ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
007 : เมื่อเหล่าสาวๆ แผลงฤทธิ์
“ไม่จริง!” ปรีดาสาโยนซองกระดาษสีน้ำตาลลงบนโต๊ะรับแขกอย่างขัดใจปนไม่อยากจะเชื่อ เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างในนั้นเป็นรูปถ่ายตอนที่ไอยราวัณพาเด็กแฝดสองพี่น้องไปหาละมุนพรรณถึงที่บ้าน แถมนักสืบที่เธอว่าจ้างมายังรายงานว่า ไอยราวัณใช้เวลาช่วงอาหารเย็นอยู่ในบ้านหลังนั้นกับสาวหน้าหวานเกือบสามชั่วโมง
“นี่ไอย์คิดจะคบกับเด็กหน้าจืดนั่นจริงๆ น่ะเหรอ” ปรีดาสายังพึมพำไม่ยอมปักใจเชื่อ หญิงสาวตัดสินใจกดโทรศัพท์หาผู้ช่วยอีกคนที่จะช่วยเธอหาความจริงในส่วนที่นักสืบเอกชนไม่สามารถเข้าถึง
“วันนี้ไอย์กับเด็กนั่นทำอะไรกันบ้าง” สาวอารมณ์ร้อนถามสิ่งที่อยากรู้ทันทีหลังจากที่อีกฝ่ายรับสาย
“งั้นเหรอ... แล้วนอกจากตอนเช้าที่มีนายหมวดหน้าตี๋เข้าไปในห้องไอย์ด้วย สองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลยแน่นะ ...แล้วเธอพอรู้ไหม ว่าพวกเขาเข้าไปคุยเรื่องอะไรกัน” แต่เมื่อไม่ได้คำตอบที่เธออยากรู้ ปรีดาสาก็หงุดหงิดขัดใจขึ้นมาเล็กน้อย “เอาเถอะ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ไม่ต้องมาเดาให้ฉันฟัง”
ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะรายงานบางสิ่งกลับมา
“ไปที่ไหน!” ปรีดาสารีบแหวถามเสียงสูง เมื่อได้รู้ว่าไอยราวัณกำลังจะพาลูกน้องสาวไปเลี้ยงข้าวกลางวันข้างนอก และเมื่อได้รู้จุดหมายของทั้งคู่ หญิงสาวก็รีบวางสายไปทันที
เวลาก่อนเที่ยงเล็กน้อย ขณะที่สองหนุ่มกับหนึ่งสาวกำลังจะออกจากแผนก ดารากรที่เพิ่งมาถึงอย่างถูกจังหวะก็รีบตรงเข้ามาหาคนทั้งสาม
“กำลังจะไปทานข้าวที่ไหนกันหรือคะไอย์” หญิงสาวส่งยิ้มเป็นมิตรให้คนทั้งสาม ก่อนจะออกตัว “วันนี้ดาวมาส่งคุณแม่ทำธุระแถวนี้แต่ไม่มีเพื่อนทานข้าวก็เลยนึกถึงไอย์ขึ้นมา ขอดาวไปด้วยคนได้ไหมคะ”
เมื่อถูกหญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงเกรงใจ ไอยราวัณก็ไม่ใจแข็งพอจะปฏิเสธได้ลงคอ อาหารกลางวันมื้อนี้จึงมีดารากรเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นมาอีกคน
ภายในร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ มีลูกค้าเข้ามาจับจองที่นั่งกันไม่มากนัก บริกรสาวในชุดกิโมโนสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาต้อนรับและรับรายการอาหารกลับไป ปล่อยให้สองหนุ่มและสองสาวนั่งพูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัว
“เป็นไง ชอบร้านนี้ไหม” ไอยราวัณหันมาถามกับสาวหน้าหวานที่เขาจัดการยึดตัวไว้ให้นั่งอยู่ข้างตัวเพื่อเป็นกันบังจากผู้หญิงอีกคน ที่จำต้องย้ายไปนั่งอยู่อีกฟากข้างๆ หมวดเหนือเมฆ แต่ไม่รอคำตอบ ผู้กองหนุ่มก็บอกต่ออย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ
“เห็นเคยบอกว่าชอบปลาดิบ ฉันก็เลยพามาทาน ที่นี่เนื้อปลาทั้งสดทั้งหวาน รับรองว่าเธอจะต้องติดใจ”
“ยังไม่ได้ชิมก็ยังไม่รู้หรอกค่ะ” หญิงสาวบอกอย่างเป็นกลางไว้ก่อน แต่พอถูกเท้าใหญ่ๆ ยกมาสะกิดเบาๆ ที่หลังเท้า เธอก็ต้องนิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะบอกต่อด้วยรอยยิ้มหวาน “แต่ถ้าเป็นผู้กองพามา ละมุนก็ต้องชอบสุดๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ”
