที่เจ็บตัวฟรีตั้งแต่เช้า จะโวยวายเอาเรื่องคนไม่ตั้งใจก็ดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อย ในเมื่อเขาเองก็รู้สึกผิดและช่วยปฐมพยาบาลจนเธอคลายเจ็บลงไปมากแล้วด้วย
“อือ... ไม่เป็นไรก็ได้ แล้วก็ขอบใจนะที่ช่วยพันข้อมือให้”
หญิงสาวว่าเสียงอ่อยไม่เอาเรื่องเอาราว ถอนใจแรงหนึ่งทีแล้วก็หันไปบอกลากับหญิงชราอีกครั้ง
“แล้วอย่างนี้จะขับรถไปทำงานยังไงเล่าเจ้าจ้า” คุณยายซักด้วยความเป็นห่วง
“คงต้องฝากรถไว้ที่นี่ แล้วเรียกแท็กซี่เอาค่ะคุณยาย... เดี๋ยวจ้าต้องไปก่อนแล้วนะคะ”
เพ็ญนรีบอกแล้วผุดลุกทันที หากจะไปให้ทันเวลาที่นัดหมายกับจิรภพ เธอก็ต้องรีบแล้ว และในจังหวะที่ร่างเล็กลุกยืน ร่างสูงใหญ่นับสองเมตรก็ลุกตามเช่นกัน พร้อมเอ่ยคำสั้นๆ สื่อจุดประสงค์ชัดเจน
“ผมขับให้เอง”
เพ็ญนรีมองคนอาสาเสียงขึงขังอย่างลังเล แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบอะไร ชายหนุ่มก็เอ่ยต่อ
“ผมทำคุณจ้าเจ็บก็ต้องรับผิดชอบ” อาเธอร์ให้เหตุผลที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด และในขณะที่คนตัวเล็กกำลังพิจารณาข้อเสนอ เสียงปรานีของหญิงชราก็เอ่ยเข้าทางจนนักข้ามเวลาหนุ่มต้องนึกขอบคุณ
“ให้พ่ออาเธอร์ขับไปให้ ยายว่าดีกว่านั่งแท็กซี่คนเดียวนะเจ้าจ้า ยังไงก็ไว้ใจได้กว่าคนที่ไหนก็ไม่รู้ ยายเป็นห่วง”
คนที่จู่ๆ จะได้มีคนขับรถหน้าหล่อ มองหน้าชายหนุ่มทีแล้วก็มองหน้าคุณยายที แต่เพียงไม่นานก็พยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย
มีคนตัวโตตามไปด้วยอย่างนี้ก็ดีเสียอีก นอกจากจะขับรถได้แล้ว ยังช่วยเธอถือของได้อีกต่างหาก... หญิงสาวคิดแล้วก็คลี่ยิ้มเล็กๆ ออกมา
“งั้นนายรอที่นี่ก่อนนะ จ้ากลับไปอาบน้ำแต่งตัวแป๊บเดียว”
หญิงสาวเอ่ยตกลงแล้วก็รีบเดินตรงดิ่งกลับบ้าน ไม่ทันได้รู้หรอกว่าลับหลังเธอนั้น คนที่ถูกเธอหมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้เป็นแรงงานฟรี ได้เผยรอยยิ้มแห่งความสำเร็จสมใจผ่านออกมาทางสายตาชัดเจนเพียงใด
เพราะมือใช้การได้แค่ข้างเดียว วันนี้เพ็ญนรีจึงไม่สามารถไดร์หรือม้วนผมให้เข้าทรงใดๆ ได้ จะจับมันมัดรวบไปเสียก็ยิ่งทำไม่ได้ใหญ่ จึงได้แค่ขยุ้มๆ กำๆ ให้ดูยุ่งเหมือนไม่ตั้งใจ แต่สิ่งที่จะทำให้ Messy hair ดูดี ไม่กลายเป็นยายเพิ้ง ก็คือการแต่งหน้าที่ต้องเนี้ยบทุกขั้นตอนอันมากมาย ตั้งแต่เตรียมผิวให้ดูสุขภาพดี ไปจนเขียนคิ้ว แต่งตา ปัดแก้ม ทาปากให้มีสีสันสวยงามห้ามดูป่วยดูซีด ซึ่งข้อหลังนี้โชคดีที่มือขวายังใช้การได้ หญิงสาวจึงสามารถทำได้ดีไม่ต่างจากทุกวัน แม้จะใช้เวลามากกว่าปกติเล็กน้อยก็ตาม ส่วนเสื้อผ้าก็เลือกเดรสสายเดี่ยวผ้าฝ้ายพิมพ์ลายเก๋ หยิบแจ็กเก็ตยีนส์สักตัวมาคลุมไหล่ไว้ สไตลิสต์สาวก็ดูดีน่ามองสมตำแหน่งผู้ช่วยนักปั้นมือทอง
เพ็ญนรีเพิ่งเดินก้าวพ้นรั้วบ้านก็ต้องชะงักเท้าที่ก้าวย่างอย่างมาดมั่น เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มร่างสูงยืนพิงรั้วบ้านของเธอรออยู่ก่อนแล้ว
“อ้าว! ไม่รอในบ้านล่ะ มายืนตากแดดให้ร้อนเล่นทำไม”
“เผื่อคุณจ้ามีของให้ถือ” อาเธอร์บอกพร้อมก้าวเข้ามาคว้ากระเป๋าใบโตของเธอไปถือไว้
