ท่วงเวลารัก ชุดกาลรักหนึ่ง
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ท่วงรักที่ 6 : ตกหลุมเสือโจน
“ดูเหมือนจะถูกคู่เดตทิ้งเสียแล้ว”
เสียงทุ้มที่เปรยขึ้นเรื่อยเฉื่อย
เรียกให้พีณาที่เมื่อครู่หันหลังเดินหนีเขามาเพื่อความเป็นส่วนตัวในการรับการสื่อสาร
ต้องหันกลับไปมองคนพูดอย่างงุนงงในคราแรก แต่พอได้เห็นสายตาเห็นอกเห็นใจที่ดูไม่ค่อยจริงใจของเขา
จากที่ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยก็กลับกลายเป็นอารมณ์ขุ่นมัวขึ้นมาเสียดื้อๆ
เด็กสาวสะบัดหน้าพรืด
เลือกที่จะปิดปากสนิทไม่โต้ตอบ เธอเดินลุยหิมะสูงท่วมเข่ากลับมายังสโนว์บอร์ดที่ถอดทิ้งไว้
ก้าวขึ้นไปยืนบนฐานแล้วล็อกรองเท้าไว้อย่างแน่นหนา แต่พอยืดตัวขึ้นมา เตรียมจะออกตัวหนีไปให้พ้นๆ
กลับถูกคนนิสัยไม่ดีแกล้งเหยียบปลายด้านหนึ่งของบอร์ดเอาไว้จนไม่อาจขยับไปไหนได้
“เอาเท้าออกไปเดี๋ยวนี้ค่ะมิสเตอร์”
“ไม่โกรธหรือไงที่นายนั่นเลือกคนอื่น
แล้วทิ้งขว้างเธออย่างนี้” ชาลส์ชวนคุยอย่างไม่สะทกสะท้านกับสายตาเขียวๆ ที่มองมา
“โกรธทำไมคะ
มันเหตุจำเป็นนี่ มิสเตอร์แอบฟังจนได้ยินชัดแล้วไม่ใช่เหรอคะว่ามีคนเจ็บ”
พีณาขอแขวะเขาสักหน่อย
ชาลส์ส่ายหน้าช้าๆ
มองมาราวกับคนอ่อนวัยกว่าคิดอะไรไม่เข้าท่า
“เท่านี้ก็ยอมปล่อยให้คู่เดตตัวเองไปกับผู้หญิงอื่นง่ายๆ
เธอนี่อ่อนจริงๆ ลองคิดดูดีๆ สิ... ลานสกีมาตรฐานอย่างนี้จะไม่มีเจ้าหน้าที่มาให้ความช่วยเหลือได้ยังไง
เขาโกหก! หาข้ออ้างเพื่อไปกับผู้หญิงคนนั้น”
คนเจ้าเล่ห์จงใจเน้นย้ำคำว่าโกหกเป็นพิเศษ
พีณาฟังแล้วก็หน้ายุ่งขึ้นมาทันที
นึกค้านอยู่ในใจว่าถ้าหากเฌโรมอยากจะไปกับเดห์ลาจริงๆ
เขาไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องโกหกเธอเสียหน่อย ดวงตาสีฟ้าอมเทาเหลือบมองคนหน้าเรียบเฉยแต่นัยน์ตาวาบประกายแปลกๆ
อย่างไม่ไว้ใจ เธออ่านจุดประสงค์แท้จริงของการพูดจาหวังดีประสงค์ร้ายของเขาไม่ออก
“นึกโกรธขึ้นมาแล้วใช่ไหม”
ชาลส์กระทุ้งอีกรอบ มุมปากหยักขึ้นยิ้มย่อง เยาะเย้ยเด็กหนุ่มหน้าอ่อนอยู่ในใจ
ทว่าไม่ทันไรเขาก็ต้องขัดใจกับคำตอบจากคนตรงหน้า
“ไม่นี่คะ”
“ไม่โมโห
ไม่หึง ไม่หวงเขาสักนิดหรือไง” คนเป็นผู้ใหญ่ซุกซ่อนอาการประชดประชันไว้ในน้ำเสียงเรียบต่ำอย่างมิดชิด
เขาโน้มกายลงมามองตาเธอใกล้ๆ จ้องลึกลงไปเพื่อค้นคว้าหาความจริง
ท่าทางคุกคามวางโตของคนตรงหน้า
ทำให้พีณาต้องตอบออกไปเสียงสะบัด “จะหึงจะหวงทำไมคะ ไม่ได้รักชอบกันเสียหน่อย”
พูดออกไปแล้ว
เด็กสาวที่กำลังไม่พอใจกับการซักไซ้ด้วยมาดผู้ใหญ่หวังดีก็มีอันต้องงงงวย เธอเอียงคอเพ่งพิศใบหน้าคมคายที่ลอยอยู่ห่างไปไม่ถึงคืบให้ดีอีกครั้ง
คล้ายจะตาฝาดไปที่ได้เห็นรอยระรื่นพาดผ่านนัยน์ตาสีเทาคมกริบราวจะแทงทะลุเข้ามาอ่านใจได้คู่นั้น
ไหนจะริมฝีปากหยักที่คลี่ออกคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แล้วยังอารมณ์ ‘ดี’ อย่างไร้ที่มานั่นอีก
“หืม...