จบบทฉอเลาะแล้วเธอก็เอาคืนด้วยการกระทืบเท้าแรงๆ จนเป้าหมายของเธอสะดุ้งหันมามอง แต่ก็ทำได้เพียงส่งยิ้มคาดโทษมาให้
ดารากรเห็นทั้งคู่พูดคุยกันอย่างสนิทสนมก็รู้สึกหมั่นไส้จนต้องเมินหน้าหนีภาพขัดตา และมันก็ทำให้เธอได้เห็นคู่แข่งอีกคนในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำกับกางเกงยีนส์เข้ารูปที่เดินเข้ามาในร้านด้วยความมั่นใจ
ปรีดาสาโปรยยิ้มให้สายตาของหนุ่มๆ ที่มองตามตลอดทางที่เธอเดินมายังโต๊ะของผู้กองไอยราวัณ และเมื่อมาถึงก็แสร้งถามอย่างประหลาดใจ
“อุ๊ย! ไอย์ก็มาทานที่นี่เหมือนกันหรือคะ”
“โธ่... ถามอะไรไม่รู้จักคิด ถ้าไม่มาจะได้เห็นหรือครับ” กลับเป็นเสียงตอบจากหนุ่มหน้าตี๋คู่ปรับเก่า และมันก็ทำให้เขามีตัวตนในสายตาเธอขึ้นมาทันที
“ไม่ได้ถาม อย่ายุ่ง!” ปรีดาสาตวัดหางตาดุใส่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มหวานหยดให้ชายหนุ่มอีกคน “นึกไม่ถึงเลยนะคะว่าจะได้เจอไอย์ที่นี่ งั้นปิ๊งขอนั่งด้วยคนนะคะ”
พูดจบหญิงสาวก็เรียกให้บริกรยกเก้าอี้มาเสริมตรงหัวโต๊ะและทิ้งตัวลงนั่งอย่างสง่างามแม้จะไม่มีใครเชื้อเชิญ
มื้อกลางวันของสองหนุ่มกับสามสาวดูอลหม่านวุ่นวายไม่น้อยเลย เมื่อสองสาวรุมเอาใจคีบนู่นป้อนนี่ให้ผู้กองหนุ่มเต็มที่ แต่ชายหนุ่มกลับหันไปคีบปลาดิบบนเรือน้ำแข็งส่งให้หญิงสาวหน้าหวานแทบตลอดเวลา ในขณะที่หนุ่มอีกคนเป็นคนจัดการอาหารในจานที่ผู้กองหนุ่มไม่แตะด้วยอยากยั่วโมโหหญิงสาวเจ้าของผลงาน
“ป้อนหน่อยสิ” ไอยราวัณหันไปอ้อนสาวหน้าหวาน เมื่อเห็นตากลมโตมองมาดุๆ เขาก็บุ้ยใบ้ไปว่ามีสองสาวมองอยู่
ฮึ! ก็ได้... ละมุนพรรณคนนี้จะตีบทให้แตกกระจุยเลย คิดแล้วหญิงสาวจึงจัดการคีบเนื้อปลาชิ้นสวย บรรจงแตะน้ำจิ้ม แล้วส่งมันมาจ่อตรงหน้าริมฝีปากผู้กองหนุ่มพร้อมรอยยิ้มหวานเจี๊ยบ
“อ้ำสิคะผู้กอง”
“เออ... ดาวขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” ดารากรไม่อยากทนมองภาพสองคนหยอกล้อกันอีกต่อไป จึงขอปลีกตัวออกไปจากโต๊ะก่อนที่จะเก็บอาการหงุดหงิดไม่ไหว
“อ่ะ... ฉันไปด้วยสิ” ปรีดาสาเองก็รีบลุกตามไปเพราะมีแผนบางอย่างในใจ
ภายในห้องน้ำที่ตกแต่งสไตล์ตะวันออกของร้าน ปรีดาสาก้าวเข้ามาหยุดยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังของดารากรที่กำลังล้างมืออยู่
“เธอจะตามฉันมาทำไม” ดารากรถามขึ้นมาอย่างรำคาญกับสายตาของอีกฝ่ายมากกว่าอยากรู้ แล้วก็ได้เห็นปรีดาสายักไหล่น้อยๆ
“ฉันก็แค่มีเรื่องอยากบอกให้เธอรู้ตัวไว้ จะได้เลิกตีหน้าใสเป็นคนซื่อตลอดเวลาเสียที เห็นแล้วมันขัดลูกตา... อย่าคิดนะว่าเรื่องที่เธอทำอยู่จะไม่มีใครรู้” เมื่อตัดสินใจได้ ปรีดาสาเริ่มเปิดฉากเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการทันที
“อะไรของเธอ อยู่ๆ จะมาหาเรื่องกันหรือไง” ดารากรเริ่มชักสีหน้าใส่อีกฝ่ายบ้าง แต่ก็ยังคงบังคับท่าทีของตนเองให้นิ่งสงบอยู่ ไม่โมโหไปตามคำยั่วยุของอีกฝ่าย
“ก็ที่เธอหันมาทำตัวสนิทสนมกับไอย์ ไม่ใช่เพราะหวังอะไรอย่างอื่นเหรอดาว” ปรีดาสาขยับก้าวเข้ามาใกล้ ใช้ความสูงที่มากกว่าข่มอีกฝ่ายไว้ แล้วจ้องตาอีกฝ่ายเพื่อล้วงความจริง “อย่างเช่นเข้ามาสอดส่องการทำงานของไอย์เพื่อใครบางคน”
“เธอพูดเรื่องอะไร” อีกหนึ่งสาวที่กำลังถูกไล่ต้อนไม่ได้นึกหวั่นกลัว เธอเชิดหน้าจ้องตาอีกฝ่ายกลับเช่นกัน
