ผู้เขียน : แก่นฝัน
ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ฉากที่ 2 : พบกันอีกครั้ง
ภายในสตูดิโอขนาดกลาง ฝ่ายศิลป์และผู้กำกับกำลังช่วยกันจัดตกแต่งฉากกันอย่างขมักเขม้น ฉากห้องนั่งเล่นถูกเนรมิตขึ้นอย่างรวดเร็วตามความต้องการของผู้กำกับหนุ่ม โดยเน้นให้เป็นโทนสีขาวและสีชมพูหวานเพื่อให้เข้ากับคอนเซ็ปต์ของผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวอมชมพูยี่ห้อหนึ่ง นางเอกสาวหมวยเดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย จึงถูกเรียกให้ไปแต่งหน้าทำผมรอไว้ก่อน ส่วนผู้จัดการหนุ่มที่ตามมาด้วยก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ห่างๆ เพื่อให้คนในกองทำงานกันได้สะดวก
ฉากที่จะถ่ายทำกันในวันนี้เป็นฉากที่หนุ่มสาวบอกเล่าย้อนไปถึงการพบเจอกันครั้งแรก แรกพบฝ่ายชายสนใจหญิงสาวเพราะความใจดีของเธอที่อยากช่วยเหลือเด็กหญิงตัวน้อย และเมื่อได้เห็นใบหน้าขาวเนียนของเธอยามหันมามอง หัวใจของเขาก็เหมือนหลุดลอยไปอยู่ในกำมือเธอเหมือนกับลูกโป่งที่หญิงสาวคว้าไว้ได้
“ผิวขาวใสของวัยสาว ก็เหมือนกับลูกโป่งใบนี้...” นางเอกสาวยกลูกโป่งสีขาวขึ้นมาอวดต่อหน้ากล้อง ก่อนจะปล่อยให้มันลอยหายไป
“...ที่ถ้าไม่คว้าไว้ให้ดี มันก็จะหลุดลอยไปพร้อมกับโอกาสดีๆ ในชีวิตคุณ”
เพลินพิศพูดตามบทพร้อมหันไปมองหน้าพระเอกหนุ่มที่เข้ามาสวมกอดเธอจากข้างหลังพร้อมส่งรอยยิ้มและสายตาหวานเชื่อมให้แก่กันและกัน... จนผู้กำกับสั่ง คัท!
“โอเค งานวันนี้เรียบร้อยดีแล้ว ขอบใจทุกคนมาก” ผู้กำกับหนุ่มบอกเสียงดังให้ทีมงานทุกคนได้เฮลั่นด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากนะคะพี่ต้อง” เพลินพิศเดินเข้าไปไหว้ขอบคุณผู้กำกับหนุ่มที่เคยร่วมงานกันมาแล้วครั้งหนึ่ง
“พี่ก็ต้องขอบใจน้องเพิร์ลเหมือนกัน ไงไก่ น้องเสร็จงานเร็วอย่างนี้จะพาไปไหนต่อ คุณผู้จัดการจอมโหด” ผู้กำกับหนุ่มยิ้มให้นักแสดงสาวก่อนหันไปล้อเลียนชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามา
คนที่ถูกกล่าวหาเพียงยิ้มรับอย่างไม่คิดมาก “ว่าจะพาไปเลี้ยงข้าวสักหน่อยครับ เพราะเดี๋ยวหิวขึ้นมาจะบ่นว่าเดินแบบคืนนี้ต่อไม่ไหว”
“ขยันทำงานกันจริงๆ นะ”
ด้านพระเอกหนุ่มที่ได้ยินบทสนทนาก็รีบแทรกตัวเข้ามาพูดคุยบ้าง
“คุณเพิร์ลจะไปเดินแบบที่ไหนหรือครับ” นัยน์ตาสีเทาเข้มของชายหนุ่มส่งประกายวิบวับ
“ที่อโณทัยค่ะ” เพลินพิศตอบไปแบบไม่ใส่ใจ