งั้นหรือ...” ชาลส์งึมงำเสียงเบา แต่พอมองสบเข้าไปในดวงตากลมแป๋วคู่นั้น เขาพลันรู้สึกเหมือนมีกระจกเงาใสแจ๋วสะท้อนให้เห็นความยินดีของตน
เท้าใหญ่ในรองเท้าคู่หนาจึงถอนออกจากสโนว์บอร์ดที่เหยียบตรึงไว้ พร้อมๆ กับเลื่อนหน้ากากป้องกันลงมาปิดบังใบหน้า
“สงสารเด็กน้อยถูกทิ้ง
ฉันยอมลงไปเป็นเพื่อนแล้วกัน”
คำหยอกเย้าน้ำเสียงหยิ่งทะนงนั้น
ปัดไล่ทุกความสงสัยในอาการแปลกๆ ของเขาไปจนหมด พีณาสะบัดสายตาค้อนใส่เขาอีกครั้งส่งท้าย
ก่อนจะเลื่อนหน้ากากลงฉับ หันมองไปทางโดรนนำทางที่ลอยตัวนิ่งรออยู่ไม่ไกลแล้วก็ออกตัวเลื่อนไถลไปทางนั้นทันที
เวลานี้เธอเสียดายเหลือเกินที่เลือกเล่นสโนว์บอร์ดธรรมดาๆ
แทนที่จะเป็นโฮเวอร์บอร์ด ไม่งั้นคงจะได้เหาะเหินไปเหนืออากาศ หนีจากเขาไปให้พ้นๆ
ได้รวดเร็วกว่านี้
ไม่นาน ทั้งพีณาและชาลส์ก็ลงมาถึงเขตชายป่าที่มีต้นสนสูงเพรียวอยู่ไม่หนาแน่นนัก
สิ่งกีดขวางโดยธรรมชาติทำให้ต้องอาศัยสายตาอันเฉียบไว การตัดสินใจที่รวดเร็ว
และความชำนาญในการบังคับทิศทางแล่นฉวัดเฉวียนซิกแซกซ้ายขวา
บางครั้งก็มุดลอดใต้ต้นสนที่ถูกน้ำหนักของหิมะกดทับจนลู่โค้งลงราวสะพานโค้ง
หรือแม้แต่กระโดดข้ามต้นที่ล้มขวาง
พีณาคงจะได้เพลิดเพลินกับความท้าทายตรงหน้ามากกว่านี้
ถ้าหากหางตาเธอจะไม่เห็นร่างในชุดป้องกันร่างกายสีน้ำเงินสดไล่ตามมาด้านหลัง
ทิ้งระยะไม่ห่างแต่ก็ไม่ใกล้เกินไปได้อย่างคงเส้นคงวา การรักษาระยะอย่างคนเชี่ยวชาญทำให้เธอรู้ว่าเขาสามารถทำความเร็วแซงหน้าไปได้ง่ายดายแต่กลับไม่ยอมทำ
ดูแล้วคงจะตั้งใจทำตามที่บอกไว้ว่าจะลงไปเป็นเพื่อนเธอจริงๆ
ชิ! ใครขอร้องกัน!
ด้วยความรีบร้อนแถมเผลอใจลอยไปวูบหนึ่ง
ร่างในชุดสีชมพูที่นำหน้าก็เกือบพุ่งเข้าชนต้นสนต้นใหญ่ที่ขวางหน้าเข้าให้
ยังดีที่เธอรีบทิ้งน้ำหนักลงส้นเท้าเพื่อเบรกเต็มที่ สโนว์บอร์ดใต้เท้าจึงหยุดการเคลื่อนที่ได้ทันฉิวเฉียด
พีณาพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรอดจากอุบัติเหตุ แต่หัวใจที่กระดอนรัวแรงยังไม่ทันได้สงบลง
ชาลส์ก็ไล่ตามมาทันและส่งเสียงดุ
“ระวังหน่อย! ใจร้อนเกินไป
ถ้าเจ็บตัวขึ้นมาจะคุ้มไหม”
ด้วยอคติหรืออย่างไรก็สุดรู้
คำพูดของคนตรงหน้าจึงฟังแล้วขัดหูจนฝังกลบความห่วงใยลงไปเสียหมด
ใบหน้าเล็กภายใต้หน้ากากจึงบึ้งตึงกระบึงกระบอนอย่างหนักเมื่อถูกดุ
“พีณาก็แค่อยากหยุดพักเฉยๆ
มิสเตอร์ไปก่อนเถอะค่ะ” เธอเฉไฉ ไม่อยากยอมรับว่าพลาดให้เสียหน้า
ชาลส์เห็นแววดื้อดึงต่อต้านจากเด็กสาวแล้วก็ต้องถลึงตาใส่
นี่คิดว่าเขาเป็นคนใจดำร้ายกาจขนาดไหนกัน
ถึงจะทิ้งเธอไว้ตรงนี้ ในพื้นที่ที่ไม่ได้ปลอดภัยเต็มร้อยอย่างนี้ได้ลง
“ก็ดี!”
คำตอบรับเสียงห้วน
ช่างขัดแย้งโดยสิ้นเชิงกับการที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่มีทีท่าจะไปต่อ ทำเอาคนที่สัมผัสได้ถึงไออารมณ์ฉุนเฉียวจากร่างสูงต้องมองคนที่หันหลังให้อย่างพิศวงงงงวยอีกครั้ง
อยากร้องถามเหลือเกินว่า...
วันนี้เขาเป็นอะไรของเขา!?
ท่ามกลางภูเขาหิมะและหมู่ต้นสนสูงชะลูดที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นหิมะหนาหนัก
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างคนสองคนจนก่อน้ำหนักกดดันไม่ต่างกัน แล้วพีณาที่ความอดทนน้อยกว่าก็สะบัดหน้าอย่างหงุดหงิด
พาสายตาหนีไปจากแผ่นหลังกว้างราวกำแพงสูงใหญ่ แต่ถึงแม้จะอยากรีบไปต่อแค่ไหน หากเธอไม่หยุดยืนพักตรงนี้สักครู่
มันก็คงเป็นการเปิดโปงคำโป้ปดของตัวเองซึ่งๆ หน้า
สายตาของพีณาสอดส่ายสำรวจรอบตัว
คิดเสียว่าแวะพักชมวิวระหว่างทาง แต่เพียงไม่ทันไร
บางสิ่งที่ซุ่มหมอบอยู่ใต้ต้นสนที่โค้งต่ำก็ทำเอาเธอสะดุ้ง
สองมือเอื้อมไปคว้าแขนคนใกล้ตัวแล้วดึงเขาเข้ามาใกล้อย่างลืมตัว
“มีอะไร”
ชาลส์ก้มมองคนที่ยึดท่อนแขนของเขาไว้แน่น
พอเห็นว่าสายตาของเธอมองผ่านตัวเขาไปทางซ้ายมือก็หันมองตาม และในทันทีที่เห็นว่าเป้าสายตาของเธอเป็นอะไร
ร่างสูงก็ขยับตัวมาขวางหน้าคนตัวเล็กกว่า มืออีกข้างที่ไม่ถูกยึดไว้ก็คว้าปืนคลื่นไมโครเวฟมาเล็งเป้าโดยอัตโนมัติ!
“อย่ายิงค่ะ!”
พีณารีบร้องห้าม
แล้วชี้แจงต่อด้วยกลัวว่าเขาจะไม่ยอมฟัง
“มันเป็นแค่ลูกเสือ
แล้วก็เจ็บหนักและอ่อนแรงมาก มันกำลังจะตาย...”
