รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 11 : ติดอาวุธ
ฝนปรายไม่คิดเลยว่าการตกปากรับคำ ยอมรับงานผู้คุ้มกันตัวสำรองให้คุณหนูพีณาไปเมื่อช่วงบ่าย จะทำให้เธอต้องมาเผชิญกับสถานการณ์ชวนกระอักกระอ่วนใจต่อเนื่องไม่หยุด และต้นเหตุของมันก็มาจากเจ้าของข้อเสนอตำแหน่งใหม่คนนี้คนเดียว
หลังจากเจรจาตกลงกันเรียบร้อย แทนที่เจ้าของห้องทำงานอันแสนจะเงียบกริบไร้เสียงรบกวนแห่งนี้ จะรีบปล่อยให้เธอไปหาเด็กหญิงเพื่อทำหน้าที่สดๆ ร้อนๆ ของเธอ คีนส์กลับออกคำสั่งไล่ให้เธอไปนอนพักในห้องพักด้านใน ทันทีหลังจากที่เธอจามออกมาชุดใหญ่สามทีรวดสนั่นห้อง หญิงสาวกำลังจะค้านว่ามันคงไม่เหมาะสมที่จะให้เธอไปนอนบนเตียงที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเป็นของเขา โชคยังดีที่แพทย์ประจำแอลเอวันมาถึงพอดี คนที่ตอนแรกยังค้านเสียงชนฝาว่าไม่ต้องการพบหมอจึงยิ้มกว้างโล่งใจ ที่มีใครเข้ามาแทรกบรรยากาศพิลึกและสายตาคมลึกที่จ้องเอาๆ เสียที
ตรวจร่างกายเธออยู่ครู่หนึ่ง แพทย์หนุ่มก็กดๆ แตะๆ สั่งจ่ายยาบนหน้าจอขนาดพอดีพกลงกระเป๋าเสื้อโค้ทสีขาว ไม่นานตรงด้านข้างของกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมสีดำติดสัญลักษณ์เครื่องหมายบวกสีแดงที่เขาสะพายติดตัวมา ก็มีซองพลาสติกบรรจุยาเม็ดเล็กๆ สามสี่เม็ด ‘โผล่’ ขึ้นมาในช่องจ่ายยา
คนป่วยทานยาเรียบร้อย และนายแพทย์หนุ่มก็ออกจากห้องไปแล้ว แม้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างรวดเร็วจากยาชุดนั้น แต่เจ้านายสุดเฮี้ยบก็ยังสั่งให้เธอนั่ง ‘รอดูอาการ’ ตรงโซฟาที่ตั้งบนพื้นห้องซึ่งพลิกขึ้นมาได้ตามความต้องการ
ฝนปรายชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่าแค่เธอมีอาการเหมือนจะเป็นหวัดเท่านี้เอง แต่คนที่นั่งก้มหน้า หันซ้ายหันขวาทำงานกับหน้าจอของเขาไปเงียบๆ กลับทำเสียเป็นเรื่องใหญ่โต ราวว่าเธอเป็นพาหะนำโรคร้ายแรงไปสู่หลานสาวของเขา จึงได้กักกันตัวกันไว้ขนาดนี้
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วที่ฝนปรายนั่งนิ่งเกร็งไม่กล้าขยับหรือแม้แต่ส่งเสียง เพราะทันทีที่ทำอย่างนั้น สายตาคมกริบของคนหลังโต๊ะทำงานก็จะสาดตรงมาทางเธอแทบในทันที ทั้งที่เขาควรจะมีสมาธิกับสารพัดสิ่งที่แสดงอยู่บนหน้าจอโปร่งใสทั้งสามที่ล้อมตัวเขาอยู่แท้ๆ
ให้อยู่เฉยๆ อย่างนี้นานเข้า ระดับความอดทนของเธอก็ชักจะลดต่ำลงๆ ด้วยไม่เห็นประโยชน์อะไรกับการนั่งหายใจทิ้งอยู่อย่างนี้
“เอาล่ะ...” เสียงของชายหนุ่มแม้จะไม่ดัง แต่ก็เรียกความสนใจจากหญิงสาวได้ในทันที
ฝนปรายยอมรับเลยว่าไม่เคยนึกยินดีที่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายมากเท่านี้มาก่อนเลยจริงๆ หน้าจอทั้งสามถูกสั่งเก็บหายไปจากโต๊ะทำงาน ตามด้วยร่างสูงใหญ่ที่ลุกยืนขึ้นเต็มความสูง และก้าวมาหาเธอด้วยฝีเท้าเนิบช้า
“มิสเตอร์ปล่อยขิมไปทำงานของตัวเองได้แล้วใช่ไหมคะ” เมื่อเขาไม่พูดอะไรต่อเสียที เธอก็เลยต้องเร่งรัดเสียเอง
“ยัง...”