ริมฝีปากสีชมพูสดของปรีดาสาบิดขึ้นยิ้มเยาะ ก่อนจะก้มลงพูดกระซิบใส่หน้าคนเสแสร้งทำไม่รู้เรื่อง “เรื่องผู้ชายที่เธอบอกใครต่อใครว่าเป็นแค่แฟนเก่านั่นไง”
“เธอรู้...” ดารากรหลุดอุทานออกมาเพียงแผ่วเบาอย่างตกใจ แล้วก็รีบปิดปากเงียบเมื่อรู้สึกตัวว่าพลาดท่าไปเสียแล้ว
“หึ! บังเอิญว่าฉันยึดคติรู้เขารู้เรากับศัตรูเสียด้วยสิ” ปรีดาสาถอยห่างออกมายืนมองคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ที่เธอเห็นว่าดารากรเริ่มพาตัวเข้ามาใกล้ผู้กองหนุ่มและตั้งตัวเป็นศัตรูหัวใจ เธอก็ให้นักสืบคอยตามสืบประวัติและจับตาดูผู้หญิงคนนี้ไว้ แต่เธอก็ยังไม่เคยได้รับรายงานอะไรที่น่าสนใจพอจะเป็นจุดอ่อนสำหรับการเล่นงานข่มขู่ให้ดารากรออกไปจากชีวิตของไอยราวัณสักที จนเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอก็ได้รับรายงานเกี่ยวกับการประพฤติตัวที่น่าสงสัยของดารากร... หญิงสาวหน้าซื่อที่เข้ามาตีสนิทกับไอย์คนนี้ยังคงลอบนัดเจอกับคนรักเก่าซึ่งเคยคบหากันในสมัยที่ไปเรียนเมืองนอกอยู่
แล้วหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน ปรีดาสาก็ได้รับรู้เรื่องที่ชวนให้ประหลาดใจในความบังเอิญจากแผ่นซีดีของผู้กองไอยราวัณที่เธอแอบเปิดมันขึ้นมาอ่าน
“ถ้าไอย์รู้ว่าเธอติดต่ออยู่กับนายดวงเด่น คนร้ายที่เขากำลังตามตัวอยู่ คิดหรือว่าเขาจะไม่สงสัยเธอไปด้วย แล้วต่อไปความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวเธอกับไอย์จะเป็นยังไง แม่เธอคงเข้าหน้าเพื่อนเก่าไม่ติดเพราะการกระทำของลูกสาวอย่างเธอแท้ๆ เชียว” พูดจบปรีดาสาก็หัวเราะอย่างเป็นต่อ แสร้งมองอดีตคู่แข่งอย่างสงสาร “แต่ถ้าเธอยอมทำตามที่ฉันสั่ง ฉันอาจจะยอมเงียบไว้ก็ได้นะ”
“คิดจะเอาเรื่องบ้าๆ มาขู่ฉัน เธอมีหลักฐานหรือไง”
“เรื่องบ้าไม่บ้า เธอก็รู้อยู่แก่ใจ หรืออยากจะลองดูไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงจริงจังและเห็นท่าทางมั่นใจของปรีดาสา ดารากรก็ชักจะหวั่นวิตกขึ้นมาบ้าง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องมากแค่ไหน จึงจำใจยอมอ่อนข้อไปก่อน “เธออยากให้ฉันทำอะไร”
“ร่วมมือกับฉันเขี่ยแม่ละมุนนั่นให้พ้นทางซะ” ปรีดาสาบอกเล่าถึงแผนการที่ได้วางเอาไว้ เพราะถ้าให้เธอเป็นคนดำเนินแผนการเอง ไอยราวัณต้องไม่เชื่อและรู้ทันเธอแน่ๆ แต่ถ้าเป็นดารากรผู้อ่อนหวานแสนดี จะต้องตบตาคนได้ดีกว่าเธอแน่นอน
โดยไม่รู้เลยว่ามีหญิงสาวอีกคนที่ตามมาเข้าห้องน้ำทันได้ยินประโยคที่ปรีดาสาบอกเล่าแผนการเพื่อเขี่ยเธอให้พ้นทางเข้าพอดี ละมุนพรรณจึงหยุดอยู่ตรงทางเดินด้านนอก เพื่อแอบฟังแผนการสุดบรรเจิดที่ปรีดาสาตั้งใจจะให้ดารากรยัดเยียดให้เธอเป็น จนเมื่อได้ยินเสียงว่าทั้งคู่กำลังจะออกมา หญิงสาวก็รีบหมุนตัวเดินกลับโต๊ะพร้อมแววตาที่มีแผนร้าย
เอาสิ! ละมุนพรรณคนนี้จะเล่นด้วยให้สนุกเลย
“เอาล่ะ ออกไปเริ่มการแสดงของเธอได้แล้ว” ปรีดาสาบอกก่อนจะเดินนำออกจากห้องน้ำ แต่เธอก็ต้องชะงักเท้าเพราะเสียงเรียกของหญิงสาวอีกคนที่ยังไม่ยอมขยับ
“แล้วเธอจะไม่บอกเขาจริงๆ ใช่ไหม” ตอนนี้ดารากรไม่รู้ว่าจะเชื่อคนตรงหน้าได้มากน้อยแค่ไหน จึงต้องถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ตราบเท่าที่เธอและฉันยังมีผลประโยชน์ร่วมกัน”
แต่หลังจากกำจัดละมุนพรรณไปได้แล้วก็ไม่เกี่ยวกันใช่ไหม ดารากรนึกต่อในใจ