คำสุดท้ายนั้นเบาหวิวอย่างเศร้าสลด
เพราะหลังจากที่พีณา ‘เปิดจิต’ พิจารณาเจ้าลูกเสือหิมะขนสีขาวให้ดี พลังชีวิตอันแผ่วบางกระแสหนึ่งก็ลอยมาให้เธอสัมผัสได้
พลังงานสีม่วงอมเทาหม่นหมองแสนอ่อนจาง...
มันกำลังนอนรอความตายอย่างสิ้นหวัง
ชาลส์ยอมหยุดมือตามที่เด็กสาวร้องบอก
แต่สายตาคมปลาบยังจับจ้องสัตว์ป่าสายพันธุ์ผู้ล่าอย่างระแวดระวังไม่ไว้ใจ ไม่ยอมให้การเคลื่อนไหวของมันรอดสายตา
ใครจะรู้ว่าอึดใจต่อมา...
เขาต้องรีบคว้าแขนรั้งตัวเด็กสาวเอาไว้แทบไม่ทัน เมื่อคนที่ควรหลบอยู่ด้านหลัง
กลับก้าวสวบๆ ขึ้นมาข้างหน้า ทำท่าเหมือนจะเดินตรงไปหาลูกเสือบาดเจ็บตัวนั้น
“จะทำอะไร”
เสียงถามดุนั้นไม่ดังนัก แต่สายตาคมที่จ้องเขม็งฉายคำตำหนิชัดเจน
พีณาเงยหน้ามองคนที่รั้งตัวเธอไว้ด้วยแววตากล้าๆ
กลัวๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเจ้าลูกเสือหิมะสีขาวที่ยังนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ใจหนึ่งเธอก็ยังนึกกลัวมันอยู่บ้าง
แต่ใจข้างที่ไม่อยากให้มันตายไปทั้งที่ช่วยได้กลับมีน้ำหนักมากกว่า
“อย่าคิดใจดีโง่ๆ”
ชาลส์อ่านจากสายตาเธอออก
พีณาทำเมินเฉยไม่คิดเชื่อฟัง
ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยก็ต้องช่วยมันให้ได้ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าแค่เธอสะบัดแขนออกจากการยึดกุมสำเร็จเท่านั้น
ยังไม่ทันได้ขยับเท้าเลยด้วยซ้ำ เสียงขู่เรียบเย็นก็ดังขึ้นมา
“ถ้าเธอก้าวต่อแค่ก้าวเดียว
ฉันยิงมันแน่”
พีณาหันขวับมาสาดแววตาชิงชังใส่คนโหดร้ายทันที
ใบหน้าเล็กแดงก่ำอย่างโกรธจัด ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างอัดอั้นตันใจ ก่อนจะเปิดออกเพื่อปล่อยคำต่อว่าต่อขาน
“คนใจร้าย! ไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องมายุ่งสิ!
จะรีบไปไหนก็รีบๆ ไปเลย... คนใจดำ ไม่มีน้ำใจ!”
ชายหนุ่มที่ไม่ได้เป็นคนใจเย็นนักสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามข่มใจ
มองอาการโมโหจัดของเด็กสาวแล้วก็อยากจะตะโกนออกมาให้ดังยิ่งกว่า แต่สุดท้ายก็ยังสะกดอารมณ์ควบคุมตัวเองไว้ได้
เด็กบ้า! คนมันเป็นห่วง
จะให้ทิ้งไปไหนได้เล่า!
คนสองคนประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่อึดใจใหญ่
และแล้วชาลส์ก็ได้เห็นในสิ่งที่ทำเอาเขาใจตระหนกจนความคิดแกว่งไหว
น้ำใสๆ
ที่รื้นขอบตาโตๆ ซึ่งขึงมองเขาเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้...
ชายหนุ่มพลันสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่
ก่อนจะพ่นลมหายใจพรืด ปลงใจยอมแพ้อย่างขัดใจตัวเองที่สุด
ฮึ! ก็ชอบช่วยไปทั่ว ทั้งลูกนกลูกแมว
ทั้ง ‘เขา’
คราวนี้ก็จะช่วยลูกเสือให้ได้เลยใช่ไหม!
“โอเคๆ ช่วยก็ช่วย” ชาลส์ว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ก่อนจะพยายามรั้งห้ามเด็กสาวไว้อีกครั้งด้วยคำถาม
“แล้วเธอจะทำอะไรได้
ไม่มีอุปกรณ์อะไรมาสักอย่าง สื่อสารไปเรียกเจ้าหน้าที่จะดีกว่าไหม”
คำถามของชายหนุ่มทำให้พีณาที่เมื่อครู่ยังตาแข็งขึงสู้สายตาคมพลันเสหลบตาวูบ
นึกลังเลขึ้นมาเมื่อนึกถึงความลับของตัวเองที่ไม่ควรให้ใครรู้มาก เธอใช้สายตาใคร่ครวญมองบุคคลอันตรายและนับได้ว่าเป็นศัตรูไม่น่าไว้ใจอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็ยังให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือหนึ่งชีวิตมากกว่าอยู่ดี
“พีณาช่วยได้
แล้วมันก็รอนานกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ” เธอบอกอย่างมั่นใจ แต่น้ำเสียงกลับอ่อนหวิวด้วยใจพะวักพะวน
กระแสชีวิตจากลูกเสือตัวนั้นอ่อนเบาลงยิ่งกว่าเดิมจนน่าใจหาย ราวกับว่ามันจะหายไปในนาทีใดนาทีหนึ่งข้างหน้า
ชาลส์มองเจ้าลูกเสือหิมะสีขาวที่นอนหมอบสิ้นแรงขยับกาย
