ท่วงเวลารัก ชุดกาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ท่วงรักที่ 2 : ทริปปลดล็อก
ภายในแอร์โมบิลสีเงินรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีเทคโนโลยีควบคุมการเคลื่อนที่ที่ทรงประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยสูงสุด
ผู้โดยสารซึ่งเป็นเด็กสาวเด็กหนุ่มวัยรุ่นสี่คน ต่างมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกตัดรังสี
ชื่นชมทิวทัศน์เทือกเขาหินสูงต่ำสีเข้มสลับกับเวิ้งทะเลทรายสีทองเบื้องล่างอย่างตื่นตาตื่นใจ
วันนี้ทุกคนต่างอยู่ในชุดกระชับรูปแขนยาวขายาวรัดกุมเป็นพิเศษ
เพราะเขตพื้นที่ที่พาหนะลอยฟ้ากำลังมุ่งหน้าไปถึงนั้น เป็นเขตนอกเมืองที่ไร้ซึ่งหลืบเงาของอาคารสูงระฟ้าหรืออยู่ภายใต้โดมควบคุมบรรยากาศ
จึงทำให้มีความร้อนและรังสีจากดวงอาทิตย์เข้มข้นเป็นอันตรายกว่าปกติ
ผู้ร่วมทริปปลดล็อกของพีณาในวันนี้
ต่างเป็นเพื่อนสนิทร่วมระดับในสถานเรียนรู้เอมฟิลด์ และยังเป็นนักเรียนรู้ในกลุ่มฟื้นฟูรักษาเหมือนกันอีกด้วย
เพียงแค่มีลักษณะและเป้าหมายของการรักษาแตกต่างกันไป
เด็กสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับพีณาซึ่งเป็นคนบังคับแอร์โมบิล
คือ ซิลเวีย โยฟินด์... เด็กสาววัยสิบหกรูปร่างโปร่งบางน่าทะนุถนอม ผมตรงยาวประบ่าสีทองอมส้ม
ใบหน้าเล็กเรียวขาวจัดราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบฝีมือช่างโบราณ
ผู้เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวอมเทาสุขุมจนเกือบดูเย็นชา เธอเป็นคุณหนูคนเล็กของตระกูลเจ้าของสถานรักษาโยฟินด์ซึ่งค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่น้อยในยูไนเต็ดที่สิบสาม
ส่วนเด็กสาวอีกคนที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้นมีอายุมากกว่าพีณาแค่ไม่กี่เดือน
ชารีย์ บอนด์ เป็นเด็กสาวผิวสีน้ำตาลอ่อนราวโกโก้นมสด ดวงตาคมโตสีเทาถูกเจ้าตัวเขียนขอบตาให้ยิ่งดูคมดุขึ้นไปอีก
ปีกจมูกข้างหนึ่งประดับจิวจมูกทำจากเงินฝังพลอยสังเคราะห์สีน้ำเงิน ผมยาวสีน้ำตาลเข้มของเธอมักจะมีหมวกไหมพรมหรือไม่ก็หูฟังอันโตครอบไว้อยู่เสมอ
ชารีย์เป็นเด็กสาวที่มีดนตรีฮิปฮอปเป็นเพื่อนเกือบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
และสมาชิกคนสุดท้ายซึ่งเป็นเหมือนพี่ชายคนโตของกลุ่มเพราะมีอายุมากที่สุด
วัตต์ นอร์ตัน กำลังจะอายุครบสิบเจ็ดปีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่จัดได้ว่าหน้าตาดีมากคนหนึ่ง เรือนผมและคิ้วเข้มสีดำตัดกับใบหน้าขาวสะอาดหมดจด
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนดูหวานเชื่อมโดยธรรมชาติ ถ้าหากไม่ได้เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
เขาก็คงจะเป็นที่นิยมในหมู่นักเรียนรู้หญิงมากกว่านี้
ไม่ใช่มีเพียงชารีย์ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านร่วมอาคารที่พักอาศัย และรู้จักกับเขามาตั้งแต่เด็กเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ก่อนที่จะมารวมกลุ่มกับเด็กสาวอีกสองคน กลายเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทสี่คนอย่างเช่นทุกวันนี้
การเดินทางบนเลนลอยฟ้าผ่านไปเกือบสองชั่วโมง
จากเขตเมืองอันแออัด ผ่านดินแดนทะเลทรายและหุบเขาแห้งแล้ง ไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้างใดๆ
นอกจากหมู่แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่สองสามแห่ง ในที่สุด... พื้นที่สีเขียวชอุ่มของโอเอซิสและทะเลสาบกลางหุบเขาก็เริ่มปรากฏตัวให้เห็นอยู่ข้างหน้า
ไม่นานแอร์โมบิลของพีณาก็ถูกปลดสัญญาณจากระบบนำทางของเลนลอยฟ้า
เพื่อลดระดับลงสู่การเดินทางอย่างเป็นอิสระเบื้องล่าง เดลต้าประจำแอร์โมบิลถูกเรียกตัด
‘ดีล’ โดยอัตโนมัติ สำหรับเป็นค่าผ่านทางเข้าไปเยือนเขตท่องเที่ยวสาธารณะ... โอเอซิสศูนย์สองหก
แอร์โมบิลคันงามรักษาระดับอยู่ที่ความสูงสามถึงสี่เมตรจากพื้นดิน
พีณาบังคับให้มันเหาะแล่นเหนือเนินทรายสูงต่ำ ตัดผ่านทุ่งกระบองเพชรอวดดอกสีสดใส
และพืชทะเลทรายต้นเตี้ยติดดินที่มีแต่ก้านกับดอกสีเหลืองที่ขึ้นคลุมดินเป็นหย่อมๆ
แล่นต่อไปยังลานเสาหินที่ในอดีตนานแสนนานเคยเป็นภูเขาลูกใหญ่
แต่ถูกสายลมกร่อนเซาะจนมีลักษณะเป็นแท่งสูงคล้ายเสาหินเรียงรายหลายสิบต้น
หลังจากเคลื่อนผ่านเสาสูงสองต้นสุดท้ายซึ่งเป็นเสมือนซุ้มประตูทางเข้าสู่สถานที่ท่องเที่ยวอันสงบวิเวก
พวกเธอก็มาถึงลานดินกว้างที่มีต้นปาล์มต้นใหญ่และต้นเฟิร์นยักษ์ขึ้นอยู่ประปราย
และร่มรื่นหนาแน่นเป็นพิเศษตรงบริเวณใกล้ๆ กับทะเลสาบรูปจันทร์เสี้ยวขนาดใหญ่ที่โอบล้อมลานกว้างตรงนี้เอาไว้
ส่วนตัวทะเลสาบก็ถูกภูเขาและผาหินสลับซับซ้อนโอบล้อมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
ถึงแม้จะมีแอร์โมบิลเกือบสิบคัน
และยังมีบ้านพักเคลื่อนที่อีกหลายหลังมาจับจองพื้นที่อยู่ก่อน
แต่ลานตั้งแคมป์แห่งนี้ก็ยังกว้างขวางพอที่จะเหลือพื้นที่ว่างๆ ซึ่งมีระยะเว้นห่างจากผู้มาเยือนกลุ่มอื่นให้ได้เลือกปักหลักพักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว
พีณาบังคับให้แอร์โมบิลแล่นไปหยุดจอดไม่ไกลจากพื้นที่ริมทะเลสาบที่ยังว่างอยู่