“แต่อย่าคิดแกล้งถ่วงเวลานะ เพราะยิ่งไล่เด็กนั่นไปให้ห่างตัวไอย์ได้เร็วเท่าไหร่ ไอ้คนรักของเธอก็จะยิ่งปลอดภัยเท่านั้น” ปรีดาสาดักทางอย่างรู้ทัน
“หมายความว่าไง”
“เธอคิดว่าใครเป็นคนช่วยรวบรวมหลักฐานที่อยู่ในมือไอย์ล่ะ” บอกเพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ออกจากห้องน้ำไปทันที ปล่อยให้ดารากรได้ใช้ความคิดต่ออีกสักพัก ก่อนจะตามออกมาด้วยสายตาแน่วแน่อย่างคนตัดสินใจได้
ภายในห้องทำงานของผู้กองหนุ่ม ดารากรที่ขอติดตามไอยราวัณกลับมาด้วยยังคงอดทนนั่งรอชายหนุ่มเลิกงานอยู่เงียบๆ แต่เธอได้อยู่กับเขาตามลำพังเพียงแค่ไม่ถึงสิบนาที ละมุนพรรณก็หอบหิ้วเอาคอมพิวเตอร์เครื่องเล็กเข้ามานั่งทำงานกับผู้กองหนุ่มหน้าตาเฉย แล้วหลังจากนั้นภายในห้องก็มีเพียงเสียงเคาะคีย์บอร์ดสลับกับเสียงพูดคุยปรึกษาของทั้งสองคนไปอีกพักใหญ่ จนหญิงสาวที่ถูกเมินไม่มีใครสนใจทนไม่ไหว
“ไอย์คะ ดาวชักคอแห้ง อยากได้น้ำสักแก้วจังเลยค่ะ”
ไอยราวัณจึงยอมวางมือจากงานและขยับลุก แต่ก็ถูกละมุนพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกพรวดขึ้นตัดหน้า
“ไอย์ขาอย่าลำบากเลยค่ะ เดี๋ยวละมุนจัดการเอง” หญิงสาวขันอาสาด้วยรอยยิ้มกระจ่าง ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“เธอน่ารักดีนะคะ” ดารากรมองตามประตูที่ปิดลงแล้วก็เอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงเหงาๆ “ผู้หญิงร่าเริงสดใสอย่างนี้ ผู้ชายที่ไหนก็ต้องชอบทั้งนั้น ไอย์ก็ด้วยใช่ไหมล่ะคะ”
ไอยราวัณเห็นสีหน้าของเพื่อนเก่าแล้วก็ไม่อยากจะแสดงสีหน้าหรือตอบรับอะไรให้ทำร้ายจิตใจเธอยิ่งกว่าเดิม จึงได้แต่ฟังเธอพูดต่อนิ่งๆ
“ดาวมาเห็นวันนี้ก็เข้าใจแล้วล่ะค่ะ ว่าเรื่องของเราก็คงเป็นได้แค่ความต้องการของพวกคุณแม่เท่านั้น และถึงแม้ว่าดาวจะชอบไอย์แค่ไหน ไอย์ก็ไม่เคยเห็นดาวเป็นอย่างอื่นนอกจากเพื่อนคนหนึ่งเลย” ดารากรเอ่ยถึงความจริงที่ทำร้ายให้เธอทั้งเหงาและเสียใจ จนยอมให้ดวงเด่นที่ตามมาง้อกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่ตั้งใจจะตัดขาดจากชีวิตนอกกรอบที่อเมริกาให้หมด ไม่ให้มันมาแปดเปื้อนภาพลักษณ์คุณหนูแสนเรียบร้อยที่เมืองไทย
ดารากรสูดหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมกำลังใจ ก่อนจะยิ้มบางๆ ปนเศร้าสร้อยให้ผู้กองหนุ่ม “ถึงตอนนี้ ดาวคงต้องตัดใจเสียที”
“ผมขอโทษนะดาว” สีหน้าเศร้าสร้อยจนเกือบจะร้องไห้อย่างที่ดารากรไม่เคยแสดงออกให้เขาเห็นมาก่อนทำให้ผู้กองหนุ่มพูดคำอื่นไม่ออก
“ไอย์ไม่ได้ทำผิดสักหน่อย ความรักมันบังคับกันได้ที่ไหนละคะ” ดารากรปรับสีหน้าให้สดใสขึ้น “แต่ถึงแม้ไอย์จะมีคนพิเศษแล้ว ดาวก็ยังเป็นเพื่อนกับไอย์ได้เหมือนเดิมใช่ไหมคะ”
“มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ” ไอยราวัณยิ้มบอกกับเพื่อนเก่าอย่างจริงใจ จนหญิงสาวอดก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มไม่ได้
“น้ำมาแล้วค่ะ นี่ค่ะ น้ำส้มเย็นๆ สำหรับสาวสวยลุคนางเอกอย่างคุณดาว ส่วนนี่ก็กาแฟรสเข้ม ของแถมให้ไอย์ขา...” หญิงสาวเรียกผู้กองหนุ่มเสียงหวานจนคนถูกเรียกชักจะรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
แต่แล้วการส่งยิ้มสบตาหวานสองหนุ่มสาวก็ต้องชะงักลงเพราะเสียงอุทานอย่างตกใจของดารากร เมื่อไอยราวัณและละมุนพรรณหันไปมองก็เห็นหญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากทำหน้าพะอืดพะอม
