7 July 2017

# กับดักรัก # แก่นฝัน

สืบลับ กับดักรัก - กับดักที่ 5 : งานเลี้ยง


สืบลับ กับดักรัก ชุดสี่สาว

ผู้เขียน : แก่นฝัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. บลูเบลล์ 
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต





กับดักที่ 5 : งานเลี้ยง


เบาๆ ค่อยๆ เสียบสิ ไอ้มินิ ตรินยาตะโกนขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อเพื่อนสาวลงมืออย่างไม่ยอมออมแรงไว้เลย
โอ๊ย! แกจะให้เสียบค่อยๆ ไปถึงไหน นี่ก็เบามือสุดๆ แล้วนะ” คนมือหนักบ่นกลับบ้าง
เรื่องแบบนี้แกต้องทำให้นุ่มนวล ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวก็ได้เละคามือแกอย่างที่ผ่านๆ มาหรอก ตรินยามองดูขยะกองโตตรงหน้าแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเริ่มขึ้นเสียงอย่างหมดความอดทนอีกครั้ง
ดูสิ ไม่ว่ากี่ทีต่อกี่ที มันยอมพลีกายตายคามือแกกันหมด เอาให้เหลือรอดไว้บ้างได้ไหม หา! ไอ้มินิ
ก็ โอ๊ย!.. ทำไมมันยากอย่างนี้นะ” นิรันตรามองตามสายตาของเพื่อนสาวแล้วก็เถียงไม่ออกจึงยกมือขึ้นเกาหัวโวยวายด้วยอีกคน
แกก็เก่งมาก็ตั้งหลายเรื่อง จะมาตายกับแค่จัดดอกไม้นี่น่ะเหรอ ไอ้มินิเอ๊ย... ตรินยาพูดพลางส่ายหน้าขำๆ
ก็มันยากจริงๆ นี่ ไม่ใช่ว่าฉันไม่เก่งซะหน่อย
จ้า แม่คนเก่ง คนอะไร... ชมตัวเองก็ได้ แล้วอย่างนี้แกจะเอา ‘แจกันดอกไม้’ ที่ไหนไปส่งพวกกองคัดเลือกวะ เธอถามอย่างเป็นห่วง เมื่อนึกถึงคำสั่งในรอบที่สองของการคัดเลือกนายหญิง
นั่นสิ” นิรันตราเปรยอย่างหมดแรงพลางทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ คิ้วเรียวขมวดอย่างใช้ความคิด นึกเคืองคำสั่งที่มาพร้อมกับบัตรเชิญไปงานเลี้ยงเปิดตัวร้านเครื่องประดับในเครือซันไรส์
คำสั่งที่ว่า...
ในตอนเช้าของวันงาน ผู้เข้ารอบสองทุกคนจะต้องมาพบกันที่ห้างซันไชน์เวิล์ด โดยแต่ละคนจะได้แสดงฝีมือความสามารถของตนด้วยการเตรียมของที่จะนำมาใช้ในงาน ซึ่งทางคณะกรรมการได้ทำการสุ่มและแจ้งชื่อของสิ่งนั้นแนบมากับบัตรเชิญแล้ว
และคำสั่งที่ทำให้นิรันตราต้องมานั่งวุ่นวายกับดอกไม้กองโตที่ต้องมาพลีชีพเฉาตายด้วยน้ำมือเธอ คือ ‘แจกันดอกไม้
ทีตอนทำขนมแกก็ออกจะมือเบา แล้วกับดอกไม้สวยๆ พวกนี้ ทำไมไม่ยั้งมือไว้บ้าง” ตรินยาถามอย่างสงสัย
ไม่รู้โว้ย! คิดไม่ออก หิวแล้วด้วย... ขอไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า ว่าแล้วนิรันตราก็เดินหายเข้าไปในห้องครัวราวกับเป็นเจ้าของบ้าน ก่อนจะวิ่งกลับออกมาพร้อมกับรอยยิ้มร่า
ไอ้ตรี! ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าฉันจะเอาแจกันดอกไม้มาจากไหน เดี๋ยวฉันไปหาซื้อของที่ต้องใช้ก่อนนะ แล้วเจอกันใหม่ บ๊ายบายนะแก” หลังจากพูดรัวเร็ว สาวร่างเล็กก็วิ่งพรวดพราดออกจากบ้านไปทันที ทิ้งให้เจ้าของบ้านยืนมองตามหลังไปอย่างงงๆ
...มันจะไปหาดอกไม้อะไรที่ไหนที่ทนไม้ทนมือมันได้


ขณะนี้ภายในฮอลล์จัดงานชั้นบนสุดของห้างซันไชน์เวิล์ดกำลังถูกตกแต่งดัดแปลงให้กลายเป็นดินแดนแห่งอัญมณี เหล่าบรรดาสินค้าเครื่องประดับที่ตกแต่งด้วยอัญมณีนานาชนิด เพชรพลอยหลากหลายขนาดที่ยังไม่ประกอบเป็นตัวสินค้า รวมถึงส่วนของแร่ที่ยังไม่ได้เจียระไนอีกจำนวนหนึ่ง ต่างก็ถูกจัดแสดงไว้ตามจุดต่างๆ ภายในงาน โดยที่ไม่ได้มีตู้กระจกครอบเอาไว้อย่างตามร้านทั่วๆ ไปให้ดูขัดตา เพราะคอนเซ็ปต์ของงานคราวนี้คือ ต้องการให้ผู้คนในงานสามารถเข้าถึงและจับต้องสินค้าได้จริง
อีกสามชั่วโมงเราจะเปิดงานแล้วนะคะ” ผู้จัดการฝ่ายกิจกรรมพิเศษเร่งเวลาเข้ามาในห้องด้านหลังของบริเวณงาน ซึ่งภายในห้องนั้นได้กั้นแบ่งเป็นสัดส่วนเพื่อให้ผู้เข้ารอบแต่ละคนได้มีความเป็นส่วนตัว และในแต่ละส่วนก็มีการจัดเตรียมสิ่งของจำเป็นที่พวกเธอโทรเข้ามาแจ้งไว้ให้แล้ว
ครับ เดี๋ยวผมจะรีบเร่งพวกสาวๆ ให้
ประกาศแจ้งทุกๆ คนนะครับ ว่าเหลือเวลาอีกสามสิบนาทีก็จะหมดเวลาแล้ว ใครที่เสร็จเรียบร้อยแล้วก็สามารถเรียกให้เจ้าหน้าที่ของเรายกของออกมาได้เลย ทำให้ดีที่สุดนะครับ เพราะงานนี้คุณทรรศน์ให้เกียรติมาเปิดงานด้วยตัวเองเลยทีเดียว” กรรมการคัดเลือกรอบสองประกาศ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงฮือฮาของสาวๆ เมื่อได้ยินว่าทรรศน์จะมางานนี้ด้วย
โป๊ก โป๊กโป๊ก!! เสียงตอกตะปูภายในฉากกั้นของนิรันตราทำให้เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่หน้าห้องพากันสงสัยว่าคนในห้องนี้ได้โจทย์อะไร ทำไมต้องถึงกับมีการตอกตะปูเข้ามาเกี่ยวด้วย
โอย... จะทันไหมเนี่ย อีกครึ่งชั่วโมงเอง ไอ้เราก็มัวแต่เพลินไปหน่อย หญิงสาวบ่นอยู่คนเดียวในห้องอย่างเริ่มร้อนรน


ก่อนจะหมดเวลาไม่นาน สาวๆ ก็เริ่มทยอยขนเอาโจทย์ของตนออกมา ทั้งบรรดาของว่าง ขนมหวาน เครื่องดื่ม เทียนประดับ ฯลฯ ถูกนำมาเรียงรายอยู่ตรงหน้ากรรมการ ที่คอยพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับวิธีการทำและให้คะแนนทีละคน
เมื่อถึงผลงานของนิรันตรา ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดของกรรมการแต่ละคนก็ยิ่งเครียดหนัก หัวคิ้วของแต่ละคนต่างถูกขมวดไว้ด้วยความงุนงงสงสัย
โจทย์ที่คุณได้คืออะไรคะ คุณนิรันตรา” ‘รดาวรรณ กรรมการผู้หญิงคนหนึ่งถามขึ้นมา เพราะเธอแน่ใจว่าในโจทย์ที่เลือกให้ไปไม่ใช่สิ่งนี้
แจกันดอกไม้ค่ะ” นิรันตราตอบเต็มคำอย่างมั่นใจ มองหญิงสาวที่ถามก็นึกขึ้นได้ว่าเป็นคนคนเดียวกับพนักงานที่เจอในวันกรอกใบสมัคร
แล้วนี่มันรูปบ้าอะ...” ‘ทศพล’ กรรมการคนหนึ่งท้วงขึ้นมาแล้วก็หยุดเงียบไป ...รูปแจกันดอกไม้!!
ก็รูปแจกันดอกไม้ไงคะ คุณน่าจะดูออก ฉันเห็นในโจทย์ไม่ได้บอกว่าต้องเป็นแจกันดอกไม้แบบไหน ไม่เห็นมีระบุว่าต้องใช้ดอกไม้จริงๆ สักหน่อยนี่คะ” นิรันตราพูดตอบอย่างฉะฉานพลางหลิ่วสายตากวนๆ ไปให้ทศพล เธอเองก็พอดูออกว่าผู้ชายคนนี้ไม่ชอบเธอสักเท่าไหร่
เอาล่ะๆ เอาเป็นว่าคุณนิรันตราไม่ได้ทำอะไรผิดคำสั่งไปแล้วกัน เป็นทางเราเองที่ตั้งโจทย์ไม่ครอบคลุมพอ” สิทธิพลกล่าวตัดสินก่อนจะเป็นเรื่อง เมื่อเห็นท่าทางอคติของทศพลและสายตาที่ไม่ค่อยจะยอมลงให้ใครของนิรันตรา แต่ทศพลกลับไม่ยอมหยุด และพูดแทรกขึ้นมาอีก
แต่ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ในตอนแรกคุณก็รู้นะว่าแจกันดอกไม้ที่เราต้องการน่ะเป็นแบบไหน ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ต้องดิ้นรนไปฝึกหัดจัดดอกไม้ จนทำดอกไม้เสียหายเฉาตายเป็นกองๆ หรอก
น้ำเสียงและสายตาเยาะเย้ยเหน็บแนมเธอทำให้นิรันตรากำลังจะสวนกลับไปแล้ว ถ้าไม่สะกิดใจกับคำพูดที่บอกชัดว่าเขารู้การเคลื่อนไหวของเธอเข้าเสียก่อน
พวกคุณรู้ได้ยังไงส่งคนคอยตามฉันงั้นเหรอ...” หญิงสาวมองสีหน้ากรรมการคนอื่นๆ ก็เหมือนจะรู้เรื่องกันอยู่แล้วทุกคน
ถ้าเป็นอย่างนั้นเราน่าจะรู้ตัวบ้างสิ
ทางเราไม่ได้ส่งคนตามใครทั้งนั้น เรื่องที่ทศพลพูดอาจแค่บังเอิญตรงกับความจริงพอดีก็ได้ เพราะตามหลักความเป็นจริง ไม่ว่าใครที่ทำโจทย์ที่เราให้ไปไม่ได้... ก็จะต้องขวนขวายหาวิธีทำให้ได้กันทั้งนั้น” สิทธิพลรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย แต่นิรันตรากลับคิดว่านี่เป็นการกลบเกลื่อนมากกว่า หญิงสาวจ้องมองตามจับผิดชายวัยกลางคนที่หันกลับไปสั่งกรรมการคนอื่นๆ
เอาล่ะทุกคน... ให้คะแนนคุณนิรันตรากันได้แล้ว แล้วสำหรับคุณขอให้ไปรอฟังผลที่ห้องประชุมเล็กได้เลยนะครับ” สิทธิพลรีบตัดบท และแม้ว่านิรันตราจะยอมเดินออกไปโดยดีแต่ยังไม่วายทิ้งสายตาที่บอกชัดว่ายังสงสัยในตัวพวกเขาไว้เป็นการส่งท้าย 
ทศพลมองตามสายตาจับผิดและบ่งบอกว่าไม่ยอมใครของเธอไปแล้วยิ่งรู้สึกไม่ถูกชะตากับเธอมากขึ้นไปอีก