เมื่อแอร์โมบิลถูกดับเครื่องยนต์ลง เหล่านักท่องเที่ยววัยเยาว์ทั้งสี่ต่างคว้าสเปรย์ป้องกันรังสีมาฉีดพ่นบนใบหน้า
เส้นผม และผิวส่วนอื่นๆ ที่โผล่พ้นเสื้อผ้า ก่อนจะล้วงแว่นตัดรังสีขึ้นมาสวม
เมื่อพร้อมแล้วก็ก้าวลงจากแอร์โมบิลกันโดยพร้อมเพรียง โดยมีผู้คุ้มกันร่างสูงสองคนก้าวลงจากแอร์โมบิลอีกคันซึ่งจอดประกบอยู่ข้างกัน
“ไม่ต้องค่ะบีเจย์
เดี๋ยวพวกเราจัดการกันเองได้”
พีณาที่เดินตามเพื่อนๆ
ไปสำรวจทะเลสาบจันทร์เสี้ยวสีเขียวมรกตหันกลับมาร้องห้าม เมื่อเห็นผู้คุ้มกันทั้งสองจัดการยกกล่องติดล้อใบใหญ่สูงเท่าเอวของเธอ
รวมถึงกระเป๋าย่อขยายใส่เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวอีกสามสี่ใบลงมาจากด้านหลังของแอร์โมบิลทั้งสองคัน
แต่เด็กสาวก็ทำได้เพียงแค่ห้ามไปอย่างนั้น เพราะคนตัวโตทั้งสองยังคงยกลากมันตามมาส่งให้ยังจุดที่เห็นว่าเป็นลานเรียบโล่งเหมาะกับการตั้งแคมป์อยู่ดี
“ขอบคุณนะคะ
เดี๋ยวพวกพีณาประกอบบ้านเอง ส่วนทั้งสองคนก็พักผ่อนตามสบายเลยนะคะ” เธอร้องตะโกนบอกอีกครั้ง
ก่อนจะพยักหน้าส่งยิ้มอย่างพอใจ เมื่อชายร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนยอมรับคำสั่ง
ถอยออกไปเป็นผู้สังเกตการณ์อยู่ห่างๆ
ไม่นานกลุ่มเด็กหนุ่มสาวทั้งสี่ที่ยืนชมทะเลสาบกันจนพอใจก็เดินกลับมายังบรรดากระเป๋าที่วางกองอยู่
“งั้นเราติดตั้งบ้านพักแรมกันเลยไหม
แล้วก็กางร่มไว้พักผ่อนนอนเล่นกันก่อน พอแสงอาทิตย์อ่อนลงค่อยไปเล่นน้ำกัน”
จังหวะพูดของชารีย์ค่อนข้างเร็ว
แถมยังผงกหัวเป็นจังหวะเหมือนกำลังร่ายเพลงแร็พอยู่ และในทันทีที่พูดจบ ร่างปราดเปรียวกระฉับกระเฉงก็ตรงเข้าไปเปิดฝากล่องติดล้อใบใหญ่ที่สุดออก
แล้วหยิบสิ่งที่อยู่ด้านในออกมาอย่างคล่องแคล่ว
หากถามว่าใครในสี่คนนี้ที่มีประสบการณ์การแคมปิ้งนอกเขตเมืองมากที่สุด
ก็คงต้องชี้นิ้วไปยังชารีย์ที่ได้ติดตามแด๊ดดี้และปาป้าของเธอไปเที่ยวตะลอนบ่อยที่สุด
ไม่ผิด! แด๊ดดี้และปาป้า... ชารีย์เป็นบุตรสาวแท้ๆ ของคู่ชีวิตชายคู่ เธอเกิดจากการตัดต่อพันธุกรรมผสมดีเอ็นเอของคนทั้งคู่เข้าด้วยกัน
และเติบโตในครรภ์เทียมจนถึงวันที่อวัยวะเจริญพร้อมจึงออกมาสู่ภายนอก
เหมือนเช่นเด็กอีกนับล้านที่เกิดในครอบครัวคู่ชีวิตรักร่วมเพศ สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยอิสรเสรี
เปิดกว้างและให้ความเสมอภาคกับความรักทุกรูปแบบ คนสองคนที่พร้อมจะใช้ชีวิตและสร้างครอบครัวร่วมกัน
สามารถลงนามมอบสัญญาเป็นคู่ชีวิตของกันและกันได้โดยไม่จำกัดเพศและวัย สามารถเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคู่รักชายหญิงหรือแบ่งแยกฐานะเป็นสามีภรรยากันเหมือนเช่นมนุษย์สมัยโบราณ
กล่องย่อขยายเกือบสิบกล่องถูกนำออกมาจากกล่องติดล้อใบใหญ่
ชารีย์เป็นผู้สั่งการให้เพื่อนแต่ละคนช่วยกันนำชิ้นส่วนบ้านพักแรมออกมาประกอบอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
เริ่มจากกล่องทรงกระบอกขนาดเท่าท่อนแขนที่พอกดปุ่มให้มันขยายคืนสภาพก็กลายเป็นกล่องยาวเกือบสองเมตร
ภายในเป็นผ้ายางสังเคราะห์สีขาวพับม้วนเอาไว้ พอคลี่กลางออกมาก็เห็นเป็นแผ่นผ้ายางยับๆ
ย่นๆ ขนาดสามคูณสี่เมตร ผ้ายางสีขาวนี้ถูกต่อเชื่อมกันเป็นส่วนของพื้น ผนังและหลังคาบ้านไว้แล้ว
เมื่อนำเครื่องเป่าลมต่อเข้าไปในช่องที่สร้างไว้ ท่อลมตามมุมและสันต่างๆ
ตามผนังและหลังคาก็พองออกเป็นโครงสร้างค้ำยันตัวบ้าน ไม่นานแผ่นผ้ายางยับย่นก็เต่งตึงตั้งเด่นขึ้นมาจากพื้น
กลายเป็นบ้านพักแรมทรงกล่องขนาดย่อม
วัตต์เป็นฝ่ายออกแรงตอกหมุดยึดมุมทั้งสี่ของบ้านพักแรมเอาไว้กับพื้นดิน
ขณะที่พีณาและซิลเวียช่วยกันเป่าลมเข้าไปในแผ่นเบาะรองนอนทั้งสามแผ่นและเอาเข้าไปวางเรียงด้านในบ้านพัก
ส่วนชารีย์นั้นยกกล่องสี่เหลี่ยมอีกใบออกไปวางบนพื้นไม่ไกลจากบ้านทรงกล่อง เธอกดปุ่มติดตั้งแล้วก้าวถอยออกมา
เพียงห้าวินาทีไม่ขาดไม่เกิน มันก็ดีดผึงกลายเป็นเต็นท์ทรงครึ่งลูกรักบี้ซึ่งจะเป็นที่พักของวัตต์ในคืนนี้
จากนั้นร่มโปร่งใสคันใหญ่ที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีและความร้อนก็ถูกนำไปตั้งกางอยู่ห่างออกไปเกือบติดริมน้ำ
แผ่นยางปรับอุณหภูมิถูกปูอยู่บนพื้นใต้ร่มเงานั้น ก่อนที่ทั้งสี่จะขนตู้แช่ควบคุมอุณหภูมิ
เบาะและหมอนลมอีกหลายใบไปกองไว้
บริเวณนี้จะเป็นที่มั่นสำหรับการนั่งเล่นพักผ่อนและทำกิจกรรมในยามเย็นจนถึงช่วงค่ำของการตั้งแคมป์ครั้งนี้
ภายใต้การปกป้องจากร่มตัดรังสีที่เอียงมุมไล่ตามทิศทางของดวงอาทิตย์โดยอัตโนมัติ
เสื้อกระชับรูปแขนยาวรัดกุมถูกพีณาถอดวางทิ้งไว้ เหลือเพียงเสื้อแขนกุดตัวบางเย็นสบายที่สวมไว้ด้านใน
เครื่องดื่มและขนมที่เตรียมมาถูกลำเลียงออกจากตู้แช่ ยื่นส่งแจกจ่ายให้เพื่อนทั้งสามที่พากันถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วเช่นกัน
จากนั้นเด็กหนุ่มสาวทั้งสี่ก็พากันนั่งนอนเอกเขนก
เอนกายพักผ่อนหลังจากตระเตรียมที่พักสำหรับค่ำคืนนี้เสร็จเรียบร้อย โดยมีผู้คุ้มกันทั้งสองมาเดินตรวจตรา
ทดสอบความแข็งแรงของที่พักที่เด็กหนุ่มสาวจัดการกันเองอีกครั้งให้มั่นใจ
ก่อนจะหลบไปยืนเฝ้าระวังอยู่ในระยะไม่ใกล้ไม่ไกล
เวลาเคลื่อนคล้อยไปจนเกือบห้าโมงเย็น...