คำเดียวของเขา ส่งผลให้ดวงตาสีนิลกระตุกก่อนจะตวัดฉับมองเขาตาขวาง ให้คนก้มมองได้ยกมุมปากเล็กน้อยซุกซ่อนความพึงใจที่หากได้ขยับขั้นอีกนิดคงเป็นความเอ็นดู
เมื่อชั่วโมงที่ผ่านมาเขาไม่ได้ปล่อยให้เสียเปล่า คีนส์เฝ้าสังเกตกระแสอารมณ์ ความนึกคิด และปฏิกิริยาของหญิงสาวที่นั่งอยู่อย่างละเอียดลออยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และสิ่งที่ได้พบก็นับว่าน่าพอใจอยู่ไม่น้อย
แม้คนตรงหน้าจะมีความคิดเร็วร้อนและออกจะขี้หงุดหงิด แต่เธอก็สามารถควบคุมตนให้นิ่ง เย็น และมีความอดทนในระดับ... พอใช้ได้
“ต้องหลังจากที่เราไปที่หนึ่งกันก่อน”
จบประโยคนั้น คนพูดก็พยักหน้าหนึ่งทีแทนคำสั่งให้เธอลุกตาม ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้อง อาการท่าทางที่ทำให้คนนั่งอยู่ต้องลุกก้าวเท้าเดินตาม กลอกตาขึ้นฟ้าพร้อมถอนใจเฮือก
ขอมอบโล่รางวัลขี้เก๊กระดับประเทศ... ไม่สิ ระดับโลกให้เลย!
“เธอมาจากที่ไหนนะ?”
ขณะที่ฝนปรายกำลังมองตัวเลขในลิฟต์นับถอยหลังดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ผู้ร่วมลิฟต์ที่เธอกล่าวหาว่าขี้เก๊กได้โล่ก็หันมาชวนคุย หญิงสาวเอียงหน้าเหลือบมองคนถามแปลก
ก็รู้อยู่ว่าเรามาจากอดีต... แล้วจะถามอีกทำไม
“ฉันหมายถึง ‘ประเทศ’ คำนี้ใช่ไหมที่พวกเธอใช้เรียกเขตพื้นที่การปกครอง” คีนส์ขยายคำถามอย่างไม่ค่อยคุ้นกับคำโบราณที่เลิกใช้ไปแล้ว
ทุกวันนี้บลูแพลนต์ถูกแบ่งเป็นอาณาจักรทวีปตามแผ่นเปลือกโลกซึ่งได้เคลื่อนย้ายซ้อนทับและเปลี่ยนแปลงไปจากโลกเมื่อพันกว่าปีก่อนพอสมควร และเรียกกลุ่มอาคารและโดมต่างๆ ที่กระจุกตัวกันอยู่ว่า ‘ยูไนเต็ด’ โดยมีสภาบลูแพลนต์เป็นผู้ปกครองควบคุมความเรียบร้อยของยูไนเต็ดทั้งสามสิบแห่ง ไม่มีการแบ่งแยกพื้นที่การปกครองหรือแบ่งชนชาติ
มนุษย์ยุคนี้ไม่นับถือศาสนา ไม่มีศาสดา... สิ่งที่ ณ ช่วงเวลาหนึ่งอันยาวนานถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการใช้กำลังความรุนแรง ก่อสงครามตัดสินความถูกผิดเหนือกว่า เกิดการฆ่าล้างทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเองจนสุดท้ายก็ล่มสลายตามกันไป ในเวลานี้มีแค่เพียง ‘การพิจารณาแยกแยะ’ แบ่งการกระทำดีชั่ว สิ่งใดควรทำไม่ควรทำ และนับถือเชื่อมั่นศรัทธาในตนเอง
“ขิมมาจากประเทศไทย... ไทยแลนด์” หญิงสาวตอบทั้งที่ไม่คิดว่าเขาจะรู้จัก เพราะขนาดในช่วงเวลาเดียวกัน ยังมีคนต่างชาติที่ไม่รู้จักไทยแลนด์ หรือไม่ก็จำสับสนเยอะแยะไป
“มิสเตอร์ถามทำไมเหรอคะ”
“แค่อยากรู้”
บอกสั้นๆ แล้วร่างสูงใหญ่ก็ก้าวออกจากลิฟต์ หญิงสาวจึงรีบเดินตามออกมา ไม่ทันได้นึกเอะใจสงสัยเลยว่าอยู่กันมาเกือบเดือน ทำไมใครบางคนถึงมานึก ‘อยากรู้’ เอาตอนนี้
สถานที่ที่คีนส์พาฝนปรายลงมาถึงเป็นห้องใต้ดินที่สว่างไสว แลดูสะอาดตาด้วยสีขาวของพื้นและผนัง ตัดด้วยกรอบประตูกระจกฝ้า และแผงหลอดไฟเพดานสีนวลตา จากทางเดินส่วนกลางที่ทอดยาวไปทั้งด้านซ้ายและขวา ทำให้หญิงสาวรู้ว่าห้องใต้ดินแห่งนี้กว้างขวางกว่าส่วนอาคารอำนวยการด้านบนสามถึงสี่เท่า
ยังไม่ทันได้ก้าวไปไหน ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งในชุดหมีแขนขายาวสีเทาก็เดินเร็วๆ มาถึงและหยุดค้อมกายเล็กน้อยทักทายทำความเคารพนายใหญ่ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็ใช้ปลายนิ้วขยับแว่นอันโตสีชาจางๆ ให้เข้าที่ พร้อมส่งสายตาข้ามไหล่หนาของผู้เป็นนายไปมองหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ด้านหลังอย่างสนอกสนใจ แววตาฉายความประหลาดใจไม่น้อยเลย
ตัวก็แค่เนี๊ยะ... หน้าตาก็เท่านั้น...
