รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 8 : เลื่อนขั้นพิเศษ
ฝนปรายมองเพื่อนแม่บ้านผมแดงที่ลากกระเป๋าโดเรมอนพ้นจากประตูไป ออร่าเพิ่งเข้ามาช่วยเธอทำความสะอาด ตระเตรียมที่นอนในห้องนอนเล็กที่ไม่ได้เปิดให้ใครใช้มานานจนเรียบร้อย เหลือแค่จัดข้าวของเครื่องใช้ของเธอซึ่งมีน้อยยิ่งกว่าน้อยให้เข้าที่เข้าทาง แรกที่รับคำสั่งจากเจ้าของบ้านนั้นเธอก็เพียงแค่แปลกใจอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหาเหตุผลแทนเจ้าของคำสั่งว่าบางทีเขาอาจจะอยากหาคนมาดูแลหลานสาวอย่างใกล้ชิดก็เป็นได้
แต่พอเห็นอาการตกตะลึงปนแปลกใจของเหล่าเพื่อนร่วมตำแหน่งแม่บ้านในตอนที่เธอไปเตรียมเก็บของที่บ้านพักแล้ว ดูท่าว่าการที่แม่บ้านคนหนึ่งได้เลื่อนระดับให้ขึ้นไปอยู่ในบ้าน มีห้องนอนบนชั้นสามที่เจ้าของบ้านหวงแหนเก็บไว้เป็นพื้นที่ส่วนตัว เรื่องนี้มันคงไม่ธรรมดาสามัญนักหรอก
“รู้หรือเปล่า แค่พวกเราได้มีเตียงแคปซูลเดี่ยวๆ ไม่ใช่เตียงรวมก็ถือว่าความเป็นอยู่ดีกว่าแม่บ้านในหลายๆ ที่แล้ว แต่โอกาสจะได้มีห้องนอนแบบนี้น่ะเหรอ อย่าได้คิดฝันเลย... มีแค่พวกร่ำรวยดีลเหลือเฟือเท่านั้นแหละ”
“แล้วบ้านหลังนี้ มิสเตอร์คีนส์ก็อนุญาตแค่คนสนิทสามคนที่ทำงานให้มิสเตอร์มานานเข้าพักเพื่อสะดวกในการทำหน้าที่และสั่งงานเท่านั้น ยิ่งบนชั้นนี้นะ... ไม่เคยมีคนนอกครอบครัวของมิสเตอร์ได้เข้ามาพักหรอก”
“มิสเตอร์คีนส์นี่ใจดีกับเธอเป็นพิเศษเลยนะ หรือว่า? ว้าว!.. ไม่อยากจะคิดเลยคิมมี่”
ออร่ามาช่วยเธอทำความสะอาดห้องไปก็บอกเล่าชวนคุยอย่างตื่นเต้นไปเรื่อย แต่ข้อสันนิษฐานอันไม่น่าเป็นไปได้ของเพื่อนสาวก็ทำให้ฝนปรายต้องรีบส่ายหน้าหวือ ในเมื่อมันไม่มีทางเป็นจริงแน่นอน
ไอ้อาการหน้านิ่ง ตาดุ พูดจาแต่ละคำมีแต่ห้วนสั้น ไม่ก็ออกคำสั่ง มันไม่มีทางเป็นอาการของคนคิดอะไรเป็นพิเศษต่อกันแน่ๆ
เสียงเคาะประตูฉุดดึงความคิดของคนที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ ฝนปรายเดินไปเปิดประตูก็พบพีณาเงยหน้าฉีกยิ้มมาให้
“คิมมี่จัดห้องเสร็จแล้วใช่ไหมคะ อังเคิลให้มาตามไปทานข้าวกันค่ะ”
จบคำนั้นฝนปรายก็ต้องเดินตามเด็กหญิงไปพร้อมความแปลกใจที่ตีกลับมาอีกระรอก ไม่ว่าจะคิดยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงนึกใจดีกับเธอขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังทิ้งเธอให้อยู่กับยาเรียอย่างไม่สนใจกันอยู่เลย
"นั่งสิ"
เห็นหน้าก็สั่งเชียวนะ! เพราะอย่างนี้ไง ถึงได้ไม่กล้าคิดไปอย่างที่ออร่าล้อเลียนมา... ฝนปรายนึกบ่นในใจ แต่นอกจากคิ้วที่นิ่วหากันเล็กน้อยแล้ว หญิงสาวก็ไม่ได้แสดงอาการอื่นใดอีก
เนื่องจากคีนส์อนุญาตให้วันนี้เป็นวันพักผ่อนของผู้คุ้มกันทั้งสอง ผู้ร่วมโต๊ะจึงมีแค่เพียงเจ้าของบ้าน หลานสาว และพี่เลี้ยงคนใหม่เท่านั้น อาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟยังคงเป็นที่ถูกใจหญิงสาวที่ไม่คุ้นชินกับอาหารของบ้านพักพนักงานสักที นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้เจ้านายหนุ่มผู้เงียบเฉยเลื่อนระดับความเป็นอยู่ของเธอให้ดีขึ้นมากขนาดนี้
อย่างนี้ค่อยหมดห่วงหน่อย... ไม่ต้องกลัวว่าจะเหี่ยวแห้งตายก่อนจะเก็บดีลกลับบ้านได้
พอคิดถึงเรื่องดีล... หญิงสาวก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่เคยสอบถามตกลงเรื่องนี้กับเขาจริงๆ จังๆ เสียที เธอยังไม่รู้เลยว่างานแม่บ้านของตัวเองจะได้ค่าตอบแทนสักกี่มากน้อย แล้วไอ้ค่าใช้จ่ายในการจ้างนักข้ามเวลาพาเธอไปส่งบ้านนั้นมันมากมายมหาศาลแค่ไหนกัน
“มิสเตอร์คีนส์คะ”
เป็นประโยคแรกในมื้ออาหารนี้ที่ฝนปรายเอ่ยกับเจ้าของบ้านขึ้นมาก่อน เพราะตั้งแต่เริ่มทานอาหารก็มีเพียงเด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นคนพูดคุยชวนเจรจากับผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่แทบจะไม่ได้คุยกันเลย
“มีอะไรจะถามก็รอทานให้เสร็จก่อน”
คนที่กำลังจะเอ่ยปากถามในสิ่งที่อยากรู้ ต้องกลายเป็นเลิกคิ้วเรียวได้รูปขึ้นอย่างแปลกใจที่ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นราวกับรู้ใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งตึงขึ้นนิดๆ เมื่อเขาหันไปชี้ชวนหลานสาววัยเก้าขวบให้ทานหัวหอมที่อีกฝ่ายเขี่ยทิ้งไว้ข้างจานทันที ทำเหมือนการพูดคุยกับเธอรบกวนเวลาเขานักหนา
ชิ! เล่นตัวชะมัด...