ซิลเวียที่เอนกายพิงหมอนลมสามเหลี่ยม
อ่านนิทานประวัติศาสตร์จาก ‘อีเปเปอร์’ มานานก็วางอุปกรณ์สี่เหลี่ยมแบนบางไม่ต่างจากกระดาษแผ่นหนาลงข้างตัว
เธอขยับตัวลุกนั่งหลังตรง มองไปยังท้องฟ้าและผิวน้ำเบื้องหน้าอย่างพิจารณา
“เราไปซื้อเสบียงสำหรับมื้อค่ำกันก่อน
แล้วค่อยมาเล่นน้ำกันดีไหม” ซิลเวียเสนอเมื่อเห็นว่าแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลงไปมากแล้ว
เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยเตือนถึงมื้อค่ำ
ทั้งพีณาและชารีย์ที่กำลังแข่งเกมกระดานบนมินิคอมพ์กันอย่างติดลมก็เพิ่งนึกขึ้นได้
พวกเธอหันมามองคนพูด แล้วพยักหน้าสนับสนุนหงึกหงัก
ในขณะที่สมาชิกชายเพียงคนเดียวที่นอนหลับตานิ่งอยู่ข้างตัวคนเสนอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาเชื่องช้า
ก่อนจะผุดลุกนั่ง เหยียดแขนบิดคอไล่ความเมื่อย แล้วลุกตามเพื่อนสาวทั้งสามไปโดยไม่มีความเห็นเป็นอื่น
ทันทีที่เห็นพวกเด็กๆ
ลุกออกมาจากบริเวณที่เรียกว่าเป็นฐานที่มั่น ผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็รีบก้าวตามอย่างแข็งขัน
ในขณะที่อีกคนหนึ่งยังเฝ้าบริเวณที่พักเอาไว้
“เชิญตามสบายครับคุณหนู
ไม่ต้องสนใจผม” บีเจย์บอกกับกลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่พากันหันหลังกลับมามอง ผายมือไปข้างหน้าเชื้อเชิญให้ออกเดินต่อ
แล้วผู้คุ้มกันตัวโตก็ได้ลอบยิ้มกับสายตาเบื่อหน่ายที่เจ้านายตัวน้อยส่งสารกับเพื่อนๆ
แม้เขาจะเข้าใจความรู้สึกไม่ชอบถูกจับตามองของเด็กในวัยนี้ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่เองก็ตาม
แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยปละหรือหย่อนยานต่อหน้าที่
แล้วพีณาที่รับปากบิดาไว้ว่าจะไม่แผลงฤทธิ์ออกนอกลู่นอกทางจะทำอย่างไรได้
นอกจากทำเป็นไม่สนใจผู้คุ้มกันของตน แล้วเดินต่อไปยังอาคารชั้นเดียวสีขาวที่อยู่ห่างไปไม่ถึงสองร้อยเมตร
อาคารหลังที่ว่ามีลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ
ต่อกันเป็นแถวยาว ประตูของแต่ละห้องมีป้ายบอกประเภทสิ่งของที่จำหน่ายเอาไว้อย่างชัดเจน
วัตต์เป็นคนเดินไปเข็นรถตะกร้าที่จอดเรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้าของอาคาร
ก่อนจะเดินตามกลุ่มเด็กสาวทั้งสามเข้าไปในห้องจำหน่ายอาหาร
ภายในห้องขนาดหกตารางเมตรนั้นเรียบโล่ง
มีเพียงตู้สีเทาเงาวับหลังใหญ่ตั้งอยู่ติดผนังด้านในสุด
ชารีย์เป็นคนก้าวเข้าไปแตะปลายนิ้วบนตู้เรียบๆ นั้น ทันใดนั้นภาพหมวดหมู่อาหารและของกินอื่นๆ
ก็แสดงขึ้นมาเต็มพรึบ ทั้งสี่กดเลือกอาหารกึ่งสำเร็จมาห้าหกอย่าง
พร้อมด้วยเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวอีกหลายชนิด
เมื่อเลือกรายการที่ต้องการจนครบ
พีณาก็ปลด ‘เดลต้า’ ประจำตัวออกจากสร้อยข้อมือ แล้วแตะเหรียญทองคำขาวนั้นลงตรงหน้าช่องเรียกเก็บดีลเพื่อชำระค่าสินค้า
ยืนรอกันอีกไม่ถึงสามนาที บนหน้าจอก็ปรากฏข้อความแจ้งว่าสินค้าจัดส่งเรียบร้อย
ประตูตู้ขายสินค้าถูกเปิดออกเพื่อหยิบบรรดากล่องอาหาร
กระป๋องเครื่องดื่ม รวมถึงขนมขบเคี้ยวอีกหลายห่อออกจากชั้นวางในตู้มาใส่ในรถตะกร้า
จนครบถ้วนแล้ววัตต์ก็เป็นคนออกแรงเข็นมันออกจากห้องจำหน่ายอาหาร
“ต่อไปก็ตู้อุ่นอาหาร
เตาย่างกับเชื้อเพลิงสำหรับก่อกองไฟ” ชารีย์ทบทวนสิ่งของจำเป็นก่อนจะเดินนำกลุ่มเพื่อนไปยังห้องเช่าอุปกรณ์
ซึ่งภายในมีลักษณะแทบไม่ต่างจากห้องจำหน่ายอาหารเมื่อครู่เลย
สิบห้านาทีต่อมา
รถตะกร้าสองคันที่มีข้าวของบรรจุอยู่เต็มก็ถูกเข็นมาจอดไว้ใกล้ๆ
กับบริเวณฐานที่มั่นริมน้ำ
พีณาทอดสายตามองแสงสีส้มทองซึ่งสะท้อนกับผิวน้ำระยิบระยับ
จนมองไม่เห็นก้อนหินสีขาวใต้ทะเลสาบเหมือนเมื่อตอนกลางวัน ไหนจะสายลมยามเย็นที่พัดกิ่งก้านใบปาล์มให้วูบไหวคล้ายจะกวักมือเรียก
ยามนั้นเด็กสาวก็หมดความสนใจกับบรรดาของกินทั้งหลายที่ยังไม่ทันได้ยกออกจากรถตะกร้า
เสียงรื่นเริงเอ่ยชักชวนให้ทุกคนลงไปเล่นน้ำกันเสียที และเมื่อไม่มีใครคิดค้านเพราะรอเวลานี้มานานไม่ต่างกัน
เด็กสาวทั้งสามก็วิ่งตรงดิ่งไปยังบ้านพักแรม สลับกันเข้าไปด้านในไม่กี่นาที
ชุดว่ายน้ำสีสดใสก็ถูกสวมใส่แทนที่ชุดเสื้อกล้ามกางเกงขายาวตัวเดิม
เมื่อเด็กสาวต่างสไตล์ที่ต่างมีผ้าผืนใหญ่พันคลุมกายเอาไว้เดินกลับมาถึงริมน้ำ
พวกเธอก็เห็นวัตต์ที่สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้น