“ล็อกซ์”
ทันทีที่คีนส์เรียกคำเดียวเสียงเข้ม เจ้าของชื่อก็สะดุ้งเล็กๆ รีบดึงสายตากลับมา ก่อนจะเกาหัวยุ่งๆ ยิ้มแก้เก้อ แล้วจึงยกมือผายไปยังหน้าประตูบานหนึ่ง “ทุกอย่างเตรียมพร้อมตามที่สั่งไว้แล้วครับ เชิญมิสเตอร์”
คีนส์เพียงพยักหน้าและเอ่ยขอบใจเบาๆ ขณะจะก้าวเดินไปยังรวบคว้าข้อมือบางของใครบางคนติดมือไปเสียด้วย
อาการ ‘หวง’ และ ‘แสดงความเป็นเจ้าของ’ อย่างชัดเจนขนาดนั้น ทำเอานายช่างหนุ่มผู้ดูแลความเรียบร้อยในส่วนอุปกรณ์และอาวุธประจำฐานแอลเอวันถึงกับเลิกคิ้วหนาขึ้นสูง ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ พร้อมขยับยิ้มถูกอกถูกใจ
ข่าวลือที่ซุบซิบกันทั่วอาคารอำนวยการเมื่อครู่ใหญ่ ดูท่าจะมีมูลให้คอยติดตามมากกว่าที่คิดซะแล้ว
เมื่อเข้ามาในห้องที่ต้องการ คีนส์ก็คลายมือออกจากข้อมือบางช้าๆ ลอบอมยิ้มบางเบากับอาการรีบร้อนชักกลับไปซ่อนไว้ด้านหลังแล้วยังเช็ดถูมันกับชายเสื้อ ชายหนุ่มเดินมาหยุดตรงหน้าโต๊ะตัวยาวที่มีอุปกรณ์จำเป็นต่อตำแหน่งใหม่ของหญิงสาว เมื่อหันกลับไปมองคนที่ยังยืนนิ่งไม่ก้าวตามมาก็มีเพียงใบหน้าจริงจังให้เธอได้เห็น
“มานี่” เขาออกคำสั่ง... อีกแล้ว
และแม้หญิงสาวจะเดินเข้าไปตามคำสั่งแต่โดยดีแล้ว ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมปล่อยผ่าน
“ทำไมต้องให้เรียกอยู่เรื่อย”
ฝนปรายเงยหน้ามองด้วยสีหน้าเหรอหราที่ถูกโยนความผิด คิดตอบโต้ในใจอย่างนึกพาล
แล้วจะรู้ไหมว่าตอนไหนอยากจะให้ตาม ไม่ให้ตาม... ไม่ใช่ตัวพยาธิในสมองลุงสักหน่อย จะได้รู้ทันความคิดไปหมดน่ะ
แต่แทนที่คีนส์จะโมโห เขากลับหัวเราะในลำคอเบาๆ ให้กับความคิดเจ็บแสบนั้น
คนที่กำลังคิดด่าทอเพลินๆ อย่างสะดวกสบายไม่ต้องเสียแรงเอ่ยปาก ถูกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแผ่วเบาแทบจะไม่ได้ยินด้วยหูนั้นไล่ตีความคิดแตกกระเจิง จนเกือบถึงขั้นกลายเป็นระแวงแตกตื่น
เมื่อตั้งตัวได้ก็เอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย... จริงใจสุดๆ
“เมื่อครู่มิสเตอร์คีนส์น่าจะให้หมอตรวจดูสักหน่อยนะคะ ขิมว่าอาจเป็นเพราะตกใจเป็นห่วงที่พีณาถูกจ้องทำร้าย เครื่องเลยรวนๆ ทำตัวแปลกๆ ผิดปกตินะคะ”
ถูกย้อนจับผิดเข้าให้อย่างนี้ ‘คนเครื่องรวน’ ก็ชักสีหน้านิ่งเรียบ จ้องหน้าคนปากกล้าทันทีด้วยสายตาเย็นชา
“ไร้สาระ เลิกเสียเวลา... แล้วมาเข้าเรื่องงานของเธอได้แล้ว”
