7 July 2017

# แก่นฝัน # ฉากรักดักหัวใจ

ฉากรัก ดักหัวใจ - ฉากที่ 1 : นางเอกสาวหมวย

ฉากรัก ดักหัวใจ ชุดสี่สาว

ผู้เขียน : แก่นฝัน

ตีพิมพ์ครั้งแรก โดย สนพ. คูลแคท
เผยแพร่ฉบับอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต


ฉากที่ 1 : นางเอกสาวหมวย

          สวนสาธารณะกลางกรุงขนาดใหญ่ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาชนิด ใบหญ้าในสนามเขียวชะอุ่มดูรื่นตา ลมอ่อนๆ โชยพัดเอาไอเย็นจากสระน้ำขนาดใหญ่กลางสวนมาช่วยดับไอร้อนของเมืองกรุงในช่วงเวลาบ่ายจัดอย่างนี้ได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในสวนกำลังคึกคักด้วยเหล่าผู้คนที่ต้องการหลบหนีจากความอึดอัดของอาคารสี่เหลี่ยมคับแคบที่ตั้งสูงตระหง่านเบียดเสียดกันจนรู้สึกหายใจไม่สะดวก หลายคนที่รักสุขภาพต่างพากันมาออกกำลังกายอยู่ประปรายทั่วสวนสวย ทั้งเต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่วิ่งเหยาะๆ ไปตามทางเดินรอบๆ สระน้ำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติไปจากทุกวันบ้างก็คือตอนนี้ สายตาทุกคู่ของผู้ที่รักสุขภาพต่างหันมาจดจ้องสนใจที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้สระน้ำกันเป็นตาเดียว...
          หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งในชุดกระโปรงสีชมพูหวานกำลังกระโดดเหย็งๆ อยู่บนสนามหญ้า ทุกครั้งที่เธอกระโดด ชายกระโปรงก็จะสะบัดพลิ้วเผยให้เห็นเรียวขาเนียนขาว สายตามุ่งมั่นของเธอมองสูงขึ้นไปบนปลายกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ เป้าหมายคือ ลูกโป่งสีขาวที่ลอยขึ้นไปติดอยู่บนนั้น ใกล้ๆ กันมีหนูน้อยกระโปรงแดงยืนร้องไห้โฮอยู่ข้างๆ คงเป็นเจ้าของลูกโป่งที่ลอยหลุดไปลูกนั้นเป็นแน่ แต่ไม่ว่าหญิงสาวจะกระโดดและเอื้อมคว้าให้สุดปลายแขนยังไง เธอก็ยังไม่สามารถคว้าลูกโป่งลูกนั้นลงมาให้แม่หนูน้อยได้อยู่ดี ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะคิดหาวิธีใหม่ จู่ๆ ก็มีมือใหญ่เอื้อมจากด้านหลัง คว้าสายเชือกที่ผูกลูกโป่งลงมาให้ หญิงสาวสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปยิ้มหวานขอบคุณ บังเอิญเป็นจังหวะที่ผู้มาใหม่ก้าวเข้ามาจนเกือบชิดจึงทำให้ใบหน้าของทั้งสองคนอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ ฝ่ายชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยก็ถึงกับออกอาการตะลึง เผลอปล่อยเชือกในมือจนลูกโป่งเกือบจะหลุดลอยไปได้อีกครั้ง ดีที่หญิงสาวรู้ตัวและรีบคว้าปลายเชือกไว้ได้ทัน
          และแล้วเด็กหญิงที่ร้องไห้งอแงก็เงียบเสียง แล้วส่งรอยยิ้มเขินอายมาให้พร้อมคำขอบคุณเบาๆ ขณะที่รับลูกโป่งคืนจากมือพี่สาวคนสวย ส่วนหญิงสาวก็ไม่ลืมหันไปยิ้มขอบคุณให้ชายหนุ่มที่ได้แต่ยืนเกาศีรษะแก้เก้อ