ก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาและพีณาเดินเข้ามาในรัศมีไม่กี่ก้าวก่อนถึงตัว มันก็ทำได้เพียงแค่ผงกหัวขึ้นมาส่งเสียงขู่ที่แทบไม่ได้ยินครั้งหนึ่ง
แต่หลังจากที่เด็กสาวพยายามพูดปลอบมันไม่กี่ประโยค
เจ้าลูกเสือก็ดูสงบลงและยอมให้มือเล็กที่ถอดถุงมือออกแล้วลูบหัวมันช้าๆ ครู่หนึ่งพีณาก็บอกเล่าให้เขาได้รู้อาการของมันไปด้วย
นอกจากบาดแผลภายนอกที่เห็นชัดจากเลือดที่อาบขนสีขาวของมันหลายหย่อมแล้ว
กระดูกของมันยังแตกหักหลายท่อนจนไม่อาจลุกวิ่งได้ หากปล่อยไว้นานกว่านี้
ไม่มันสิ้นลมไปเอง ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของสัตว์ผู้ล่าที่แข็งแรงกว่าแน่นอน
ชายหนุ่มกุมอาวุธไว้มั่นอย่างไม่ยอมประมาท
ยืนประกบอยู่ใกล้ๆ เพื่อระวังภัยให้เด็กสาว ทั้งจากเจ้าลูกเสือบาดเจ็บตัวนี้ที่อาจลุกมาแว้งกัด
และจากอันตรายไม่คาดฝันรอบกาย บางจังหวะก็มองการรักษาของเธออย่างสนใจที่ได้เห็นมันกับตา
พีณาวางมือทาบนิ่งตรงหัวของลูกเสือขาวอยู่นานหลายนาที
ดวงตานิ่งสงบมองไปตามเนื้อตัวที่โตพอๆ กับตัวเธอและเต็มไปด้วยบาดแผล
ครู่หนึ่งปากแผลที่มองเห็นก็เริ่มสมานเข้าหากันช้าๆ เช่นเดียวกับอาการบอบช้ำภายในที่มองไม่เห็น
จวบจนถึงช่วงสุดท้ายของการรักษา
จู่ๆ พวงหางยาวและมีขนหนากว่าเสือเขตร้อนก็สะบัดยกขึ้นสูง
ทำเอาชาลส์หวิดจะปล่อยคลื่นไมโครเวฟสร้างความร้อนลวกอวัยวะภายในของมันอยู่รอมร่อ
ยังดีที่ห้ามมือไว้ทันเมื่อเห็นอาการไถหัวโตๆ ของมันกับฝ่ามือของเด็กสาวผู้ช่วยเหลือเข้าเสียก่อน
แล้วเสียงหัวเราะเบาๆ จากเด็กสาวก็ทำให้อาการขมวดเกร็งเคร่งเครียดของเขาผ่อนคลายลงในที่สุด
“เด็กดี”
พีณาเอ่ยชมเจ้าตัวโต ก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อมันยังคงขยับหัวถูไถคลอเคลียฝ่ามือของเธอไม่หยุดราวกับเป็นแมวบ้านขี้อ้อน
เด็กสาวปล่อยให้มันแสดงความรักและคำขอบคุณอีกสักพักก็ขยับตัวลุกขึ้นยืนช้าๆ
แต่พอเธอจะก้าวถอยออกมา เจ้าลูกเสือกลับยืดตัวลุกตาม
แถมยังส่งเสียงครางต่ำในลำคอและมองตามตาละห้อย
เพียงไม่กี่วินาทีที่พีณาสบสายตาวิงวอนนั้น
เธอก็เหมือนตกลงในหลุมลึก หลุมที่หลอมละลายหัวใจให้อ่อนเหลวที่เรียกว่าหลุมรัก และอาการของมันก็ทำให้เธอฉุกคิดขึ้นมาว่าคงไม่อาจปล่อยให้มันอยู่ที่นี่ตามลำพังได้อีก
มันหลงฝูงมาแล้ว หากหาฝูงเจอก็ใช่ว่าพวกพ้องจะยินดีต้อนรับกลับ
เด็กสาวหันไปมองทางคนที่เอาแต่ยืนเงียบมาตลอดการรักษา
ยังไม่ทันเอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว เธอก็เจอกับคำตอบแบบปิดประตูใส่
“ไม่ได้”
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
เธออดประท้วงไม่ได้
“มองตาเธอก็รู้
จะเอามันกลับไปเลี้ยงดูต่อใช่ไหม” ฟังเสียงเข้มๆ ของชาลส์แล้วพีณาก็หน้ายู่
นึกหมั่นไส้คนฉลาดล้ำรู้ทันกันไปหมด
และในขณะที่คนสองคนถกเถียงกันทางสายตา
เจ้าลูกเสือหิมะที่ยังสูงไม่ถึงสองฟุตก็เยื้องย่างเข้ามาใกล้ ยื่นหัวโตๆ
มาคลอเคลียต้นขาเธอ แล้วเดินวนรอบตัวช้าๆ
เอาลำตัวถูไถพันแข้งพันขาอ้อนวอนด้วยภาษากาย
“มันฉลาดน่ารักอย่างนี้
เลี้ยงไม่ยากหรอกค่ะ” พีณาว่าแล้วก็ก้มลงยื่นมือไปให้มันเอาหัวมาชนเบาๆ
ชาลส์มองเจ้าสี่ขาขนเปื้อนเลือดแสดงท่าทางติดอกติดใจเด็กสาวจนเรียกได้ว่าสิ้นลายเสือ
แล้วก็นึกขัดตาเป็นอย่างยิ่ง แต่จะให้เอ่ยปากต่อว่าอะไรมันออกไป เขาก็นึกกลัวจริงๆ
ว่าจะเข้าตัว
ในเมื่อเอาเข้าจริง...
เขากับเจ้าลูกเสือหิมะตัวนี้ก็แทบไม่แตกต่างกันนักเลย
ครั้งนั้น...
ในกระโจมที่เขาเกือบต้องทิ้งชีวิต...
เขารู้สึกตัวขึ้นมาอย่างเลือนราง
ขณะที่ห้วงสติติดๆ ดับๆ
หูก็แว่วคำพูดของเด็กน้อยเจ้าของสัมผัสเย็นเฉียบที่แตะอยู่ตรงขมับ แม้มันจะไม่แจ่มชัดราวติดอยู่ในห้วงฝัน
แต่เขาไม่อาจลืมเลือนความรู้สึกของการถูกลดฐานะ จัดให้อยู่ในจำพวกเดียวกับลูกนกลูกแมวบาดเจ็บ
แถมยังตกเป็น ‘เหยื่อทดลองมือ’
ของผู้รักษามือสมัครเล่นที่มีพลังพิเศษได้เลย...
ไม่อาจลืมเลือนได้เลยสักนาทีเดียว!