คราวนี้คนตามไม่ทันต้องหน้าเหวอ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุ้นชินกับเจ้านายในมาดนี้มากกว่า หญิงสาวขยับเข้าไปมองของชิ้นแรกที่เขาหยิบขึ้นมาแต่โดยดี ฟังเขาอธิบายคุณสมบัติพร้อมสาธิตวิธีใช้อุปกรณ์ อาวุธลับแต่ละชิ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ นึกถูกอกถูกใจพวกมันอยู่ไม่น้อยเลย เวลายิ่งผ่านไป หญิงสาวก็ยิ่งขยับเดินตามเข้าไปใกล้จนแทบชิดร่างสูงใหญ่โดยไม่รู้ตัว
สุดท้าย... ในบรรดาอาวุธที่แทบจะดูไม่เป็นอาวุธ คีนส์เลือกหยิบถุงมือหนังสีดำขึ้นมา ชิ้นที่หญิงสาวดูจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
“เอาล่ะ พร้อมลองใช้มันดูหรือยัง”
คำถามของเขาเรียกให้คนที่เอาแต่มองตามมือใหญ่หยิบนู่นจับนี่ ประกอบ จับบิดของแต่ละชิ้นอย่างคล่องแคล่ว เงยหน้าขึ้นมองคนถาม แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักไปนิด ก้าวถอยช้าๆ อย่างรักษาฟอร์มเมื่อพบว่าตัวเองมายืนอยู่ใกล้เขามากเกินไปสักหน่อย
ใกล้ระดับที่ถ้าเธอเอียงคอผิดไปสักสี่สิบองศา ก็คงจะได้ซบเข้ากับต้นแขนแน่นหนานั่นแน่
ฝนปรายตีหน้าเฉยไม่รับรู้แววตาเจือรอยยิ้มรู้ทัน เลี่ยงจากสายตาเขาไปมองสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาให้เธอรับไว้
“ลองยังไงคะ”
“ก็ลองดูว่าเธอจะใช้มันจู่โจมคนเพื่อป้องกันตัวได้หรือเปล่า”
แม้เขาจะอธิบายแล้ว แต่คนต้องลองทดสอบก็ยังไม่หายสงสัย
“แล้วมิสเตอร์จะให้ขิมทดลองกับอะไรคะ”
มันเป็นอาวุธสำหรับโจมตีขั้นประชิดตัว ตัวต่อตัว จะให้เราไปต่อยตีกับอะไร...
ระหว่างที่หญิงสาวคิดไป ร่างสูงก็เยื้องย่างช้าๆ ไปหยุดยืนเด่นตรงกลางห้องที่ปูพื้นยางนิ่มๆ สำหรับฝึกซ้อมการต่อสู้ เมื่อเห็นร่างนั้นหมุนตัวกลับมา ก่อนจะเอียงคอยืดเส้นซ้ายขวา สะบัดท่อนแขนแกร่งสองสามที และจบที่การพยักหน้าหล่อนิ่งๆ มาให้ เพียงเท่านั้น คนที่มีด่านพิเศษให้ต้องทดสอบด่วนก่อนปฏิบัติหน้าที่ก็ตาโต อย่าบอกนะว่า?!
“สวมถุงมือแล้วมานี่... อย่ามัวแต่ชักช้า” คีนส์เร่งคนที่ยังยืนนิ่ง จดๆ จ้องๆ เขาด้วยสองตาที่เบิกโต
“หมายถึงจะให้ฝึกกับมิสเตอร์?” ฝนปรายทวนย้ำอีกครั้ง
“แล้วเธอเห็นคนอื่นอยู่ในห้องนี้อีกหรือไง”
เมื่อน้ำเสียงและสีหน้าของชายหนุ่มที่อุทิศตนเป็นคู่ซ้อมเริ่มฉายแววหงุดหงิดรำคาญใจ คนที่ถูกมองอย่างตำหนิว่าพูดไม่รู้เรื่องก็ชักขุ่นข้องไม่พอใจขึ้นมาบ้าง มือบางจัดการสวมถุงมือหนังเข้ากับสองมืออย่างทะมัดทะแมง มันเป็นถุงมือครึ่งข้อแบบไม่มีปลายนิ้วที่ดูเผินๆ ก็ไม่แตกต่างจากถุงมือแฟชั่นทั่วไป สองเท้าก้าวยาวเข้าไปหาร่างสูงที่ยืนเด่นกลางห้อง
เดี๋ยวไอ้เสียงขิม ศิษย์ฟ้าประทาน จะจัดหนักให้นอนหงายท้อง ไม่รู้สติเลย...