จัดการประกอบร่างและเป่าลมเข้าไปในบาร์ลอยน้ำที่เพิ่งเช่ามารออยู่ก่อนแล้ว
แถมยังมีขนมและเครื่องดื่มใส่ในถุงตาข่ายวางไว้กลางโต๊ะที่มีขอบยกสูงกันของกลิ้งตกอย่างพร้อมสรรพ
“รู้จักหน้าที่ดีเยี่ยม
น่ารักที่สุดเลยวัตต์” พีณายิ้มกว้างเอ่ยชมเอาใจ แล้วตรงรี่เข้าไปหา ช่วยกันออกแรงผลักบาร์ลอยน้ำที่เกยอยู่ริมฝั่งลงไปในทะเลสาบอย่างขันแข็ง
บาร์ลอยน้ำติดเครื่องยนต์นี้มีลักษณะเป็นห่วงยางสีส้มคล้ายโดนัทชิ้นใหญ่บึ้ม
ขนาดที่สามารถนั่งล้อมวงรอบห่วงนี้ได้สูงสุดถึงสิบคนเลยทีเดียว ส่วนใจกลางนั้นยกสูงขึ้นมาเป็นโต๊ะกลม
โดยที่พื้นด้านล่างวงแหวนระหว่างโต๊ะกับที่นั่งวงนอกนั้น สามารถปิดไว้สำหรับวางเท้า
หรือจะเปิดออกเป็นช่องให้ห้อยเท้าราน้ำเล่นก็ได้ตามใจชอบ
บาร์กลมๆ
สีเหลืองส้มล่องไปบนผิวน้ำระยิบระยับช้าๆ ให้ผู้โดยสารทั้งสี่ได้ชื่นชมทิวทัศน์ริมฝั่งทะเลสาบกว้างใหญ่ซึ่งเกิดจากน้ำผุดซึมขึ้นมาจากทางน้ำใต้ดิน
ด้านหลังไกลออกไปเป็นภูเขาหินและท้องฟ้ากว้างที่ค่อยๆ ถูกย้อมด้วยสีส้มทอง
โดยมีเสียงเพลงฮิปฮอปที่ขาดไม่ได้ของชารีย์ช่วยเพิ่มบรรยากาศความสนุกสนาน
เสียงเพลงแว่วประสานกับเสียงกระโดดน้ำ
แทรกสอดด้วยเสียงหัวเราะเฮฮาของเด็กๆ
กลุ่มหนึ่ง ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังพูดคุยกันเบาๆ
พร้อมเสพบรรยากาศสงบยามตะวันคล้อยต่ำจวนจะลาลับขอบฟ้า คลอเคล้าด้วยการคลอเคลียเอาใจจากสาวสวยข้างกายต้องอารมณ์สะดุด
ยิ่งเสียงนั้นดังใกล้เข้ามามากเท่าไรก็ยิ่งหงุดหงิดไม่พอใจที่ถูกรบกวนมากเท่านั้น
จนชายหนุ่มผมดำผู้มีระดับความอดทนต่ำเตี้ยอดใจไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายขยับกายก่อนใคร
ชาลส์ที่กึ่งนั่งกึ่งเอนนอนอยู่บนเก้าอี้นวดไฟฟ้า
ผลักร่างอวบอิ่มนวลเนียนของสาวผมทองในชุดบิกินีสีดำออกจากตัว ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นมานั่งตาขวาง
กระดกเครื่องดื่มสีอำพันที่เหลืออยู่ครึ่งค่อนแก้วลงคอด้วยท่าทีกระแทกกระทั้น
ก่อนจะวางแก้วคริสตัลเนื้อดีลงบนโต๊ะเสียงดังจนน่ากลัวมันจะแตก
และเมื่อเขาได้ยินเสียงตะโกนเฮฮาดังมาอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
คว้าเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มมาตวัดคลุมกายแกร่งที่มีเพียงกางเกงว่ายน้ำสวมติดกาย หันไปมองหาที่มาของเสียงเอะอะแล้วพุ่งตรงไปทางนั้น
โดยมีสาวผมทองหุ่นนาฬิกาทรายรีบลุกตามติด
เวลานี้ชาลส์ไม่ได้ใส่ใจร่างอวบอิ่มที่เกาะแกะควงแขนไม่ยอมห่าง
เขาเดินอ้อมหมู่ต้นปาล์มและพืชล้มลุกใบหนาทึบมุ่งไปทางทะเลสาบ ใบหน้าหล่อเหลาเวลานี้บึ้งตึงด้วยความไม่สบอารมณ์สุดขีด
พวกเขาอุตส่าห์เลือกตั้งแคมป์กันตรงฝั่งรอบนอกของทะเลสาบซึ่งรกทึบและริมฝั่งเต็มไปด้วยโขดหิน
ห่างไกลคนละฟากจากลานกว้างด้านในที่ผู้คนนิยมปักหลักค้างแรมกันมากกว่า แต่ก็ยังไม่วายถูกรบกวนความสงบเข้าจนได้
จนเมื่อก้าวพ้นจากมวลหมู่ไม้หนาทึบที่เขาตั้งใจเลือกให้มันเป็นกำแพงบังสายตากั้นอาณาเขต
เพลงฮิปฮอปเสียงเบสแน่นหนักก็ยิ่งดังชัดเจนจนเขาจับความได้ พร้อมกับมองเห็นบาร์ลอยน้ำซึ่งมีเด็กสาวร่างผอมแห้งยังไม่ถึงวัยสาวดีสองคนยืนร้องตะโกนราวกับกำลังเชียร์กีฬากันอยู่
นัยน์ตาคมกริบขุ่นจัดตวัดมองตามสายตาของผู้ก่อกวนความสงบทั้งสองลงมายังผิวน้ำเบื้องหน้า
ก็เห็นร่างขาวๆ สองร่างมุดดำแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ และกำลังมุ่งตรงมาทางที่เขายืนอยู่เสียด้วย
ไม่ถึงอึดใจที่ชาลส์พยายามเขม้นมองร่างใต้น้ำให้ชัด
ร่างขาวสูงหนากว่าที่พุ่งนำอีกร่างก็ทะยานพรวดขึ้นมาเหนือน้ำ ให้ชายหนุ่มได้เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มผมดำคนหนึ่ง
เด็กคนนั้นยกมือเสยผมและปาดไล่หยดน้ำออกจากใบหน้า ก่อนจะรีบมองลงไปในน้ำ
ไม่นานก็ตีสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน และเมื่อชาลส์มองตามสายตานั้นไปก็เห็นร่างขาวๆ
อีกร่างกำลังพลิ้วกายอยู่ใต้น้ำ ดำว่ายผ่านร่างของเด็กหนุ่มมาโดยไม่โผล่ขึ้นมาหายใจ
ชาลส์ยืนรออยู่ไม่นาน
ร่างเล็กบางที่อึดใช่ย่อยก็ทะลึ่งพรวดขึ้นจากน้ำ ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกลเลย
แล้วไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น นัยน์ตาสีเทาซึ่งขุ่นมัวด้วยความหงุดหงิดก็ยิ่งฉายแววอันตราย
เมื่อได้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่ขนาบข้างด้วยผมเปียยาวเปียกลู่ชัดเจน
เด็กตัวแสบ!