ตอนนี้ผลการคัดเลือกก็ออกมาแล้วนะครับ แต่ก่อนอื่น ผมต้องขอชี้แจงหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกของรอบนี้ก่อนนะครับ” เสียงของสิทธิพลที่กล่าวขึ้นมานั้นหยุดเสียงพูดคุยกันของสาวๆ ในห้องให้เงียบลงทันที สายตาทุกคู่ต่างจ้องมองไปยังผู้พูดเป็นจุดเดียว
“ข้อแรก... เราต้องการทดสอบความสามารถในการทำงานที่เรามอบหมายให้ ซึ่งคะแนนส่วนนี้เราสามารถดูได้ง่ายๆ จากผลงานของแต่ละคนที่ลงมือทำกันนะครับ
ข้อที่สอง... เราต้องการทดสอบความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โจทย์ที่เราให้ไปนั้นจะไม่ตรงกับความสามารถที่พวกคุณมีกันอยู่แล้ว เพราะเราต้องการให้ทุกคนได้ลองเรียนรู้ ซึ่งตรงนี้หลายๆ คนก็ทำได้ดี แต่บางคนที่ไม่มีความพยายามที่จะฝึกหัดเลยอาศัยการจ้างคนอื่นทำก็มีเหมือนกัน
ผมต้องขอบอกให้ทุกคนที่นี่เข้าใจว่าการจะเข้ามาเป็นนายหญิงของแสงสุรียฉัตรนั้น จะต้องมีสิ่งใหม่ๆ ให้พวกคุณได้เรียนรู้และปรับตัวอีกมากมาย ผู้ที่ขาดความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงไม่เหมาะสมที่จะผ่านเข้ารอบไป สิทธิพลพูดไปก็กวาดสายตามองหน้าผู้เข้าคัดเลือกที่แสดงสีหน้าต่างกันออกไป
ด้านนิรันตราเมื่อได้ยินเกณฑ์การตัดสินข้อสองก็เริ่มร้อนใจ... ไอ้คนบางคนที่เขาพูดถึงจะเป็นเธอหรือเปล่า เพราะดูไปแล้วหลายคนก็ทำตามโจทย์กันได้ดี ไม่รู้จะมีคนเป็นอย่างเธอบ้างหรือเปล่าที่อดทนนั่งฝึกได้แค่สองสามวันก็เลิกเสียแล้ว... แย่แล้ว! ไอ้นิราเอ๊ย
ข้อที่สาม... คือความรู้จักประมาณความสามารถของตัวเอง หลายคนในที่นี้พยายามทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนเกินความสามารถของตัวเอง จนทำให้ทำงานไม่เสร็จทันเวลาหรือไม่ผลที่ได้ออกมาก็ดูไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ไม่เหมือนบางคนที่เลือกทำในสิ่งที่ง่ายกว่า แม้งานที่ออกมาจะไม่ได้ดูหรูหราโดดเด่นแต่ก็ยังดีกว่าคิดทำอะไรเกินตัวนะครับ
พอจบคำชี้แจงของสิทธิพล สาวๆ หลายคนที่เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองพลาดตรงข้อไหนก็หน้าเสีย ใครจะไปคิดว่าแค่งานง่ายๆ มันกลับไม่ง่ายเลยสำหรับพวกเธอ
ผมจะขอประกาศหมายเลขและรายชื่อผู้เข้ารอบเลยนะครับ คนแรก หมายเลขสอง คุณนายิกา กับ ขนมไทย ครับ ให้เจ้าหน้าที่นำไปจัดไว้ที่งานได้เลยนะครับ” ยังไม่ทันที่สิทธิพลจะพูดจบ หญิงสาวร่างสูงโปร่งผมสีน้ำตาลทองยาวประบ่าก็ลุกขึ้นมา สีหน้าของเธอยังเรียบเฉยไม่แสดงอาการดีใจใดๆ ให้เห็น ราวกับจะมั่นใจอยู่แล้วว่าต้องผ่านเข้ารอบแน่ๆ แล้วก็เธอเดินหลังตรงเชิดหน้าออกจากห้องไป
คนที่สอง หมายเลขสิบหก หม่อมหลวงจิรประไพ กับโคมไฟประดับ ครับ” หญิงสาวรูปร่างเล็กบางไม่ต่างจากนิรันตราเท่าไหร่ เจ้าของผมสีดำสนิทยาวตรงถึงกลางหลังลุกขึ้นอย่างเรียบร้อยนิ่มนวลพร้อมใบหน้าแสดงถึงความยินดีชัดเจน เธอย่างก้าวออกจากห้องไปโดยมีพี่เลี้ยงเดินตามไปด้วย
ดูสิ ขนาดหม่อมหลวงยังยอมมาต่อสายไฟ แล้วเราล่ะ ตกรอบกลับบ้านไม่ต้องสงสัยเลย
ท่ามกลางเสียงเรียกชื่อผู้เข้ารอบที่ยังดังต่อไปเรื่อยๆ นิรันตราคิดอย่างกังวลว่าถ้าไม่ผ่านเข้ารอบนี้ เธอจะไปตามสืบเรื่องที่รับปากบิดาไว้ได้อย่างไร 
แต่แล้วเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินชื่อสุดท้าย
คนสุดท้าย หมายเลขสามสิบสี่ คุณนิรันตรา กับแจกันดอกไม้ ครับ” สิ้นเสียงประกาศเจ้าหน้าที่ก็ยกแจกันดอกไม้ของนิรันตราขึ้นมา แล้วเสียงฮือฮาด้วยความสงสัยก็ดังขึ้น
ฉันไม่ยอมนะคะ!! มันเป็นแจกันดอกไม้ตรงไหนกัน อย่างนี้มันผิดกติกาชัดๆ หญิงสาวผู้ตกรอบคนหนึ่งแย้งขึ้นมา
สำหรับคนสุดท้ายนี้เราตัดสินใจกันนานทีเดียวว่าจะให้ผ่านเข้ารอบดีหรือไม่ แต่งานของเธอที่ออกมาทำให้เราต้องยอมรับครับ ทุกคนก็เห็นแล้วว่าเธอเอาแจกันดอกไม้มาส่งให้เราได้จริงๆ เพียงแต่มาในรูปภาพวาดที่เราต่างก็นึกไม่ถึง
แต่เพื่อความยุติธรรม เราจะให้คุณนิรันตราตอบคำถามอีกหนึ่งข้อ เพื่อให้ทุกคนในที่นี้ไร้ข้อสงสัย หากคำตอบของคุณไม่เป็นที่พอใจ เราก็จะให้คุณตกรอบไป ตกลงไหมครับ” สิทธิพลหันมาถามความสมัครใจ
จะไม่ตกลงได้หรือคะ” นิรันตรายอมรับข้อเสนอ
เราอยากถามถึงเหตุผล... ที่คุณเลือกวาดรูปนี้ขึ้นมาแทนการจัดแจกันดอกไม้จริงๆ ครับ
นิรันตราเงียบไปชั่วครู่ กวาดสายตามองไปยังทุกๆ คนในห้องที่รอฟังคำตอบของเธออยู่ และคิดหาคำตอบที่ดูดีมีรัศมีนางงามที่สุดเพื่อที่จะเข้ารอบนี้ไปให้ได้
เหตุผลของฉันมาจากคติประจำใจของฉันข้อหนึ่งค่ะ คือ... ฉันเลือกที่จะทำในสิ่งที่ฉันคิดแล้วว่าตัวเองสามารถทำได้ดีที่สุดในขณะนั้นค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ลองพยายามจัดดอกไม้ดูนะคะ ฉันฝึกหัดลองทำดูแล้วแต่มันก็ออกมาไม่เหมือนกับภาพที่ฉันมีอยู่ในหัว ไม่ตรงตามคอนเซ็ปต์ของงานมันน่าจะเป็นอะไรที่ดูเหมือนอยู่ในดินแดนแห่งอัญมณี ที่ไม่ว่าใบไม้ดอกไม้ก็แวววาวระยิบระยับราวกับเป็นเพชรพลอย เพื่อไม่ให้งานของแสงสุรียฉัตรมีจุดด่างพร้อย ฉันก็เลยเลือกวาดรูปนี้ขึ้นมาแทนค่ะ นิรันตราตอบเรื่อยๆ ไม่เร่งไม่ช้าด้วยท่าทางมั่นใจ สายตาก็กวาดมองไปยังทุกคนที่มองดูรูปของเธออยู่
ทุกคนที่ได้เห็นรูปของผู้เข้าคัดเลือกร่างเล็ก ต่างต้องยอมรับว่ามันสวยงามเหมือนเป็นดอกไม้จากอัญมณีจริงๆ แสงและเงาของรูปก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นของจริงที่เข้าไปสัมผัสได้
 “ฟังเหตุผลของคุณนิรันตราแล้ว มีใครอยากคัดค้านอะไรอีกไหมครับ” สิทธิพลถาม เขาเห็นผู้สมัครที่เหลือต่างนิ่งเงียบมองไปที่ภาพอย่างต้องยอมรับในฝีมือของหญิงสาวร่างเล็กคนนี้
ถ้าไม่มี… เจ้าหน้าที่เชิญยกรูปนี้ไปตั้งในงานได้เลย ส่วนคุณนิรันตราไปเตรียมตัวที่ห้องแต่งตัวได้เลยครับ