มุมปากของชายหนุ่มที่หันไปดูแลควบคุมการทานอาหารของหลานสาวยกขึ้นนิดๆ จนเกือบจะเป็นรอยยิ้ม อาศัยจังหวะที่หญิงสาวก้มลงทานอาหารต่อ เหลือบมองคนที่เก็บซ่อนอาการฮึดฮัดในใจด้วยแววตาอ่อนลงและไร้แววเย็นชาเมินเฉยอย่างที่เคย
จากการสังเกตความคิดและทีท่าการกระทำของหญิงสาวที่หลุดข้ามเวลามาคนนี้ เขายอมรับเลยว่าก่อเกิดความรู้สึกชื่นชมระคนเห็นใจเธออยู่ไม่น้อย ทั้งการทำใจยอมรับกับชะตากรรมเล่นตลกได้อย่างรวดเร็ว ทั้งความเข้มแข็งที่ไม่คร่ำครวญขอความเห็นใจให้รำคาญ ไม่ว่าจะเจออะไรไม่ถูกใจหรือสร้างความลำบากให้แค่ไหนก็ยังฮึดสู้และพยายามปรับตัวเอาชนะมันให้ได้ แถมหญิงสาวร่างสูงไม่พ้นไหล่เขาคนนี้ยังไม่เคยมีความคิดจะยอมแพ้หรือสิ้นความหวังที่จะเดินทางกลับไปสู่ที่ทางและเวลาของตน... จะว่าเขายอมใจอ่อนเพราะจิตใจที่เข้มแข็งเกินตัวของอีกฝ่ายก็ว่าได้
กว่าที่ฝนปรายจะได้พูดคุยธุระกับชายหนุ่มเรื่องงานของเธอ เวลาก็ล่วงเลยไปจนดึก ต้องรอจนเธอดูแลให้เด็กหญิงพีณาพร้อมเข้านอน และเขาเข้ามาราตรีสวัสดิ์หลานสาวเรียบร้อย เจ้านายผู้เล่นตัวมาตลอดค่ำจึงพยักหน้าออกคำสั่งด้วยสายตา ให้เธอเดินตามออกมาจากห้องนอนของเด็กหญิงที่หลับสนิทอย่างรวดเร็วเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการเล่นสนุกมาทั้งวัน
คีนส์ไม่อยากจะลงไปที่ห้องทำงานข้างล่างให้เสียเวลา จึงเดินนำหญิงสาวออกมายังระเบียงด้านข้างของตัวบ้านที่อยู่เหนือสระว่ายน้ำ พื้นที่แคบยาวนั้นไม่มีเก้าอี้ที่นั่ง มีเพียงต้นไม้ประดับไว้ตรงมุมระเบียงสองสามกระถาง เพียงแค่ฝนปรายก้าวตามคนเดินนำพ้นประตูออกไปเท่านั้น อากาศที่ค่อนข้างเย็นก็เข้าโอบล้อมตัว จนเธอต้องยกมือกอดอก ลูบๆ ถูๆ ท่อนแขนที่พ้นเสื้อแขนสั้นของชุดฟอร์มแม่บ้านไปมาให้หายหนาว
“ขี้หนาวเอาเรื่องนะ”
ฝนปรายหน้ายุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียวกับคำที่ชายหนุ่มเอ่ยทัก แทนที่เขาจะโทษตัวเองที่เลือกมายืนคุยกลางอากาศหนาวๆ กลับมาแขวะว่าเธอขี้หนาวเองเสียได้
ก็บ้านฉันมันอยู่เมืองร้อน ไม่ได้ชินกับอากาศหนาวหรือผลิตน้ำแข็งได้ในตัวเหมือนใครแถวนี้เสียหน่อย
คีนส์หมุนตัวเดินกลับไปที่ประตู ส่ายหน้าเพียงเล็กน้อยอย่างที่เจ้าของคำนินทาในใจไม่มีทางได้เห็น เขากดปุ่มคำสั่งบางอย่างตรงผนัง โครงกระจกโค้งก็เลื่อนลงมาครอบปิดกั้นระเบียงกว้างจากบรรยากาศภายนอก จากนั้นไม่นานอากาศก็ค่อยๆ อุ่นสบายขึ้น
เออแหะ... มนุษย์น้ำแข็งก็รู้จักเห็นใจคนอื่นเหมือนกันนะ
คีนส์ก้าวเดินไปชิดราวรั้วระเบียง มองภาพแสงไฟที่สะท้อนอยู่ใต้สระว่ายน้ำเพียงครู่เดียวก็หมุนตัวกลับมาช้าๆ ก่อนจะอิงสะโพกไว้บนราวรั้ว ท่อนแขนยกกอดอกหลวมๆ มองหน้าหญิงสาวที่เดี๋ยวต่อว่า เดี๋ยวชมอย่างไม่คิดเอาเรื่องเอาราว
“ว่าไง มีอะไรอยากคุยกับฉันก็พูดมา” ชายหนุ่มเปิดโอกาส
“เอ่อ...” ฝนปรายอ้ำอึ้งอยู่ครู่สั้นๆ เมื่อพบว่าตัวเองเผลอมองท่วงท่าก้าวย่างและโครงสร้างสรีระสมบูรณ์แบบของเขานานไปหน่อย คิดเพ้อเจ้อไปว่าถ้าจับเขาและหนุ่มๆ ที่เธอได้เจอในยุคนี้ไปถ่ายแบบในยุคของเธอคงได้ดังระเบิด สูงยาวเข่าดีกันทุกคนขนาดนั้น
“ฉันอยากถามเรื่อง...”