พีณาตกใจแทบตายที่พอลืมตาขึ้นมาหลังจากปาดหยดน้ำออกจากใบหน้าก็ได้เห็นร่างสูงใหญ่แผ่รังสีคุกคามยืนตระหง่านอยู่บนโขดหินริมฝั่ง
เด็กสาวถึงกับสะดุ้งโหยง ตีเท้าถอยห่างจากเจ้าของใบหน้าถมึงทึงมาอีกช่วงตัว แต่ยังทำใจกล้า
ไม่ยอมหมุนตัวว่ายน้ำหนีเหมือนเป็นคนขี้ขลาด สองตากลมโตมองตอบสายตาดุจัด
ทั้งประหลาดใจและเคืองใจที่ได้พบเขาอีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้
ทั้งยังร้อนตัวปนนึกหวั่นกับความผิดครั้งเก่าอยู่หลายส่วน
“นายแพ้แล้ววัตต์! คืนนี้นายต้องเป็นคนเก็บขยะ!”
เสียงตะโกนลั่นจากเด็กสาวผิวเข้ม
ทำลายท่วงจังหวะการปะทะกันทางสายตาระหว่างหนึ่งบุรุษวัยฉกรรจ์กับหนึ่งเด็กสาว
เสียงหัวเราะของชารีย์พลอยช่วยให้พีณารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง คิดว่าอย่างไรแล้วตอนนี้เธอก็มีเพื่อนอยู่ด้วยตั้งหลายคน
เขาคงไม่อาจทำอะไรเธอได้ง่ายๆ และอีกอย่างเขาก็คงไม่ทำตัวแย่ๆ
ต่อหน้าหญิงสาวคนสวยที่ควงแขนเขาอยู่... คนสวยคนละคนกับที่เธอเห็นในเรือนพีรามิดเสียด้วย
แหวะ! ผู้ชายเจ้าชู้!
ดูเหมือนว่าสายตาตำหนิของเด็กสาวจะเปิดเผยชัดเจนจนเกินไป
คิ้วเข้มบนใบหน้าเคร่งจึงกระตุกเข้าหากันด้วยความไม่ชอบใจ สายตาที่มองเด็กสาวตัวแสบจากตระกูลคู่แข่งก็ยิ่งวาววาบน่ากลัวยิ่งขึ้น
“จะบอกอะไรให้นะเด็กน้อย...
แอ่งน้ำลึกฝั่งนี้ไม่มีคนโง่ที่ไหนกล้าลงไปเล่นกันหรอก เพราะอะไรรู้ไหม?”
ชาลส์เอ่ยเสียงเรียบเรื่อย แถมยังทิ้งจังหวะให้เด็กน้อยสองคนที่ลอยคออยู่ในน้ำต้องมองเร่งให้เขาเล่าต่ออย่างสงสัยใคร่รู้
ร่างสูงใหญ่ในเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มถ่วงเวลาด้วยการขยับก้าวเข้าไปใกล้ริมฝั่งอีกนิด
เพื่อจับสังเกตสีหน้าของเด็กสาวในชุดว่ายน้ำสีชมพูสดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“ใต้น้ำตรงนี้มีไม้น้ำประหลาดขึ้นอยู่
พวกมันหวงแหนอาณาเขตสุดๆ และจะคอยใช้ใบยาวๆ แข็งแรงของมันพันรัด
แล้วลากทุกอย่างที่ลอยอยู่เหนือพื้นที่ของมันลงไปใต้น้ำ” เสียงเย็นชาบอกเล่า
ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มคล้ายกำลังเยาะเย้ยในความไม่รู้เรื่องรู้ราวของเหล่าเด็กน้อย
เด็กทั้งสองที่ได้ยินเรื่องประหลาดไม่น่าเชื่อมองเขาด้วยแววตากังขา
ทั้งที่บนใบหน้าปิดซ่อนความตระหนกหวั่นกลัวเอาไว้แทบไม่มิด
“อ๊ะ! ว้าย!..” ยังไม่ทันที่พีณาจะตัดสินใจได้ว่าควรเชื่อเขาดีหรือไม่
เด็กสาวก็ต้องร้องเสียงหลงอย่างตื่นตกใจเมื่อมีบางอย่างเรียวบางลื่นๆ
พลิ้วไหวมาสัมผัสท่อนขา!
ด้วยความตระหนกตกตื่น เธอจึงรีบร้อนสะบัดขาหนีสัมผัสนั้นอย่างผิดจังหวะ
ร่างที่ลอยตัวอยู่เหนือน้ำพลันเสียการทรงตัวจนจมดิ่งลงไปวูบหนึ่ง และเมื่อเธอเปิดตามองลงไปใต้น้ำลึกที่ค่อนข้างมืดสลัวเพราะแสงอาทิตย์กำลังราแรง
ความทะมึนของดงสาหร่ายใบเรียวยาวที่ใบของมันยืดยาวขึ้นมารวดเร็วผิดปกติก็ทำให้เธอยิ่งตื่นตระหนกขวัญเสีย
เมื่อตั้งหลักได้ก็เร่งร้อนตีขาวาดแขนว่ายน้ำหนี พาตัวเองออกไปให้พ้นจากพื้นที่อันตรายอย่างรวดเร็วสุดชีวิต
เวลานี้พีณาไม่สนใจแล้วว่าเขาแต่งเรื่องแกล้งหลอกกันหรือไม่
หรือเขาจะคิดว่าเธอเป็นเด็กขี้ขลาดหรือเปล่า และไม่ทันได้มีเวลาโกรธเคืองกับเสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่แว่วดังตามหลังมาเลยแม้แต่น้อย
“มันน่ากลัวมากจริงๆ
นะ!”