เมื่อใกล้ถึงเวลาเปิดงาน บรรยากาศในห้องจัดงานก็เริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคุณหญิงคุณนายจากวงการไฮโซของเมืองไทย ดารานางแบบชั้นนำของวงการ และยังมีนักธุรกิจค้าเพชรพลอยจากนานาประเทศ และที่หนีไม่พ้นเลยคือ บรรดานักข่าว
บรรดาหญิงสาวที่ผ่านเข้ารอบต่างพากันแปลงโฉมมาเตรียมประชันกันอย่างเต็มที่ ด้วยหวังว่าจะได้มีโอกาสเรียกความสนใจและพบปะพูดคุยกับทรรศน์ในงานนี้
นิรันตราก้าวเข้ามาในงานพร้อมชุดเกาะอกสีขาวนวล ส่วนของกระโปรงยาวคลุมเข่าพองออกเล็กน้อย ตรงชายไล่โทนสีจากขาวนวลเป็นเหลืองอ่อนปักลวดลายด้วยไหมสีเหลืองส้มสดใส เครื่องประดับที่ใช้เป็นสร้อยคอและต่างหูไข่มุกน้ำงามที่เธอคิดแล้วว่า ถึงเธอจะใส่พวกเพชรพลอยแวววาวมา มันก็ต้องถูกเจ้าพวกที่มีอยู่เกลื่อนงานกลบหมดอยู่ดี และเธอไม่ชอบใส่พวกช่อใหญ่ๆ เม็ดโตๆ ที่เหมือนจะถ่วงคอเอาไว้อย่างพวกคุณหญิงคุณนายที่มาในงานนี้เสียด้วย
นิรันตรากำลังเดินมองหาตรินยาที่รับปากว่าจะมางานนี้เช่นกัน แต่มองหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที จึงเปลี่ยนเป็นลองใช้โทรศัพท์โทรหาอีกฝ่ายแทน
ไอ้ตรี แกอยู่ที่ไหนเนี่ย
อยู่ในงานนี่แหละ มองหาแกไม่เจอเหมือนกัน เอาอย่างนี้ แกมาหาฉันแถวๆ แจกันดอกไม้ของแกนะ สุดยอดเลยไอ้มินิ แกคิดได้ไงเนี่ย ตรินยาเดินมาเจอรูปที่ติดหมายเลขของเพื่อนสาวไว้ก็พอเดาๆ เรื่องราวที่เกิดขึ้นได้
ก็จากรูปผลไม้ในห้องครัวแกตอนที่ฉันเข้าไปหาของกินนั่นไง แจกันดอกไม้... ไม่เห็นจะต้องเป็นดอกไม้จริงๆ สักหน่อย งั้นแค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันเดินไปหา นิรันตราวางสาย แล้วหันหลังกลับจะเดินไปยังอีกฝั่งของงานที่มีรูปของเธอจัดแสดงเอาไว้ แต่ไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชนกับหญิงสาวร่างสูงโปร่งที่เดินมาทางเธอพอดี
ขอโทษค่ะ นิรันตรารีบกล่าวขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิด ก่อนจะมองหน้าเจ้าของร่างสูงในชุดราตรีสีดำเข้ารูปที่ยิ่งส่งให้คนตรงหน้าดูสูงสง่าขึ้นไปอีก
ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ไม่ทันมองเห็นคุณเหมือนกัน แต่ว่า... คุณเองก็ไม่น่ารีบร้อนอะไรอย่างนี้ ทีหน้าทีหลังหัดรู้จักระวังให้มากกว่านี้หน่อยก็ดีนะคะ นายิกาพูดยิ้มๆ เหมือนไม่เอาความ แต่ไอ้ประโยคหลังนี่สิ... คนฟังกลับรู้สึกว่ามันขัดๆ หูพิกล
ฉันได้ไปดูรูปแจกันดอกไม้ของคุณใกล้ๆ แล้วนะคะ สวยมากจริงๆ สมแล้วที่คุณได้ผ่านเข้ารอบมาโดยไม่ต้องพยายามอะไรเท่าคนอื่นๆ เลย นายิกายังคงพูดต่อไปเรื่อยๆ
ขอบคุณค่ะ นิรันตราตอบรับตามมารยาท ก่อนจะเอ่ยตอบโต้ยิ้มๆ แต่ฉันยังไม่มีโอกาสได้ไปชิมขนมไทยของคุณเลย เห็นหน้าตาน่าทาน ไม่รู้ว่าพอได้ชิมจริงๆ แล้วจะเป็นยังไงนะคะ ไม่รู้รสจะดีเหมือนภายนอกหรือเปล่า
หากคนข้างนอกมองมายังหญิงสาวทั้งสอง ก็คงเห็นเป็นเพียงการพูดคุยทักทายกันตามปกติทั่วไปเท่านั้น
ถ้าคุณมีโอกาสก็ลองดูนะคะ ฉันภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มาก เพราะฉันใช้ความพยายามทำมันมากับมือ เรียนรู้ที่จะลองทำทั้งที่ไม่เคยมีความสามารถด้านนี้เลย แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ โจทย์ให้มาอย่างไรเราก็ต้องทำไปตามกติกา คุณนิรันตราว่าอย่างนั้นไหมคะ นายิกายังไม่วายพูดกระทบ
ไม่รู้สิคะ ฉันชอบมองโจทย์ให้ลึกลงไปอีก เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีเหมาะสมกับงานนี้ที่สุด ฉันไม่ชอบคิดอะไรตื้นๆ มองอะไรแค่ผิวเผิน หรือทำตัวเหมือนคนไม่ค่อยมีสมองที่ชอบมองอะไรแค่ด้านเดียว... ของแต่ละอย่างมันก็มีหลายด้านให้มองนะคะ นิรันตราเองก็ไม่ยอมแพ้
ฝ่ายนายิกาที่ได้ยินคำตอบแฝงคำเหน็บแนมก็ส่งสายตากร้าวคิ้วกระตุก แต่เพียงไม่นานทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
รอบต่อไปก็หวังว่าคุณจะใช้ความฉลาดที่คุณคิดว่าคุณมีมาช่วยแก้ตัว อุ๊ย! แก้ปัญหาให้ได้อย่างรอบนี้นะคะ นายิกาก้าวเข้ามาใกล้และก้มลงจ้องหน้านิรันตราหวังจะข่ม
แต่ขอเตือนไว้อย่าง ไม่ใช่กรรมการทุกคนจะเห็นด้วยกันการที่คุณเข้ารอบมาหรอกนะ ยังไงก็ขอให้โชคดีแล้วกัน
พูดจบนายิกาก็หันหลังเดินแยกตัวไปทางคุณหญิงคนหนึ่ง ซึ่งนิรันตราคุ้นๆ หน้าจากประวัติที่เพื่อนสาวรวบรวมมาให้ว่าเป็นเจ้าของกิจการเรือเดินสมุทรที่ทำสัญญาผูกขาดอยู่กับทางซันไรส์
แหม... เข้าใจเข้าหาคนซะด้วย เชอะ!
แล้วนิรันตราก็นึกขึ้นได้ว่านัดกับตรินยาเอาไว้ เธอจำเป็นต้องเดินผ่านเข้าไปใกล้ทางที่นายิกายืนอยู่เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินอ้อมไป ด้วยความที่เธอกำลังรีบจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นเท้าใต้กระโปรงยาวที่ยื่นออกมาขวางทาง จึงสะดุดและเสียหลักเข้าอย่างจัง แต่งานนี้คนอย่างนิรันตราไม่ยอมล้มลงคนเดียวแน่นอน
เร็วเท่าใจคิด... มือซ้ายของเธอคว้าเอาแขนของนายิกาไว้แน่นแล้วพลิกตัวเหวี่ยงให้ร่างสูงโปร่งลงไปอยู่ข้างล่างแทน ส่วนมือขวาก็ยึดเอาแขนของชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ไว้เป็นหลัก ภาพที่ออกมาจึงกลายเป็นว่านิรันตรากำลังช่วยนายิกาที่จะล้มเอาไว้แทนเสียอย่างนั้น
เป็นอะไรมากไหมคะ คุณนายิกา นิรันตราถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แล้วก็ได้สายตาแค้นเคืองของสาวในชุดดำตอบกลับมา
สงสัยจะหน้ามืดนะคะ ดูสิ... สีหน้าคุณไม่ดีเลย เมื่อฉุดให้นายิกากลับมายืนได้แล้ว นิรันตราก็หันมาพูดกับเจ้าของแขนที่เธอยึดเอาไว้เป็นหลัก ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยนิราไว้ ไม่อย่างนั้น... ลำพังนิราคนเดียวคงไม่ไหว ต้องล้มลงไปทั้งสองคนแน่ๆ เลยค่ะ
แต่พอเห็นว่าชายคนนั้นคือเลขาส่วนตัวของทรรศน์ นิรันตราก็ต้องกวาดสายตามองหาใครบางคนโดยไม่รู้ตัว ...เลขาอยู่นี่ ตัวเจ้านายก็ต้องอยู่แถวๆ นี้ด้วยสิ
มองหาผมอยู่หรือเปล่านิรา...
ทรรศน์ที่ยืนอยู่ข้างหลังโน้มกายลงมาถามใกล้ๆ หู ทำให้นิรันตราสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ
คุณนี่ใจดีจังนะ ตัวก็เท่าลูกแมวยังมีน้ำใจไปช่วยฉุดคนอื่นอีก แล้วเป็นไง... คนเดียวไม่ไหวเลยต้องให้เลขาของผมมาลำบากไปด้วย ชายหนุ่มเอ่ยเย้าคนตรงหน้า
ความจริงแล้วเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและพอรู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ก็ตลอดเวลาที่เขาเจรจาเรื่องขอเพิ่มรอบการขนส่งสินค้ากับคุณหญิง สายตาเขาก็คอยมองไปทางหญิงสาวอย่างนึกเป็นห่วงตั้งแต่เห็นเธอเหมือนจะมีเรื่องปะทะคารมกับนายิกา แต่หลังจากได้เห็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อสักครู่ เขาก็รู้แล้วว่าคงไม่ต้องห่วงแม่ลูกแมวตัวร้ายของเขาเท่าไหร่
แต่คำพูดหยอกเย้าของทรรศน์กลับสร้างความไม่พอใจให้กับผู้หญิงถึงสองคน
คนแรก... แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นนิรันตราที่โดนเยาะเย้ยเรื่องขนาดตัวเล็กๆ ของเธอ แล้วยังแถมมาด้วยสายตาที่บ่งชัดว่าเขารู้ทันเธออีก
และคนที่สอง... คือ นายิกา คนที่คาดไม่ถึงมาก่อนว่านิรันตราและทรรศน์จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แถมยังสนิทสนมกันจนถึงขั้นที่ทรรศน์ยอมพูดเล่นด้วยอย่างนี้ ...ขนาดกับเธอที่นับเป็นญาติห่างๆ และเคยคบหาถึงขั้นคู่ควง ทรรศน์ยังไว้ตัว ยกเอามารยาทและผลประโยชน์มาเป็นตัวขวางกั้นไม่ให้ความสัมพันธ์เกินเลยอยู่ตลอดเวลา
เมื่อนิรันตราเห็นสายตาของนายิกาที่มองมาอย่างโกรธเคืองมากขึ้นตั้งแต่เห็นทรรศน์เข้ามาพูดคุยกับเธอ หญิงสาวก็เห็นช่องทางกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
ก็บอกแล้วว่า ...ใครที่ร้ายใส่คนอย่างนิรันตรา ต้องโดนเอาคืนเป็นร้อยเท่า
หญิงสาวส่งยิ้มเยาะไปทางสาวในชุดดำ แล้วหันมาคว้าแขนของทรรศน์ไว้พร้อมเงยหน้ามองทำตาปริบๆ
คุณทรรศน์คะ ช่วยพานิราไปหาเพื่อนหน่อยได้ไหมคะ นิรารู้สึกเจ็บๆ ข้อเท้า สงสัยว่าจะพลิกตอนที่ช่วยคุณนายิกาไว้น่ะค่ะ พูดจบเธอก็แอบหยิกแขนชายหนุ่มไปเป็นการบังคับห้ามปฏิเสธหนึ่งที
ทรรศน์ก้มลงมองหน้าคนแกล้งเจ็บ เห็นสายตาปริบๆ กับเสียงหวานๆ ที่ส่งมาเพื่อแกล้งหญิงสาวอีกคนโดยเฉพาะ ก็นึกสนุกตอบรับร่างเล็กตรงหน้าอย่างเต็มใจ
ได้สิ! เดี๋ยวผมเดินไปส่ง แล้วจะได้ช่วยดูข้อเท้าให้ด้วย ว่าแต่... คุณเดินไหวแน่นะ ต้องให้ผมช่วยประคองหรือช่วยอุ้มไหม ได้ทีทรรศน์กลับหันมาแกล้งเธอบ้าง เขาก้มลงถามใกล้ๆ พร้อมวางมือข้างที่ว่างลงบนหลังมือของคนตัวเล็กที่ยึดแขนเขาไว้
ไม่เป็นไรค่ะ คุณพูดอย่างกับว่านิราเจ็บหนัก เดี๋ยวคุณนายิกาก็ยิ่งรู้สึกผิดหรอกค่ะ แค่ให้นิราเกาะแขนไปก็พอ นิราเดินไหว นิรันตราพูดเสียงหวาน อยากจะดึงมือออกแค่ไหน ก็ต้องนิ่งไว้เพราะกลัวแผนแตก
เอาตัวรอดไปได้นะ... ทรรศน์หัวเราะเบาๆ กล่าวขอตัวกับทุกๆ คนในที่นั้น แล้วจึงพานิรันตราเดินแยกออกมา