พีณายังคงโน้มกายลงไปทำความคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่สี่เท้า
ไม่สนใจสายตาคัดค้านของร่างสูงที่ยืนกอดอกเงียบตีหน้าเคร่ง เธอลูบหัวกลมใหญ่ของมันที่ส่งผ่านความรักความซื่อสัตย์แสนบริสุทธิ์มาให้สัมผัสรับรู้
พยายามคิดหาเหตุผลว่าบางทีตอนที่เธอใช้พลังรักษามัน
อาจมีบางอย่างไปแตะต้องเปลี่ยนแปลงสัญชาตญาณสัตว์ป่าให้กลายเป็นเชื่องกับมนุษย์
ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยรู้ผลข้างเคียงนี้มาก่อน เพราะไม่เคยรักษาสัตว์ดุร้าย และเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว
จะไม่ไห้รับผิดชอบมันต่อไปอย่างถึงที่สุดได้ยังไง
“จะไปกับพีณาก็ตามมานะสโนว์ไวท์”
เสียงอ่อนโยนสดใสเอ่ยบอกพร้อมยิ้มให้มันหนึ่งที ก่อนจะยืดตัวขึ้น
ชาลส์เลิกคิ้วมองคนดื้อแพ่งตั้งชื่อให้มันเสร็จสรรพ
ทั้งอยากจะดุ ทั้งนึกอ่อนใจ อดไม่ได้ต้องท้วงติงคนที่เดินลุยหิมะผ่านหน้าเขาไปช้าๆ
โดยมีเจ้าลูกเสือที่ถูกเรียกติดตามไปอย่างเชื่อฟัง
“สโนว์ไวท์? ไม่รู้หรือไงว่ามันเป็นตัวผู้”
ให้ใช้ชื่อเจ้าหญิงในนิทานโบราณหลอกเด็กอย่างนี้ดูแปลกพิลึก
“ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ
มันตัวขาวเหมือนหิมะ พีณาจะเรียกอย่างนี้แล้วใครจะทำไม” พีณาหันมาตอบเสียงห้วน
ปัดความคิดเห็นของเขาทิ้งไปอย่างไม่ไยดี ไม่ชอบใจเลยที่เขาคัดค้านขัดขวางเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
ชาลส์มองเด็กหัวแข็งด้วยสายตาดุ
แต่คนถูกมองไม่ทันได้เห็น เพราะพอเธอพูดจบก็ตั้งหน้าตั้งตาเดินดุ่มกลับไปยังสโนว์บอร์ดที่ทิ้งเอาไว้
อาการไม่สนใจไยดีของเด็กสาว ก่อกวนจิตใจจนชายหนุ่มชักทนไม่ได้ จึงหยิบยกปัญหาขึ้นมาถกกันต่อ
“แล้วเธอจะเอามันกลับไปได้ไง
เจ้าหน้าที่ของที่นี่คงจะยอมง่ายๆ หรอก แล้วไหนจะพนักงานของฟลายอะเวย์ เขาคงยินดีให้เอาเจ้าสัตว์ป่าชวนให้คนแตกตื่นขึ้นไปด้วยสินะ”
คำถามประชดนั้นทำให้พีณาชะงักไปเล็กน้อย
ก่อนจะยักไหล่อย่างรักษาฟอร์ม
“พีณาจะปรึกษากับเจ้าหน้าที่เองค่ะ
สโนว์ไวท์ไม่เหลือความเป็นสัตว์ป่าแล้ว อยู่ที่นี่ต่อไปจะลำบาก” เธอตอบอย่างไม่ยอมแพ้
ทั้งที่ยังไม่มั่นใจนักว่าจะอธิบายต่อเจ้าหน้าที่ยังไง
โดยไม่โยงมาถึงการรักษาของเธอ
แววตายุ่งยากใจของเด็กสาวไม่มีทางรอดพ้นสายตาคมที่จับจ้องอยู่
ชาลส์ลอบยิ้มมุมปาก ดูเหมือนเรื่องราวไม่คาดฝันครั้งนี้จะกลายเป็นสิ่งที่เขาสามารถฉกฉวยประโยชน์ได้เสียด้วย
“ฉันช่วยได้นะ
ให้ฉันออกหน้า รับรองเรื่องผ่านแบบไม่ต้องวุ่นวายเสียเวลา รอกลับไปแล้วเธอค่อยไปรับมันที่ซูโบต้าแล้วกัน”
พีณาชะงักเท้าที่ก้าวเดินทันที
หมุนตัวกลับมามองคนที่เสนอความช่วยเหลืออย่างคาดไม่ถึง พบว่าเขาไม่ได้มองมา
ยังคงเดินต่อไปช้าๆ และเฉียดผ่านหน้าเธอไปราวกับเมื่อครู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เด็กสาวนึกเขม่นท่าทางของเขาจะแย่ แต่ถ้าได้เขาช่วยเหลือจริงๆ
เรื่องก็คงง่ายดายขึ้นมาก
ช่วงเท้าสั้นกว่ารีบเร่งจังหวะก้าวตามไปดักหน้า
ถามย้ำให้ชัดเพื่อความแน่ใจ
“มิสเตอร์จะช่วยจริงๆ
เหรอคะ”
“ถ้าเธออยากให้ช่วยก็ช่วยได้
แต่ถ้ามั่นใจว่าจัดการเองได้ก็ไม่เป็นไร” คนแก่ชั้นเชิงกว่าใช้กลยุทธ์แกล้งปล่อยเพื่อจับ
แล้วในวินาทีต่อมา
เขาก็ได้สมหวัง เมื่อคนไม่รู้เท่าทันงับเหยื่อเต็มๆ
“งั้นก็รบกวนช่วยสโนว์ไวท์ด้วยนะคะ”
ชาลส์ซ่อนยิ้มเก็บนัยน์ตาพราวเอาไว้มิดชิด
เขาพยักหน้าช้าๆ พร้อมรับคำในลำคอสั้นๆ แต่เท่านั้นคนได้รับความช่วยเหลือชนิดไม่คาดฝันก็ยิ้มหวาน
เอ่ยขอบคุณเสียงใส จนคนได้เห็นต้องรีบเบนสายตาไปมองทางข้างหน้าแล้วเริ่มเดินต่อ
พีณาก้าวตามเยื้องไปด้านหลังเขาเล็กน้อย
ดวงตากลมโตลอบมองคนที่วันนี้ดูจะใจดีอย่างประหลาด แถมยังพูดง่ายผิดปกติ หลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง
เธอก็ตัดสินใจส่งเสียงเรียก
“มิสเตอร์ชาลส์คะ”
ชาลส์ส่งเสียงขานรับกึ่งไถ่ถามในลำคอ
เหลือบดวงตาที่มีแววแปลกใจเล็กๆ หันมามองคนเรียก ก่อนหน้านี้เธอเรียกเขาแต่ ‘มิสเตอร์’ เฉยๆ
มาตลอด แต่คราวนี้กลับมีชื่อเขาพ่วงมาด้วย
“ว่าไง”
เขาถามเมื่ออีกฝ่ายยังเงียบ
“เรื่อง
‘กิฟต์’ ของพีณา... วิธีฮีลลิ่งเมื่อกี้...
