21 June 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

รักล่วงเวลา - กาลที่ 10 : ผู้คุ้มกันสาว


รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต






กาลที่ 10 : ผู้คุ้มกันสาว

       
          เช้านี้แอร์โมบิลคันใหญ่เคลื่อนตัวออกจากวิลตันไชลด์โดมโดยมีผู้โดยสารเกือบเต็มจำนวนที่นั่ง ทั้งทีต้าร์และสกายที่นั่งประจำหลังแผงควบคุมด้านหน้า ถัดมาในส่วนห้องผู้โดยสารมีคีนส์ มาดามเมเรน และเด็กหญิงพีณา พ่วงด้วยฝนปรายที่นั่งอยู่ตรงเบาะแถวหลังสุด
          เมื่อพาหนะหรูหราสุดทันสมัยเดินทางมาถึงโดมขนาดใหญ่ครอบคลุมเนินเขาสองลูกและขอบชายฝั่งทะเลเอาไว้ก็ลดระดับลงสู่เบื้องล่าง ก่อนจะเคลื่อนผ่านกำแพงโดมเข้าไปช้าๆ
          ฝนปรายมองดูเส้นทางที่แอร์โมบิลแล่นผ่านไปอย่างสนอกสนใจ แววตาฉายประกายตื่นเต้นยิ่งกว่าเด็กหญิงที่เป็นผู้เอ่ยปากอยากมาเที่ยวเสียอีก ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เต็มไปด้วยรายชื่อของศิลปินมากมายที่อ่านไปก็ไม่รู้จัก เธอเห็นเวทีคอนเสิร์ตขนาดกลางแทรกตัวอยู่ตามลานกว้างระหว่างเครื่องเล่นต่างๆ นับที่ผ่านสายตาไปก็มีถึงห้าเวที ทุกตารางเมตรของโดมแห่งนี้เตรียมพร้อมสำหรับรองรับผู้คนที่กำลังจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามาร่วมงานเทศกาลดนตรีในเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
          แอร์โมบิลเคลื่อนไต่ระดับขึ้นไปตามทางลาดชันสู่เนินสูง ก่อนจะหยุดจอดลงตรงหน้าอาคารสีเทาเข้มจนเกือบดำมองดูคล้ายป้อมปราการผสานกับหอประภาคารสูงเกือบสิบชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่ชิดขอบผาสูง มองลงไปก็จะเห็นคลื่นทะเลถาโถมซัดกลุ่มโขดหินและซอกผาเบื้องล่างเป็นละอองซ่านกระจายสูงขึ้นมาหลายเมตร
          “เดี๋ยวมัมพาพีณาไปเที่ยวเล่นก่อนนะครับ ให้ทีต้าร์ตามไปด้วย ผมขอเข้าไปจัดการงานของวันนี้เรียบร้อยแล้วจะตามไป”
          คีนส์บอกกับมารดา ก่อนจะวางมือใหญ่ลงบนศีรษะกลมเล็กของหลานสาว ก้มลงกำชับคำสั่ง
          “อย่าดื้อ อย่าซนมาก ไม่งั้นอังเคิลจับส่งกลับทันทีเลย รู้ไหม?”
          เด็กหญิงพีณาในชุดเสื้อแขนตุ๊กตาตัวบานคลุมสะโพกและเลกกิ้งสีขาวดำลายสก๊อตพยักหน้ารับปากแข็งขันน้ำเสียงสดใส เมื่อเห็นทีต้าร์ขับแลนด์โมบิลเปิดประทุนสำหรับการเดินทางภายในโดมมาจอดตรงหน้า เด็กหญิงก็รีบคว้ามือแกรนด์มัมข้าง คว้ามือฝนปรายข้าง พาให้ก้าวขึ้นโมบิลไปอย่างรวดเร็ว
          “ช้าๆ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นจ๊ะพีณา” มาดามเมเรนต้องร้องเตือนด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
          คุณผู้หญิงแห่งวิลตันไชลด์วันนี้อยู่ในชุดเสื้อกระชับรูปคอเต่าสีขาวและกางเกงสีน้ำเงินเข้ม ดูกระฉับกระเฉงคล่องตัวและยังดูลดวัยจากเดิมลงไปมาก เมื่อขึ้นมานั่งตรงเบาะด้านหลังคู่กับเด็กหญิง โดยที่พี่เลี้ยงคนโปรดของหลานสาวนั่งอยู่ด้านหน้าคู่กับทีต้าร์ ก็หันมาเอ่ยถาม
          “เราจะไปไหนก่อนดี”
          “พีณาจะไปหาพิงก้าค่ะ” เสียงสดใสฉะฉานตอบแกรนด์มัม