“เป็นอะไรไปดาว” ไอยราวัณถามไปทางหญิงสาวที่กำลังพยายามกลืนสิ่งที่อยู่ในปากลงคอไป
“เออ... น้ำ... น้ำส้มมัน...” ดารากรส่งเสียงอึกอักคล้ายไม่อยากพูด “ไม่มีอะไรค่ะ”
“อยากรู้ก็ลองชิมดูสิคะผู้กอง” ละมุนพรรณยกแก้วน้ำส้มตัวปัญหาไปจ่อรออยู่ตรงหน้าผู้กองหนุ่ม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะดื่มเข้าไป ดารากรก็รีบยกมือขึ้นมาปัดมันทิ้งจนแก้วใบบางตกพื้นแตกกระจาย
“อุ๊ย! ดาวขอโทษ... ดาวแค่ตกใจไม่อยากให้ไอย์ทานมันน่ะค่ะ” ดารากรรีบแก้ตัว แล้วก้มลงไปจะเก็บเศษแก้วที่อยู่บนพื้น ปากก็บอกต่อ “ละมุนคงอยากจะแกล้งดาวเล่นๆ เลยเอาอะไรใส่ลงไปก็ไม่รู้ ขมปี๋เลยค่ะ”
“ไม่ต้องเก็บหรอกดาว ระวังจะบาดมือเอา” ไอยราวัณห้ามพร้อมดึงตัวให้หญิงสาวกลับขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
“ให้ดาวเก็บดีกว่า ก็ดาวเป็นคนทำมันแตกนี่คะ” ดารากรแย้งขึ้นมาเสียงสำนึกผิด
“ละมุนนั่นแหละ เล่นอะไรเกินไปแล้ว” ไอยราวัณหันไปดุหญิงสาวที่เอาแต่นั่งอมยิ้มมองราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเป็นเรื่องสนุก
“ละมุนนั่นแหละอะไรคะ! จะให้ฉันเป็นคนเก็บเหรอ” ละมุนพรรณถามกลับเสียงแข็ง อารมณ์สนุกที่ได้เห็นละครฉากถูกกลั่นแกล้งของดารากรหายไปกว่าครึ่ง แทนที่ด้วยความโมโหที่ถูกเข้าใจผิด
“ไม่ใช่...” ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเห็นสาวหน้าหวานส่งสายตาที่มีแววโกรธมาให้ เสียงของผู้กองหนุ่มก็อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ไปตามแม่บ้านเข้ามาเก็บสิ”
ดารากรเห็นทีท่าของไอยราวัณเริ่มเปลี่ยนไป ก็แกล้งงอตัวกุมท้องไว้พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเรียกร้องความสนใจ “ดะ...ดาวปวดท้องจังค่ะไอย์ โอ๊ย... ไม่ไหวแล้ว... พาดาวไปหาหมอได้ไหมคะ”
ไอยราวัณเห็นท่าทางของหญิงสาวแล้วก็นึกเห็นใจเธอขึ้นมา จึงตั้งใจจะเข้าไปช่วยประคองพาเธอไปหาหมอ แต่ดารากรก็ดูจะปวดท้องจนยืนไม่อยู่ ผู้กองหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มเธอขึ้นมาแทน
“รออยู่ที่นี่นะละมุน กลับมาแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ไอยราวัณสั่งความกับละมุนพรรณเสียงเข้ม ดารากรที่ได้ยินก็ถึงกับเบี่ยงใบหน้าซบลงกับอกหนาเพื่อซ่อนรอยยิ้ม แล้วแสร้งโอดครวญเบาๆเรียกความสงสารอีกรอบ
“เป็นอะไรไปดาว” ไอยราวัณเอ่ยถามกับคนในอ้อมแขน
ตั้งแต่ผู้กองหนุ่มพาเธอลงลิฟต์มาถึงชั้นที่มีห้องพยาบาลซึ่งมีแพทย์ประจำอยู่ ดารากรก็กระวนกระวายอยู่ไม่สุขขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่อยู่ในห้องทำงานนั้น ดารากรหลุดปากร้องหาหมอเรียกความสงสารมากขึ้นเพราะเห็นว่าผู้กองหนุ่มกำลังจะใจอ่อนให้กับสาวหน้าหวาน จึงไม่ทันได้คิดถึงผลที่ตามมาให้รอบคอบเสียก่อน
“ดาว... เอ่อ... ดาวว่าไม่ต้องไปหาคุณหมอก็ได้มั้งคะ” ดารากรเริ่มหาทางเลี่ยงที่จะไม่ไปพบแพทย์ให้ถูกจับได้ว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มก้มลงมาหรี่ตามองด้วยสายตาช่างสังเกต หญิงสาวก็เสหลบตาแทบไม่ทัน ยิ่งกระสับกระส่ายขยับตัวหนักขึ้นอย่างอึดอัดใจ
“ดาวค่อยยังชั่วขึ้นเยอะแล้วล่ะค่ะ ไอย์ปล่อยดาวลงดีกว่า”
“แน่ใจนะดาว...” น้ำเสียงกึ่งสอบสวนยิ่งทำให้คนฟังวิตกกังวล จนเก็บอาการพิรุธเอาไว้ไม่อยู่