          “คัท! ดีมาก!” เสียงผู้กำกับหนุ่มไฟแรงร้องบอกอย่างพอใจ
          “เดี๋ยวขอถ่ายฉากซูมหน้าทั้งสองคนชัดๆ อีกทีนะ นางเอก... พี่ขอให้ค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นมามองพระเอกช้าๆ ให้กล้องได้โคลสอัพแก้มขาวๆ นานๆ หน่อยนะ” ผู้กำกับหนุ่มสั่งอย่างอารมณ์ดี
          นางเอกของโฆษณาหันมายิ้มรับคำ ก่อนจะถูกช่างแต่งหน้าช่วยซับเหงื่อและเติมแป้งดูแลความเรียบร้อยให้
          “ส่วนพระเอก... ขอสายตาแบบว่า โอ้นี่แหละ นางฟ้าของผม ทำได้ไหม” ผู้กำกับยังสั่งต่อ
          ฝ่ายพระเอกหนุ่มลูกครึ่งหันไปมองหน้าหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ ทันที พร้อมอมยิ้มส่งสายตากรุ้มกริ่มผ่านนัยน์ตาสีเทาสะท้อนประกายสดใสไปให้
          “สบายมากครับ
          และเพราะเขาหันมาตอบผู้กำกับอยู่นั่นเอง จึงไม่ทันสังเกตเห็นอาการแกล้งคลื่นไส้ของนางเอกสาวสวยที่แสดงออกเพื่อตอบกลับสายตาจอมเจ้าชู้ของเขา
          “เอาล่ะ พระนางประจำที่ กล้องพร้อม... ไฟพร้อม สาม... สอง... หนึ่ง แอ๊คชั่น!”
          ทันทีที่สิ้นเสียงผู้กำกับ กล้องก็เริ่มทำงานอีกครั้ง ตากล้องจับภาพเข้าไปใกล้ใบหน้าขาวใสของนางเอกสาว ค่อยๆ เก็บภาพไล่จากปลายคาง ขึ้นไปที่ริมฝีปากบางเรื่อสีชมพูแวววาว ผ่านแก้มขาวเนียนใส จนไปถึงดวงตาเรียวยาวปลายชี้นิดๆ ตามเชื้อสายลูกครึ่งไทย-จีนของเจ้าตัวที่กำลังช้อนขึ้นมองสบตาพระเอกลูกครึ่งด้วยสายตาเปี่ยมเสน่ห์        
          “นางเอกยิ้มอีกนิด นั่นละ โอเค คัท! ...นี่คุณพระเอก สายตาสมจริงสมจังเกินไปรึเปล่า” ผู้กำกับหนุ่มปากไวร้องแซวพระเอกหนุ่ม
          “ก็นางเอกเขาเล่นสวยเกินจริงทำไมล่ะครับ” คำตอบหวังทำคะแนนนั้นเรียกเสียงฮือฮาจากคนในกองถ่ายได้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับอารมณ์ดี
          “หึๆ ไวจริงนะ เอาล่ะ วันนี้เลิกกองได้ พรุ่งนี้มีถ่ายต่อในสตูตอนแปดโมงเช้า ขอเตือนว่าห้ามมีใครไปเลทเด็ดขาด
          พอคำสั่งเลิกงานของผู้กำกับโฆษณาไฟแรงดังขึ้น สมาชิกในกองถ่ายก็เฮรับกันอย่างพร้อมเพรียง เพราะชายหนุ่มอารมณ์ดีคนนี้สั่งงานโหดละเอียดยิบตลอดเวลามาตั้งแต่เช้า ไม่ยอมปล่อยให้อะไรเล็กๆ น้อยๆ ผ่านไปได้ง่ายๆ หากไม่ได้ดั่งใจ
          “อ้าวไก่ เพิ่งมาเหรอ ไปไหนมาไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้า พี่ยังนึกอยู่เลยว่าทำไมวันนี้ปล่อยให้น้องสาวสุดที่รักฉายเดี่ยวได้” ผู้กำกับร้องทักชายหนุ่มร่างสูงที่เห็นเดินเข้ามาแต่ไกล
          ชายหนุ่มส่งยิ้มสุภาพทักทายผู้กำกับ ก่อนจะถามกึงน้องสาวสุดหวง งานน้องเพิร์ลวันนี้โอเคนะครับ?
          “ไอ้งานน่ะโอ... แต่โน่น!” ผู้กำกับหนุ่มพยักพเยิดหน้าไปทางที่สองพระนางกำลังยืนคุยกันอยู่ กำลังโดนพระเอกใหม่ส่งขนมจีบให้เป็นชุดเลย ไม่มีนายอยู่เฝ้าเลยได้โอกาส
          ชายหนุ่มหันไปมองตาม แล้วต้องขมวดคิ้วกับภาพที่เห็น
          “เผอิญวันนี้ยุ่งๆ ไปคุยงานนัดคิวให้เจ้าตัวนั่นแหละครับ ขอไปพักร้อนกับเพื่อนครึ่งเดือน พอกลับมา ใครต่อใครก็จองตัวให้วุ่นไปหมด
          “กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นนี่นะ แล้วหน้าตาอย่างน้องเขาก็กำลังเป็นที่นิยม พี่ยังชอบเลย”     
          พอได้ยินคำชมดาราสาวในการดูแลซึ่งๆ หน้า คนที่ฟังอยู่ก็อดทำเสียงกระแอมไอในลำคอขัดจังหวะผู้พูดไม่ได้
          “เฮ้ยชอบในฐานะนักแสดงหรอก แค่นี้ทำหวง แต่ถ้าเป็นไอ้เจ้าหนุ่มพระเอกใหม่นั่นล่ะก็ ไม่แน่นะ” ผู้กำกับปรายสายตาไปทางพระเอกลูกครึ่งแล้วยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้