          เด็กหญิงพีณายังติดใจในความน่ารักแสนรู้ของครอบครัวโลมาสีชมพูดาราดังของมารีน สเตเดียม ซึ่งเพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ และเธอยังเป็นคนตั้งชื่อให้เจ้าสมาชิกตัวล่าสุดของครอบครัวสีหวานด้วยตัวเอง
          ทั้งหมดไปถึงมารีน สเตเดียม ก่อนเวลาที่จะเปิดให้ผู้เข้าชมตามปกติ ทีมผู้เยี่ยมชมซึ่งนำหน้าโดยเด็กหญิงวัยเก้าขวบ จึงมีโอกาสได้เข้าไปทักทายเจ้าสัตว์น้ำนักแสดงประจำสเตเดียมอย่างใกล้ชิดถึงขอบสระ ชนิดที่ได้แตะตัวและถูกพวกมันโดดขึ้นจากน้ำมาหอมแก้มกันจนแก้มช้ำเลยทีเดียว
          เวลาผ่านไปไม่ถึงห้านาที ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งตกหลุมรักเจ้าครอบครัวโลมาสีชมพูแสนเริงร่าตามเด็กหญิงไปอีกคนโครมเบ้อเร่อ
          แม้หน้าตาและเนื้อตัวจะเปียกปอนกับละอองน้ำในสระที่สาดกระเซ็นใส่ตอนเจ้าโลมาโดดกระโจนโครมๆ แต่บนใบหน้าของหญิงสาวและเด็กหญิงที่เพิ่งเดินขึ้นมาจากขอบสระ ตรงมาหามาดามเมเรนที่นั่งรออยู่บนที่นั่งผู้ชมนั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มรื่นเริง
          “แล้วรีบมาเร็วๆ นะ...”
          มาดามเมเรนจบการสื่อสารนัดแนะกับใครบางคนพอดี เมื่อเห็นหลานสาวตัวชื้นผมเปียกกลับมาก็ล้วงค้นในกระเป๋าถือ หยิบกล่องใสใบเล็กมาวางลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ กดปุ่มขยายกลับและเปิดฝาออกก็ได้ผ้าเช็ดตัวผืนนุ่มประสิทธิภาพซึมซับดีเยี่ยม แล้วนำมันมาจัดการเช็ดหน้าเช็ดผมและเนื้อตัวหลานสาวอย่างคล่องแคล่ว แต่พอมองเห็นคนตัวเปียกอีกคนที่ยกหลังมือปัดไล่ละลองน้ำบนใบหน้าส่งๆ  ก่อนจะแกะดึงที่รัดผมออก ใช้นิ้วสางผมชื้นๆ ให้สยายผึ่งแดดลวกๆ ผู้ที่ไม่ชอบเห็นอะไรขัดตา ไม่ถูกที่ถูกทางก็ยื่นผ้าที่เพิ่งใช้เช็ดตัวหลานสาวไปให้
          “ถ้าไม่รังเกียจก็ใช้เช็ดซะ คราวหลังจะออกมาเที่ยวเล่นกับพีณาก็ต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม เป็นพี่เลี้ยงประสาอะไร”
          ความปรานีที่มาดามเมเรนมีให้หญิงสาวจากโลกต่างเวลาก็เหมือนผ้าขนหนูใช้แล้วผืนนี้ แม้จะเห็นอกเห็นใจแต่ก็ใจดีด้วยไม่สุดเต็มที่เต็มร้อย ยังคอยหาจุดตำหนิอีกฝ่ายได้อยู่ดี
          แต่ถ้อยตำหนิเหล่านั้นกลับไร้ประโยชน์เมื่อฝนปรายรับผ้าผืนนุ่มนั้นมาอย่างเต็มใจไม่คิดมากถือสา แววตาสวยคมหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ มีแววยินดีเล็กๆ กับคำว่า คราวหลังมากกว่าคำไหน
          “ขิมจะจำไว้อย่างดีเลยค่ะมาดาม ต่อไปจะไม่ละเลยอย่างนี้แล้วค่ะ”
          “ก็ดี” เมเรนจนด้วยคำจะพูดต่อ เมื่ออีกฝ่ายกลับยิ้มใสกระจ่างตอบรับคำตำหนิแต่โดยดีเสียอย่างนั้น
          ในระหว่างนั้นก็เริ่มมีผู้ชมทยอยเดินเข้ามารอชมการแสดงรอบแรก มาดามเมเรนจึงถามขณะไล้ปลายนิ้วเกลี่ยผมเผ้าของเด็กหญิงให้เข้าที่
          “ได้เล่นกับพิงก้าแล้ว จะดูโชว์ต่อไหม หรือจะไปไหนกันต่อดี”
          เด็กหญิงพีณาเอียงคอน้อยๆ ยกปลายนิ้วชี้ขึ้นแตะมุมปากท่าทางใช้ความคิดอย่างหนัก วันนี้เธออยากทำอะไรมากมายเต็มไปหมด อยากไปดูโลกใต้น้ำก็อยากไป ไหนจะสไลเดอร์ยักษ์ และยังหาดทรายสีชมพูอีก
          “หรือว่าอยากกลับบ้านแล้ว?”