“งานเปิดตัวน้ำหอมของพรีม่าหรือเปล่าครับ”
ฝ่ายคนฟังได้ยินแค่ต้นประโยคก็พอคาดเดาบางอย่างได้ เผลอทำหน้าเบื่อโลกแห่งความบังเอิญทันที แต่มาร์คไม่สนใจ ยังคงพูดต่อด้วยอาการตื่นเต้นดีใจ
“ใช่จริงๆ ใช่ไหมครับ ผมก็รับงานนี้ไว้เหมือนกัน”
“เหรอคะ” นางเอกสาวตอบอย่างไร้อารมณ์
“งั้นเราไปทานกลางวัน แล้วค่อยไปที่งานพร้อมกันดีไหมครับ” มาร์คเชิญชวนด้วยรอยยิ้มพิฆาตใจสาว
“คงไม่ดีแน่” เสียงเข้มของศุภชนม์แทรกเข้ามาบ้าง ก่อนจะคว้ามือนางเอกสาวไว้แล้วดึงให้ห่างจากคนช่างตื้อ
เพลินพิศเองก็ให้ความร่วมมือเต็มที่ รีบเขยิบไปเกาะแขนผู้จัดการหนุ่มไว้ทันที
“ใช่ค่ะ เพิร์ลมีนัดกับพี่ไก่แล้ว น่าเสียดายจริงๆ นะคะ” ปากก็ว่าเสียดาย แต่ดวงตาของดาราสาวฉายแววดีใจจนปิดไม่มิด
“โธ่ คุณเพิร์ล ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ผมบ้างเลย” พระเอกหนุ่มบ่นน้อยอกน้อยใจ
“ก็ต้องดูว่าเป็นโอกาสสำหรับอะไรค่ะ ถ้าขอโอกาสเป็นแค่เพื่อน เพิร์ลให้ได้ทุกคนอยู่แล้ว แต่ถ้ามากกว่านั้น ต้องผ่านด่านพี่ไก่ก่อนนะคะ” พูดจบเพลินพิศก็ยิ้มไร้เดียงสาเอียงคอซบต้นแขนของชายหนุ่มข้างตัว
“แต่คงยากหน่อยนะ” ศุภชนม์ส่งเสียงเยาะ ก่อนจะพาตัวหญิงสาวออกจากสตูดิโอไป ทิ้งให้หนุ่มลูกครึ่งสีหน้าสลดมองตามด้วยความเจ็บใจ
เมื่อเข้าไปอยู่ในรถของศุภชนม์ คู่รักกำมะลอฝ่ายหญิงก็ปล่อยหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นรถ
“พี่ไก่เห็นหน้าหมอนั่นไหม จ๋อยสนิทเลย” เพลินพิศหัวเราะปากกว้างอย่างสะใจ “เชอะ ดูก็รู้ว่าไม่จริงใจ คิดจะจีบเราหวังดังเหรอ ฝันไปเถอะ”
“สงสัยจะเชื่อจริงๆ ว่าพี่กับเพิร์ลคบกันอยู่”
“ก็พี่ไก่อะ พูดไปได้ไง แต่คงจะยากหน่อยนะ โอ๊ย... แมนมากๆ” เพลินพิศเลียนคำพูดของคนที่ต้องคอยเล่นบทแฟนหนุ่มกันพวกผู้ชายที่เข้ามาใกล้ๆ ให้เธอ
“ไม่พูดขนาดนั้นแล้วจะไล่เขาไปได้เหรอ พี่อุตส่าห์รับปากน้าพลอยมาแล้วทั้งที”
‘พราวพลอย’ หรือที่ศุภชนม์เรียกว่า ‘น้าพลอย’ คือมารดาของดาราสาวซึ่งหวงลูกสาวสุดๆ เธอยื่นคำขาด ห้ามไม่ให้เพลินพิศมีข่าวเสียๆ หายๆ กับผู้ชายคนไหนเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะให้ออกจากวงการและกลับไปช่วยงานรีสอร์ตของที่บ้านทันที แต่เหตุที่คุณนายพราวพลอยยอมให้ศุภชนม์เป็นคนดูแลลูกสาวสุดหวงก็เพราะ... เธอมั่นใจว่ายังไงศุภชนม์ก็ไม่คิดกับหญิงสาวเกินน้องสาวแน่นอน
“แม่เพิร์ลจ้างพี่ไก่มาเท่าไหร่กันน้า... ถึงได้ทำงานไม่เคยขาดตกบกพร่องขนาดนี้”