น้ำเสียงที่ยังหลงเหลือความตกตื่นของพีณาบอกเล่าสิ่งที่เห็นให้เพื่อนอีกสองคนได้หายสงสัยกับอาการเหมือนหนีอะไรมาของเธอ
แค่ได้คิดถึงภาพใต้น้ำเมื่อครู่ คนเล่าก็ออกอาการขนลุกตัวสั่น ทั้งนึกกลัวและนึกแขยง
เวลานี้เด็กทั้งสี่คนกลับขึ้นมาอยู่บนบาร์ลอยน้ำที่ติดเครื่องให้เคลื่อนที่ช้าๆ
ออกห่างจากเขตอันตราย ย้อนกลับไปยังริมฝั่งทะเลสาบที่พวกเธอจับจองพื้นที่ตั้งแคมป์เอาไว้
“แต่ชารีย์ไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลยนะ
ครูไม่เคยพูดถึงเลยสักนิด ครั้งก่อนที่มาที่นี่แด๊ดดี้ก็ไม่เห็นเล่าเลยด้วย”
ชารีย์ที่ตัดสินใจเลือกเส้นทางการเรียนรู้เพื่อเป็นพฤกษแพทย์มาได้เกือบสองปี
แถมยังเคยมาตั้งแคมป์ที่นี่ครั้งหนึ่งพร้อมกับครอบครัวแย้งขึ้นมาอย่างแปลกใจ
“สิ่งที่ไม่รู้
ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจริงนี่นา... สาหร่ายเขียวอี๋พวกนั้นมันยืดยาวพุ่งพรวดขึ้นมาจากใต้น้ำจริงๆ
นะ” พีณายืนยัน ก่อนจะหันไปทางเพื่อนหนุ่มผู้ร่วมเหตุการณ์
“วัตต์ก็เห็นใช่ไหม”
“ตรงที่วัตต์อยู่ไม่เห็นอะไรเลย
พอพีณาร้องแล้วว่ายน้ำหนีมา วัตต์ก็รีบว่ายตามมาเลย”
คำตอบของวัตต์ทำให้ใบหน้าเล็กๆ
ล้อมกรอบด้วยผมเปียสองข้างที่ยังเปียกชื้นยับยุ่งขึ้นมา จนซิลเวียที่นั่งอยู่ข้างๆ
ต้องตบหลังมือเธอเบาๆ เป็นการปลุกปลอบ
“เอาเถอะ
อย่างน้อยพีณาไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เดี๋ยวคืนนี้เราค่อยลองค้นวันสกายหาคำตอบเรื่องนี้ก็ได้นี่”
ซิลเวียพยายามปัดไล่ความกลัวจากใจเพื่อน
ไม่นานพีณาก็ยอมพยักหน้าคล้อยตามในที่สุด
ถึงแม้เมื่อครู่เธอจะขวัญกระเจิงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เวลานี้ความสงสัยใคร่รู้กลับวิ่งนำมาอย่างอดไม่อยู่
ยังไงเธอจะต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับไม้น้ำประหลาดพวกนั้นให้ได้
จนเมื่อจบเรื่องลึกลับใต้ทะเลสาบไปได้
เด็กสาวผู้นิ่งสงบเกินวัยก็เอ่ยถามถึงอีกเรื่อง
“แล้วพีณารู้จักกับผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ”
คำถามของซิลเวียทำให้พีณานิ่วหน้าในทันที
“ไม่เชิงว่ารู้จักหรอก...
แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากรู้จักเลยมากกว่า” พีณาย่นจมูกให้กับผู้ชายที่ถูกพูดถึง
ก่อนจะอธิบายต่อ
“เขาเป็นพวกแมคแกรี่
เป็นตัวบอสใหญ่เลยเชียวล่ะ เท่านั้นไม่พอ ยังใจร้ายนิสัยไม่ดีด้วย
เมื่อก่อนเขาเคยมีเรื่องกับอังเคิลคีนส์ ทำตัวเป็นอันธพาลจะเอาตัวอานตี้คิมมี่ไป
เขาเลวร้ายถึงขนาดเอาปืนจ่อขู่พีณายังไม่พอ เขายังยิงอังเคิลคีนส์ด้วย”
ความไม่ชอบหน้าชาลส์
แมคแกรี่ ของพีณาเกิดจากเหตุขัดแย้งรุนแรงในอดีตที่จำฝังใจ แม้ว่าเด็กหญิงวัยเก้าปีในวันนั้นจะตระหนกตื่นกลัว
จนจดจำเหตุการณ์ต่างๆ ได้อย่างสับสนไม่ปะติดปะต่อ แถมด้วยวันเวลาที่ล่วงเลยมานานก็ทำให้หลงลืมบางสิ่งไปบ้าง
แต่สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คงเป็นใบหน้าเย็นชาดุดันของผู้ชายคนนั้นที่ถือปืนเล็งมาทางเธอในระยะประชิด
และภาพที่ผู้เป็นลุงได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการมีเรื่องกันครั้งนั้น
“เขาเป็นคนไม่ดีจริงๆ
นั่นแหละ พีณาอยู่ห่างๆ อย่ายุ่งกับเขาจะดีที่สุด” ซิลเวียเอ่ยเตือนเพื่อนรักด้วยความห่วงใย
แต่คำพูดของเธอกลับทำให้คนฟังอดไม่ได้ที่จะนึกสงสัย
“ซิลเวียก็รู้จักเขาด้วยเหรอ”
“เปล่าหรอก...
อานตี้เมอริลน์ต่างหากที่เคยสนิทสนมรู้จักเขาดี”
น้ำเสียงเรียบเย็นแฝงความโกรธกรุ่นอยู่ลึกๆ
พร้อมกับชื่อหนึ่งที่พวกเธอเคยได้ยินมาก่อน ทำให้คนฟังทั้งสามต่างมองหน้าซิลเวียอย่างใคร่รู้
เมอริลน์เป็นอาสาวและแม่ทูนหัวของซิลเวียที่พวกเธอรู้จักเพียงแค่ชื่อ
เพราะแพทย์รักษาเด็กคนเก่งผู้นี้ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ทั้งสามจดจ่อรอฟังอยู่ครู่ใหญ่
เห็นซิลเวียขบริมฝีปากบางสีสดอยู่หลายที สีหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้พูดไป
แต่สุดท้ายเพราะอยากเตือนภัยเพื่อนรักเกี่ยวกับบุคคลอันตราย เธอจึงตัดสินใจเอ่ยบอกต่อ
“มัมบอกว่าเพราะชาลส์
แมคแกรี่ ไม่ยอมรับเด็กที่เกิดมา... อานตี้เมอริลน์ก็เลยต้องฆ่าตัวตาย”
คำบอกเล่าสั้นๆ
แต่สื่อไปถึงเรื่องโศกเศร้าและการสูญเสียที่เกิดจากการกระทำไร้ความรับผิดชอบของผู้ชายคนหนึ่ง
ทำเอาคนได้ฟังต่างเงียบเสียงไปอึดใจใหญ่ ก่อนที่ดวงตาทั้งสามคู่จะเปล่งแววไม่อาจยอมรับได้ขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งชารีย์และวัตต์ติดป้าย
‘ไม่เป็นลูกผู้ชาย’ ต่อท้ายชื่อของชาลส์ แมคแกรี่ ในทันที
ส่วนพีณานั้น
เด็กสาวเพิ่มเติมคำว่า ‘คนชั่วร้าย’ ต่อท้ายจากคำว่า ใจร้าย นิสัยไม่ดี ให้กับผู้ที่ถูกเอ่ยถึงด้วยเช่นกัน
“ไม่มี... ไม่เห็นมีบันทึกเกี่ยวกับต้นไม้ประหลาดในโอเอซิสศูนย์สองหกเลยสักเรื่อง!” พีณาฮึดฮัดขัดอกขัดใจ
หลังจากก้มหน้าก้มตาอยู่กับมินิคอมพ์เครื่องบางขนาดประมาณฝ่ามืออยู่นานสองนาน
เวลานี้เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่นั่งล้อมวงอยู่ข้างกองไฟจากถ่านสังเคราะห์ที่ติดไฟได้นานถึงแปดชั่วโมงโดยไม่ต้องคอยเติมเชื้อเพลิง
ตะแกรงย่างสี่ขาวางอยู่เหนือระดับเปลวไฟ บนโต๊ะอเนกประสงค์ตัวเล็กที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ
มีกล่องเนื้อสัตว์และแผ่นโปรตีนปรุงรส กล่องผักและผลไม้วางเรียงรายกันอยู่
และยังมีขนมปังหอมกรุ่นในตะกร้า พร้อมด้วยซุปครีมปูอุ่นๆ อีกหนึ่งชาม
หลังจากเริ่มปาร์ตี้ข้างกองไฟไปได้ครู่ใหญ่
พีณาที่ยังติดใจสงสัยกับเรื่องพืชน้ำพวกนั้นก็คว้ามินิคอมพ์มาค้นข้อมูลในวันสกาย...