          เมเรนอมยิ้มแกล้งถามคนตัวเล็กที่คิดหนักจนหน้ายุ่ง ปลายหัวแม่มือไล้หว่างคิ้วเล็กๆ อย่างเอ็นดู คำถามนั้นทำเอาเด็กหญิงรีบปฏิเสธหน้าตื่น
          “ไม่เอาค่ะ พีณาว่าเราไปหาอย่างอื่นเล่นกันดีกว่านะคะ”


          ด้วยการตัดสินใจของหัวหน้าทัวร์ตัวเล็ก ในเวลานี้ฝนปรายจึงได้มายืนจูงมือเล็กบางอยู่ในแถวรอเข้าเครื่องเล่นอควาเวนเจอร์ หญิงสาวต้องข่มความขัดเขิน ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้ารัดกุมมาอยู่ในชุดว่ายน้ำทูพีซสีน้ำเงิน ซึ่งเด็กหญิงได้คอยย้ำนักย้ำหนาตั้งแต่เช้าแล้วว่าให้นำติดตัวมาด้วย สงสัยว่าคนเตือนจะกลัวไม่มีเพื่อนลงเล่นน้ำเต็มที่ เพราะมาดามเมเรนนั้นก็เป็นเพียงแค่ผู้เฝ้ามองดูแลอยู่ห่างๆ มาตลอด แถมตอนนี้ยังแยกตัวไปหาที่นั่งรอตรงจุดทางออกสุดท้ายปลายน้ำ ปล่อยให้เธอรับหน้าที่ดูแลและเล่นล่องห่วงยางกับเด็กหญิงเพียงลำพัง
        ไม่สิ... ยังมีผู้คุ้มกันหล่อล่ำ หุ่นดีเว่อร์ๆ แต่หน้านิ่งสุดใจ คนที่เงียบกริบแทบตลอดทริป ตามมาเข้าแถวอยู่ด้านหลังด้วยอีกทั้งคน
        ฝนปรายนึกนินทาพร้อมเหลือบมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวสีทองแดงที่ยืนประกบอยู่เกือบชิดหลัง เพื่อจะตามไปดูแลเด็กหญิงในสไลเดอร์อควาเวนเจอร์ด้วยเช่นกัน ทีต้าร์ต้องสลัดชุดเสื้อคอเต่าแขนยาวกางเกงขายาวมิดชิดออก เปลี่ยนเป็นกางเกงว่ายน้ำสีดำตัวเดียว อวดแผงอกและกล้ามหน้าท้องแข็งแรงเป็นลอนสวยอย่างที่นักมวยในค่ายฟ้าประทานบางคนยังต้องอาย
          “มีอะไร...”
          คำแรกที่หลุดจากปากหนาเป็นกระจับหยักลึกทั้งสั้นทั้งห้วน เจือความความหงุดหงิดมาชัดเจน แต่ฝนปรายก็ไม่สะทกสะท้าน ยกไหล่กระชับบอบบางขึ้นสูงพอๆ กับน้ำเสียงที่ปฏิเสธ
          “เปล๊า...” 