“ก็ให้เท่าที่พี่หักเปอร์เซ็นต์มาจากเพิร์ลนั่นแหละ” ศุภชนม์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “วันนี้จะทานอะไรดีล่ะ พี่ให้เพิร์ลเลือกร้านได้ตามใจเลย”
“ไปกินแถวๆ โรงแรมก็แล้วกันค่ะ จะได้ไม่เสียเวลา เพิร์ลอยากไปดูสถานที่ก่อนด้วย เพราะพี่ไก่คนเดียวที่ไปรับงานมากะทันหันแบบนี้ ถ้าเพิร์ลเดินผิดคิว เบียดนางแบบคนอื่นตกเวทีเป็นข่าวขึ้นมา พี่ไก่จะมาโทษเพิร์ลไม่ได้นะคะ” เพลินพิศบ่นโยนความผิดให้ผู้จัดการหนุ่มโทษฐานที่รับงานจวนตัว
การจราจรด้านหน้าโรงแรมอโณทัยติดขัดกว่าทุกคืนเพราะงานเปิดตัวน้ำหอมคอลเลกชั่นใหม่ของแบรนด์ดังอย่างพรีม่า ที่เชิญเหล่านักร้อง นักแสดง นางแบบมาทั่วทั้งวงการ รวมถึงเหล่าคุณผู้หญิง คุณผู้ชายที่หลงใหลในกลิ่นหอมปรุงแต่งซึ่งล้วนพากันมาร่วมงานโดยมีเป้าหมายว่าต้องได้ครอบครองน้ำหอมคอลเลกชั่นใหม่นี้สักชุดสองชุด เมื่อได้ยินผู้ผลิตกล่าวโฆษณาว่ากลิ่นของน้ำหอมเซ็ตนี้จะทำให้คู่รักตกอยู่ในภวังค์ของความรักแสนหวานแต่แฝงไว้ซึ่งเสน่ห์เย้ายวนใจ
กลุ่มชายหนุ่มหน้าตาเคร่งขรึมรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำแทรกตัวอยู่ตามจุดสำคัญๆ ของงานอย่างกลมกลืน พวกเขามีหน้าที่ในการดูแลความเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณงาน เพื่อให้การเปิดตัวน้ำหอมในค่ำคืนนี้ดำเนินไปอย่างสวัสดิภาพ โดยมี ‘เรียว’ บอดี้การ์ดหนุ่มเชื้อชาติญี่ปุ่น เจ้าของคิ้วเข้มหนา นันย์ตาคมสีดำสนิทที่ช่างตัดกันกับริมฝีปากสีชมพูจัดแบบที่ผู้หญิงหลายคนยังต้องอิจฉา เป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยทั้งหมดภายในงาน
“แขกเริ่มมากันแล้ว ดูแลความเรียบร้อยและตรวจสอบความถูกต้องบนบัตรเชิญให้ดีล่ะ”
เสียงเรียบของหัวหน้าทีมส่งผ่านไมโครโฟนไร้สายขนาดเล็กไปยังลูกทีมที่ยืนอยู่บริเวณโต๊ะลงทะเบียนหน้างาน สาเหตุที่บอดี้การ์ดหนุ่มต้องเข้มงวดกับการดูแลความปลอดภัยมากเป็นพิเศษนั้นเป็นเพราะเจ้านายของเขาจะมาร่วมงานในคืนนี้ด้วย
บริษัทรักษาความปลอดภัย ‘ซูไรการ์ด’ เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือของ ‘ซันไรส์กรุ๊ป’ กลุ่มธุรกิจที่รวมบริษัทน้อยใหญ่ไว้ในเครือมากมาย ตั้งแต่กิจการการผลิตและส่งออกสินค้าครบวงจร ห้างสรรพสินค้าสุดหรู โรงแรมและรีสอร์ตอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ด้วย และทายาทรุ่นต่อไปของแสงสุรียฉัตร ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในการจัดการบริหารงานทั้งหมดของซันไรส์กรุ๊ปในขณะนี้คือ ‘ทรรศน์ แสงสุรียฉัตร’ อดีตเจ้านายของเขา