มิสเตอร์อย่าบอกให้เจ้าหน้าที่หรือคนอื่นรู้ได้ไหมคะ” พีณาสบสายตานิ่งเฉยคู่นั้น
เอ่ยขอร้องด้วยสีหน้าลังเลลำบากใจ
“มันเป็นความลับสำคัญหรือไง”
ชาลส์แสร้งถามทั้งที่รู้ดี
พลังในการรักษาของพีณา
แม้มันจะเป็นเหมือนพรอันวิเศษ แต่ในทางกลับกัน มันก็อาจชักพาปัญหาและความยุ่งยากมาให้ได้เช่นกัน
“ค่ะ
มิสเตอร์ชาลส์เก็บเป็นความลับได้ไหมคะ”
สิ้นคำขอร้องของเธอ
ใบหน้าเรียบนิ่งของชาลส์ก็ปรากฏรอยยิ้มเบาบาง แต่พอประกอบเข้ากับนัยน์ตาที่หรี่มองด้วยเล่ห์ร้าย
มันกลับดูอันตรายและไม่น่าไว้ใจ จนกลบภาพผู้ชายใจดีแปลกๆ เมื่อครู่ไปจนสิ้น
“ถ้าอยากให้เรื่องนี้เป็นความลับต่อไปก็ย่อมได้”
เขาพยักหน้าช้าๆ เอ่ยเรียบเรื่อย ก่อนจะยื่นเงื่อนไขด้วยดวงตาเปล่งประกายระยับ
“แต่เด็กน้อย...
เธอต้องทำงานให้ฉันหนึ่งชิ้น”
เวลานี้พีณาไม่สนใจหรอกว่าเขาเรียกเธอว่าเด็กน้อยอีกแล้ว
เธอกำลังตื่นตัว นึกระแวงกับ ‘งานหนึ่งชิ้น’ ที่เขายกมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนมากกว่า
อย่างไรแล้วคนคนนี้ก็ยังคงเป็น
ชาลส์ แมคแกรี่... ผู้ชายร้ายกาจที่เป็นคนดีได้ไม่ถึงสิบห้านาทีเลยจริงๆ
สายตาขุ่นข้องของเด็กสาวเปิดเผยทุกสิ่งที่คิดจนมุมปากของคนมองยิ่งกดลึก
เรื่องการยั่วเย้ากลั่นแกล้งเด็กสาว ดูจะเป็นเรื่องสนุก สร้างความเพลิดเพลิน และก่อความสุขให้เขามานานแล้ว
“ว่ายังไง”
ชาลส์เลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อเธอเอาแต่เงียบ
“งานอะไรคะ”
พีณาไม่คิดจะตอบรับสุ่มสี่สุ่มห้า
“ไม่รู้สิ
ยังคิดไม่ออก แต่ฉันช่วยเธอตั้งหลายอย่าง เธอก็ควรตอบแทนอะไรฉันบ้าง จริงไหม”
คนเป็นผู้ใหญ่หลอกล่อ ตบท้ายด้วยการแหย่อีกนิด
“ฉันไม่เรียกร้องอะไรเกินความสามารถของเธอหรอก ไม่ต้องกลัว”
“ใครเค้ากลัวกัน”
“งั้นก็แปลว่าตกลง”
“ถ้าไม่ตกลง
มิสเตอร์จะเอาเรื่องของพีณาไปประกาศหรือไงคะ”
ชาลส์แสร้งทำทีเป็นครุ่นคิดครู่หนึ่ง
ก่อนจะเอ่ยออกมาหน้าตาเฉย ชนิดที่คนมองอยากหาอะไรมาฟาดแรงๆ สักที
ให้เขาความจำเสื่อมลืมเลือนเรื่องนี้ไปเสีย จะได้หมดอำนาจต่อรองบีบบังคับกัน
“ก็...
คงไม่ถึงกับประกาศ แค่บอกกับพวกเจ้าหน้าที่ที่ต้องติดต่อเรื่องลูกเสือตัวนั้น
กับคนรู้จักอีกสองสามคนที่น่าจะสนใจเรื่องพวกนี้ เธอรู้จักตระกูลฟอกซ์หรือเปล่า”
เขาแกล้งยิ้มยั่ว เอ่ยถามถึงตระกูลทรงอิทธิพลในวงการสื่อ
“อย่าได้คิดเล่าให้ใครฟังทั้งนั้นแหละค่ะ...
แค่งานชิ้นเดียวเท่านั้นใช่ไหมคะ”
“ชิ้นเดียวเท่านั้น
ฉันรักษาคำพูดเสมอ เธอมั่นใจได้” ชาลส์ยืนยัน
พีณาไม่มั่นใจในตัวผู้ชายคนนี้เลยสักนิด
ทว่าเธอไม่อาจเลือกทางอื่น แต่เพื่อความรอบคอบ เธอจึงขอทำบันทึกการตกลงครั้งนี้ไว้
หากวันหน้าเขาผิดคำพูดขึ้นมา เธอจะแฉความไร้สัจจะของเขาคืนให้ดู!
หลังจากตกลงกันเรียบร้อย
พวกเขาก็เริ่มเคลื่อนขบวนกันต่อ
ตลอดทางที่ชาลส์บังคับสโนว์บอร์ดตามหลังหนึ่งคนและหนึ่งตัวไปด้วยความเร็วไม่มากนัก
เพราะเจ้าสี่ขายังไม่ถึงกับหายดี ใบหน้าคมคายภายใต้หน้ากากป้องกันนั้นมีรอยยิ้มสมใจประดับอยู่ตลอดเวลา
อันที่จริงชายหนุ่มซึ่งรู้ความลับของเด็กสาวมานานปี
ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลยสักคน และยินดีจะช่วยปกปิดต่อไปอยู่แล้ว เพียงแต่เธอไม่รู้
กลับยกมันขึ้นมาพูดจนต้องตกเป็นเหยื่อคนเจ้าเล่ห์
สวมรอยเรียกร้องขอสิ่งตอบแทนอย่างหน้าไม่อาย
และข้อผูกมัดระหว่างเขากับเด็กสาวที่เกิดขึ้นในวันนี้
เรียกได้ว่าสุดแสนจะคุ้มค่ากับสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้...