สิ้นคำขู่ในใจของหญิงสาว เสียงหัวเราะในลำคอราวคนร่างสูงมีเรื่องถูกใจนักหนาก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงที่ยิ่งก่อกวนให้คนได้ยินหงุดหงิดไม่ชอบใจ ดังนั้นเสียงที่ถามต่อไปจึงห้าวห้วน
“กติกาล่ะ?”
“ไม่ยุ่งยาก... แค่เธอทำยังไงก็ได้ให้ปักเข็มนั่นบนตัวฉันได้ก็พอ”
ฝนปรายพยักหน้านิดๆ รับรู้กติกา สองตาจับจ้องคู่ต่อสู้ที่ยืนห่างไปเพียงสามเมตรตาไม่กะพริบ สองมือบางไม่ได้ยกขึ้นมาตั้งการ์ด แต่ทั้งร่างก็ตื่นตัวพร้อมรับมือกับการโจมตีเต็มที่... คนสองคนยืนจ้องตาโดยไม่มีใครขยับตัว... จนเวลาผ่านไปหลายนาที หญิงสาวที่มีความอดทนต่ำกว่าก็เปิดปากทำลายความเงียบ
“จะยืนจ้องกันอย่างนี้อีกนานหรือเปล่าคะ”
“เธอก็รุกเข้ามาก่อนสิ” คีนส์เอียงคอพยักหน้าท้าทาย
“เรื่องอะไร?.. มิสเตอร์ให้ขิมเป็นผู้คุ้มกัน ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปรุกหาเรื่องใครก่อน แค่ถ่วงเวลาที่เรายืนนิ่งกันมาเนี่ย... ถ้าส่งเอสโอเอสเรียกแต่แรก ก็คงมีคนมาช่วยและจบงานขิมแล้ว” หญิงสาวอธิบายยืดยาว ก่อนจะยกยิ้มยักคิ้วข้างหนึ่งแทนคำถามว่า... จริงไหม
“ก็ช่างคิด... ถ้างั้นเรามาเริ่มกันจริงๆ ดีกว่า” ไม่ทันสิ้นประโยคนั้นดี คีนส์ก็พุ่งเข้าหาร่างเล็กบางตามคำท้า ส่งกำปั้นไปตรงๆ ไม่มีลูกเล่นอาศัยความเร็วและแรงเพื่อหวังผล
การเคลื่อนตัวของร่างใหญ่เก็บรอยยิ้มของหญิงสาวให้เป็นสีหน้าจริงจังขึ้นทันตา หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ พร้อมสืบเท้าขยับเปลี่ยนตำแหน่งหลบเลี่ยงหมัด จัดการยกศอกฟันฟาดลงกลางหลังคนที่ชกได้แต่อากาศ แต่ร่างที่เห็นว่าสูงใหญ่กลับพลิกตัวกลับได้เร็วเกินคาด หันมาปัดต้นแขน สกัดแรงศอกของเธอได้ทัน
ฝนปรายกระตุกแขนกลับทันที ตามด้วยเท้าที่ยกยันกลางท้องอีกฝ่ายหมายสร้างระยะห่างเพื่อตั้งตัว แต่ยังไม่ทันถีบถึงเป้าหมาย มือใหญ่ก็คว้ารวบข้อเท้าเธอเอาไว้ได้ เท่านั้นไม่พอยังกระชากดึงไปด้านหลังก่อนจะล็อคยึดเรียวขาเธอเอาไว้ระหว่างท่อนแขนแกร่งและเอวสอบ
“ช้าไปหน่อยนะ” คีนส์โน้มตัวลงมากระซิบเย้ยตรงหน้าเจ้าของร่างบาง ที่ถูกยึดรั้งตัวให้ยืนขาเดียวในระยะประชิด ห่างจากตัวเขาไม่ถึงก้าว
ฝนปรายส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจที่กระชากดึงคืนอิสระให้ขาขวาไม่สำเร็จเสียที ดวงตาคมสีนิลวาววับจ้องแววตาเย้ายั่วของคนตัวโตแรงดีกว่าอย่างโมโห แต่เพียงชั่วครู่ มันก็พลันลุกวาวขึ้นมากับโอกาสปิดเกม ปลายนิ้วขยับยุกยิกตรงบริเวณฝ่ามือของถุงมือหนัง แล้วคว้าตะปบหมับอย่างว่องไว... เป้าหมายคือต้นแขนแกร่งข้างที่ยึดขาเธอไว้นั่นเอง!