สาเหตุที่เป็นอดีตเจ้านายนั้น เพราะตั้งแต่ทรรศน์ประกาศหมั้น ชายหนุ่มก็ต้องการใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับคู่หมั้นสาวให้มากขึ้น จึงไม่ต้องการให้เขาคอยตามประกบให้การคุ้มครองทุกฝีก้าวอย่างเมื่อก่อน เรียวจึงตัดสินใจปลีกตัวออกมาเพื่อมุ่งดูแลงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยที่มี ‘คาโม’ ลุงแท้ๆ ของเขาเป็นผู้ก่อตั้งอย่างเต็มที่
เมื่อเห็นลีมูซีนสีดำคันหรูเคลื่อนมาจอดสนิทที่ด้านหน้าของโรงแรมอโณทัย เรียวก็หันไปให้ความสนใจกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่ก้าวลงมาจากตอนหลังของรถทันที แต่ยังไม่ทันที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะเข้าถึงตัวคนทั้งสอง บรรดานักข่าวทั้งสายธุรกิจและสายบันเทิงต่างก็วิ่งกรูเข้าไปรุมล้อมแขกผู้มาใหม่เสียก่อน ทั้งแย่งกันเก็บภาพและยิงคำถามใส่อย่างไม่มีใครยอมใคร เรียวเห็นดังนั้นจึงสั่งให้ลูกทีมเข้าไปอารักขาและกันนักข่าวให้ออกห่างจากชายหญิงคู่นั้น เพื่อเปิดทางให้แขกทั้งสองเข้ามาในงานได้สะดวก
“ขอบใจมากเรียว” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไล่เลี่ยกับบอดี้การ์ดหนุ่มเอ่ยพลางจัดเสื้อนอกของตนให้เข้าที่ แม้นันย์ตาคมดุสีน้ำตาลเข้มจะมีร่องรอยของความเหนื่อยหน่ายกับการตกอยู่ในวงล้อมของนักข่าว แต่ก็ยังมีรอยยิ้มน้อยๆ เมื่อเอ่ยขอบคุณหัวหน้าบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ถ้าคนของนายไม่มาช่วย ฉันกับนิราคงโดนกักตัวไว้อีกนาน หมั้นกันมาก็หลายเดือนแล้ว ยังไม่ยอมปล่อยให้เราได้อยู่สงบๆ เสียที”
“เจ้านายเป็นคนที่น่าสนใจนี่ครับ” เรียวเอ่ยด้วยเสียงเรียบใบหน้านิ่งสงบ
“เดี๋ยวนี้เขาไม่สนใจฉันแล้วล่ะ โดนหนูมินิแย่งซีนไปหมด เจอนักข่าวกี่คนๆ ก็ถามหาแต่คุณนิรา”
ทรรศน์ก้มลงล้อเลียนสาวร่างเล็กในอ้อมแขนด้วยฉายา ‘หนูมินิ’ ที่ช่างสมตัวหญิงสาวเสียเหลือเกิน เพราะแม้ตอนนี้เธอจะสวมรองเท้าส้นสูงสามนิ้วแล้วก็ตาม แต่ศีรษะของเธอก็ยังสูงไม่พ้นไหล่ของคนพูดอยู่ดี
‘นิรันตรา’ สาวร่างเล็กเจ้าของฉายารีบตวัดดวงตากลมโตที่มีแววดุขึ้นนิดๆ มองคู่หมั้นหนุ่ม ก่อนจะเถียงกลับให้คนฟังได้ยิ้มชอบใจ