“คิม”
ฝนปรายเริ่มได้ไม่ทันจบประโยคก็ต้องถูกขัดด้วยชื่อตัวที่อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นมาห้วนสั้น จึงได้แค่เงียบ เอียงหน้าน้อยๆ จ้องตารอให้เขาพูดต่อ
“คนฐานะต่ำกว่าหรืออายุน้อยกว่าไม่เรียกแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’”
แววระลึกรู้ปรากฏขึ้นในดวงตาสีดำของหญิงสาวทันที ก่อนจะตามด้วยอาการถอนใจเฮือก... นึกว่าไอ้พวกฐานันดร แบ่งชนชั้น มันจะสูญหายไปได้แล้วเสียอีก ยุคอนาคตนี่มันก็เรื่องมาก ถือสาอะไรโบราณชะมัด
“ขิม... อยากคุยกับมิสเตอร์เรื่องค่าตอบแทน”
คีนส์จับสังเกตได้ถึงความแตกต่างเล็กๆ ในการออกเสียงชื่อของอีกฝ่าย แต่เนื้อหาของเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นมีความสำคัญมากกว่า
“นึกว่าเธอจะไม่ถามขึ้นมาเสียแล้ว”
“มีโอกาสให้ถามที่ไหนล่ะคะ ขิมอยากรู้ว่าขิมเป็นแม่บ้านอยู่อย่างนี้จะได้ค่าจ้างเท่าไหร่”
“ถ้าอัตราทั่วไปก็สามถึงสี่หมื่นดีล”
ฝนปรายพยักหน้ารับรู้ แล้วถามต่อ
“แล้วถ้าจะจ้างนักข้ามเวลาพาฉัน.. พาขิมกลับบ้าน ต้องใช้เท่าไหร่คะ”
คีนส์มองใบหน้าเต็มไปด้วยความหวังอย่างลังเลใจขึ้นมาเป็นครั้งแรก ระหว่างบอกปัดให้เธอยอมแพ้ตัดใจเสีย เพราะต่อให้ทำงานอย่างนี้ทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสะสมดีลมากพอจ้างนักข้ามเวลาระดับสูงได้ หรือว่า... เขาจะยอมเป็นธุระจัดการให้เธอได้กลับบ้านสมความตั้งใจ
ชายหนุ่มคิดถึงตรงนี้ก็ชะงัก ดึงตัวเองจากรั้วระเบียงที่อิงไว้สบายๆ มายืนเต็มความสูง ใบหน้าฉาบความเย็นชาขึ้นมาทันทีที่รู้ถึงความลังเลในข้อหลัง ที่เหมือนไม่ใช่ความคิดของคนอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไม่รู้จำนวนแน่นอนหรอก แต่ก็น่าจะหลายร้อยล้าน”
ค่าประมาณที่ออกจากปากอีกฝ่ายนั้นทำเอาคนที่ยังมีความหวังแทบจะถูกดับฝัน ฝนปรายอ้าปากค้างก่อนที่ใบหน้าสีน้ำผึ้งจะค่อยๆ ซีดเซียวลงไปทันควัน ในแววตาเต็มไปด้วยรอยหม่นหมองผิดหวัง แต่เมื่อคิดถึงคุณยายที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพัง ริมฝีปากอิ่มก็เม้มเข้าหากันแน่น พยายามข่มใจขับไล่ความท้อแท้ทิ้งไป
“แล้วตอนนี้ที่ขิมเป็นพี่เลี้ยงให้พีณาด้วยล่ะคะ” เธอเริ่มต่อรองอีกครั้ง
คีนส์มองสบเข้าไปในดวงตาของคนที่มองตรงมาเพื่อต่อรองอย่างไม่ยอมแพ้ หญิงสาวคงไม่รู้หรอกว่าประกายตาที่กลับฟื้นคืนพลังมุ่งมั่นของเธอเขย่าความคิดอ่านของเขาให้สั่นคลอนมากแค่ไหน
“ฉันให้เธอได้ห้าหมื่น เท่านี้ก็มากจนไม่ยุติธรรมกับคนเก่าๆ แล้ว” เสียงของเขาอ่อนลงกว่าปกติจนสะดุดหูของคนได้รับอัตราค่าจ้างใหม่