เอ็มการ์ดสองคนที่เขาสั่งให้สะกดรอยตามพีณาไปเพื่อหาโอกาส ‘แยกคู่’ รายงานว่าบังเอิญได้ยินแผนของสามสาวที่คอยตามเป้าหมายของพวกเขาอยู่เช่นกัน
พอได้รู้เข้าเขาก็นึกใจดียื่นมือเข้าช่วยเหลือ จัดการเหมาปิดเส้นทางฟรีไรด์บริเวณนี้
แถมยังสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ไม่ต้องอยู่ดูแล จนเป็นเหตุให้ไม่มี ‘ผู้ไม่เกี่ยวข้อง’ ผ่านเข้าไปสักคน เด็กสาวแผนสูงพวกนั้นเลยได้รั้งเจ้าหนูนั่นไว้ได้อย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
การเดินทางบนท้องฟ้ากว้าง
สลับกับแวะหยุดเที่ยวในจุดที่น่าสนใจ ผ่านไปอีกหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน
และแล้วฟลายอะเวย์ก็นำนักเดินทางทุกคนมาถึงยูไนเต็ดที่สิบเก้าในเวลาบ่ายคล้อยของวันถัดมา
ภาพที่มองเห็นจากบนฟ้าคือเขตเมืองกว้างใหญ่บนแผ่นทวีปน้ำแข็งขาวโพลน
โดดเด่นแปลกตาด้วยแนวกำแพงเตี้ยๆ จากก้อนน้ำแข็งแบ่งเขตพื้นที่ชุมชนเป็นรูปหกเหลี่ยมเรียงรายเป็นแพดูคล้ายรังผึ้ง
ในเขตกำแพงแต่ละแห่งนั้นมีเอกลักษณ์ของสิ่งปลูกสร้างแตกต่างกันออกไป
บ้างก็เป็นกระท่อมสีดำหลังคาทรงจั่วสูง บ้างก็เป็นโดมกระจกใสขนาดใหญ่เห็นแปลงผักหลากสีอยู่ด้านใน
บ้างก็เป็นโดมทรงกลมเล็กๆ เหมือนสโนว์โกลบเรียงรายนับร้อยหลัง
ในที่สุดส่วนปลายด้านล่างของฟลายอะเวย์ก็ลดระดับลงแตะลานน้ำแข็งของสถานีขนาดใหญ่ที่เวลานี้มีอาคารลอยฟ้าลำอื่นมาจอดนิ่งอยู่เกือบสิบลำ
บันไดเลื่อนยื่นส่งลงมาจากทุกชั้นของอาคารลอยฟ้า เพื่อลำเลียงนักเดินทางหลายร้อยคนเข้าสู่อาคารหลังใหญ่ที่ฟลายอะเวย์มาจอดเทียบ
จากนั้นคณะเดินทางแต่ละกลุ่มก็พากันแยกย้าย มุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักของตน
คณะนักเรียนรู้จากเอมฟิลด์นั้นมีโมบิลคันใหญ่จาก
‘กลาเซียส แคสเซิล’
มารอรับ
โรงแรมขนาดใหญ่แห่งนี้ครองพื้นที่ในกำแพงน้ำแข็งเต็มบล็อกหกเหลี่ยม ตัวอาคารห้าชั้นสร้างจากหินสีเทาจำนวนหกหลังวางตัวขนานกับแนวกำแพง
กลายเป็นกรอบหกเหลี่ยมล้อมบริเวณสวนพรรณไม้เมืองหนาวเอาไว้ ฟากหนึ่งของสวนงามเป็นโดมยอดแหลมสูงคล้ายหยดน้ำจำนวนห้าหลัง
พวกมันสร้างจากก้อนน้ำแข็ง ภายนอกแกะสลักลวดลายสวยงาม ส่วนอีกฟากของสวนเป็นลานสเกตน้ำแข็งขนาดใหญ่
ในค่ำวันนั้นเอง
งานเลี้ยงฉลองจบการเรียนรู้ของเอมฟิลด์ได้จัดขึ้นภายในโดมหยดน้ำหลังหนึ่ง
ผนังภายในโดมถูกเนรมิตให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งสีน้ำเงินแวววาว
นอกจากพื้นที่ชั้นล่างแล้ว ยังมีบันไดเรืองแสงทอดนำขึ้นไปยังระเบียงที่วนอยู่เกือบรอบโดมอีกชั้น
แสงภายในโดมค่อนข้างสลัว ขับส่งให้บรรดาเสื้อผ้าจากวัสดุวับวาวเรืองแสงของผู้ร่วมงานที่ต่างเตรียมพร้อมสำหรับค่ำคืนนี้โดดเด่นแปลกตา
พีณาอยู่ในชุดเสื้อเกาะอกสีทองและกระโปรงบานสีดำยาวคลุมเข่า
หมุดสีทองเล็กๆ กระจายไล่ไปรวมกันหนาแน่นตรงชายกระโปรง หมุดเล็กๆ เหล่านี้สามารถเปล่งแสงเรืองรองอ่อนๆ
ในตัว พอเธอขยับ หมู่แสงดวงน้อยก็จะเคลื่อนไหวไปมาในความมืดดุจดวงดาวเริงระบำ
บนอกข้างซ้ายมีเข็มกลัดอันเล็กติดอยู่... เช่นเดียวกับ ‘อดีต’ นักเรียนรู้ทุกคน
เข็มกลัดทรงสามเหลี่ยมสีเงินแวววาว
ตรงกลางมีรูปนูนเป็นต้นไม้สองต้นซ้อนเหลื่อมกันอยู่ ชื่อของสถานเรียนรู้เอมฟิลด์สีดำเด่นชัดอยู่ตรงฐานด้านล่าง
เข็มกลัดนี้ถือเป็นของที่ระลึกและเครื่องยืนยันการก้าวข้ามสถานะ จากนักเรียนรู้ไปสู่การเป็นผู้ใหญ่
ในขณะเดียวกัน... บรรดาข้อห้ามข้อจำกัดสำหรับวัยรุ่นมากมาย ก็ได้ถูกปลดล็อกจากเดลต้าบันทึกข้อมูลประจำตัวของแต่ละคนเช่นกัน
ชาลส์ยืนอยู่ข้างบานหน้าต่างทรงโค้งสูงภายในห้องพักบนชั้นห้าของกลาเซียสแคสเซิล
บนกายสูงสง่าแกร่งด้วยกล้ามเนื้อสวยงามมีเพียงเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเกือบดำคลุมเอาไว้
ในมือมีแก้วคริสตัลเนื้อดีบรรจุเครื่องดื่มสีน้ำตาลทองให้ความอบอุ่นกับร่างกายที่เพิ่งก้าวขึ้นจากอ่างน้ำแร่ในห้องพัก