“ใครเจอนิก็ถามถึงแต่คุณเหมือนกันนั่นแหละ” ก่อนจะหันไปไต่ถามชายหนุ่มอีกคน “แล้วงานที่ซูไรการ์ดเป็นยังไงบ้างคะคุณเรียว มีงานเหลือพอให้ฉันช่วยบ้างไหมคะ”
“ไม่มีหรอกครับ” เรียวบอกปัดทันที ไม่ใช่เพราะเห็นว่านิรันตราไม่สามารถมาช่วยงานรักษาความปลอดภัยอย่างที่เขาทำอยู่ได้ เขารู้ว่าเธอมีฝีมือในด้านการต่อสู้ร้ายกาจเกินตัว ...แต่ขืนให้มาทำ มีหวังโดนเจ้านายเอาปืนไล่ยิงแน่
“ดีแล้วล่ะ ถ้านายให้ช่วย ก็คงทำงานนายป่วนมากกว่า”
ทรรศน์แกล้งว่าคู่หมั้นสาว ก่อนจะรีบคว้ามือเธอจับจูงให้เดินเข้าไปในงานพร้อมกัน เมื่อหางตาสังเกตเห็นบรรดานักข่าวเริ่มมองมาทางพวกเขาอีกครั้ง
เรียวเดินประกบตามหลังเพื่อส่งเจ้านายและคู่หมั้นสาวที่ยังพูดจาหยอกล้อกันไม่เลิกให้เข้าไปในห้องจัดงาน เมื่อกลับออกมาก็ทำหน้าที่ดูแลควบคุมการทำงานของลูกทีมที่ประจำอยู่บริเวณหน้างานต่ออีกสักพัก จนเมื่อเห็นว่าแขกทยอยเข้าไปในงานกันหมดแล้ว เขาจึงเปลี่ยนไปดูแลภายในงานแทน
ในห้องจัดงานขนาดใหญ่ของโรงแรมห้าดาวอย่างอโณทัยเต็มไปด้วยความหรูหราล้ำสมัย บรรดาแขกเหรื่อเริ่มทยอยกันเข้ามาในงานจนห้องที่ว่าใหญ่ที่สุดของโรงแรมยังดูแน่นไปถนัดตา ขณะที่ทุกอย่างหน้าเวทีดูสวยหรู แต่หลังเวทีกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เพราะภายในห้องแต่งตัวนั้นช่างคับแคบเมื่อเทียบกับจำนวนนางแบบและนายแบบกว่าสามสิบชีวิตที่ตระเตรียมความพร้อมกันอยู่ รวมไปถึงช่างแต่งหน้าทำผมอีกร่วมสิบคนที่ต่างเร่งรีบจัดการความเรียบร้อยสวยงามของเสื้อผ้าหน้าผมให้เหล่านายแบบและนางแบบกันมือเป็นระวิง
“ได้เวลาเตรียมตัวแล้วจ้ะน้องเพิร์ล... พี่วินดี้นี่ตาถึงจริงๆ นะคะเนี่ย คิดไม่ผิดเลยที่เรียกน้องเพิร์ลมาเดินชุดนี้” น้ำเสียงห้าวที่ถูกบีบให้แหลมสูงของสไตล์ลิสหนุ่มสวยเอ่ยชมนางแบบสาวในชุดราตรีสายเดี่ยวเข้ารูปสีแดงเข้มจนเกือบดำอย่างปลื้มอกปลื้มใจ
“แต่เพิร์ลว่าเพิร์ลคิดผิดนะคะที่รับงานนี้” เพลินพิศบ่นอุบเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของนางแบบคนอื่นๆ ที่มองมา เพราะพวกเธอต่างก็วาดหวังว่าตนเองจะได้สวมชุดปิดท้ายงานเพื่อนำเสนอน้ำหอมชุดเอกของค่ำคืนนี้ แทนที่นางแบบตัวจริงที่โชคร้ายไม่สบายหนักเข้าต้องส่งเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อวาน
“ไม่รู้ว่ามาขัดแข้งขัดขาใครบ้างรึเปล่า”