          ทีต้าร์ปรายนัยน์ตาสีเขียวหยกลงมองหญิงสาวร่างเล็กสูงแค่ไม่ถึงไหล่เขาแล้วก็ส่งเสียงในลำคอ แถวที่เริ่มขยับไปข้างหน้าทำให้เขาต้องก้าวตามและมองเมินไปทางอื่นเสีย คิดถึงตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องมายืนต่อแถวรอคิวเสียเวลาอย่างนี้แล้วก็อดออกอาการหงุดหงิดอีกครั้งไม่ได้
          แรกที่เด็กหญิงพีณาเอ่ยปากว่าอยากเล่นอควาเวนเจอร์ เขากำลังจะเดินตรงไปแสดงตนใช้สิทธิพิเศษลัดคิวผ่านเข้าไปเล่นอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงคนนี้กลับทักท้วงเสียอย่างกับเขาทำเรื่องผิดร้ายแรงใหญ่โต ไม่รู้จักสอนให้เด็กหญิงรู้จักระเบียบและการเข้าคิว ซ้ำร้ายมาดามเมเรนยังนึกเห็นด้วยไปกับสิ่งที่หญิงสาวพูด ปรายดวงตาเจ้าระเบียบมามองเขาอย่างตำหนิ ก่อนจะบอกให้เด็กหญิงเดินไปเข้าแถวอย่างเช่นผู้รอเข้าเล่นคนอื่นๆ
          เสียงร้องกรี๊ดผสานเสียงหัวเราะของผู้เล่นกลุ่มที่เพิ่งถูกปล่อยตัวยิ่งกระตุ้นความตื่นเต้นของผู้ที่ยืนรอเป็นคิวถัดไป กลุ่มของฝนปรายเลือกแพยางที่สามารถนั่งได้สามคน เธอและพีณานั่งคู่กันอยู่ด้านหน้าซ้ายขวา โดยมีร่างสูงใหญ่ของทีต้าร์ก้าวตามลงมานั่งตรงกลางด้านหลังเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวคอยดูแลให้เด็กหญิงนั่งให้เรียบร้อยและจับที่ยึดเอาไว้ให้มั่นคง จากนั้นแพยางก็ค่อยๆ เคลื่อนไปบนสายพานสู่จุดปล่อยตัว สัญญาณไฟสีแดงเหนือปล่องสไลเดอร์เริ่มกะพริบพร้อมเสียงนับเลขถอยหลัง และเมื่อมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว แพยางก็พลันไหลพุ่งลงไปตามทางน้ำในอุโมงค์มืดสลัวด้วยความเร็วสูง ลำแสงวูบวาบภายในอุโมงค์ผ่านสายตาไปราวกับกำลังแล่นผ่านอุโมงค์ทะลุมิติ
          “วู้วววววว ว้าย!!/ อ๊ายยย กรี๊ด!!
          เสียงหวีดร้องของสองสาวสองวัยที่นั่งอยู่ด้านหน้าของแพยางดังประสานขึ้นมาเป็นระยะ แทบจะเกือบทุกครั้งที่เส้นทางเหวี่ยงโค้งจนแพที่นั่งมาเอียงวูบราวจะล้มคว่ำ แต่ก็ยังแล่นผ่านในทุกๆ โค้งคดเคี้ยวไปได้อย่างฉลุย
          ซูมมมม!
        เสียงน้ำในแอ่งที่รองรับอยู่ด้านล่างแตกกระจาย สาดเข้าใส่ผู้โดยสารบนแพอควาเวนเจอร์ลำล่าสุดที่หลุดจากอุโมงค์สไลเดอร์มาเสียจนเปียกปอน ฝนปรายยกมือขึ้นลูบปัดไล่หยดน้ำออกจากใบหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อจะลืมตามอง แล้วสิ่งที่หญิงสาวได้เห็นก็ทำเอาเธอต้องตาโต อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
          จากอุโมงค์มืดสลัวคดเคี้ยวเมื่อครู่ ตอนนี้แพของพวกเธอกำลังล่องไปช้าๆ ตามเส้นทางในอุโมงค์แก้วที่สร้างอยู่ใต้ท้องทะเล ทั้งฉลาม กระเบน และฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยแหวกว่ายโฉบผ่านเหนือศีรษะเธอไปนับพันตัว ก่อเกิดเป็นเงาวูบสลับลำแสงสว่างที่ส่องทะลุมาจากด้านบน
          “เมอร์เมดๆๆ คิมมี่ดูเร็ว!
          เสียงตื่นเต้นดีใจของเด็กหญิงเรียกคนที่กำลังมองภาพฝูงปลาสีเงินวาววับว่ายตามกันเหมือนกำลังแปรขบวน นิ้วเล็กๆ ชี้ไปทางหนึ่งที่เห็นร่างของหญิงสาวสองคนกำลังแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ ครึ่งท่อนล่างของพวกเธอเป็นครีบสีเขียวอย่างที่สาวจากต่างเวลาต้องตกตะลึงไปอีกรอบ
          เฮ้ย! ยุคนี้มันมีนางเงือกตัวเป็นๆ ด้วยเหรอเนี่ย!