“แน่สิคะ ไอย์เนี่ยห่วงเกินไปแล้ว” ดารากรพยายามพูดกลบเกลื่อน ผู้กองหนุ่มเองก็พอมองออกว่าเธอเองไม่ได้เป็นอะไรมากจึงค่อยๆ ปล่อยตัวหญิงสาวลง
“ตอนนั้น... สงสัยโรคกระเพาะของดาวคงกำเริบขึ้นมาเพราะทานของรสจัดเข้าไปมั้งคะ น้ำส้มนั่นทั้งเปรี้ยวทั้งขมยังไงบอกไม่ถูก”
“ก็ให้หมอจ่ายยาให้เลยไง ไม่มีปัญหาหรอก” ผู้กองหนุ่มเริ่มสวมวิญญาณเจ้าหน้าที่สืบสวน ไม่ยอมปล่อยให้หญิงสาวดิ้นหลุดไปได้ง่ายๆ ยิ่งเมื่อเขาดึงตัวดารากรไปจนถึงหน้าห้องพยาบาล หญิงสาวก็ยิ่งวิตกหนักขึ้นจนคิดอะไรไม่ออก แต่แล้วก็มีเสียงเพลงเรียกเข้าดังขึ้นมาขัดจังหวะ
ดารากรถอนหายใจอย่างโล่งอก รีบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าใบเล็กขึ้นมาดูหมายเลขเรียกเข้า แล้วสีหน้าโล่งใจของเธอก็นิ่งขึ้นทันตาเห็น เธอพูดอะไรกับปลายสายเพียงสองสามประโยค ก่อนจะทำหน้าตาตื่นคล้ายมีเรื่องใหญ่
“วันนี้ดาวขอตัวก่อนนะคะไอย์ เพื่อนดาวเขามีปัญหานิดหน่อย” พูดจบเธอก็เดินเร็วๆ ไปกดเรียกลิฟต์ ลืมตัวว่าจะต้องแกล้งไม่สบายไปเสียสนิท
“ยังไงก็อย่าลืมไปหาหมอด้วยล่ะ” ไอยราวัณเอ่ยย้ำคล้ายเป็นห่วง แต่ดวงตาที่ฉายแววรู้ทันทำเอาดารากรต้องเมินหลบ ก่อนจะตอบรับคำไม่เต็มเสียง
ผู้กองหนุ่มยืนมองดูตัวเลขแสดงชั้นของลิฟต์ค่อยๆ นับถอยหลังลงพลางส่ายหน้าขำ ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับดารากรมา นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอเองก็มีมารยาหญิงได้เหมือนกัน ครั้งนี้เขาจะยอมวางมือให้จำเลยสาวคนนี้ลอยนวลไปก่อน เพราะยังเหลือจำเลยหน้าหวานคนสำคัญรอให้กำราบอยู่ในห้องทำงานของเขาอีกทั้งคน
เมื่อเข้ามานั่งอยู่ในรถเรียบร้อย ดารากรก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรกลับหาปลายสายที่เธอชิงตัดสายไปก่อนโดยที่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง
“ว่าไงดวง”
“เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะดาว”
“ก็ตอนนั้นไอย์อยู่ด้วยนี่ ว่าแต่คุณโทรเข้ามาทำไม”
“อยากรู้ความคืบหน้าของเรื่องที่ให้ดาวไปสืบมาน่ะสิ” เสียงของชายหนุ่มเร่งเร้ามาตามสาย และมันก็ทำให้ดารากรนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“พูดถึงเรื่องนี้ก็ดี นี่รู้ไหม... ไอย์ตามเรื่องจนถึงตัวคุณแล้วนะ ไหนว่าคุณถอนตัวจากเว็บโต๊ะบอลนั่นแล้วไง” ดารากรซักถามคาดคั้น
“ว่าไงนะ ไอ้ตำรวจนั่นตามมาถึงตัวฉันได้ไง” เสียงที่มาตามสายดังขึ้นอย่างตกใจในข่าวที่ได้รู้ ในช่วงก่อนหน้าที่เขาจะปล่อยเกาะพวกนักศึกษาคุมโต๊ะบอลออนไลน์พวกนั้น เขารู้เพียงว่ามีคนจากกองสืบสวนพยายามจะล้วงข้อมูลในเว็บไซต์ แต่เขาก็มั่นใจว่าได้ลบร่องรอยของตัวเองไปแล้วเรียบร้อยอย่างที่ใครก็ตามกลิ่นไม่เจอแน่
แม้ดารากรจะรู้สึกขัดหูกับถ้อยคำที่อีกฝ่ายใช้เรียกผู้กองหนุ่ม แต่เธอก็ยอมปล่อยให้มันผ่านเลยไปก่อนเพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่เธอได้รู้มาจากปรีดาสา ว่าตอนนี้ดวงเด่นกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยของไอยราวัณว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีโต๊ะบอลที่แท้จริง แล้วเธอก็อดถามถึงเรื่องที่ตัวเองเข้าไปเป็นหุ้นส่วนเต็มตัวไม่ได้
“แล้วอย่างนี้โคมันนี่ล่ะ คงไม่โดนตามเจอหรอกใช่ไหม”