“เอาน่า... อย่าคิดมากไปเลยจ้ะ ชุดนี้เหมาะกับน้องเพิร์ลที่สุดอยู่แล้ว เดินให้เลิศที่สุด ให้สมกับที่พี่หวังไว้ก็พอค่ะ” ดีไซน์เนอร์สาวประเภทสองที่เป็นผู้ออกแบบชุดสวยที่สาวหมวยสวมใส่เดินเข้ามาได้ยินพอดี จึงพูดให้กำลังใจในฐานะที่เคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้ง เธอรู้จักและสนิทสนมกับดาราสาวเป็นอย่างดี รู้ว่าเพลินพิศเป็นเด็กดี มีความรับผิดชอบและตั้งใจทำงาน ที่สำคัญคือไม่ขี้อิจฉาชิงดีชิงเด่นเหมือนแม่พวกนางแบบคนอื่นๆ
“ค่ะ เพิร์ลจะทำให้ดีที่สุด” เพลินพิศรับคำ ก่อนจะก้าวไปรอตรงบันไดด้านหลังเวทีที่มีมีชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ดีไซน์เก๋เข้าชุดกับเธอยืนรออยู่แล้ว
พอชายหนุ่มหมุนตัวมาเห็นเพลินพิศก็ยิ้มกว้างให้ทันที แต่นางเอกสาวที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นกลับนึกอยากจะหันหลังหนีเสียเดี๋ยวนั้น
“คุณเพิร์ลสวยจังครับ” มาร์คกระซิบข้างหูหญิงสาวที่ก้าวมายืนอยู่ข้างตัว ก่อนจะรับขวดน้ำหอมสีฟ้าเข้มจากทีมงานมาถือไว้ และส่งขวดสีแดงใสต่อให้หญิงสาว จังหวะที่เพลินพิศเอื้อมมือมาหยิบขวดน้ำหอม ชายหนุ่มก็ฉวยโอกาสรวบมือหญิงสาวเอาไว้ ตั้งใจจะแกล้งดึงร่างเพรียวบางให้เข้ามาใกล้ชิดยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ทันได้ทำดังที่หวัง ดาราสาวก็รีบชิงบิดมือออกพร้อมส่งสายตาดุไปให้เสียก่อน
“เรามาทำงานนะคะคุณมาร์ค รีบเดินให้เสร็จๆ เถอะค่ะ” เพลินพิศเร่งรัดด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะมองตรงไปที่หน้าเวที เมื่อถึงกำหนดก็ยืดตัวตรงหน้าเชิด แล้วก้าวเดินออกไปสู้กับแสงไฟอย่างสง่างาม
มาร์ครีบก้าวเท้าประกบเคียงคู่นางแบบสาวทันที เขาฉวยโอกาสที่อยู่บนเวทียึดมือบางไว้พลางแสดงท่าทางสนิทสนมราวกับเป็นคู่รัก ตรงตามจุดมุ่งหมายของน้ำหอมคอลเลกชั่นนี้ ที่มุ่งหวังให้เป็นน้ำหอมกลิ่นพิเศษสำหรับคู่รัก เพื่อที่จะผสานความหอมหนึ่งสดชื่นและหนึ่งอ่อนหวานในยามที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิด ให้เป็นกลิ่นหอมกลิ่นใหม่ที่มีเสน่ห์ลึกลับกว่าและเย้ายวนใจยิ่งขึ้น
เหล่าแขกเหรื่อในงานต่างจ้องมองมาที่สองหนุ่มสาวบนเวทีกันเป็นตาเดียว ด้วยความสวยหล่อที่ช่างเหมาะสมกัน ทำให้บรรดานักข่าวสายบันเทิงต่างมีความคิดที่จะสร้างข่าวก่อกระแสจับคู่ให้ทั้งสองคน ผิดกับสายตาคมกริบของบอดี้การ์ดหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องด้านหลังสุด ที่จับจ้องเฉพาะใบหน้าสวยของหญิงสาวเท่านั้น โดยไม่สนใจผู้ชายที่เดินเคียงคู่กันมาแม้แต่น้อย