พอพ้นสายตาของนายิกา นิรันตราก็รีบดึงมือที่ถูกทรรศน์ยึดเอาไว้ออก และขยับตัวออกห่าง
ขอบคุณนะคะที่มาเป็นเพื่อน แต่ส่งฉันแค่นี้ก็ได้ คุณไปต้อนรับแขกของคุณต่อเถอะค่ะ
แหม... ทีตอนนั้นนะ นิราอย่างนั้นนิราอย่างนี้ พอผมหมดประโยชน์ก็รีบถีบหัวส่งเลยนะ
ฉันกำลังจะไปหาเพื่อน คุณก็กลับไปทำงานของคุณต่อสิคะ เดี๋ยวต้องกล่าวเปิดงานแล้ว คุณไม่ต้องไปเตรียมตัวหรือไง นิรันตราให้เหตุผล

ระดับผมไม่ต้องเตรียมก็ได้ ผมเก่งอยู่แล้ว ไปสิ! เราไปหาเพื่อนคุณกัน พูดจบทรรศน์ก็คว้าข้อมือคนตัวเล็กไว้แล้วก้าวเท้ายาวๆ เดินนำจนนิรันตราแทบสาวเท้าตามไม่ทัน หญิงสาวไม่กล้าดิ้นมากให้เป็นที่สนใจ เพราะแค่เห็นทรรศน์เดินจูงมือเธอ เหล่าคนในงานก็พากันเมียงมอง ก่อนหันไปจับกลุ่มพูดคุยกันใหญ่แล้ว

นี่!! คุณทรรศน์! แล้วคุณรู้เหรอว่าเพื่อนฉันอยู่ที่ไหน นิรันตราถามเมื่อเขายังเดินจูงมือเดินลิ่ว
รู้สิ... ที่ภาพแจกันของคุณใช่ไหม คุณวาดได้สวยมากเลยนะ ใครเห็นก็ชมกันทั้งนั้น ทรรศน์ตอบและเดินให้ช้าลงเพื่อให้คนขาสั้นกว่าได้ตามทัน “มีคนจะขอซื้อด้วย แต่ผมไม่ขายหรอก ว่าจะเอาไปติดไว้ที่บ้าน
ถ้าคุณจะเก็บไว้ ฉันว่าเอาไปไว้ที่ร้านสักสาขาจะดูดีกว่านะคะ ไว้ที่บ้านฉันว่ามันดูแปลกๆ นิรันตราเสนอ เพราะรูปที่เธอวาดออกจะหรูหราแวววาวเกินกว่าที่จะไปอยู่ในบ้านคน
ไม่เอาหรอก เก็บไว้ที่บ้านน่ะดีแล้ว จะได้มองดูทุกวัน ก็ผมชอบของผม ทรรศน์พูดพร้อมจ้องมองมาที่ใบหน้าของหญิงสาว สายตาของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ อีกแล้ว ราวกับว่าเขาไม่ได้กำลังพูดถึงรูปภาพแต่เป็นเรื่องของเธอมากกว่า ว่าแล้วนิรันตราก็รีบพาตัวเองหนีออกจากอารมณ์หวั่นไหวแปลกๆ
นั่นไงคะเพื่อนฉัน ปล่อยให้รอนานเลย เธอบอกกับทรรศน์พร้อมสะบัดข้อมือออกจากมือใหญ่ที่ยึดไว้ แล้วเดินนำไปหาตรินยาที่ยืนมองดูรูปวาดของเธออยู่
ตรี... นี่คุณทรรศน์ คุณทรรศน์คะ นี่ตรี... ตรินยา เพื่อนของฉันเองค่ะ
นิรันตราแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน แล้วก็เริ่มร้อนตัวกับสายตาล้อเลียนของเพื่อน จึงรีบหันไปพูดกับคนที่เดินมาส่ง
ขอบคุณนะคะที่เดินมาส่ง ฉันว่าคุณไปเตรียมตัวกล่าวเปิดงานดีกว่า นี่คงใกล้ถึงเวลาแล้วล่ะค่ะ
ก็ได้... งั้นผมขอตัวก่อนนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณตรี แล้วเจอกันนะนิรา ทรรศน์ค้อมศีรษะลงนิดๆ ให้สองสาวแล้วก็เดินแยกตัวออกไป
นี่... ไอ้มินิ ตรินยาเรียกเพื่อนเมื่อเห็นว่าทรรศน์เดินไปพ้นระยะได้ยินแล้ว
หือ? นิรันตราละสายตาจากรูปภาพแจกันดอกไม้ ที่ทำให้นึกถึงคำพูดของร่างสูงที่เพิ่งเดินจากไป
ฉันว่านะ แกคงหนีตำแหน่งนายหญิงนี่ไม่พ้นแน่แล้วล่ะ
นายหญิงบ้าบออะไรของแก... ไม่รู้แล้ว! ไปหาของกินในงานกันเถอะ หิวจะแย่แล้ว” นิรันตราชักชวนกลบเกลื่อนแล้วก็ควงแขนเพื่อนสาวเข้าไปด้านในงานที่จัดซุ้มอาหารเอาไว้ทันที


ท่านผู้มีเกียรติทุกท่านครับ ขณะนี้ก็ได้เวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้วนะครับ” พิธีกรในงานที่ขึ้นมาดำเนินรายการบนเวทีเรียกความสนใจของผู้คนที่กระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ให้กลับเข้ามารวมกัน
และที่ทุกท่านจะได้รับชมต่อไปนี้ เป็นโชว์พิเศษที่เราตั้งใจจัดขึ้นเพื่อให้ทุกท่านในที่นี้ได้รับชมความงามของสินค้าของเรากันอย่างใกล้ชิดนะครับ เชิญทุกท่านเพลิดเพลินไปกับความงามของ JewÉle Land...ดินแดนแห่งอัญมณี... ของเราได้เลยนะครับ
ทันทีที่สิ้นเสียงของพิธีกร ไฟในงานก็ค่อยๆ หรี่มืดลง วงเครื่องสายบรรเลงเพลงขึ้นมาอย่างอ่อนหวาน แสงไฟสีชมพูสว่างสาดส่องไปทางด้านขวาของเวทีที่จัดเป็นโซนห้องนั่งเล่น เผยให้เห็นนางแบบวัยรุ่นน่ารักสดใสในชุดสีขาวฟูฟ่องนั่งหันข้างก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่ ผมสีบลอนด์ประดับไว้ด้วยเพชรสีชมพูแวววาว สักครู่เธอก็หันมาส่งยิ้มและขยับลุกก้าวเดินผ่านฝูงชนไปยังอีกด้านของงาน
การแสดงดำเนินไปเรื่อยๆ บทเพลง แสงไฟ และอัญมณีเปลี่ยนไปตามโซนต่างๆ ของงาน นางแบบแต่ละคนต่างก้าวเดินเข้าไปปะปนอยู่กับผู้คนไปทั่ว ทำให้แขกผู้มาร่วมงานได้สัมผัสกับบรรยากาศที่รายล้อมไปด้วยความระยิบระยับของอัญมณีกันอย่างใกล้ชิด
เสียงปรบมือดังขึ้นไม่ขาดสายเมื่อการแสดงจบลง และนางแบบก็กลับเข้าไปประจำที่ยังจุดเดิมของแต่ละคนเพื่อทำหน้าที่เป็นหุ่นโชว์ที่มีชีวิต


หวังว่าทุกท่านจะชื่นชอบกับโชว์พิเศษของเรานะครับ” พิธีกรกลับขึ้นมากล่าวบนเวที “และขณะนี้ก็ถึงเวลาเปิดตัว JewÉle Land อย่างเป็นทางการแล้ว ขอเรียนเชิญคุณทรรศน์ครับ
เพียงแค่ทรรศน์ก้าวขึ้นมาบนเวที เหล่านักข่าวทั้งหลายก็พร้อมใจกันกรูเข้ามาเก็บภาพรองประธานหนุ่มกันยกใหญ่ สาวๆ ที่ผ่านรอบสองมาได้ต่างพากันแทรกตัวเข้ามายึดครองพื้นที่หน้าเวทีเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่มที่สุด 
ทรรศน์กล่าวแนะนำธุรกิจน้องใหม่ของซันไรส์อย่างสั้นกระชับและชาญฉลาด ในขณะที่ฉากด้านหลังก็ฉายภาพส่วนของโรงงานและหน้าร้านสาขาต่างๆ รวมไปถึงสินค้าต่างๆ มากมาย โดย JewÉle Land นี้เป็นธุรกิจศูนย์กลางการค้าอัญมณีครบวงจรที่ต่อยอดจากธุรกิจเหมืองพลอยมาอีกที
ผมหวังว่า JewÉle Land จะได้รับการตอบรับจากทุกท่านเป็นอย่างดีเหมือนที่ผ่านๆ มานะครับ ขอบคุณครับ” ทรรศน์กล่าวทิ้งท้าย แน่นอนว่าต้องตามมาด้วยเสียงปรบมือและแสงแฟลชเหมือนเคย
ครับ ขอบคุณคุณทรรศน์มากนะครับ พิธีกรกล่าว “และต่อไปนี้ก็เชิญทุกท่านมีความสุขไปกับการเดินชมความงดงามตระการตาของดินแดนแห่งอัญมณีของเรากันตามสบายเลยนะครับ