ฝนปรายรู้ว่าเขายอมให้เธอได้มากเกินหน้าคนเก่าที่ทำงานมาก่อนมากแล้ว ไหนจะเรื่องที่นอนและมื้ออาหารที่อนุญาตให้ทานร่วมกับพีณาได้ทุกมื้อ สิ่งที่เรียบง่ายธรรมดาเหลือเกินสำหรับคนยุคโบราณ แต่เธอก็ได้รู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งมีค่า เป็นที่ปรารถนาสำหรับคนชั้นกลาง และยังเกินเอื้อมสำหรับคนชั้นล่างใช้แรงงานในยุคอนาคตนี้
“แล้วถ้าขิมจะของานในครัวทำด้วย มิสเตอร์จะให้เพิ่มได้หรือเปล่าคะ” ฝนปรายลองเสี่ยงของานเพิ่มอีกตำแหน่งเพื่อให้ได้ค่าจ้างมากขึ้น
“เธอปรุงอาหารได้ด้วยหรือ”
ในยุคที่อาหารสดเป็นของราคาแพงยิ่งกว่าทองคำ คนที่สามารถเข้าถึงและปรุงแต่งมันได้จึงมีจำนวนจำกัด ส่วนใหญ่จะต้องผ่านการเรียนการสอนจากสถาบันเฉพาะทางที่ค่าเล่าเรียนสูงลิ่ว ผู้ที่มีโอกาสได้ทานอาหารสดๆ ปรุงใหม่ๆ ว่ายากแล้ว แต่จำนวนคนที่สามารถปรุงแต่งมันออกมาได้ดีนั้นยิ่งหาได้ยากยิ่งกว่า
“ง่ายกว่าขับพรมเหาะเสียอีกค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวมั่นอกมั่นใจเต็มที่ จากที่ได้ทานอาหารของที่นี่มาแล้วสามมื้อ ไม่อยากจะคุยหรอกนะว่าสามารถทำได้ดีกว่านั้นเสียอีก
คิ้วเข้มข้างหนึ่งชายหนุ่มยกขึ้นสูงทีเดียวกับความมั่นใจของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อเธอเสนอตัว เขาก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรเสียหายถ้าจะให้เธอได้ทดลอง
“งั้นขอชิมมื้อเช้าสักมื้อเถอะ ถ้าได้เรื่อง... ฉันเพิ่มให้เป็นสองแสน”
จำนวนดีลที่พุ่งขึ้นพรวดเกินคาดนั้นทำให้ฝนปรายตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ริมฝีปากยกยิ้มอย่างยินดี ไม่คิดเลยว่าจะเสนอเพิ่มงานเพิ่มค่าตัวได้ถูกทาง
“แล้วถ้ามื้อไหนทำได้ดีถูกใจ มิสเตอร์จะมีทิปให้พิเศษไหมคะ”
ประโยคที่บอกออกไป... ถ้าเขาจะหาว่าเธอเค็มหรืองกจัด เธอก็ไม่ว่าเขาหรอก ในเมื่อคนมันมีเป้าหมายใหญ่ให้จำเป็นต้องเก็บต้องออม
คำต่อรองได้คืบจะเอาศอกของอดีตแม่บ้านที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นแม่ครัว หากเป็นช่วงเวลาอื่นหรือเป็นคนอื่นกล้าเอ่ยขอ คงทำให้คนฟังหน้านิ่ว ส่งสายตาดุเยียบเย็น ข่มขู่ว่าอย่าคิดมาต่อรองกับคนอย่างเขาง่ายๆ แต่แปลกเหลือเกินที่ครั้งนี้คีนส์ทำเพียงส่ายหน้าช้าๆ
“ให้สอบผ่านก่อนเถอะ ค่อยว่ากัน”
ฝนปรายขมุบขมิบริมฝีปาก อยากจะตอบโต้เจ้าของบ้านที่ทิ้งคำสบประมาทเอาไว้แล้วเดินส่ายหน้าเข้าบ้านไป แต่ยืนอยู่อีกครู่เดียวอากาศที่หนาวเย็นยิ่งกว่าตอนแรกที่เดินออกมาตรงระเบียงก็จู่โจมเธออีกรอบ จึงเพิ่งรู้ว่าก่อนที่ชายหนุ่มจะเข้าบ้านไป ยังได้ยื่นมือกดเปิดกระจกครอบระเบียงออกด้วย หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ตัว แหงนมองท้องฟ้าที่เป็นหลังคาโดมมืดดำสนิทไร้แสงดาววิบวับแล้วต้องถอนใจบางเบา