เครือข่ายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งบลูแพลนต์
แต่จากบันทึกการเดินทางของผู้คนที่เคยมาเยือนสถานที่แห่งนี้ บันทึกข่าวเหตุการณ์ประหลาด
หรือแม้แต่แหล่งข้อมูลพฤกษชาติประจำยูไนเต็ด
ก็ไม่ปรากฏว่ามีต้นไม้น้ำที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมเหมือนอย่างที่ชาลส์บอกเล่ามาเลย
แม้จะยังค้างคาใจกับการเจริญเติบโตผิดปกติของสาหร่ายริ้วเงาจันทร์ที่ได้เห็นกับตา
แต่เมื่อสืบค้นดูจนแน่ใจแล้ว พีณาก็เงยหน้างอๆ ขึ้นมาฟ้องเพื่อนทั้งสาม
ไม่อยากยอมรับเลยว่าตัวเองพลาดท่า
ถูกคนคนนั้นหลอกให้หลับหูหลับตาว่ายน้ำหนีราวกับเป็นตัวตลก และป่านนี้เขาคงได้หัวเราะสะใจที่สามารถกลั่นแกล้งเธอได้สำเร็จ
เด็กสาววางมินิคอมพ์ลงบนโต๊ะข้างตัวอย่างเจ็บใจ
เสียงในหัวสมองร้องร่ำอยากจะเอาคืนผู้ใหญ่ร้ายกาจอย่างเขานัก
แต่ในขณะที่คนโดนแกล้งยังคิดหาหนทางไม่ได้
จานใส่เนื้อชิ้นหนานุ่มย่างสุกกำลังดีก็ลอยมาวางบนตัก
ก่อนที่น้ำเสียงชวนเย็นใจจากซิลเวียจะตามมา
“ช่างมันเถอะพีณา
อย่าไปสนใจอีกเลย รีบกินเยอะๆ ดีกว่า”
“แต่มันเจ็บใจนี่นา”
พีณาทำหน้าตูม แต่สองมือก็จับมีดและส้อมขึ้นมาตัดเนื้อชิ้นโตเข้าปากอย่างต้านทานกลิ่นหอมยั่วน้ำลายไม่อยู่
“นั่นสิซิลเวีย
เราจะยอมให้ผู้ชายคนนั้นได้ใจอย่างนี้ต่อไปได้ไง
ถ้าเกิดครั้งหน้าเขานึกอยากแกล้งพีณาอีกก็แกล้งได้ตามใจงั้นเหรอ” เด็กสาวห้าวหาญอย่างชารีย์พร้อมเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเพื่อนได้เสมอ
พีณาได้ยินคู่หูว่าดังนั้นก็หันไปส่งยิ้มซุกซนแสบใสๆ
ให้ ดวงตาสองคู่ที่สะท้อนเปลวไฟเต้นระริกสื่อสารกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
ในขณะที่ซิลเวียและวัตต์ได้แต่สบตากันแล้วยิ้มบาง ลอบถอนใจออกมาพร้อมๆ กัน
“คืนนี้เราจะได้ชมทะเลสาบเรืองแสง
มองฝูงแฟรี่ฟลายกันใช่ไหม” วัตต์อดไม่ได้จริงๆ ที่จะถามดักคอเพื่อนตัวยุ่งทั้งสอง
“แน่นอนสิ!” ชารีย์พยักหน้าหงึกๆ ตอบเพื่อนเก่าเพื่อนแก่
โดยมีพีณารีบรับคำเป็นลูกคู่
“ใช่...
ยังไงพีณาก็ต้องขอเวลาสักนิด ค่อยๆ คิดหาแผนการเอาคืนให้ดีอยู่แล้ว”
ปรากฏการณ์แพลงก์ตอนนับล้านตัวในทะเลสาบจันทร์เสี้ยว พร้อมใจกันเรืองแสงขึ้นมาเป็นไฮไลต์หนึ่งของการมาท่องเที่ยวที่โอเอซิสศูนย์สองหก
แสงอ่อนจางสีฟ้าตรงริมฝั่งทะเลสาบดึงดูดให้ แฟรี่ฟลาย... แมลงตัวเล็กลักษณะคล้ายผีเสื้อแต่ปีกบางใส
บินโผออกจากรังมาบินว่อนเหนือทะเลสาบ
บ้างโฉบเลียบผิวน้ำจนปีกที่กระพืออย่างรวดเร็วสะท้อนแสงสีฟ้าวิบวับ
พร้อมกันนั้นยังส่งเสียงดังคล้ายกระดิ่งลูกเล็กๆ ประสานกันสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณทะเลสาบ
หลังจากชมความงดงามตื่นตาของธรรมชาติที่ถูกซุกซ่อนไว้ไกลห่างจากความเจริญของเขตเมืองกันจนพอใจ
เด็กหนุ่มสาวทั้งสี่ก็แยกย้ายกันเข้านอนในตอนเที่ยงคืน เพื่อที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาตีสามอันเงียบสงัด
โดยต่างพากันสวมชุดกระชับรูปรัดกุมป้องกันอากาศเย็นจัดยามราตรีที่ช่างแตกต่างจากเวลากลางวัน
ร่างทั้งสี่ที่แอบย่องออกจากที่พัก พยายามเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังไร้สุ้มเสียง
หวังสุดใจว่าจะสามารถหลบหนีจากการตามติดของผู้คุ้มกันทั้งสองที่พากันเข้าไปเอนกายพักในแอร์โมบิลที่จอดอยู่ไม่ไกล
แต่สุดท้าย...