ท้องก็อิ่มแล้ว เราไปเดินดูอะไรๆ กันเถอะตรี เผื่อจะเจอเม็ดใหญ่ๆ สักเม็ด ฉันว่างานใหญ่ขนาดนี้คงขาดไม่ได้” นิรันตราพูดขึ้นกับตรินยาหลังจากที่ลากเพื่อนสาวมาหาของกินได้สักพักใหญ่
แล้วจะมองหาให้ใคร แกหรือฉัน ตรินยาถาม
ก็ต้องแกสิ” นิรันตราชี้มาทางคนถาม “แกเป็นคนนอก ไม่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกคงทำอะไรๆ ได้สะดวกกว่า ไม่ต้องคอยระวังทุกฝีก้าวเหมือนฉัน แถมแกก็เตรียมตัวมาพร้อมแล้วด้วย หรือไม่ใช่?” เธอหยอดหางเสียงว่ารู้ทันพร้อมหลิ่วตามองกระเป๋าถือใบเล็กของเพื่อน
หึ ก็ใครมันขอให้ฉันเตรียมมาด้วยล่ะ เออน่า… ถ้าเจอเม็ดใหญ่ๆ สวยๆ เมื่อไหร่ ฉันจะแทรกตัวเข้าไปดูๆ แตะๆ มาให้เอง” ตรินยารับปาก แล้วทั้งสองสาวก็เริ่มเดินชมสินค้าตามส่วนต่างๆ ของงาน แต่สิ่งที่ทั้งสองมองหากลับไม่ใช่อัญมณีเม็ดใหญ่อย่างที่พูด แต่หมายถึงคาโม... หัวหน้าบอดี้การ์ดที่ควรจะอยู่ในงานนี้ด้วย 
ทั้งนี้เพราะนิรันตราต้องการติดต่อกับคาโมไว้ก่อน เพื่อจะได้ช่วยกันวางแผนและขอข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ที่จะใช้เก็บตัวผู้เข้าคัดเลือกรอบสุดท้าย


หลังจากเดินหากันอยู่นานพอสมควร ทั้งคู่ก็เห็นนายคาโมยืนอยู่ไม่ห่างจากทรรศน์มากนัก เขากำลังทำหน้าที่อย่างแข็งขัน สองตานั้นสอดส่องไปยังทุกคนที่เข้าไปใกล้รัศมีที่จะสามารถทำร้ายทายาทหนุ่มได้
เดี๋ยวฉันบุกเข้าไปดูเพชรเม็ดใหญ่ให้ แกก็ยืนเก๊กสวยตรงนี้ไปแล้วกันนะ” ว่าแล้วตรินยาก็เดินเข้าไปทางเป้าหมายตัวโต และหยุดยืนมองชุดเครื่องเพชรที่จัดแสดงอยู่ใกล้กับคาโมมากที่สุด เธอหยิบอุปกรณ์รูปร่างคล้ายโทรศัพท์มือถือออกมากด ใส่หูฟังแล้วก็รอฟังเสียง มันเป็นเครื่องดักสัญญาณวิทยุที่พวกฝ่ายรักษาความปลอดภัยใช้ติดต่อกันภายในงาน ตรินยาดักฟังเสียงและรอจนถึงตอนที่เป็นเสียงจากเครื่องของคาโม เธอก็กดปุ่มให้เครื่องล็อกสัญญาณและเริ่มค้นหาช่องสัญญาณ จากนั้นจึงทำการแทรกสัญญาณความถี่เฉพาะเพื่อทำการติดต่อกับคาโมโดยตรง หลังจากทำการเชื่อมสัญญาณเรียบร้อย ตรินยาก็ขยับถอยให้ห่างออกมาจากกลุ่มคน แต่ยังมองเห็นเป้าหมายของเธอได้ชัดเจน แล้วเริ่มการเจรจา
สวัสดีค่ะ คุณคาโม เมื่อคาโมได้ยินเสียงแปลกปลอมก็ขยับหูฟังของตัวเองอย่างสงสัย พร้อมทั้งหันหน้ามองหาที่มาของเสียง
คุณไม่ต้องสงสัยอะไรนะคะ ดิฉันเป็นคนของลุงกษมาค่ะ” ตรินยารีบบอก
เครื่องวิทยุของคุณจะยังสามารถฟังและโต้ตอบกับทีมของคุณได้ตามปกติค่ะ จากตรงนี้คุณต้องไม่พูดอะไรกับฉันนะคะเพราะลูกทีมคุณจะได้ยินไปด้วย เพียงแค่ฟังแล้วพยักหน้ากับส่ายหน้าก็พอ ฉันมองดูคุณอยู่ค่ะ หลังจากจบคำของหญิงสาว คาโมก็ก้มหน้าลงและเงยขึ้นช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต “คุณคงเห็นรายชื่อเพื่อนของฉัน... นิรันตรา ในการคัดเลือกครั้งนี้แล้ว เธอกำลังต้องการติดต่อกับคุณ แต่ติดที่มันอาจจะทำให้เธอดูน่าสงสัยและถูกจับตามองจากคนร้ายไปด้วย เพราะเราค่อนข้างมั่นใจว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในค่ะ” 

การหาข่าวภายในของแสงสุรียฉัตรนั้นยากมาก จนน่าจะตัดความเป็นไปได้ที่คนนอกจะรู้เรื่องระเบิดและเรื่องที่มีคนคลุ้มคลั่งภายในกองคัดเลือกไปได้เลย ขนาดละมุนพรรณลงทุนทุ่มสุดตัวแล้วยังหาข้อมูลเกี่ยวกับการคัดเลือกได้มาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น การแฮ็กค์เข้าระบบคอมพิวเตอร์ภายในก็ทำไม่สำเร็จ ทั้งที่อุตส่าห์แก้รหัสฝ่าด่านป้องกันเข้าไปได้แล้วถึงสองด่าน พอกำลังจะผ่านด่านสุดท้ายก็เหมือนทางนั้นจะรู้ตัวจึงสร้างกำแพงป้องกันเพิ่มมาอีกชั้น ละมุนพรรณพยายามทะลวงสู้กับฝ่ายนั้นแต่ก็มีกำแพงสร้างเพิ่มขึ้นมาอีก และมันเป็นอย่างนี้อยู่ข้ามคืน จนแฮ็กเกอร์สาวต้องยอมแพ้ เมื่อทางนั้นแกะรอยกลับเข้ามาที่เครื่องของเธอได้สำเร็จและส่งข้อความมาว่า
‘Now, I’ve Found You o_O’
ละมุนพรรณต้องยอมตัดใจถอนตัวออกมาอย่างเจ็บใจ ไม่อย่างนั้นนอกจากเครื่องของเธอที่ถูกพบ ทั้งที่อยู่และตัวตนของเธอ รวมถึงข้อมูลต่างๆ ในเครื่องก็อาจจะถูกอีกฝ่ายล้วงไปได้เช่นกัน

การไปพบคุณตรงๆ จะทำให้เราขยับตัวทำอะไรได้ลำบากตามไปด้วย เราจึงเตรียมโทรศัพท์ไว้ให้คุณเครื่องหนึ่งเพื่อติดต่อกับเราโดยเฉพาะ มันติดตั้งเครื่องรบกวนการดักฟังไว้แล้ว คุณพอจะพาไปหามุมที่พอจะหลบจากกล้องวงจรปิดในงานให้หน่อยได้ไหมคะ ตรินยาถามหาความช่วยเหลือ เพราะงานนี้เป็นงานที่จัดแสดงสินค้าแบบไม่มีตู้กระจกครอบไว้ กล้องที่ใช้จับตาดูความเรียบร้อยภายในงานจึงมีมากเป็นพิเศษ
คาโมพยักหน้าช้าๆ เคาะนิ้วชี้ไปที่นาฬิกาข้อมือและยกนิ้วขอเวลาสามนาที เขาเรียกให้ลูกทีมคนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทนในจุดที่เขายืนอยู่ แล้วทำเหมือนเดินตามทรรศน์ไป เมื่อใกล้ถึงจุดบอดของกล้องเขาก็พยักหน้าหนึ่งทีและหยุดยืน สายตาก็มองดูรอบๆ ตัว ทั้งเพื่อดูแลความปลอดภัยและมองหาเจ้าของเสียงที่พูดกับเขา
ตรินยาออกเดินตามคาโมมาห่างๆ เมื่อเห็นเขาพยักหน้าก็หยุดมอง รอจนเขายืนอยู่กับที่แล้วเธอจึงเดินตรงเข้าไปใกล้ หญิงสาวเดินเฉียดเข้าไปด้านข้าง แล้วหย่อนวัตถุรูปทรงเหมือนหูฟังบลูทูธเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา ก่อนจะเดินผ่านไปยืนมองสินค้าซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
แค่กดปุ่มสีเขียวแล้วเสียบหูฟัง คุณก็จะรับสายหรือโทรออกได้ ปุ่มเบอร์หนึ่งคือเลือกโทรออกหาเครื่องของนิรา ส่วนเบอร์สองเป็นของฉันค่ะ” ตรินยาแนะนำการใช้
ถ้าอยู่ในที่ส่วนตัวแล้วคุณก็ลองต่อเข้ามาดูนะคะ ทำงานของคุณต่อเถอะค่ะคุณคาโม สวัสดีค่ะ” พูดจบเธอก็กดตัดสัญญาณทิ้งไปและแยกตัวออกมาเดินหาตัวเพื่อนสาว