แม้ว่าเรียวจะเคยพบเจอและพูดคุยกับหญิงสาวบนเวทีมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ผ่านทางคู่หมั้นสาวของทรรศน์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับเธอ แต่ทุกครั้งที่เจอ เพลินพิศก็มักจะแต่งตัวสบายๆ ไม่ก็ทะมักทะแมงพร้อมออกลุยไปเสียทุกครั้ง ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอในมาดของนางแบบสาวที่ถูกจับแต่งตัวจนสวยสง่าตั้งแต่หัวจรดเท้า
แล้วชายหนุ่มที่ลอบมองเธออยู่เนิ่นนานก็ต้องใจกระตุก เมื่อนางแบบสาวกวาดตามองมาสบเข้ากับสายตาเขาพอดี ก่อนที่เธอจะมองผ่านไปโปรยรอยยิ้มบางตรงมุมปากให้ช่างภาพที่ระดมยิงแสงแฟลชไปบนเวทีเก็บภาพกันถี่ยิบ
นางแบบสาวคงไม่รู้ตัวหรอกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเก็บภาพเธอเอาไว้เช่นกัน...
เรียวโคลงศีรษะ ก่อนจะคลี่ยิ้มเพียงมุมปากให้กับการกระทำที่ดูแปลกไปของตัวเอง พลางนึกเปรียบเทียบภาพของเธอในวันแรกที่ได้เจอกับวันนี้
มันช่างแตกต่างกันจริงๆ
วันนั้น... เมื่อราวหกเดือนก่อน เป็นวันที่คุณทรรศน์ เจ้านายของเขากำลังเร่งรีบเดินทางไปช่วยเหลือหญิงสาวคนสำคัญที่ถูกศัตรูคู่แข่งทางธุรกิจลักพาตัวไป ซึ่งหญิงสาวคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคู่หมั้นสาวร่างเล็กที่กำลังนั่งชมการเดินแบบอยู่ข้างๆ คุณทรรศน์ตรงเก้าอี้วีไอพีคนนั้น ครั้งนั้นคุณเพลินพิศวิ่งหน้าตื่นเข้ามาขวางทางพวกเขาไว้ และบอกว่าเธอเป็นเพื่อนสนิทของคุณนิรันตราที่ถูกจับตัวไป พอประกาศตัวเสร็จ ดาราสาวก็ดึงดันจะตามพวกเขาไปช่วยเพื่อนของเธอให้ได้ ในตอนนั้นเขาทำเพียงแค่มองประเมินเธออยู่เงียบๆ เท่านั้น ปล่อยให้เจ้านายเป็นคนตกลงเจรจากับเธอเองเพราะรู้ว่าอย่างไรแล้ว เจ้านายก็คงไม่อนุญาต
แล้วเขาก็ต้องแปลกใจที่สุดท้าย เจ้านายก็ต้องยอมให้เธอติดตามพวกเขาไปช่วยเพื่อนของเธอได้อีกแรง เขานึกไม่ถึงเลยว่าความเด็ดขาดของคุณทรรศน์ จะพ่ายแพ้ให้กับความดื้อดึงของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่พูดอวดเก่งด้วยความมั่นใจว่าเธอสามารถดูแลตัวเองได้ และจะไม่เป็นตัวถ่วงให้ใครต้องคอยมาดูแล แต่ไม่ว่าเธอจะยืนยันอย่างไร ฝ่ายพวกเขาก็ยังไม่มีใครเชื่อตามที่เธอพูดอยู่ดี
สุดท้าย... คุณเพลินพิศจึงต้องตกมาเป็นภาระของเขาในการที่จะต้องคุ้มครองดูแลเธอตามคำสั่งของเจ้านาย