ชั้นบรรยากาศของโลกถูกทำลายอย่างหนักมาต่อเนื่องยาวนานจนหมดทางเยียวยา อากาศในปีสามพันสามร้อยอย่างนี้จึงเหมือนอยู่กลางทะเลทรายก็ไม่ปาน ช่วงเวลากลางวันอากาศจะร้อนจัดและเต็มไปด้วยรังสีอันตราย ผู้คนจึงต้องอาศัยอยู่ในระบบปิดของตึกรามอาคารใหญ่โตหรือภายใต้โดมใหญ่ที่มีการปรับอุณหภูมิและสะท้อนรังสีอันตรายออกไปแล้ว ส่วนเวลากลางคืน ความแห้งแล้งของพื้นผิวโลกและการขาดชั้นบรรยากาศดีๆ ช่วยอุ้มอากาศอุ่นทำให้เกิดการคายความร้อนอย่างรวดเร็ว อากาศจากร้อนจัดจึงกลายเป็นหนาวเหน็บจนตัวสั่น
โลกที่เป็นอย่างนี้ไม่น่าอยู่เลยจริงๆ
แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเพราะน้ำมือคนในยุคเก่าที่ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่มีอยู่ ละเลยที่จะรักษา แถมยังทำลายมันเองกับมือทั้งนั้น
เมื่อคืนนี้ นับเป็นคืนแรกตั้งแต่ฝนปรายหลงมาอยู่ในห้วงอนาคตแล้วได้หลับอย่างเต็มตาที่สุด แม้ช่วงเข้านอนแรกๆ จะมีอาการตื่นเต้นจนแทบจะนอนไม่หลับอยู่บ้าง เพราะมัวแต่ใช้ความคิดวุ่นวายถึงเมนูมื้อเช้าในวันพรุ่งนี้ไปสารพัดร้อยแปด ว่าจะเตรียมอะไรไปให้คุณลุงผู้แสนเย็นชาเก็บงำคำพูดคำจาของหนูพีณา ยอมเอ่ยปากบอกผ่านให้เธอได้อัตราค่าจ้างงามๆ มาครอง
เวลาตีห้าของเช้าวันใหม่ อดีตแม่บ้านสาวซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งพี่เลี้ยงเด็ก และกำลังจะท้าชิงงานแม่ครัวมาครองจึงลุกขึ้นจากเตียงนุ่มแต่เช้าอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ ตรงดิ่งไปยังห้องครัวชั้นล่างของบ้าน ภายในห้องขนาดไม่ใหญ่นักดูโล่งสะอาดตา เคาน์เตอร์สแตนเลสปูส่วนท็อปสำหรับเตรียมอาหารด้วยหินเทียมสีเทาเข้ม รับกับพื้นสีเทาอ่อน อุปกรณ์เครื่องครัวมากมายจัดเก็บอยู่ตามลิ้นชักและตู้เก็บของบานประตูสีดำเงาวับ
หญิงสาวตรงไปเปิดตู้เย็นตู้ใหญ่ มองสำรวจวัตถุดิบของสดที่พอจะมีอยู่ ส่วนใหญ่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องหรือถุงพลาสติกมีรูปภาพกำกับไว้ชัดเจนสวยงาม หญิงสาวกวาดตามองพร้อมกับนึกออกแบบเมนูมื้อเช้าที่สามารถประยุกต์ของที่มีอยู่ไปด้วย มือบางสีน้ำผึ้งเลือกหยิบกล่องบรรจุไข่ไก่ วัตถุดิบพื้นฐานที่น้อยนักจะมีใครเอ่ยได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่ชอบ ขณะที่กำลังยกมันออกมาจากชั้นนั้นเอง เสียงตะคอกดุดังจากด้านหลังก็ทำเอาเธอสะดุ้งเผลอปล่อยให้มันร่วงหลุดมือ!
ฝนปรายก้มมองเจ้าไข่นับสิบฟองที่ตกอยู่บนพื้นตาละห้อย เมื่อเห็นไข่สองสามลูกกระเด็นออกมาแตกกระจายเปรอะเยิ้มอยู่เต็มพื้น
“เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่!!”
เจ้าของเสียงดุดังเดินดุ่มๆ เข้ามาหาบุคคลแปลกปลอมในห้องครัวอันเป็นอาณาเขตสุดหวงของเขา เหลือบตาลงมองจุดเกิดเหตุชั่วครู่เดียว ก่อนจะตวาดหญิงสาวในชุดแม่บ้านอีกครั้ง
“แล้วทำบ้าอะไรเนี่ย ข้าวของเสียหายหมด!”