ทางด้านนิรันตราเมื่อแยกกับเพื่อนสาวก็ไม่รู้จะทำอะไร เธอยืนมองซ้ายมองขวาหาคนรู้จัก แล้วก็เจอชมพูนุชยืนอยู่กับหม่อมหลวงจิรประไพพอดีจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหา
สวัสดีชม มองหาคนรู้จักตั้งนาน งานนี้คนเยอะจริงๆ นะ” นิรันตราพูดกับชมพูนุช ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ ชมพูนุชจึงทำหน้าที่แนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน
สวัสดีค่ะคุณจิรประไพ
เรียกน้อยเหมือนที่พี่ชมเรียกเถอะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณนิรันตรา... เจ้าของผลงานที่เด่นที่สุดในงานนี้นะคะ” จิรประไพกล่าวชมอย่างจริงใจ
ขอบคุณค่ะ น้อยก็เรียกนิราเฉยๆ ก็ได้ค่ะ แต่น้อยเก่งจังนะคะที่ประดิษฐ์โคมไฟสวยๆ อย่างนั้นออกมาได้
ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พอดีได้นมช่วยหาคนมาสอนให้ คนสอนเขาเก่งค่ะ จิรประไพยิ้มอย่างเขินๆ เมื่อถูกชม
สามสาวยืนคุยกันอยู่สักพักก็มีกลุ่มนักธุรกิจจากแถบละตินอเมริกาเดินเข้ามา ชวนพูดคุยด้วย และมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนจะสนใจชมพูนุชเป็นพิเศษ ถึงกับออกปากชวนพวกเธอไปฟังเพลงเต้นรำกันต่อ แต่พอพวกเธอทั้งสามยืนกรานปฏิเสธ พวกเขาก็เริ่มไม่พอใจและพูดจาไม่รู้เรื่อง
พวกเธอเข้ารอบคัดเลือกแล้วก็ถือเป็นคนของซันไรส์ ควรเอาใจลูกค้าอย่างเราหน่อยสิ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นและถือวิสาสะจะเอื้อมมือมาจับตัวชมพูนุช นิรันตราจึงรีบเข้าไปปัดมือเขาออกและยืนขวางไว้
เธอกล้าทำตัวอย่างนี้กับลูกค้าอย่างฉันเหรอ ถ้าฉันไม่พอใจขึ้นมา ซันไรส์จะเสียรายได้ไปเท่าไหร่ พวกเธอคงไม่มีปัญญาชดใช้แน่” เขาเอื้อมมือมาจะจับตัวหญิงสาวในชุดสีชมพูอีกครั้ง แต่นิรันตราก็ปัดมือสีแทนนั้นออกอีกครั้งซ้ำยังแรงกว่าเดิม ตามด้วยการจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง และมันก็ทำให้ชายหนุ่มสบถรัวเร็วออกมาอย่างหัวเสีย
ยายเด็กโง่เอ๊ย!! คิดจะมีเรื่องกับฉันอย่างนั้นเหรอ ไม่รู้จักคิดจริงๆ รู้ไหมว่ากองคัดเลือกให้พวกฉันมาช่วยตัดสินพวกเธอด้วย อย่างนี้มันน่าตัดตกรอบกันให้หมด พูดดีๆ ไม่รู้เรื่อง
ค่ะพูดดีๆ กับคนพาลและไร้ความเป็นสุภาพบุรุษอย่างพวกคุณคงไม่รู้เรื่องกันแน่ๆ” นิรันตราเอ่ยเสียงเรียบข่มความโมโห พร้อมใช้หางตามองเขาอย่างเหยียดๆ
แล้วถ้าคุณจะบีบให้กรรมการคัดพวกฉันตกรอบ ก็ช่วยใช้สมองที่มีแต่เรื่องพรรณนี้ของคุณหาเหตุผลดีๆ ไปอ้างด้วยนะคะว่าเพราะอะไร ฉันว่าทางซันไรส์ก็คงไม่พอใจกับสิ่งที่คุณทำกับเราเหมือนกัน
พวกเราหญิงไทยไม่เคยมีค่านิยมที่จะไปไหนต่อไหนกับผู้ชายที่เพิ่งพบกันหรอกค่ะ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่น่าไว้วางใจ จิรประไพตอบกลับไปบ้าง
และไม่มีผู้หญิงคนไหนที่อยากไปเดทกับคนที่หยาบคายและดูถูกพวกเธอหรอกนะคะ ชมพูนุชเสริมทับ 
ชายกลุ่มนั้นอึ้งไป ไม่คิดว่าพวกเธอจะกล้าพูดจาตอบโต้กลับอย่างนี้ ทั้งที่พวกเขายกเรื่องการตัดสินมาขู่แล้วก็ตาม
เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์คนหนึ่งรีบเดินเข้ามาเมื่อเห็นว่าทางนี้น่าจะมีปัญหา
งานของเรามีอะไรไม่เป็นที่พอใจหรือเปล่าคะ เธอแกล้งถามแทรก
ไม่มีอะไร พวกเราแค่เข้ามาถามเกี่ยวกับผลงานของพวกสาวๆ ที่โชว์อยู่เท่านั้น” ชายคนหนึ่งในกลุ่มตอบขึ้นมาเพื่อตัดบท
อ๋อ... ค่ะ ดิฉันนึกว่าทางเราจัดงานตรงไหนบกพร่องไปหรือทำอะไรให้ไม่พอใจ เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ ส่วนคุณสามคน เจ้าหน้าที่หันมาทางสามสาว จัดการแก้ไขปัญหาโดยการแยกทั้งสองฝ่ายให้อยู่ห่างกันไว้ก่อน “ดิฉันได้ยินว่าจะมีการเรียกรวมตัวผู้เข้ารอบที่ห้องประชุมด้านหลังนะคะ พวกคุณน่าจะไปเตรียมตัวสักหน่อยก่อนดีไหมคะ
ค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาบอก คงคุยกันเพลินไปหน่อยถึงไม่รู้เรื่องอะไรกันเลย งั้นเราขอตัวก่อนนะคะ” จิรประไพกล่าวลามาทางกลุ่มผู้ชายที่ยังยืนอยู่ แล้วก้าวแยกตัวออกมา
ลาแล้ว... ลาขาด... อย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้พวกผู้ชายงี่เง่า!” นิรันตราไม่วายทิ้งท้ายไว้ด้วยยังโมโหอีกฝ่ายไม่หาย
ชมกับน้อยไปกันก่อนก็ได้นะ ขอนิราบอกเพื่อนก่อน แล้วจะตามเข้าไป เธอบอกกับสองสาวเมื่อมองเห็นตรินยากำลังเดินเข้ามาหา