ไม่คาดว่าชายหนุ่มจะรู้ทัน คีนส์รีบปล่อยเรียวขาเพรียวแต่แน่นด้วยกล้ามเนื้อกระชับสวย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของหญิงสาวไม่ให้คว้าโดนตัวได้แม้แต่ปลายนิ้ว แต่คนที่ได้ท่อนขาคืนก็ยังรีบก้าวพุ่งตามติด เปลี่ยนจากการตามตะปบเป็นเหวี่ยงชกกำปั้นเข้าใส่ใบหน้ากวนประสาทกวนสายตาอย่างรวดเร็ว ผสมมาด้วยแรงหมั่นไส้ในรอยยิ้มมุมปากที่ประดับอยู่ไม่จางมาตั้งแต่เริ่มต้นจู่โจมเธอ
คีนส์ยกมือปัดป้องหมัดเล็กๆ แต่หนักหน่วงเกินตัวร่างเล็กบาง สลับกับเบี่ยงกายวูบหลบซ้ายขวา ยกขาแข้งรับลูกเตะลูกเข่าเล็กแหลมอย่างถูกอกถูกใจในความแพรวพราวพลิกแพลง ท่วงท่าบางจังหวะของหญิงสาวนั้นแปลกตาน่าสนใจ มันทั้งสวยงามและดุดันจับตา แล้วเขาก็มั่นใจเลยว่าถ้ารู้ไม่ทันหลบไม่พ้น... งานนี้ต้องมีเจ็บหนักแน่นอน
ฝนปรายดีดตัวกลับมาตั้งตัวอยู่ห่างจากคู่ต่อสู้ตัวโตสักสองสามช่วงก้าวเท้า หลังจากจัดชุดใหญ่ไปให้อย่างลืมจุดประสงค์กติกาแรกเริ่มของการทดสอบอย่างเผลอตัว นึกสนุกเพลิดเพลินกับการออกกำลังด้วยเพลงหมัดมวยที่ห่างหายมานาน หญิงสาวเริ่มมีอาการหอบน้อยๆ แตกต่างจากคนตัวโตที่เมื่อครู่เอาแต่ปัดป้องหลีกหลบ เขายังยืนนิ่งมั่นคงไร้อาการเหนื่อยอ่อน แม้แต่อาการหายใจแรงขึ้นก็ยังไม่มี
เหอะ!... ใช่ย่อยนะลุง ไม่มีพลาดโดนเจ็บๆ จังๆ สักดอกเลย!
หญิงสาวส่งสายตาขวางๆ ไปให้พร้อมนึกนินทาในใจอย่างเข็ดเขี้ยว แต่เมื่อเห็นเขายักไหล่และยกยิ้มตอบกลับมา ดวงตาที่หรี่ขวางก็ต้องกระตุก ก่อนจะเบิกโตขึ้นทันตา
“อะ... ไอ้... ขี้โกงนี่!!”
‘เพิ่งรู้ตัวหรือไง?’
คีนส์ไม่สะทกสะท้านกับคำกล่าวหาแม้แต่น้อย ซ้ำกลับยอมรับหน้าตาเฉยอย่างภาคภูมิด้วยการตอบกลับเธอมาทางการสื่อจิต และมันยิ่งป่วนประสาทให้หญิงสาวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ประณามเขาทั้งทางสายตาและทางใจ
ไอ้ลุงบ้าเอ๊ย! จะเตะจะต่อยก็รู้ทันไปหมดอย่างนี้ เป็นการสู้ที่โคตรยุติธรรมที่สุดสามโลกเล๊ย!
หญิงสาวยิ่งหายใจแรงขึ้นไปอีก พยายามข่มอารมณ์ฉุนกึกไม่พอใจ พอสติเริ่มนิ่งลงได้ก็มองจ้องหน้าเอาเรื่องคนโกง ก่อนจะเริ่มตั้งท่าเตรียมโจมตีใหม่อีกรอบ
‘งั้นขอน๊อคสมองโกงๆ ก่อนเลยแล้วกัน!!’