พวกเธอก็ทำไม่สำเร็จ
พีณาที่กำลังช่วยเพื่อนเข็นรถตะกร้าบรรจุลูกบอลดับไฟไว้เต็มคันต้องหน้ามุ่ย
ถอนหายใจเฮือกใหญ่... เมื่อเห็นผู้คุ้มกันตัวโตยืนเอามือไพล่หลัง มองมาเหมือนเฝ้ารออยู่นานแล้ว
“ทำอะไรกันหรือครับ”
เขาส่งคำถามพร้อมรอยยิ้มในตาว่ารู้ทัน
“ชอปปิงของจำเป็นไงคะ”
พีณาตอบเฉไฉ
“จำเป็นมากจนต้องย่องออกมาซื้อตอนตีสาม”
บีเจย์เอ่ยต่อจากคำตอบของเด็กสาว ก่อนจะดักทาง “แต่กองไฟของพวกคุณหนู ใช้แค่ลูกเดียวก็ดับสนิทแล้วนะครับ”
พีณาแทบจะค้อนใส่คนแกล้งทักท้วงหน้านิ่งทั้งที่รู้
ก่อนจะยอมสารภาพความจริง
“พีณาแค่อยากสร้างหิมะกลางทะเลทรายเป็นของขวัญให้คนบางคนเองค่ะ
รับรองว่าไม่เกินสิบนาทีแล้วพวกเราจะรีบกลับมา”
ความจริงเธอวางแผนว่าจะบุกที่ตั้งแคมป์ของชาลส์ทางน้ำโดยใช้บาร์ลอยน้ำที่ไม่ส่งเสียงดังใดๆ
ให้เสี่ยงถูกจับได้ แต่ตอนนี้... ไหนๆ ผู้คุ้มกันของเธอก็รู้เรื่องแล้ว
ขึ้นแอร์โมบิลไปทิ้งทุ่นลูกบอลโฟมทางอากาศก็น่าจะสะดวกรวดเร็วดี
บีเจย์ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นชอบและไม่ยินยอมโดยไม่ต้องคิด
“พวกเอ็มการ์ดคงไม่ยอมให้คุณหนูก่อเรื่องแล้วหนีมาง่ายๆ”
เด็กสาวในวัยคึกคะนองนิ่งไปอึดใจเพราะไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้
แต่ต่อมาก็ยังต่อรองเสียงอ้อมแอ้ม
“เราแค่โฉบผ่านไปเดี๋ยวเดียวเองนะคะ”
“กลับไปพักผ่อนเถอะครับคุณหนู
ไม่อย่างนั้นผมอาจจะต้องแจ้งเรื่องนี้กับมิสเตอร์เลย์ดีน”
เมื่อถูกยกชื่อบิดาขึ้นมาขู่
พีณาก็หน้ามุ่ยคอตก เท้าเล็กๆ กำลังจะเดินนำผองเพื่อนกลับเข้าบ้านพักแรมอยู่แล้ว
แต่กลับต้องชะงักเมื่อมีเสียงปืนแว่วดังมาให้ได้ยินสองนัดติด
บีเจย์ที่ประสาทสัมผัสระวังภัยว่องไวกว่าใครหันไปทางต้นเสียงโดยอัตโนมัติ
เขารับรู้ว่าจุดกำเนิดเสียงนั้นอยู่ห่างไกลออกไปไม่น้อย
และจากจุดที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากแนวตะคุ่มของต้นปาล์มและเวิ้งทะเลสาบมืดมิด
แต่ในขณะที่เขากำลังจะต้อนให้คนในความคุ้มครองทั้งสี่รีบหลบเข้าไปในบ้านพัก
ผู้คุ้มกันหนุ่มก็มองเห็นแสงไฟดวงเล็กเคลื่อนที่ตัดกับความมืดของท้องฟ้า
บอกให้รู้ว่ามีแอร์โมบิลคันหนึ่งเหินเผ่นออกจากจุดตั้งแคมป์ของพวกแมคแกรี่ด้วยความเร็วผิดปกติ
ก่อนจะลับหายไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว
จังหวะนั้นเรนโซก้าวเร็วๆ
มาสมทบ พีณาจึงเอ่ยถามกึ่งปรึกษากับผู้คุ้มกันประจำตัวทั้งสอง
“เราควรไปดูสักหน่อยไหมคะ”
แม้เธอจะเป็นเด็กที่วันๆ
ยังชอบหาเรื่องเล่นสนุกซุกซนไปบ้าง แต่ก็โตพอที่จะรู้เรื่องว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันต้องมีอะไรผิดปกติ
ทั้งเสียงปืนที่ดังขึ้น
และทั้งแอร์โมบิลต้องสงสัยคันนั้นที่แล่นออกนอกเส้นทางเลนลอยฟ้า คล้ายต้องการหลบหนีจากการติดตามโดยไม่ทิ้งร่องรอยการเชื่อมต่อสัญญาณเข้ากับเลน
มันชวนให้เธอคิดไปถึงเหตุร้ายจนไม่อาจทำเพิกเฉยปล่อยผ่าน
“เสี่ยงเกินไปครับ...
แค่เราแจ้งเหตุไปทางผู้พิทักษ์สันติก็น่าจะเพียงพอ”
ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แถมยังเกี่ยวข้องกับแมคแกรี่เช่นนี้ ผู้คุ้มกันของวิลตันไชลด์ต้องไตร่ตรองด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
การที่จะให้พวกเขาแยกไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ นอกจากจะเป็นการหละหลวมต่อหน้าที่ปกป้องคุ้มกันเจ้านายตัวน้อยแล้ว
หากมีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกแมคแกรี่จริงๆ จากความขัดแย้งทางธุรกิจครั้งล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
การปรากฏตัวของเขาอาจทำให้วิลตันไชลด์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยได้ง่ายๆ
แต่ในจังหวะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหกกำลังคิดใคร่ครวญ
และเตรียมจะต่อการสื่อสารไปยังผู้พิทักษ์สันติ เสียงระเบิดลูกหนึ่งก็ดังสนั่น
ก่อนที่ฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบจะเกิดจุดสว่างโร่ เปลวเพลิงกองหนึ่งลุกโชนตัดกับความมืดรอบด้าน
“รอไม่ได้แล้วค่ะ! เราต้องไปช่วยดับไฟ
และดูว่ามีใครต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า”
พีณาไม่อาจใจเย็นรอคอยการมาถึงของเจ้าหน้าที่โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง
มันช่างประจวบเหมาะเหลือเกินที่ข้างๆ ตัวเธอคือรถตะกร้าบรรจุลูกบอลโฟมดับไฟหลายสิบลูก
เธอย้ำบอกกับผู้คุ้มกันตัวโตทั้งสองคนอย่างเร็วรัวแต่จริงจัง
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
พีณาจะยอมรับผิดกับแด๊ดดี้เองค่ะ มันจะไม่ใช่ความผิดของบีเจย์กับเรนโซ
เพราะมันเป็นความต้องการของพีณาเอง”
อ่านต่อ >> ท่วงรักที่ 3 : ผู้รักษา
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
โหลดฉบับอีบุ๊ค...
Meb : https://goo.gl/rP0Jmj
The1Book : https://goo.gl/vCXodr
Hytexts : https://goo.gl/tO7Buv
Ookbee : https://goo.gl/TjzWu9
NaiinPann : https://goo.gl/zPJdfH
Google Play : https://goo.gl/NuGawa
Dek-D : https://goo.gl/wBdqq0
No comments:
Post a Comment