ฉันไม่อยู่เดี๋ยวเดียว มีหนุ่มละตินรูปหล่อมารุมจีบซะแล้ว” สาวตาคมเดินมาถึงก็เอ่ยล้อทันที
จีบฉันซะที่ไหน จีบหญิงชมพูหรอก ฉันแค่ยืนอยู่ด้วยเฉยๆ” นิรันตราตอบแบบไม่สนใจ แล้วก็ถามถึงเรื่องของคาโม “แล้วแกตามหาดูเพชรถึงไหน ได้อะไรมามั่ง
ได้เข้าไปใกล้ๆ ได้ไปแตะๆ ดู เรียบร้อยแล้ว’ แต่คนเยอะไม่ค่อยสะดวก ไว้รอปลอดคนแล้วค่อยว่ากันอีกที” ตรินยาตอบเพื่อน โดยเน้นคำว่า ‘เรียบร้อยแล้ว’ เป็นใจความสำคัญ
เดี๋ยวฉันจะต้องเข้าไปรวมตัวผู้เข้ารอบอีกแล้ว แกจะกลับก่อนก็ได้นะ” ร่างเล็กบอกข่าว ไม่อยากให้เพื่อนต้องอยู่รอจนดึก
แล้วแกจะกลับยังไง ตอนเช้าก็ไม่ได้เอารถมานี่” ตรินยาถามอย่างเป็นห่วง
คงจะโทรให้รถที่บ้านมารับน่ะ
งั้นไม่ต้องเลย เดี๋ยวฉันไปส่งให้ เอาเป็นว่าเสร็จเมื่อไหร่แกก็โทรมาแล้วกัน ฉันจะไปนั่งรอแถวๆ หน้างานนั่นแหละ” ตรินยาพูดจบก็เดินแยกไปไม่รอให้เพื่อนได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
เออ... ก็ดี! มีเพื่อนดีนี่สบายไปร้อยแปดอย่างจริงๆ เลย” นิรันตรายิ้มบ่นกับตัวเองอย่างอารมณ์ดีอยู่ไม่ทันไรก็มีเสียงขัดความสุขดังมาจากด้านหลัง
อารมณ์ดีจริงนะ ได้ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ของผมหายไปเนี่ย” ทรรศน์เดินเข้ามาทักเมื่อเห็นโอกาสเหมาะที่คนตัวเล็กยืนอยู่คนเดียว
ลูกค้าอะไรคะ คุณอย่าบอกนะว่า... กลุ่มผู้ชายที่เข้ามาหาเรื่องพวกฉัน” 
นิรันตราถามอย่างไม่แน่ใจ ไม่คิดว่าคนพวกนั้นจะขี้ฟ้องเอาเรื่องจริงๆ
บังเอิญว่าใช่เสียด้วยสิ เราเพิ่งยกเลิกสัญญาซื้อขายกันอย่างไม่เป็นทางการไปไม่ถึงห้านาทีนี้เอง” ทรรศน์บอกด้วยอาการนิ่งๆ เหมือนไม่เสียดายเลย
ฉันไม่ผิดนะ ก็พวกเขามาหาเรื่องกันก่อน พูดดีๆ ก็ไม่รู้เรื่อง... แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ นะคะ นิรันตราเริ่มร้อนตัวกลัวว่าจะเป็นตัวการทำให้เขาต้องเสียลูกค้ารายใหญ่ไป
ผมยังไม่ได้ว่าคุณผิดสักคำ คุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่ หรือว่าไม่ใช่ ทรรศน์เริ่มสนุกกับการเฝ้าดูปฏิกิริยาของเธอ อีกทั้งยังอยากรู้ว่าเธอจะแก้ตัวยังไงบ้าง แม้จะรู้แก่ใจว่าความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของพวกเธอ เพราะฝ่ายที่ขอยกเลิกสัญญาในครั้งนี้คือตัวเขาเอง ชายหนุ่มไม่ต้องการให้ใครสำคัญตัวเองผิดคิดว่าทางซันไรส์ต้องง้อลูกค้าขนาดต้องคอยเอาใจด้วยเรื่องส่วนตัว ฝ่ายนั้นต่างหากที่ต้องคอยพึ่งพาชื่อสินค้าของซันไรส์อยู่
นอกจากนั้นยังมีเหตุผลลึกๆ ที่เขายังไม่แน่ใจในตัวเองอีกอย่างหนึ่ง ว่าอาจเป็นเพราะเขาไม่พอใจที่คนตัวเล็กตรงหน้านี้ถูกพวกนั้นดูถูก เขาไม่อยากยอมรับเลยว่าจะมีใครสามารถเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจของเขา
แต่ฉันว่ากับคนพวกนี้อย่าทำธุรกิจด้วยเลย แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เก็บมาใส่ใจ เอาเข้ามาเกี่ยวจนเสียงาน ไม่ได้เรื่องเลยนะ แย่จริงๆ คุณว่าไหม” นิรันตราหาข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอด แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นเหมือนเธอว่ากระทบชายหนุ่มเสียเองโดยที่คนพูดยังไม่รู้ตัว ยังดีที่อย่างน้อยทรรศน์ก็ไม่ได้ตัดสินใจผิดให้เสียงาน แต่กลับเป็นผลดีมากกว่าเพราะทำให้สามารถเปิดโอกาสรับข้อเสนอของกลุ่มธุรกิจอื่นที่ดีกว่าเดิม
แต่รายนี้ก็น่าเสียดาย ลูกค้ารายใหญ่ด้วยสิ” ทรรศน์ยังแกล้งพูดให้คนตัวเล็กรู้สึกผิดต่อ
ไม่ต้องเสียดายไปหรอก ทางไอ้พวกนั้นต่างหากที่ต้องเสียประโยชน์ อย่างซันไรส์นะ เดี๋ยวก็มีคนติดต่อเข้ามาใหม่ ดีไม่ดีแย่งกันให้ข้อเสนอที่ดีกว่าเดิมเสียอีก ไม่แน่นะ ยกเลิกสัญญาวันนี้ พรุ่งนี้เช้าต้องมีเข้ามาใหม่เต็มโต๊ะคุณแน่ๆ นิรันตราคิดวิเคราะห์สถานการณ์แล้วก็ไม่รู้สึกผิดมากมายเท่าตอนแรกๆ จึงกล้าพูดเล่นในตอนท้ายหวังจะให้ใบหน้านิ่งๆ เคร่งเครียดนี้ดูดีขึ้นมาบ้าง
แต่ผมต้องเสียลูกค้าเก่าแก่ไปนะ คุณจะชดใช้ให้ผมยังไงฮะ” ทรรศน์เอ่ยทวงด้วยเสียงเครียดเข้มขึ้นเมื่อรู้สึกว่าคนตรงหน้าเริ่มไม่รู้สึกผิดแล้ว
อย่างฉันจะมีปัญญาอะไรไปชดใช้เล่า เงินคุณก็มีตั้งเยอะแยะ แค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอกน่า นิรันตราชักเริ่มหวั่นๆ เพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาพอชดใช้เขา แต่ยังฝืนยิ้มใช้นิ้วสะกิดแขนขอโทษคนตรงหน้าที่อยู่ๆ ก็เหมือนจะโมโหหน้าเข้มขรึมขึ้นมา
ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ มันจะเสียหายมากนะ รู้ตัวหรือเปล่า เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองเท่านั้น ไหนจะเรื่องความน่าเชื่อถือของทางเราอีก ทรรศน์ขู่สำทับไปอีก เขาจับแขนคนตรงหน้ามายึดไว้ ทำหน้าเครียดกลบความขำในสีหน้ายุ่งๆ กับคิ้วขมวดของคนตรงหน้า ที่เพียงไม่นานก็เปลี่ยนไปเป็นตาลุกวาวด้วยความโมโหอย่างรวดเร็ว
เอ๊ะก็แล้วจะเอาไงล่ะคะ จะให้ฉันชดใช้อะไรก็ว่ามาเลย หาให้ได้ก็จะหามาให้” นิรันตราเริ่มหัวเสียขึ้นมาบ้าง เธอไม่ชอบบรรยากาศที่เหมือนถูกข่มขู่โดยไม่สามารถโต้ตอบได้อย่างนี้มากที่สุด
คุณรับปากผมแล้วนะ ทรรศน์ถามย้ำไม่ให้เธอกลับคำ
ฉันบอกว่าถ้าหามาได้ก็จะหาให้แน่นอน นิรันตราพูดหลังจากที่บิดมือหลุดออกมาได้ เธอขยับออกห่างแล้วกอดอกเชิดหน้าพูดกับคนตัวโต “คนอย่างนิรันตราพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว
ให้มันแน่นะ
หญิงสาวพยักหน้าตอบไป “แน่นอน
ผมอยากหาคนไปทานมื้อดึกเป็นเพื่อนกันหน่อย ในงานคุยแต่เรื่องธุรกิจตลอด ยังไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย” ทรรศน์พูดเรียบๆ แล้วก็ต้องยิ้มขำออกมาเพราะหน้าเหวอๆ แสดงความแปลกใจของคนตัวเล็ก
หาแค่หาเพื่อนกินข้าวเนี่ยนะคะ เพี้ยนหรือเปล่า ฉันทำคุณเสียหายตั้งเท่าไหร่ คุณให้ชดใช้แค่ไปกินข้าวเป็นเพื่อน แค่นี้น่ะเหรอ? นิรันตราถามเป็นชุดด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเขาก็รู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอกต้ม
นี่คุณแกล้งอำฉันอย่างนั้นเหรอ! แต่ว่า... แน่ใจนะคุณ... ไม่มีชดใช้อะไรรอบสองแล้วนะ” หญิงสาวเหล่ตาถามดูให้แน่ใจ
เพื่อนทานข้าวดีๆ อย่างคุณหายากกว่าเงินล้านเสียอีก ทานข้าวด้วยแล้วเจริญอาหารดี ยิ่งเป็นตอนเครียดๆ ทานอะไรไม่ค่อยลงอย่างตอนนี้ด้วย ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้นหรอกน่า ไปเถอะ ไปทานข้าวกัน ทรรศน์ทำท่าจะเข้ามาจูงมือบางแต่หญิงสาวรีบสะบัดมือหลบทัน
แต่ว่าฉันต้องเข้าไปที่ห้องประชุมก่อนค่ะ เขาเรียกรวมผู้เข้ารอบหลังงานจบ ไม่รู้ว่านานหรือเปล่า คุณหิวมากไหม นิรันตราลองหยั่งเชิงถามดู ถ้าเขาหิวนักก็จะได้ไล่ส่งให้ไปทานคนเดียวก่อนเลย
ทนมาตั้งนานแล้ว รออีกนิดคงไม่เป็นอะไร ถ้านานมากนักเดี๋ยวผมจะเข้าไปเร่งเอง ไม่รู้จะคัดเลือกอะไรมากมายนักหนา” ทรรศน์ว่าอย่างเบื่อๆ “คุณไปเถอะ เดี๋ยวผมจะรอแถวๆ นี้
ก่อนเข้าไปในห้องประชุม นิรันตราก็โทรศัพท์บอกเพื่อนสาวที่อาสาจะรอกลับบ้านด้วยให้กลับไปก่อนได้เลย และหลังจากที่เธอเล่าเหตุผลว่าทรรศน์จะให้ไปทานข้าวเป็นเพื่อน ตรินยาก็ล้อขึ้นมาทันที
“ไม่เห็นหน้าเจ้ากินข้าวไม่ลง อย่างนั้นเหรอ” 
แต่นิรันตราก็รีบบอกปัดไปว่าไม่มีอะไรอย่างที่เพื่อนสาวล้อเลียนมาหรอก ตอนนี้เธอคิดว่าทรรศน์ก็เป็นเหมือนเพื่อนใหม่คนหนึ่งเท่านั้นเอง


ภายในห้องประชุม กรรมการคัดเลือกได้แจ้งคะแนนสะสมของสาวๆ แต่ละคน ซึ่งคะแนนนี้จะเก็บรวบรวมไปเรื่อยๆ และใครที่ได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ก็จะถูกตัดให้ตกรอบไปในทันที และเหมือนที่ทั้งสามสาวได้คาดเอาไว้... นิรันตรา ชมพูนุชและจิรประไพได้คะแนนต่ำกว่าคนอื่นๆ อย่างชัดเจน เพราะกลุ่มผู้ชายที่เธอมีเรื่องด้วยกดคะแนนพวกเธอเสียจนแทบจะเป็นศูนย์ ยังดีที่มีคะแนนจากแขกคนอื่นๆ ในงานช่วยฉุดให้พวกเธอผ่านเกณฑ์มาได้ ส่วนผลจากการโหวตผลงานของพวกเธอก็ช่วยเพิ่มคะแนนพิเศษให้กับนิรันตราและจิรประไพได้มากทีเดียว เป็นห่วงก็แต่ชมพูนุชที่ไม่ค่อยได้คะแนนตรงส่วนนี้สักเท่าไหร่ ทำให้ต้องกดดันกับการทำคะแนนในรอบหน้าเป็นอย่างมาก
เมื่อเรื่องในห้องประชุมเรียบร้อย นิรันตราก็ชวนชมพูนุชและจิรประไพไปทานข้าวด้วยกัน โดยอ้างว่าทรรศน์ต้องการให้พวกเธอที่ทำให้เขาต้องเสียลูกค้าแก้ตัวด้วยการไปทานข้าวเป็นเพื่อน ความจริงแล้วหญิงสาวก็พอรู้ตัวว่าเขาชวนเธอแค่คนเดียว แต่เมื่อฟังตรินยาล้อเข้ามากๆ บวกกับความรู้สึกแปลกๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองในเวลาที่ถูกดวงตาคู่สวยจ้องมองตรงๆ ก็ทำให้เธอชักจะคิดมากไม่อยากอยู่กับเขาตามลำพังสองต่อสอง


เมื่อเห็นสองสาวเดินมาพร้อมกับนิรันตรา ทรรศน์ก็พอเข้าใจได้ว่าคนตัวเล็กกำลังมีแผนอะไรอยู่... งานนี้แม่ลูกแมวของเขาเข้าใจหาเรื่องมาอ้างที่จะไม่ไปกับเขาสองคน เพราะรู้ว่าเขาคงไม่ปฏิเสธให้เสียมารยาท 
รอนานไหมคะ ฉันพาผู้ร่วมกระทำผิดมาอีกสองคนค่ะ” นิรันตรารีบชิงอธิบายทันทีที่เห็นสายตาชายหนุ่ม “นี่ หม่อมหลวงจิรประไพค่ะ และอีกคนคุณก็รู้จักแล้ว ฉันว่าทานกันหลายๆ คนสนุกดีนะคะ จะได้เจริญอาหารขึ้นอีกไง
สวัสดีครับ ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป เชิญทานข้าวด้วยกันกับเราสองคนสักมื้อนะครับ” ทรรศน์กล่าวเชิญอย่างสุภาพ แต่ก็จงใจแทรกคำพูดให้หญิงสาวอีกสองคนรับรู้ว่าเขาตั้งใจไปกับนิรันตราแค่เพียง สองคน
ทั้งสองสาวเมื่อได้ยินคำอธิบายของนิรันตราและคำเชิญของทรรศน์ก็พอรู้ตัว แต่โอกาสที่จะได้ไปทานข้าวกับทรรศน์เป็นการส่วนตัวอย่างนี้หาได้ง่ายๆ เสียที่ไหน พวกเธอจึงแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้
ไม่รบกวนหรอกค่ะ รู้สึกเป็นเกียรติมากกว่า ชมพูนุชพูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มหวาน
น้อยต้องรอกลับพร้อมพี่ชมค่ะ เลยว่ายังไงก็ว่าตามกัน” จิรประไพเอออออย่างคนหัวอ่อน 
ฉันเห็นคุณให้ชดใช้ด้วยมื้อค่ำ ก็กลัวว่าคุณจะให้เลี้ยงของแพงๆ แล้วเดี๋ยวเงินฉันไม่พอก็แย่สิ เลยหาคนมาช่วยหารเพิ่ม มันจะได้อุ่นใจ” นิรันตราชี้แจงจุดประสงค์กับทรรศน์ เพื่อไม่ให้ทั้งสองสาวรู้สึกแปลกแยกเพราะคำพูดของชายหนุ่มจนเกินไป
เอาเถอะ แต่รถของผมคงนั่งกันไม่หมด เพราะยังมีคนของผมอีกสองคน ทรรศน์บอก ตอนแรกนั้นเขาคิดว่าจะขับรถไปเองซึ่งมันก็พอที่จะนั่งไปสบายๆ ทั้งสี่คน... แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว
ถ้าอย่างนั้นให้ชมขับตามไปอีกคันก็ได้ค่ะ พอทานกันเสร็จจะได้กลับเลย นิราจะไปด้วยกันไหม ไม่ได้เอารถมานี่ เดี๋ยวชมไปส่งบ้านให้” ชมพูนุชหันมาถาม
ได้...” นิรันตรากำลังจะตอบตกลง แต่ก็มีเสียงจิรประไพขัดขึ้นมาก่อน
แต่น้อยว่าให้พี่นิรานั่งไปเป็นเพื่อนคุณทรรศน์ดีกว่านะคะ เพราะรถพี่ชมมีตุ๊กตาอยู่เต็มหลังรถไปหมดเลย พี่นิราคงนั่งไม่ค่อยสบาย เอาอย่างนี้แหละนะคะ หม่อมหลวงสาวเสนอขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนจะเกรงใจในใบหน้านิ่งขรึมของชายหนุ่ม เธอรับรู้ได้ว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังให้ความสนใจพี่สาวคนใหม่ของเธอเป็นพิเศษ และคงไม่พอใจที่มีพวกเธอตามไปด้วยสักเท่าไหร่ จึงไม่อยากจะแยกตัวนิรันตรามาให้เขายิ่งเสียอารมณ์
เอาอย่างงั้นก็ได้ ฉันขอติดรถไปด้วยคนนะคะ” นิรันตราหันมาบอกทรรศน์ที่รอฟังคำตอบอยู่
ได้สิ ผมว่าเราไปกันเลยดีกว่า” ทรรศน์พูดจบก็ผายมือให้สาวๆ เดินนำไปก่อน ส่วนเขาก็เดินมองตามหญิงสาวตัวเล็กที่พูดคุยกับอีกสองสาวอย่างถูกคอ พลางนึกคาดโทษในใจ เจ้าเล่ห์นักนะ คิดว่าจะหลบเขาได้อย่างนั้นเหรอ