แม่สาวมวยไทยประกาศก้องในใจให้เขารู้กันไปเลย พร้อมร่างบอบบางที่วิ่งพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายที่ยกแขนขึ้นกันศีรษะและใบหน้าทันที แต่ในวินาทีที่เหมือนว่าหญิงสาวจะตวัดขาฟาดสูง ร่างเล็กกลับย่อลงต่ำถึงพื้นใช้สองมือและหนึ่งเท้าเป็นฐาน ส่งแรงใส่ขาอีกข้างกวาดเตะเข้าหลังข้อพับเข่า ทำลายฐานรับน้ำหนักจนร่างสูงต้องเข่าทรุด หญิงสาวไม่รอให้จังหวะนั้นเสียเปล่า ผุดลุกแล้วกระแทกศอกใส่กลางแผ่นหลังกว้าง พร้อมโถมน้ำหนักตัวทิ้งตามลงไปข่มกดคนล้มให้นอนติดกับพื้น
คีนส์สะบัดตัวพลิกกลับได้ทันในจังหวะที่หญิงสาวขยับพลิกตัวนั่งคร่อมเพื่อจะโจมตี มือใหญ่รีบคว้ายึดข้อมือบางที่กำลังจะตะปบปักปลายเข็มใส่ตรงซอกคอ แต่ก็คว้าได้ทันเพียงข้างขวาข้างเดียว ส่วนมือซ้ายของหญิงสาวสามารถปฏิบัติการได้สำเร็จจนคนนอนแผ่หลาเจ็บจี๊ดขึ้นมานิดๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะร่าของคนบนร่างที่ดังขึ้นอย่างยินดีปรีดา
“ฮะๆ สมน้ำหน้า เจอฤทธิ์กระบวนท่าลิงหลอกเจ้าของไอ้ขิมเข้าไปเป็นไงล่ะ”
ฝนปรายเอ่ยเยาะคนที่ใช้สิทธิ์โกงแต่ก็ยังพ่ายแพ้ สดชื่นรื่นเริงกับชัยชนะที่เพิ่งได้มาเป็นพิเศษ จนไม่ทันรับรู้เลยว่าตนกำลังนั่งอยู่บนตัวคนร่างสูงในท่าทางล่อแหลมเพียงใด
ต่างจากชายหนุ่มที่รับรู้สถานการณ์ทุกอย่าง แต่เขาก็ยังนอนนิ่งมองใบหน้าสวยแปลกตาตามเชื้อสายคนตะวันออกที่ประดับรอยยิ้มกว้างอย่างเผลอไผล ดวงตาสีฟ้าสดมองสำรวจผมยาวสีดำสนิทที่ยุ่งเหยิงเพราะหลังจากเจ้าตัวอาบน้ำสระผมก็ยังไม่ได้มัดรวบใหม่ ผมนุ่มลื่นกลุ่มหนึ่งหล่นโรยลงมาคลอเคลียข้างแก้มสาก ไล้เรี่ยไปมาในขณะที่หญิงสาวขยับพยักหน้าเชิดขึ้นเย้ยเยาะ ก่อกวนใจชายหนุ่มเสียจนร่างกายเริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างตอบรับ จมูกโด่งเป็นสันสูดกลิ่นกายสาวผสมครีมอาบน้ำและแชมพูกลิ่นเฉพาะของเขาเองเข้าลึกจนปั่นป่วนในอก มือข้างที่พลาดจากการคว้าข้อมือบางข้างซ้ายเอาไว้ค่อยๆ ยกสูง เอื้อมขึ้นไปเกลี่ยเก็บปอยผมนุ่มลื่นเข้ากับข้างหูบอบบางอย่างไม่ทันรู้ตัวห้ามมือตนเอง
สัมผัสจากปลายนิ้วร้อนที่ไล้ลากเรื่อยผ่านหลังใบหูนี่เอง ที่เรียกให้ฝนปรายรับรู้ถึงบรรยากาศผิดแปลก หญิงสาวรีบร้อนผละปล่อยมือจากลำคอหนา ผุดเงยหน้ายกตัวขึ้นพร้อมร่นถอยไปด้านหลังหนีให้ห่างจากปลายนิ้วร้อนและแววตาประหลาดลึกล้ำ ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อบั้นท้ายกระชับสัมผัสถูกอะไรบางอย่าง บางสิ่งที่ไม่ได้ราบเรียบเหมือนเช่นหน้าท้องแกร่งที่กำลังนั่งคร่อมอยู่
ไม่ต้องเสียเวลาประมวลผลนานนักก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หญิงสาวรีบดีดตัวพลิกลงจากร่างใหญ่โต ขยับร่นถอยห่างออกไปหลายช่วงตัว ใบหน้าสวยสีน้ำผึ้งเปลี่ยนเป็นแดงซ่านลามถึงลำคอ
ฝนปรายนั่งจ้องหน้าคนที่ค่อยๆ ขยับลุกนั่งช้าๆ ด้วยแววตาระแวงกล่าวหา มือบางยกขึ้นตบลงบนอกลูบปลอบหัวใจที่เต้นรัวให้หายระทึกแตกตื่น โดยที่คนเห็นและรู้ความตั้งใจของหญิงสาวอยากจะรีบห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“โอ๊ะ!” หญิงสาวอุทานเสียงดังอย่างตกใจ เมื่อเหนืออกต้องมาเจ็บแปลบจากปลายเข็มของถุงมือที่ยังไม่ทันได้สั่งเก็บ
“หัดระวังหน่อยสิ” คนร่างสูงขยับพุ่งเข้ามาคว้ามือที่เผลอทำร้ายตัวเองไว้อย่างรวดเร็ว ดุหญิงสาวทั้งน้ำเสียงและดวงตา
“แหะๆ ลืมไป...” ฝนปรายหัวเราะเสียงอ่อย ใช้ปลายนิ้วที่ปลอดภัยสะกิดเกาเบาๆ เหนือจุดเข็มเจาะไล่อาการแสบแปลบ
แต่เมื่อเห็นสายตาของคนตรงหน้ามองตามปลายนิ้วเธอไปด้วยก็ต้องรีบกระตุกมือที่ถูกยึดไว้กลับ ถอยห่างมาจากเขาอีกนิด พร้อมดวงตาคมถลึงดุ
“มองอะไรน่ะ” เธอตวัดเสียงแข็งใส่
คีนส์ขยับถอยห่างเมื่อหายห่วง ไม่สนใจแววตากล่าวหา ตอบคำโวยด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “มองคนโง่... ดีนะที่เป็นแค่เข็มเปล่าๆ ยังไม่ได้ใส่ยา ไม่อย่างนั้นคงมีใครบางคนได้นอนนิ่งขยับไม่ได้ ถูกทิ้งไว้ตรงนี้แล้ว”
“หึ! ถ้างั้นก็คงเป็นมิสเตอร์นั่นแหละค่ะ ที่ถูกทิ้งไว้ตรงนี้ก่อนใคร” ฝนปรายโต้กลับอย่างไม่ลดละ แต่เมื่อเขาเงียบไปไม่ตอบโต้อะไรก็ทวงถาม
“ตกลงขิมผ่านการทดสอบแล้วใช่ไหมคะ งั้นให้ขิมไปหาพีณา ไปทำหน้าที่ของตัวเองได้หรือยัง”
“ยัง...”