          ไม่ว่างไปทานข้าวกับผมจริงๆ หรือครับ ชายหนุ่มที่ถูกพาดพิงถึงยังคงตามตื้อนางเอกสาวหน้าหมวยไม่เลิก
          มาร์ค’ ดาราหนุ่มรูปหล่อเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกัน แม้จะมีเชื้อไทยอยู่เสียครึ่ง แต่ความคิดอ่านเฉียดไปทางตะวันตกเสียมากกว่า จึงเห็นว่าการแสดงออกเรื่องความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่ตนพึ่งใจอย่างเปิดเผยนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะอยู่ในฐานะนักแสดงที่ต้องระวังตัวไม่ให้มีข่าวเสียๆ หายๆ แต่กับนางเอกสาวคนนี้ ผู้จัดการส่วนตัวของเขาเป็นคนแนะนำเองว่าให้พยายามหาโอกาสสร้างกระแสข่าวกับเธอ เพื่อที่ดาราหน้าใหม่อย่างเขาจะได้อาศัยความดังของเธอช่วยส่งเสริมให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
          “ขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ วันนี้เพิร์ลมีนัดแล้ว เพลินพิศ นางแบบสาวที่พอผันตัวมารับบทนางเอกก็ประสบความสำเร็จยอดเยี่ยมตั้งแต่เรื่องแรก ดาราสาวที่ขึ้นชื่อว่าวางตัวดีและไม่เคยพลาดตกเป็นข่าวฉาวพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวลที่สุด
          “แล้วถ้าเป็นวันอื่นล่ะครับ” ชายหนุ่มยังไม่ยอมแพ้
          “ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ คงต้องดูอีกที อ้าว! พี่ไก่เอ่อ... พอดีว่าเพิร์ลต้องกลับแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ
          พูดจบนางเอกสาวก็เดินแยกตัวออกไปทันที ทิ้งให้พระเอกลูกครึ่งได้แต่มองตามอย่างหัวเสียเพราะพลาดโอกาสทองอีกแล้ว


          เพลินพิศเข้าไปบอกลาผู้กำกับและจงใจควงแขนผู้จัดการหนุ่มเดินไปที่รถอย่างเปิดเผย เพราะเธอไม่ต้องการให้พระเอกหนุ่มหน้าใหม่นั่นมาตามตอแยตื้อเธอด้วยเรื่องไร้สาระอีก
          “มาช้าจังพี่ไก่ ปล่อยให้เพิร์ลกินขนมจีบของหมอนั่นจนพุงจะยื่นอยู่แล้ว” เพลินพิศได้โอกาสก็เริ่มบ่น
          “ไหน ไม่เห็นยื่นสักหน่อย แสดงว่าคนนี้ยังส่งมาให้ไม่เยอะพอ เสน่ห์เราตกไปรึเปล่า” ‘ศุภชนม์’  ผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาหวานเกินชายไม่ยอมรับความผิด
          “พี่ไก่นี่ ดูถูกเพิร์ลเหรอ” นางเอกสาวทำจมูกย่น “ว่าแต่วันนี้พี่ไก่หายไปไหนทั้งวัน ไปรับงานอะไรมาใช้แรงงานทาสอย่างเพิร์ลอีกล่ะ” เพลินพิศถามดักทางไว้ก่อน เพราะทุกครั้งที่เธอกลับจากการ พักร้อน ศุภชนม์จะต้องเตรียมตารางงานมาจ่อคิวรอเธอยาวเหยียด ชดเชยให้กับช่วงเวลาที่เสียไปได้อย่างเกินคุ้ม
          “ก็งานมันดีๆ ทั้งนั้นนี่ จะไม่รับก็เสียดาย... แล้วเป็นไง เหนื่อยไหมวันนี้
          “สบายๆ ค่ะ วันนี้มีแค่ไม่กี่ฉากเอง” เพลินพิศยิ้มอวดๆ
          “งั้นวันนี้พี่มีรางวัลให้คนเก่ง ยอมเปิดครัวทำมื้อเย็นเลี้ยงก็แล้วกัน ดีไหม
          “โธ่... ไอ้เราก็นึกว่ารางวัลใหญ่อะไร ไม่ยอมลงทุนเลยนะพี่ไก่เนี่ย” เพลินพิศส่ายหน้ากับรางวัลของผู้จัดการหนุ่ม
          แต่ก็เอาเถอะ ถือซะว่าได้ประหยัดค่าข้าวไปหนึ่งมื้อก็ละกัน” นางเอกสาวยิ้มสดใสก่อนจะก้าวเข้าไปนั่งในรถที่ผู้จัดการหนุ่มเปิดประตูให้ ครู่หนึ่งรถยนต์คันงามก็เคลื่อนตัวพาคนทั้งคู่ออกจากสวนสาธารณะไปท่ามกลางสายตาเกือบสิบคู่ของทีมงาน