เมื่อถึงรถยนต์คันหรู คนของทรรศน์ก็เปิดประตูรถตอนหลังออก ชายหนุ่มแตะหลังรุนให้คนตัวเล็กเข้าไปก่อน แล้วจึงแกล้งทิ้งตัวตามเข้าไปทันที หญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ทันได้ตั้งตัวว่าเขาจะเข้ามาทางนี้เลยต้องรีบขยับหนีไปได้อย่างฉิวเฉียด ไม่อย่างนั้นคนตัวโตๆ อย่างเขาต้องทับเธอแบนไปกับเบาะแน่
นี่คุณทำไมไม่เข้าอีกประตูหนึ่งเล่า นิรันตราหันมาโวยวาย จะขยับตัวออกห่างไปชิดประตูอีกฟากหนึ่งก็ติดว่าชายกระโปรงของเธอถูกคนตัวโตนั่งทับอยู่ เธอจึงทุ่มแรงทั้งตัวดึงมันออก แล้วพอมันหลุดออกมาได้... ตัวเธอก็กระเด็นจนหัวโขกกับกระจกหน้าต่างอีกด้านของรถเสียงดังตุบ!
โอ๊ย!” นิรันตรายกมือลูบหัวป้อยๆ พร้อมมองหน้าเอาเรื่องตัวต้นเหตุที่ยังนั่งยิ้มหน้าตาเฉยอย่างเจ็บใจ
หึๆ ก็ผมหิว รอคุณมาตั้งนานแล้ว เลยขี้เกียจเดินอ้อมไปให้เสียเวลา” ทรรศน์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบมาอย่างที่หญิงสาวคิดว่ากวนประสาทเป็นที่สุด
แล้วทำไมไม่ไปหาอะไรทานก่อนเลยล่ะ มาทนรออยู่ทำไม กระเพาะก็ไม่ได้อยู่ติดกันสักหน่อย
ไม่ต้องมาพูดดีเลยนะนิรา ผมยังไม่ได้เอาเรื่องที่คุณพาใครต่อใครก็ไม่รู้มาด้วยเลย คนโดนไล่ให้ไปทานข้าวคนเดียวหันหน้ามาพูดนิ่งๆ
อ้าว คุณไม่เห็นบอกว่าให้ฉันไปคนเดียวสักหน่อย เห็นว่ามีเรื่องกันสามคนก็ต้องไปทานกันทั้งสามคนสิ อีกอย่างชมพูนุชก็ไม่ใช่ใครต่อใครสักหน่อย คุณเคยไปทานข้าวกับเธอมาแล้วนี่ นิรันตราโต้กลับ
ถ้าคุณยังไม่รู้ ผมขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะว่า ผมไม่ชอบไปทานข้าวกับใครต่อใครที่ไม่รู้จักไปทั่วถ้าไม่จำเป็น ผมไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายมากๆ ทรรศน์พูดถึงความรู้สึกของเขาตรงๆ
แหม... ก็ฉันเห็นว่าทานข้าวกันเยอะๆ สนุกกว่านี่นา” นิรันตราพูดเสียงเจื่อนๆ กลัวว่าเขาจะหาว่าเธอมาวุ่นวาย
แต่เอาเถอะ คราวนี้ถือว่าเป็นเพื่อนของคุณ ผมจะยอมให้ทีหนึ่ง” ทรรศน์ยอมลงให้เมื่อเห็นหน้าจืดเจื่อนของหญิงสาว
ถึงจะเป็นคำพูดที่ฟังดูปกติทั่วไป แต่มันกลับไม่ปกติอย่างยิ่งสำหรับรองประธานหนุ่ม
ดังนั้นทั้งชนะเทพและเรียวที่นั่งอยู่ตอนหน้าของรถต่างแปลกใจกับท่าทีของทรรศน์ที่เปลี่ยนไปตั้งแต่ได้เจอกับหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งอยู่ตอนหลังของรถคันนี้  เจ้านายของเขาไม่เคยต้องยอมลงให้ใคร หรือต้องคอยห่วงใยความรู้สึกของใครอย่างนี้มาก่อน แต่จะว่าไปแล้ว พวกเขาก็รู้สึกชอบใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนทรรศน์นั้นเย็นชา วันๆ ทำแต่งาน ชีวิตมีแต่เรื่องธุรกิจและความเคร่งเครียด แต่พอมาอยู่กับหญิงสาวคนนี้แล้ว เจ้านายของพวกเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะ
ทั้งสองหนุ่มนั่งฟังคำพูดคุยโต้ตอบไปมาอย่างรู้เท่าทันกันทั้งคู่ไปตลอดทาง แล้วความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้นมาเหมือนกันโดยมิได้นัดหมาย
หรือว่าคราวนี้... แสงสุรียฉัตรจะได้ว่าที่นายหญิงสักที


เมื่อเสร็จจากการทานอาหารมื้อค่ำที่ทรรศน์ยืนยันจะเป็นคนจัดการกับค่าอาหารเอง เพราะเขาแค่ต้องการเพื่อนมาทานอาหารไม่ได้ต้องการให้พวกเธอมาเลี้ยง ชายหนุ่มก็อาสาไปส่งนิรันตราที่บ้าน
ร้านนี้อาหารใช้ได้เลยนะ คุณมาบ่อยหรือไง” ทรรศน์ถามเมื่อรถคันหรูเริ่มออกเคลื่อนตัว เขาเห็นว่านิรันตราทักทายกับเจ้าของร้านและเด็กในร้านไปทั่วอย่างสนิทสนม
เฉพาะเวลาที่มาซื้อของแถวๆ นี้ค่ะ ร้านนี้เพื่อนฉันเป็นคนมาเจอแล้วแนะนำมาอีกที... โอ๊ย... อิ่มชะมัดเลย” นิรันตราพูดอย่างมีความสุข พร้อมหลับตาทิ้งตัวลงกับเบาะใช้มือลูบท้องอย่างไม่ไว้ฟอร์ม 
ทรรศน์หันมาเห็นภาพนั้นก็รู้สึกว่าเธอช่างน่าเอ็นดู แม้ลูกแมวตัวนี้จะดูเก่ง ฉลาดทันคน และวางตัวดีอยู่เสมอในงานวันนี้ แต่เธอก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในตัวอีกมาก และเขาก็ชื่นชอบมุมนี้ในตัวเธอมากทีเดียว 
สายตาที่เคยดุเข้มของทรรศน์ กำลังทอแววอ่อนโยนโดยที่ทั้งเจ้าตัวและเป้าสายตาต่างไม่รู้ตัว
นั่นสินะ พออิ่มก็ชักจะง่วงแล้วสิ” พูดจบชายหนุ่มก็เอนตัวทิ้งศีรษะลงหนุนไหล่ของคนตัวเล็ก ซึ่งเมื่อเจ้าของไหล่บางรู้สึกตัวก็ตกใจลืมตาขึ้นมาทันที
เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ลุกเลยนะ มันหนัก...” นิรันตราพยายามใช้สองมือยกศีรษะของเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อคนตัวโตไม่ยอมให้ความร่วมมือ
ขอพักแป๊บเดียวน่า แค่นี้ทำหวงไปได้ เดี๋ยวผมเปลี่ยนให้คุณหนุนไหล่ผมบ้างก็ได้” ต่อรองจบแล้วทรรศน์ก็หลับตานิ่งเงียบไปอย่างไม่รอฟังคำตอบรับหรือคำโต้เถียง
จนเมื่อเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ นิรันตราจึงลองเขย่าตัวเขาดูอีกครั้ง
นี่... หลับจริงๆ น่ะเหรอ” หญิงสาวส่งเสียงถาม
สงสัยเจ้านายจะเหนื่อยน่ะครับ เพราะเมื่อคืนทำงานอยู่ที่บริษัทจนเกือบเช้า” เสียงของเลขาหนุ่มดังมาจากตอนหน้าของรถ ทำให้ทรรศน์ที่ไม่ได้หลับจริงแอบอมยิ้มชอบใจ ...รู้ใจเขาจริงๆ เพื่อนคนนี้
           นิรันตราที่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้แต่นั่งนิ่งเสียสละหัวไหล่ให้เขาหนุนต่อไป เมื่อไม่มีใครให้คุยด้วย บนรถที่เรียวเป็นคนขับก็นิ่ม แอร์กำลังเย็นฉ่ำสบาย รวมถึงตัวถ่วงหนังตาที่อยู่เต็มท้องเธออีก ไม่นาน... นิรันตราก็หลับไปจริงๆ และเมื่อไม่รู้ตัว ศีรษะของเธอก็เอนลงมาหนุนกับกลุ่มผมนุ่มๆ ของทรรศน์พอดิบพอดี เมื่อทรรศน์รู้สึกถึงน้ำหนักที่ทิ้งลงมาจากหญิงสาว ก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก แล้วนั่งหลับตาอยู่ในท่านั้นอย่างครึ้มอกครึ้มใจไปตลอดทาง



อ่านต่อ >> กับดักที่ 6 : เพื่อนใหม่


หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ



No comments:

Post a Comment