ดวงตาแพรวพราวสีฟ้าสดที่มองมามันคงจะน่ามองกว่านี้ ถ้ามันจะไม่ได้มาพร้อมคำปฏิเสธ แต่จะให้ฝนปรายทำอย่างไรได้ นอกจากท่องไว้ในใจว่า
ค่าจ้าง... ค่าตอบแทน... หลายแสนดีล...
เมื่อสองหนุ่มสาวออกมาจากห้องซ้อมในเวลาเย็นย่ำ ชายร่างสูงโปร่งในชุดหมีสีเทาคนเดิมก็ยืนรอแถวหน้าลิฟต์ คีนส์เอ่ยสั่งความเกี่ยวกับอาวุธอุปกรณ์ที่เขาได้เลือกว่าเหมาะสม และผู้คุ้มกันคนใหม่ก็ได้ทดลองหยิบจับใช้งานมันได้ค่อนข้างคล่อง เพื่อให้นายช่างหนุ่มได้ตรวจเช็คความเรียบร้อยและจัดส่งไปให้ที่ห้องทำงานของเขาอีกครั้ง
“ไม่เกินชั่วโมงนี้ครับมิสเตอร์” ล็อกซ์รับปากแข็งขัน
ขณะที่มองหน้าผู้เป็นนาย แววตาสอดส่องก็สะดุดเข้ากับบางสิ่ง แต่ไม่ได้กระโตกกระตากแสดงอาการอะไร
คีนส์จ้องตานายช่างหนุ่มเจ้าของความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะปล่อยผ่านไม่คิดสนใจแก้ไขให้ความลับเรื่องการสื่อจิตชนิดพิเศษของตนรั่วไหล ชายหนุ่มหันมาพยักหน้าให้คนตัวเล็กบางที่หน้าตาบูดสนิทมาได้พักใหญ่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นคำสั่ง แต่เนื้อหาของมันทำเอาบุคคลที่สามที่ได้ยินไปด้วยแทบไม่เชื่อหู ว่าเจ้านายของเขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยชวนลูกน้องสาวดินเนอร์
“เดี๋ยวฉันจะพาไปทานมื้อเย็นที่ภัตตาคารริมผา เสร็จจากนี้ค่อยไปหาพีณากัน”
ร่างสูงของคีนส์เดินนำร่างบอบบางเข้าไปในลิฟต์ เคลื่อนสูงสู่เบื้องบนเรียบร้อยแล้ว แต่ล็อกซ์ยังยืนมองประตูลิฟต์อยู่อย่างนั้น มุมปากของนายช่างหนุ่มขยับยิ้มกับเรื่องน่าบอกต่อที่เพิ่งได้รู้ได้เห็นมากับตา ปลายนิ้วเรียวขยับดันแว่นตาตามความเคยชิน
รอยจ้ำสีแดงๆ ตรงลำคอของเจ้านายหนุ่ม ที่ตอนก่อนเข้าไปในห้องยังไม่เห็นมี มันจะเป็นฝีมือใครไปได้ ถ้าไม่ใช่สาวร่างเล็กที่หายเข้าไปปิดตายห้องซ้อมกันสองต่อสองตั้งหลายชั่วโมง
ว้าว... ตัวเล็กๆ หน้าตางั้นๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะร้อนแรงกันไม่เบาเลย...
<< ติดตามอ่านต่อได้ในเล่ม >>
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
Ookbee : https://goo.gl/HxuTI7
No comments:
Post a Comment