“อย่าห่วงไปเลยน่า ตำรวจมันยังตามกลิ่นไม่เจอหรอก ขอเก็งกำไรอีกสักเดือนเถอะแล้วค่อยปิดเว็บหนี พวกโง่ที่หวังรวยทางลัดกำลังหาสมาชิกใหม่ๆ มาให้เราอีกเยอะเลย” แม้จะกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ดวงเด่นก็ไม่ได้หวาดหวั่นและยังไม่หมดความมั่นใจในฝีมือของตัวเอง ตอนนี้เขายังจัดเงินปันผลให้กับสมาชิกตามกำหนด เป็นการป้องกันไม่ให้มีเจ้าทุกข์แจ้นไปแจ้งตำรวจก่อนเวลาที่เขาต้องการ และมันก็ยังทำให้โคมันนี่ดูน่าเชื่อถือจนสมาชิกหลายคนยอมเพิ่มเงินลงทุนเป็นเงินก้อนโตถึงหลักแสนหลักล้านอีกด้วย
“ขอให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่เราวางแผนไว้แล้วกัน ส่วนเรื่องที่ไอย์ได้อะไรไปบ้าง ดาวกำลังหาทางสืบมาให้”
“หวังว่าจะทันก่อนที่พวกมันจะส่งเรื่องฟ้องศาลนะดาว ไม่รู้ว่าคำสั่งของท่านเลิศชัยที่ห้ามสืบสวนเรื่องโต๊ะบอลต่อจะถ่วงเวลาไว้ได้นานแค่ไหน” เขาเอ่ยถึงผู้ใหญ่ในกรม หุ้นส่วนใหญ่อีกคนของเว็บโคมันนี่ที่เคยช่วยกดดันการทำงานของพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนให้เลิกตามเรื่องโต๊ะบอล
“ภายในวันสองวันนี่แหละ” ดารากรรับปากอย่างร้อนใจกลัวความผิดจะลามมาถึงเธอเช่นกัน
หลังจากดารากรแยกตัวไป ไอยราวัณก็กลับเข้ามาในห้องทำงานด้วยใบหน้าขรึม ผู้กองหนุ่มมองไปทางแฮกเกอร์สาวที่กำลังเคาะปลายนิ้วลงบนแป้นอักษรอย่างไม่สนใจกับการมาของเขา ก่อนจะหันไปมองจุดเกิดเหตุตรงมุมห้องเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย แต่ก็เห็นว่าทุกอย่างยังคงเหมือนกับตอนที่เขาออกจากห้องไปไม่ผิดเพี้ยน
“ทำไมยังไม่เรียกแม่บ้านมาจัดการอีกล่ะ”
“รอผู้กองนั้นแหละค่ะ” ละมุนพรรณลุกขึ้นเดินตรงไปยังชุดเก้าอี้รับแขก พร้อมกับกล่องพลาสติกทรงสี่เหลี่ยมใบเล็ก ไอยราวัณพอคุ้นตาว่ามันเป็นกล่องใส่อุปกรณ์สำหรับเก็บตัวอย่างเพื่อทำการตรวจสอบทางชีวเคมีของกองพิสูจน์หลักฐาน
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ได้แกล้งอะไรคุณดาวเลย ผู้กองจะเชื่อไหมล่ะคะ” หญิงสาวหมุนตัวกลับมาถามด้วยใบหน้าจริงจัง และเมื่อเห็นเขาทำท่าว่าไม่เชื่อแถมยังยิ้มล้อเลียนราวกับปักใจแล้วว่าต้องเป็นฝีมือเธอแน่ ก็ยิ่งชักสีหน้าใส่
“ฉันเลยต้องรอผู้กองมาเป็นพยานในการเก็บหลักฐานนี่ไงคะ แล้วก็ให้นักเคมีของที่นี่ตรวจดูได้เลย ว่าในน้ำส้มเนี่ย มีอะไรแปลกปลอมหรือเปล่า”
ไอยราวัณต้องปล่อยยิ้มขันออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ จะว่าทึ่งในความช่างคิดช่างสรรหาของคุณเธอก็ไม่ใช่ จะว่าหมั่นไส้ในความช่างประชดโดยยอมลงทุนเต็มที่ของเธอก็ไม่เชิง
ละมุนพรรณหยิบชุดเก็บตัวอย่างออกมาจากกล่อง แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมืออย่างที่ตั้งใจ ผู้กองหนุ่มก็เข้ามาคว้ามือห้ามไว้เสียก่อน
“จะมาห้ามทำไมล่ะคะ” เธอทำน้ำเสียงหงุดหงิดติดน้อยใจใส่อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมจะต้องลงทุนคิดทำอะไรขนาดนี้
ไอยราวัณเห็นสีหน้าบึ้งตึงสลับกับตวัดค้อนใส่เขาแล้วก็ต้องส่ายหน้า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น แค่มองสองตาที่มองมาอย่างมั่นใจของเธอ เขาก็รู้แล้วว่าเธอไม่ได้ทำอย่างที่เข้าใจผิดไป ไม่เห็นจำเป็นต้องลงทุนทำขนาดนี้เลย
แต่... โอกาสจะได้เอาคืนที่คุณนางงามเคยแกล้งเขาไว้มันหาได้น้อยๆ เสียเมื่อไหร่