“นี่! ไม่ต้องเว่อร์ขนาดนี้ก็ได้ จ้าแค่มือเคล็ดเองนะ ไม่ได้แขนด้วน” เพ็ญนรีท้วงค้านแต่ก็ไม่ได้ดื้อดึงยื้อแย่งกระเป๋าคืน
เธอมองกระเป๋าหนังสีเหลืองมัสตาร์ดปักหมุดสีทองโดดเด่นสะดุดตา ในมือใหญ่ขาวจัดแล้วก็ลอบยิ้มอยู่คนเดียว
อยากถือนักก็ถือไปเถอะ คงไม่ค่อยมีโอกาสบ่อยๆ ล่ะสิ
“แล้วเสื้อ... ให้ช่วยหรือเปล่า”
คำถามนั้นทำให้เพ็ญนรีมองตามสายตาของเขามายังแจ็กเก็ตบนไหล่ แล้วเธอก็เข้าใจได้ไม่ยาก เขาคงคิดว่าเธอสอดแขนเข้าไปเองไม่ได้
“เอาไว้งี้แหละ ไปกันเถอะ”
อาเธอร์เห็นคนตัวเล็กว่าอย่างนั้นก็เพียงพยักหน้า เมื่อเดินมาถึงรถยนต์สีขาวคันโต เขาก็ควานหากุญแจในกระเป๋าถือของเธอออกมาสั่งปลดล็อก ก่อนจะยื่นมือตัดหน้าเจ้าของรถไปดึงประตูเปิดออกให้เธอได้ก้าวขึ้นไปนั่ง จากนั้นจึงวางกระเป๋าคืนให้บนตัก ตามด้วยการปิดประตูตามหลังให้อย่างเบามือ และเมื่อเขาเดินอ้อมมาเปิดประตูอีกด้าน เขาก็เห็นคนตัวเล็กกำลังเอี้ยวตัวไปคว้าเข็มขัดนิรภัย ตั้งท่าจะคาดมันให้ได้ด้วยมือเดียวอย่างทุลักทุเล
แล้วเพ็ญนรีก็ต้องอุทานเสียงใส เมื่อมีมือหนึ่งเอื้อมมาจับสายเข็มขัดข้างๆ มือเธอ ก่อนจะช่วยดึงสายเข็มขัด และเสียบลงกับตัวล็อกให้อย่างรวดเร็ว
หญิงสาวนั่งมองจนเขาจัดการคาดเข็มขัดของตัวเองเสร็จเรียบร้อย ปากเล็กๆ ก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งแหย่ “นี่... นายอาเธอร์ บริการระดับเลิศหรูซะคล่องเชียวนะ ขับรถรับสาวๆ บ่อยหรือไง”
ตากลมโตหรี่มองล้อคนจับพวงมาลัยนิ่งไม่ยอมตอบอะไร แต่พอเห็นเขาปรับเลื่อนเบาะถอยไปด้านหลังจนสุด คนตัวเล็กขาสั้นก็ย่นจมูกด้วยความหมั่นไส้ เธอกำลังนึกนินทาคนขายาวกว่าอยู่ในใจ จู่ๆ เสียงนุ่มทุ้มที่ชวนฟังอย่างน่าแปลกของเขาก็เอ่ยขึ้นมา
“คุณจ้าเป็นคนแรก”
บอกอย่างเดียวไม่พอ เขายังหันมาสบตาคนช่างล้อ แววตานิ่งลึกดูสงบนิ่งไร้แวววิบวาวใดๆ ทั้งสิ้น แต่คนได้สบตากลับรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกจนไม่อาจสบตาต่อ
แต่แม้เธอจะเบือนหน้าหนี เสียงนุ่มของคนพูดน้อยก็ยังอุตส่าห์ดังตามมาให้หญิงสาวช่างเพ้อได้คิดไกล ฟินเบาๆ ไปเองคนเดียวอีกประโยค
“ไม่เคยทำให้ใครขนาดนี้สักที”
ชายหนุ่มที่ถูกทักขึ้นมานั้นก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ที่เกิดนึกอยากดูแลคนคนหนึ่งเป็นพิเศษขนาดนี้ ทั้งที่เขาจะทำเพียงแค่คอยขับรถให้ตามที่อาสาไว้อย่างเดียวก็ได้ ไม่จำเป็นต้องลงทุนทำอะไรอย่างที่คุณชายแห่งเบิร์นสไตน์ไม่เคยทำมาก่อน
แต่เป็นเพราะความรู้สึกผิด ความสงสารเห็นใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างมากมายในยามที่ได้เห็นคนตัวเล็กเจ็บจนน้ำตาร่วงหรือไร ที่ทำให้เขานึกอยากทำสิ่งดีๆ ตอบแทน อยากให้เธอได้รับแต่ความสะดวกสบายมากที่สุด แม้จะเป็นแค่การช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม
อ่านต่อ >> กาลที่ 7 : ฮาเร็มชาย
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
โหลดฉบับอีบุ๊ค...
Meb : https://goo.gl/NMjUZU
The1Book : https://goo.gl/YBDkJg
Hytexts : https://goo.gl/AG1Hxy
Ookbee : https://goo.gl/FMfeuY
NaiinPann : https://goo.gl/X5dZpR
Google Play : https://goo.gl/ZJ8RWG
Dek-D : https://goo.gl/MyUR2K
No comments:
Post a Comment