          เมื่อเห็นว่าสองหนุ่มสาวขับรถออกไปแล้ว เหล่าทีมงานในกองถ่ายโฆษณาที่กำลังช่วยกันเก็บของขึ้นรถอยู่ในบริเวณนั้นก็พากันพูดถึงภาพที่ได้เห็นกันครื้นเครง
          “พี่ไก่เนี่ย ดูกี่ทีก็หล่อเนอะ
          “นั่นสิ เป็นดาราได้สบายเลย ทำไมไม่เป็นก็ไม่รู้
          “ก็เพราะมัวแต่ตามรับตามส่ง จัดการคิวให้น้องเพิร์ลอยู่นี่ไง แต่ว่านะ ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่แค่ผู้จัดการส่วนตัวนะ หล่อนว่าไหม
          “นั่นสิ ขนาดพระเอกใหม่รูปหล่อน่ารักน่าเลี้ยงอย่างพ่อมาร์คยังต้องกินแห้วเลย โถๆๆ น่าสงสาร มามะเดี๋ยวเจ๊จะดามใจให้
          แต่แล้วเสียงซุบซิบหัวเราะคิกคักก็ต้องเงียบลง เมื่อพระเอกรูปหล่อที่ถูกพาดพิงถึงเดินมาพอดี วงล้อมที่รวมตัวกันเฉพาะกิจจึงแตกกระจายไปคนละทิศละทาง ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตารีบเก็บข้าวของโดยไม่หันมาสนใจกันและกันอีก