นัยน์ตาคมจ้องจดไปยังโดมน้ำแข็งที่เป็นห้องจัดงานเลี้ยงฉลองสำหรับหนุ่มสาวจากเอมฟิลด์
หูก็ฟังรายงานสรุปจากผู้ติดตามไปด้วย
“คืนนี้โทเวอยู่กับเออร์ก้างั้นหรือ”
ชาลส์หมุนตัวกลับมายังโต๊ะกลางของชุดรับแขกที่วางจีเนียสวอตช์เอาไว้
ปล่อยให้ภาพโฮโลแกรมของสเวนลอยเด่นขึ้นมากลางโต๊ะ เมื่อครู่นี้อีกฝ่ายเพิ่งบอกว่าค่ำนี้โทเวรับเออร์ก้าไปดินเนอร์กันตามลำพังบนห้องพักในโรงแรมหรู
มีหลักฐานการซื้อดอกไม้ช่อใหญ่และสร้อยเพชรราคาแพงให้เธอ และทั้งคู่น่าจะ ‘เดต’ กันถึงเช้า
หากเป็นก่อนหน้านี้
เขาคงไม่ได้สนใจหรอกว่าญาติผู้น้องซึ่งเป็นทั้งญาติและเพื่อนสนิทคนนี้จะทำอะไรหรือมีสัมพันธ์กับใคร
แต่หลังจากที่เขาถูกลอบสังหารในคืนนั้น เขาก็เริ่มระแวงผู้ที่เป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยที่รู้เรื่องการเดินทางของเขา
แถมไม่ได้รับอันตรายใดๆ เลยทั้งที่อยู่ในเหตุการณ์
จนถึงป่านนี้การตามล่าผู้บงการในคืนนั้นก็ยังไม่มีความคืบหน้า
เพราะเมื่อส่งคนไปไล่ตามหาตัวผู้หญิงที่เขาเลือกเป็นคู่ควงชั่วคราว
กลับพบว่าตัวจริงของเธอถูกฆาตกรรมอำพรางให้เป็นการฆ่าตัวตายตั้งแต่คืนก่อนเดินทาง นั่นหมายถึงหญิงสาวที่อยู่กับเขาคืนนั้นเป็นตัวปลอม
แล้วพวกนักสังหารจะล่วงรู้และแอบแฝงปลอมตัวมาล่วงหน้าได้อย่างไร หากผู้ที่เป็นคนจัดหาสองนางแบบสาวมาให้อย่างโทเวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เมื่อเกิดข้อสงสัย
เขาจึงวางคนให้คอยเฝ้าจับตาดูอีกฝ่ายอย่างใกล้ชิด แต่ตลอดสองปีที่ผ่านมา
โทเวไม่เคยแสดงพฤติกรรมชวนสงสัยหรือมีพิรุธใดๆ ให้เห็นแม้แต่น้อย
มีวันนี้เองที่ชายหนุ่มมายุ่งกับผู้หญิงที่เขาเคยควงเพียงชั่วคราว แต่เธอยังแสดงออกชัดเจนว่าสนใจอยากสานสัมพันธ์กับเขาต่อไปให้ไกลกว่าเดิม
โทเวเอาตัวเข้าใกล้เออร์ก้าเช่นนี้
เขามีจุดประสงค์อะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่... ชาลส์ได้แต่เก็บเป็นข้อสงสัยไว้อีกข้อ
“ยังไม่เปลี่ยนแปลงคำสั่ง
ตามหมอนั่นไปเหมือนเดิม” เขาสั่งต่อ
เวลานี้เขายังไร้หลักฐานใดในมือ
จึงทำได้เพียงซุ่มจับตารอให้หางของคนคิดร้ายโผล่ออกมาอย่างใจเย็น ตราบใดที่เขายังไม่ตาย
ยังไงแล้วคนที่อยากให้เขาตายก็ต้องหาโอกาสลงมือซ้ำในสักวัน
ชายหนุ่มจิบเครื่องดื่มรสร้อนสุขุมลงคอ
ก่อนจะถามไปถึงอีกเรื่อง
“ได้ตารางงานของพีณามาแล้วใช่ไหม”
“ครับ...
‘แองเจลิก’ จะเปิดตัวในอีกสองอาทิตย์ และตารางของเธอจะเต็มแน่นไปอีกสามเดือน”
ผู้ติดตามทรงประสิทธิภาพรายงาน
สามเดือนเชียวหรือ...
ชาลส์คิ้วขมวดขณะทวนระยะเวลาซ้ำในใจ
มันเป็นความขัดใจผสมกับการนิ่งนึกวางแผนก้าวต่อไป แต่เพียงครู่เดียว เขาก็ผุดยิ้มบางเบาเมื่อคิดว่ามันก็ใกล้กับช่วงเวลาที่เขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ตั้งแต่แรกพอดี
“หาตัวแทนสักสองสามชื่อ
ล็อกคิวเธอตลอดสองอาทิตย์หลังจากนั้นให้ด้วย” เขาสั่งแล้วก็ได้ยินอีกฝ่ายตอบรับแข็งขัน
หลังตัดการสื่อสารจากสเวน
ชาลส์ก็วางแก้วเนื้องามที่ว่างเปล่าไว้ข้างๆ จีเนียสวอตช์สีขาว แล้วเดินกลับมาที่ข้างหน้าต่างอีกครั้ง
แต่แล้วภาพที่ได้เห็นก็ทำให้เขาขมวดคิ้วฉับ
หมุนตัวหันกลับไปคว้าจีเนียสวอตช์ขึ้นมาส่งข้อความถึงใครบางคน ก่อนจะรีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย
แล้วก้าวพรวดพราดออกจากห้องพักไปอย่างรวดเร็วแทบเป็นเหาะด้วยความไม่ได้ดั่งใจ
อ่านต่อ >> ท่วงรักที่ 7 : ตะล่อมเหยื่อ
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ ได้เลยค่ะ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
โหลดฉบับอีบุ๊ค...
Meb : https://goo.gl/rP0Jmj
The1Book : https://goo.gl/vCXodr
Hytexts : https://goo.gl/tO7Buv
Ookbee : https://goo.gl/TjzWu9
NaiinPann : https://goo.gl/zPJdfH
Google Play : https://goo.gl/NuGawa
Dek-D : https://goo.gl/wBdqq0
No comments:
Post a Comment