ฝนปรายมองชายวัยกลางคนตัวโตร่างท้วม เชฟใหญ่ประจำบ้าน
วิลตันไชลด์ นัยน์ตาของหญิงสาวปรากฏร่องรอยกล่าวหาเขาอยู่น้อยๆ ที่เป็นคนทำให้เธอตกใจจนทำของร่วง แต่ก็ทำแค่เพียงกลอกตาหน่อยๆ ยอมชี้แจงออกไปโดยดี เพราะไม่อยากมีเรื่องขัดใจกับเจ้าถิ่น
“มิสเตอร์คีนส์ให้ขิมเทสฝีมือ ลองทำมื้อเช้าวันนี้ ถ้าทำได้ดีจะให้ย้ายมาทำงานในครัวด้วยค่ะ”
แดนดีเลิกคิ้วสีน้ำตาลทองรกหนาขึ้นสูง ใบหน้ากลมมีเนื้อแก้มเต่งตึงออกอาการฉงนเต็มที่ ปกติแล้วงานในครัวของที่นี่ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องรับพนักงานเพิ่ม แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเป็นคนที่เจ้านายยอมให้ร่วมโต๊ะมาหลายครั้งและยังให้ขึ้นไปนอนบนชั้นหวงห้าม เขาก็ไม่คิดว่าจะแปลกอะไร ถ้าจะมีเหตุการณ์คาดไม่ถึงประมาณนี้อีกครั้ง จะสงสัยก็แต่ถ้าอีกฝ่ายได้รับสิทธิพิเศษอะไรมากมาย จนชวนให้คนในบ้านสงสัยจับตามองขนาดนี้ ทำไมเจ้านายยังจะให้เธอทำงานตำแหน่งที่ไม่ต่างอะไรจากคนใช้แรงงานอยู่อีก
“แล้วจะทำอะไรล่ะ แต่ก่อนอื่น... เก็บกวาดเสียให้เรียบร้อย” แดนดีถามแล้วก็ไม่รอฟังคำตอบ ความเนี้ยบของเชฟใหญ่ทำให้เขาออกคำสั่งให้ขจัดความขัดตากับความเปรอะเปื้อนบนพื้นครัวออกเป็นอันดับแรก
“ได้ค่า..” ฝนปรายอดไม่ได้จะตอบรับลากเสียงยาวกว่าปกติ
หญิงสาวจัดการดูดเศษไข่ด้วยเครื่องกำจัดขยะและถูพื้นเรียบร้อยก็เดินไปล้างมือจนสะอาด เมื่อหันกลับมามองเจ้าถิ่นก็เห็นเขามองดูอยู่และพยักหน้าพอใจ ความสะอาดนั้นนับเป็นปัจจัยหลักที่คนทำครัวจะละเลยไปไม่ได้
“แล้วจะใช้ไข่ไก่ด้วยใช่ไหม” ชายร่างใหญ่ยังคงพูดเสียงดัง แต่แววตาดุดันในตอนแรกผ่อนความเข้มงวดลงไปมาก แดนดีหมุนตัวไปยังผนังข้างๆ ตู้เย็น ที่ตรงนั้นมีหน้าจอขนาดสักสิบนิ้วติดตั้งไว้ เมื่อเขาแตะนิ้วมือลงไป จากหน้าจอมืดๆ ก็แสดงภาพโลโก้ของซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์แหล่งใหญ่ที่สุดที่เขามักใช้บริการเป็นประจำ
“สิบฟองพอหรือเปล่า”
ใบหน้ากลมอิ่มหันมาถามหญิงสาวที่จ้องมองหน้าจออย่างสนใจอยู่ด้านหลัง เมื่อเธอตอบรับก็กดสั่งซื้อ ไม่นานบนตู้เย็นก็มีอักษรแจ้งว่ามีไอเทมใหม่มาส่งเหมือนเช่นตอนที่เด็กหญิงเคยเลือกซื้อชุดว่ายน้ำให้เธอ หญิงสาวเห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยปากขออนุญาตเมื่อนึกไอเดียดีๆ บางอย่างขึ้นมาได้
“ขิมขอลองเลือกอะไรอย่างอื่นๆ ด้วยได้ไหมคะ”
“อยากได้อะไรก็ลองดู” แดนดีอนุญาตพร้อมขยับถอยออกห่าง เฝ้ามองดูคนครัวมือใหม่เลือกของสดอยู่เงียบๆ แต่ก็อดเอ่ยท้วงไม่ได้เมื่ออีกฝ่ายกดสั่งฟักทองลูกเล็กที่สุดในตัวเลือกมาหลายลูก
“ทำไมไม่เอาลูกใหญ่หน่อย ลูกเดียวก็ได้เรื่อง ไม่ต้องมาคิดช่วยฉันประหยัดซื้อของราคาต่ำๆ หรอกนะ เพราะมันตัดเข้าเดลต้าค่าใช้จ่ายในบ้านนี้ทั้งนั้นแหละ”
“ไม่หรอกค่ะ ขิมอยากใช้ลูกเล็กนี่แหละค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบ เก็บงำความคิดบางอย่าง ในถ้อยคำห้วนๆ แถมยังเสียงดังเกือบเป็นกระโชก แต่เธอก็เริ่มสัมผัสถึงความจริงใจและเอื้อเฟื้อจากเชฟหนุ่มใหญ่ได้
แดนดีหน้ายุ่งอย่างยังไม่ค่อยจะเข้าใจ ก่อนจะยักไหล่ถอยไปเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ เช้านี้เชฟใหญ่ที่ดูแลอาหารการกินของเจ้านายในบ้านไม่ได้ลงมือทำครัว เพียงแค่คอยยื่นความช่วยเหลือให้ยามที่เห็นว่าจำเป็น แต่ยิ่งช่วยก็ยิ่งสงสัยว่าหญิงสาวเป็นชาวมนุษย์ห่างไกลความเจริญหลบมาจากเปลือกโลกแผ่นนอกการพัฒนาที่ไหน เพราะถึงแม้เขาจะเห็นว่าอีกฝ่ายพอจะใช้มีดเตรียมของสดได้คล่องและปรุงอาหารเหมือนจะได้เรื่อง แต่เรื่องง่ายๆ อย่างการเปิดเตาและปรับไฟนั้นกลับทำไม่เป็นเอาเสียเลย