แต่แล้วความรู้สึกรำคาญใจที่ต้องมีผู้หญิงอวดเก่งคนหนึ่งมาเป็นภาระในงานอันตรายและตึงเครียดอย่างการบุกชิงตัวประกันก็ต้องเปลี่ยนไป กลับกลายเป็นความประหลาดใจกับฝีมือของดาราสาวคนนี้แทน เพราะเธอไม่ได้เป็นตัวถ่วงอย่างที่พูดไว้จริงๆ มิหนำซ้ำยังเป็นกำลังสำคัญให้ทีมของเขาบุกเข้าไปโจมตีพวกคนร้ายได้อีกด้วย ...จะเสียก็ตรงที่วันนั้นเขาต้องคอยกวาดตามองหาผู้หญิงร่างโปร่งบางคนนี้อยู่ตลอดเวลา เพื่อคอยกันให้เธอออกห่างจากจุดอันตรายที่เธอชอบวิ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดห่วงตัวเองเลย และอาจเป็นเพราะนิสัยนี้ของเธอกระมัง ที่ทำให้เขารู้สึกว่าสาวหมวยคนนี้ ‘น่าสนใจ’
หลังจากวันนั้น เขาก็ได้เจอดาราสาวผู้นี้อีกครั้ง เพราะเธอตามคุณนิรันตรามาที่บ้านพักบนเกาะส่วนตัวของแสงสุรียฉัตรด้วย แล้วผู้หญิงห้าวหาญที่เขาเคยเห็นว่าเธอสามารถลั่นไกยิงผู้ร้ายได้โดยตาไม่กะพริบ ก็เปลี่ยนภาคเป็นสาวบ่อน้ำตาตื้นให้เขาได้แปลกใจในตัวเธออีกครั้ง
ภาพของผู้หญิงที่เนื้อตัวหน้าตาขะมุกขะมอม ดวงตารื้นน้ำใสแต่ไม่ทันจะหยดกำลังต่อว่าเพื่อนสาวร่างเล็กอย่างฉุนเฉียวที่เพื่อนไม่ยอมรับความหวังดีจากเธอ หลังจากที่เธอตั้งใจเอาตัวเข้าแลกผลักคุณนิรันตราให้พ้นทางจากชั้นวางของที่กำลังจะเอียงล้มลงมา แต่ในเวลาคับขัน กลับเป็นตัวดาราสาวเองที่ถูกเพื่อนเหวี่ยงตัวดันออกมาให้พ้นอันตราย จนฝ่ายสาวร่างเล็กต้องเป็นฝ่ายเจ็บหนักเสียเอง ขณะที่คุณเพลินพิศมีแค่บาดแผลตามฝ่าเท้าจากเศษแก้วที่หล่นลงมาแตกกระจายอยู่เต็มพื้นทิ้มตำเอาเท่านั้น
ภาพของหญิงสาวผู้เข้มแข็งกล้าหาญที่แอบซ่อนอีกหนึ่งตัวตนที่แสนอ่อนไหวอ่อนโยนเอาไว้ภายใน ดวงตาแดงๆ บนใบหน้าสวยที่ผมเผ้าหลุดรุ่ยนั่นกระมังที่ทำให้เขาประทับใจในตัวเธอ... ยิ่งกว่าคราแรกที่เจอกัน ภาพของเธอทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปไหนได้ ต้องคอยเฝ้ามองดูผู้หญิงแสนเก่งคนนี้ตลอดเวลา ด้วยอยากรู้ว่าจะมีมุมไหนในตัวเธอที่ยังซุกซ่อนอยู่อีก
และในเย็นวันนั้นเอง เขาก็รับหน้าที่คอยพยาบาลดูแลดาราสาวหมวยคนนี้ด้วยความเต็มใจ โดยที่ไม่ต้องรอคำสั่งจากเจ้านายเหมือนครั้งก่อน...
อ่านต่อ >> ฉากที่ 3 : พบกันอีกครั้ง 2
หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ
Meb : https://goo.gl/FockyR
The1Book : https://goo.gl/AR33tY
Hytexts : https://goo.gl/RL9qJX
Ookbee : https://goo.gl/iia4wb
NaiinPann : https://goo.gl/RczUnR
Dek-D : https://goo.gl/dqU2Zz
No comments:
Post a Comment