“ไม่ได้ห้าม... แต่กลัวเธอจะเล่นตุกติกน่ะสิ ให้ฉันเก็บตัวอย่างเองดีกว่า”
ละมุนพรรณได้ยินคำตอบแสนยียวนของผู้กองหนุ่มแล้วก็ต้องสะบัดหน้าพรืด กระชากมือออกจากมือใหญ่ที่ยืดเอาไว้ทันที เสียงหัวเราะในลำคอของเขายิ่งทำให้ใบหน้าหวานงอหงิกเข้าไปอีก หญิงสาวกระแทกเท้าถอยออกมาด้วยความโมโหผสมปนเปกับความน้อยใจ แฮกเกอร์สาวจัดการหอบเอาเจ้ารอยเตอร์ไว้กับอก เตรียมจะกลับออกไปทำงานต่อที่โต๊ะของเธอ ไม่วายงึมงำคาดโทษ
“คราวหน้าจะไม่ช่วยแล้วด้วย และถ้าฉันได้รู้จักภรรยาผู้กองเมื่อไหร่ล่ะก็ จะฟ้องให้รู้จักมาควบคุมความประพฤติของผู้กองไว้ซะบ้าง”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงภรรยาของเขา ไอยราวัณก็ต้องมองหน้าแฮกเกอร์สาวให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ล้อเล่นอะไรอยู่ “เดี๋ยวสิละมุน เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ฉันยัง...” ...ไม่ได้แต่งงาน
คำพูดที่ไอยราวัณอยากให้หญิงสาวรับรู้ กลับกลายเป็นเพียงริมฝีปากที่อ้าจะพูดค้างเท่านั้น เพราะกริ่งเตือนภัยเกิดดังลั่นขึ้นมาปิดโอกาสให้พูดต่อ ตามด้วยเสียงผู้คนจ้อกแจ้กจอแจตะโกนเรียกรวมพลกันวุ่นวายอยู่ข้างนอก ละมุนพรรณหน้าตื่นขึ้นทันทีด้วยความตกใจ แต่ไม่นานมือใหญ่ของไอยราวัณก็ยื่นมากุมมือเธอไว้ พร้อมกระตุกเบาๆ ให้เดินตามไปยังประตูหนีไฟ
“เร็วฮะผู้กอง น้องละมุน ขืนชักช้าเดี๋ยวกลุ่มเราก็ชวดรางวัลหรอก” หมวดเหนือเมฆซึ่งมีหน้าที่เป็นผู้ถือธงนำทางตะโกนเร่ง ก่อนจะเดินนำขบวนพาเจ้าหน้าที่ของกลุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปตามบันไดหนีไฟ ตรงลิ่วไปยังจุดรวมพลตรงลานจอดรถด้านนอกอาคาร หวังจะทำเวลาเพื่อรางวัลที่มีให้กับสามทีมแรกที่พาสมาชิกทุกคนไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเสียงฝีเท้าของคนในกลุ่มค่อยๆ หายไป ใครคนหนึ่งที่หลบอยู่ในมุมหนึ่งของห้องทำงานก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ ตรงไปตรวจเช็คประตูหนีไฟเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งว่ามันปิดลงแล้ว นั่นแสดงว่าจะไม่มีใครเปิดเข้ามาจากข้างนอกหรือย้อนกลับมาได้อีก แล้วเธอก็รีบจัดการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับไหว้วานมาทันที
หญิงสาวเข้าไปในห้องทำงานของผู้กองหนุ่ม หมอบตัวมุดเข้าไปใต้โต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ชิดมุมหนึ่งของห้อง กวาดตามองหาซอกมุมที่ลับสายตา เมื่อเจอก็รีบจัดการติดตั้งเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่อยู่ในการดูแลของเธอ และเมื่อเธอกดเปิดสวิตช์ ไฟสีแดงจุดเล็กๆ ก็กะพริบเป็นจังหวะ บ่งบอกว่าเครื่องเริ่มทำงานเรียบร้อย
หญิงสาวจัดการถอดถุงมือที่สวมอยู่เก็บมันลงกระเป๋าเพื่อเอาไปทิ้ง ก่อนจะรีบวิ่งตามลงไปสมทบกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่จุดนัดรวมพลอย่างทำเวลา
อ่านต่อ >> 008 : การตัด(สิน)ใจของผู้กองช้าง
หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
Meb : https://goo.gl/IgOeDz
The1Book : https://goo.gl/FhbRpL
Hytexts : https://goo.gl/JM29dP
Ookbee : https://goo.gl/DBsttW
NaiinPann : https://goo.gl/n3R8Xs
Dek-D : https://goo.gl/lhWSl9
No comments:
Post a Comment