ฝนปรายอยู่ในชุดแม่บ้านสีน้ำเงินเหมือนเช่นเคย แต่วันนี้แปลกตาเป็นพิเศษด้วยผ้ากันเปื้อนชนิดเต็มตัวสีขาวสะอาดที่แดนดีหยิบจากลิ้นชักในครัวยื่นส่งให้ หญิงสาวเข็นรถอาหารเดินตามหลังเชฟใหญ่ ที่กลายเป็นมิตรใหม่ต่างวัยของเธอไปแล้วจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องทำอาหาร รอยยิ้มกระตือรือร้นถูกส่งให้กับทุกคนที่นั่งอยู่ประจำโต๊ะ ก่อนจะหันไปเปิดฝาครอบรถเข็นและหยิบอาหารเช้าจานแรกออกมาวางลงตรงหน้าเจ้าของโดมเป็นคนแรก แววตาสีฟ้าสดปรากฏคลื่นความสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้นิ่งเรียบเหมือนเคย ทำให้คนที่ทุ่มสุดทางไว้ลายชาววังไทยแอบอมยิ้มภูมิใจ หญิงสาวหยิบอาหารเช้าจานที่สองเพื่อเสิร์ฟให้เด็กหญิงที่มองมื้อเช้าสุดสวยสะดุดตาเบื้องหน้าผู้เป็นลุงตาโต เสียงใสๆ ก็ถามอย่างตื่นเต้น
“นี่มันสวยจังค่ะคิมมี่ พีณากินมันได้หรือคะ พีณาไม่กล้าทำมันเสียหายเลย”
เด็กหญิงมองเจ้าฟักทองลูกเล็กขนาดสองอุ้งมือของเธอที่วางอยู่กลางจานสีขาวใบใหญ่ เจ้าผักรูปทรงกลมสีเขียวเหลืองที่ยังมีก้านติดอยู่ ถูกแกะสลักลวดลายอ่อนช้อยลงไปเสียสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่ามันยังคงเป็นของกินต่อไป ไม่ได้กลายเป็นของประดับโต๊ะอาหารไปเสียแล้ว
“ทานได้สิคะ” ฝนปรายยิ้มให้เด็กหญิงอย่างเอ็นดู
เจ้าของผลงานเอื้อมมือมาช่วยเปิดฝาผอบฟักทองออก ให้คนตัวเล็กมองเห็นไข่ตุ๋นเนื้อเนียนละเอียด ที่วางเนื้อกุ้งแกะเปลือกปรุงรส แครอทและต้นหอมไว้ด้านบน กลิ่นหอมของไข่ตุ๋น เนื้อกุ้งผัดผสานเข้ากับกลิ่นหอมหวานของเนื้อฟักทองที่ปรุงสุกชวนให้อยากลงมือตักขึ้นชิมดูสักคำขึ้นมาทันที
แรกนั้นฝนปรายคิดจะทำอาหารไทยแท้ๆ ให้คนรอชิมได้ลิ้มลอง แต่เมื่อนอนกลิ้งคิดไปคิดมาว่ามันอาจมีความเสี่ยงที่คนยุคนี้จะไม่คุ้นเคย อาจจะพานไม่อร่อยถูกปากจนทำให้เธอสอบตกอย่างไม่สมควรแก่เหตุแล้ว จึงคิดเปลี่ยนแผนมาทำอาหารที่คิดว่าน่าจะเป็นกลาง รสชาติค่อนข้างมีความเป็นสากลเพื่อความปลอดภัย แต่อาศัยฝีมือในการนำเสนอให้น่าตื่นใจแตกต่างจากอาหารพื้นๆ และฟักทองไข่ตุ๋นชาววังของเธอในเช้านี้ มันก็ไม่ใช่แค่อาหารสวยรูปอิ่มตา แต่รสชาติไม่ได้เรื่องแน่นอน
คีนส์เริ่มหยิบช้อน ตักไข่ตุ๋นขึ้นมามองเนื้อไข่นุ่มเนียน กลิ่นหอมจากกุ้งและฟักทองทำให้เมนูธรรมดาที่เขาเคยได้ทานจากถ้วยเซรามิกเล็กๆ มีความพิเศษและแตกต่าง และเมื่อได้ลองนำมันเข้าปากคำแรก ก็ต้องยอมรับเลยว่าผลจากการเลือกส่วนผสมอย่างพอเหมาะลงตัว สามารถส่งเสริมรสกลมกล่อม ละเมียดละมุนของเนื้อไข่ที่มีรสเค็มนิดๆ ได้ดี และเมื่อใช้มีดตัดเนื้อฟักทองส่วนที่เป็นภาชนะตามเข้าไปเป็นคำที่สอง รสหวานโดยธรรมชาติและเนื้อหนึบนุ่มไม่สุกจนเละก็ชวนให้ทานเพลิน จนคำที่สามและสี่ก็ตามมาเรื่อยๆ และคงจะต่อเนื่องเป็นคำที่ห้า ถ้าเขาจะไม่ได้ยินความคิดจากเจ้าของฝีมือเสียก่อน
กินแล้วก็เงียบไปเลยนะลุง... พูดอะไรมาสักคำสิ คนมันลุ้นนะเนี่ย...
คิ้วของ ‘ลุง’ กระตุกไปนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าให้คนช่างคิดช่างเรียกลามปามเขาด้วยภาษาโบราณของเธอ ก่อนจะได้อมยิ้มน้อยๆ ให้กับความคิดโวยวายจากคนที่สังเกตอาการของเขาตาไม่กะพริบ
อะไรอ่ะ? มีส่ายหน้า... เมื่อกี้ยังกินเอาๆ อยู่เลยนะ สอบตกสอบผ่านก็ว่ามาดิ
“เป็นไงพีณา... ทนฝีมือคิมมี่ได้ไหม” คีนส์เลือกที่จะหันไปสอบถามหลานสาวด้วยประโยคช่างยั่วให้เจ้าของฝีมือออกอาการฮึดฮัด
เหอะ! ใช้คำว่า ‘ทน’ เลยเหรอ?