ในห้องชุดดีไซน์เก๋ บนชั้นยี่สิบเอ็ดของคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพลินพิศที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็หันไปให้ความสนใจกับกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากครัวหลังเคาน์เตอร์ หญิงสาวเดินตามกลิ่นเข้าไป แล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่ของศุภชนม์ที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีหวานไปมองซุปเห็ดข้นที่กำลังเดือดปุดๆ
          หญิงสาวสูดกลิ่นเข้าลึก ก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยชม “กลิ่นหอมใช้ได้เลยพี่ไก่
          “ไม่ใช่แค่กลิ่นนะ รสก็อร่อยด้วย สุดฝีมือเลยนะเนี่ย” ศุภชนม์อวดฝีมือโดยไม่ถ่อมตน
          “อีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว เพิร์ลช่วยพี่จัดสลัดกับเส้นสปาเกตตี้ลงชามหน่อยสิ” พ่อครัวใหญ่ละความสนใจจากหม้อซุปแล้วหันมาสั่งงาน
          “ไหนว่าเป็นรางวัลให้คนเก่งไงคะ ตั้งแต่เข้าห้องมาพี่ไก่ยังใช้เพิร์ลไม่หยุดเลยนะ” ถึงปากจะบ่น แต่เพลินพิศก็ยอมทำตามแต่โดยดี เพราะมีความหิวเป็นตัวช่วยกระตุ้นอีกแรง
          ไม่นานทุกอย่างก็เรียบร้อย ซีซาร์สลัดสีสันสดใสถูกจัดไว้ในชามแก้วใบใหญ่กลางโต๊ะ ถ้วยซุปเห็ดข้นก็ถูกจัดวางคู่กับสปาเกตตี้ไวท์ซอสอยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่
          “อืม... ฝีมือพี่ไก่เนี่ยกินกี่ทีก็อร่อย บุญปากของไอ้เพิร์ลแล้ววันนี้” เพลินพิศเอ่ยชมเอาใจคนทำ ก่อนจะตวัดหมุนส้อม ส่งเส้นสปาเกตตี้เข้าปากคำโต
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปตีที่หลังมือของหญิงสาว “นี่แน่ะ กินคำเล็กๆ หน่อยก็ได้ แล้วมาพูดไอ้เอ้ยอะไร อุตส่าห์โชคดีได้เกิดมาเป็นผู้หญิง ต้องพูดจาทำท่าทำทางให้เรียบร้อยหน่อยสิ” ศุภชนม์เปลี่ยนจากผู้จัดการหนุ่มรูปหล่อมาสวมวิญญาณคุณครูขี้บ่น นิสัยเป็นระเบียบเรียบร้อยนี้เขาได้รับอิทธิพลมาจากการอบรมของมารดาซึ่งเป็นครูสอนนาฏศิลป์ของโรงเรียนสตรีแห่งหนึ่ง ส่วนความสามารถในการทำอาหารนั้น เขาก็ได้รับการถ่ายทอดมาเล็กๆ น้อยๆ จากบิดาที่เป็นหัวหน้าเชฟและเจ้าของร้านอาหารอิตาเลี่ยนชื่อดัง
          “นิดๆ หน่อยๆ น่า ทำบ่นไปได้ เอาะแล้วพรุ่งนี้เพิร์ลมีงานอะไรบ้างคะ” สาวหน้าหมวยรีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องก่อนจะถูกอบรมยาวเรื่องมารยาทและการเป็นกุลสตรีจากท่านวิทยากรศุภชนม์
          “งานพรุ่งนี้ก็มีถ่ายโฆษณาของพี่ต้องต่อที่สตูดิโอแต่เช้า ตอนบ่ายพอมีเวลาว่างให้ทานข้าวนิดหน่อย ก่อนจะต้องไปซ้อมเดินแบบในงานเปิดตัวน้ำหอมของพรีม่า
          “เดี๋ยวนะพี่ไก่ ไอ้งานเดินแบบนี่มันโผล่มาได้ไง เพิร์ลไม่เห็นรู้เรื่องเลย” หญิงสาวรีบท้วงขึ้น
          “อ๋อ... พอดีงานนี้เขาเพิ่งโทรมาก่อนที่จะไปรับเพิร์ลนิดเดียวเอง บังเอิญทางนั้นเขามีปัญหานิดหน่อย พอรู้ว่าเพิร์ลกลับมาจากพักร้อนแล้วก็เลยรีบติดต่อมา ถึงจะกระชั้นชิดไปหน่อยแต่งานนี้เงินดีนะ แถมยังได้เดินชุดปิดท้ายด้วย” ศุภชนม์อธิบายเพิ่มเติม โดยคำว่า พักร้อน’ ของผู้จัดการหนุ่มและดาราสาว เป็นเพียงข้ออ้างที่ใช้บอกปฏิเสธกับผู้ที่ติดต่องานเข้ามาในช่วงที่ฝ่ายหญิงหลบไปทำงานพิเศษของเธอเท่านั้น
          “หึๆ เพิร์ลควรจะดีใจไหมเนี่ย” เพลินพิศประชดแบบไม่จริงจังนัก แล้วไปเดินที่ไหนคะ
          “โรงแรมอโณทัยจ้ะ
          ศุภชนม์เอ่ยชื่อโรงแรมใหญ่ของตระกูลดัง ก่อนจะชี้แจงรายละเอียดของงานและอธิบายชุดที่ต้องใส่คร่าวๆ ก่อนจะชักชวนให้นางเอกสาวลงมือทานอาหารต่อ



อ่านต่อ >> ฉากที่ 2 : พบกันอีกครั้ง


หรือเป็นเจ้าของความฟินกันแบบเต็มๆ ได้เลย!
สั่งซื้อรูปเล่ม... ที่เว็บ สนพ. Coolkat หรือร้านหนังสือออนไลน์
โหลดฉบับอีบุ๊ค... ได้ตามแหล่งที่ถูกใจเลยค่ะ



No comments:

Post a Comment