“ทนทำไมคะอังเคิล พีณาชอบ พีณาชอบกินไข่ค่ะ” เด็กหญิงที่พยายามตักขุดทานแต่เนื้อไข่ตุ๋นเพื่อไม่ทำลายถ้วยฟักทองใบสวยหันไปตอบอังเคิลอย่างไม่เข้าใจ
“ก็ถ้าพีณาชอบ วันไหนที่พีณามาอยู่ที่นี่ อังเคิลจะได้อนุญาตให้คิมมี่ทำให้กินบ่อยๆ ดีไหม”
“ดีค่ะ พีณาชอบอยู่บ้านอังเคิลคีนส์ค่ะ”
“พวกนายล่ะว่าไง ว่าที่แม่ครัวคนใหม่สอบผ่านหรือเปล่า” คีนส์หันไปถามกับบายินน์และสกายที่ได้ร่วมลองลิ้มอาหารเช้าหน้าตาแปลกด้วย
“ผ่านสบายๆ เลยครับมิสเตอร์” บายินน์เป็นคนตอบคำถาม ในขณะที่สกายเพียงพยักหน้าเห็นด้วย
“งั้นก็ตามนี้... พอใจไหม” ท้ายประโยคเขาเหลือบสายตาไปถาม
หญิงสาวที่ยืนอยู่เยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย สองมือสีน้ำผึ้งประสานไว้ข้างหน้า และมองมาตลอดเวลาที่เขาเริ่มลงมือชิมอาหารอย่างจดจ่อรอฟังคำตัดสิน
ไม่ต้องมีคำใดตอบรับ รอยยิ้มกว้างสดใสของคนที่ได้รับคำตอบรับถูกใจก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี รอยยิ้มกระจ่างตาที่ทำเอาอังเคิลผู้สงวนยิ้มยังเผลอยิ้มตอบไปบางๆ นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจัดมองสบแววตาสีดำเป็นประกายนั้นนิ่ง และเผลอไผลจนเอ่ยอนุญาตเสียงรื่นหูกว่าปกติ เมื่อยามที่หญิงสาวขอถามเขาสักคำถาม
“ว่ามาสิ”
“แล้วมิสเตอร์ล่ะคะ... ให้ผ่านไหม” …แล้วจะได้ดีลพิเศษมากกว่าสองแสนหรือเปล่า
ความสงสัยอย่างมีจุดประสงค์แอบแฝงเก็บรอยยิ้มจางๆ ให้หายวับกลายเป็นใบหน้านิ่งเรียบ ส่งสายตาดุให้คนที่ทำเขาเผลอตัวลดกำแพงลงจนหญิงสาวกล้าปีนข้าม หากคนอย่างคีนส์ วิลตันไชลด์จะสามารถตวัดค้อนด้วยความหมั่นไส้เป็น ฝนปรายก็คงเป็นคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้ เสียแต่เพียงเขาทำได้แค่ส่งสายตาดุและส่ายหน้าช้าๆ เท่านั้น
“ไม่อร่อยหรือคะ” ฝนปรายรีบร้อนถาม
เธอเข้าใจสาเหตุของการส่ายหน้าของเขาผิดไปไกล หรือบางทีคนอย่างเขาอาจจะลิ้นเทพ ชินชากับของพื้นๆ ธรรมดาๆ ไปเสียแล้ว
“งั้นขิมขอสอบซ่อมได้ไหมคะ”
สอบซ่อม? แม้จะสะดุดหูกับคำศัพท์แปลกหลุดจากยุคโบราณ แต่คีนส์ก็เลือกปล่อยผ่านไปเสียบ้าง
“ฉันอนุมัติให้ผ่าน เพิ่มงานในครัว เพิ่มค่าตอบแทนให้แล้ว ยังมีอะไรไม่พอใจอีก”
ฝนปรายที่ถูกถามดักทางเงียบลงทันที ใบหน้าสวยคมมุ่ยลงอย่างคนมีอะไรค้างคา ความจริงมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องค่าตอบแทนพิเศษที่อยากได้มากอยู่หรอก เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันบีบบังคับให้เธอกลายเป็นคนงกจัดไปแล้ว แต่ที่สำคัญมันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีคนครัวศิษย์เอกคุณยายดวงดาว การที่อาหารซึ่งเราตั้งอกตั้งใจทำเต็มที่สุดฝีมือและยังมั่นใจกับมันสุดๆ แต่คนทานกลับทานแล้วนิ่งสนิท ไม่เอ่ยชมหรือให้กำลังใจสักคำอย่างนี้ มันลดทอนความมั่นใจลงไปมากโขเลย บางทีเธออาจต้องทำใจในรสนิยมที่แตกต่างของเขา
“ไม่มีอะไรค่ะ”
อาจเพราะเสียงกร่อยๆ หน้าตายุ่งๆ ขัดใจที่มองแล้วช่างขัดสายตา หรือเพราะประกายตาสีนิลที่ความแจ่มใสถูกเจือจางลงไปหรือเปล่า... ที่ทำให้คนปากหนักบางคนยอมขยับเปิดปากเอ่ยบางคำออกมา
“ขอบใจสำหรับมื้อเช้าดีๆ”
อ่านต่อ >> กาลที่ 9 : งานเข้า
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
Ookbee : https://goo.gl/HxuTI7
No comments:
Post a Comment