        ฝนปรายนึกตื่นใจเต็มที่ แต่พอได้มีโอกาสจ้องมองให้ดีเมื่อพวกเธอทั้งสองแหวกว่ายเข้ามาใกล้ ก็จะเห็นว่านางเงือกยุคปีสามพันสามร้อยใส่บิกินี่สีดำสุดเซ็กซี่ แถมตรงจมูกของพวกเธอยังมีที่ครอบซึ่งต่อสายเล็กๆ ไปยังแท็งค์อันเล็กด้านหลังที่ตอนแรกนั้นแทบมองไม่เห็น
          “พีณาก็อยากเล่นเป็นเมอร์เมดนะคะ แต่อังเคิลบอกว่าต้องรอให้พีณาโตกว่านี้ก่อน” เด็กหญิงว่าด้วยน้ำเสียงเสียดาย ขณะที่สองตายังจับจ้องสองสาวหุ่นดีที่สะบัดครีบเคลื่อนเข้ามาใกล้ มือเล็กยกขึ้นโบกให้หยอยๆ
          สองสาวที่อยู่นอกอุโมงค์แก้วโบกมือตอบเด็กหญิงพอเป็นพิธีเท่านั้น แต่สายตาของพวกเธอกลับจับจ้องให้ความสนใจชายหนุ่มรูปหล่อหุ่นน่าซบที่นั่งเฉยอยู่ด้านหลัง และมองพวกเธอด้วยสายตาสงบนิ่ง
          ฝนปรายมองตามสายตาเงือกสาวไปยังทีต้าร์แล้วก็หลุดหัวเราะ อดไม่ได้ต้องเอ่ยล้อเขาไปเล็กๆ
          “เสน่ห์แรงจริงๆ นะเนี่ย พ่อรูปหล่อน้ำลึก”
          คน หล่อน้ำลึกยังคงนิ่งเงียบได้เสมอต้นเสมอปลาย นัยน์ตาสีเขียวอ่อนปรายลงมามองหญิงสาวแล้วก็เมินหนี ใช้เสียงผ่อนลมหายใจออกและอาการส่ายหน้าน้อยๆ แทบคำโต้ตอบคนคิดอะไรไร้สาระ
          การกระทำที่ทำเอาคนคิดจะพยายามสร้างความสนิทสนม กระชับความสัมพันธ์ด้วยการแซวเล่นเล็กๆ น้อยๆ ถึงกับยิ้มค้าง ตามด้วยการบอกย้ำกับตัวเองในใจว่าอย่าริไปเล่นกับผู้คุ้มกันก้อนน้ำแข็งคนนี้อีกเลย


          แพยางอควาเวนเจอร์ของฝนปรายถูกส่งให้ขึ้นมาอยู่เหนือผิวน้ำอีกครั้ง ในครั้งนี้สภาพรอบด้านเปลี่ยนไปเป็นลำน้ำที่ไหลเลาะผ่านป่าไม้และหินผา กระแสน้ำบางช่วงเอื่อยช้า บางช่วงไหลเร็วแรงซอกซอนผ่านแก่งสลับโขดหินให้ตื่นเต้นเป็นระยะ
          ในจังหวะที่แพของพวกเธอกำลังจะล่องผ่านแก่งขนาดย่อมๆ ไป เสียงกรีดร้องของหญิงสาวพร้อมเสียงตะโกนขอความช่วยเหลือก็ดังแทรกเข้ามาในช่วงเวลาแห่งความสนุกของพวกเธอ
          “เสียงจากไหนน่ะ” ฝนปรายพยายามหมุนตัวหันกลับไปมองหาต้นเสียง เช่นเดียวกับชายหนุ่มคนเดียวบนแพที่พยายามกวาดตามองหาสิ่งผิดปกติเช่นกัน
          เมื่อพ้นจากแก่งมาได้ระยะหนึ่งแพของพวกเธอก็เริ่มล่องช้าลง สีหน้าของผู้ที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือยังเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
          “เราเอาแพขึ้นแล้วไปดูสักหน่อยไหม” ฝนปรายลองเอ่ยปรึกษา เห็นสีหน้าและแววตาของทีต้าร์เต็มไปความเคร่งเครียด
          “ทีต้าร์!
          หญิงสาวเรียกคนที่ไม่ทันบอกกล่าวอะไรก็ทิ้งตัวลงไปในน้ำโครมใหญ่ จนแพที่ล่องอยู่ราบเรียบโยกไหววูบ เมื่อเห็นเขาว่ายน้ำด้วยมือข้างเดียว อีกข้างก็ดึงลากแพที่พวกเธอนั่งอยู่เข้าหาฝั่ง ก็เอ่ยถามต่อ
          “ให้ลงไปช่วยหรือเปล่า”
          “ไม่ต้อง...” ทีต้าร์ตอบไร้เยื่อใยต่อความปรารถนาดีของหญิงสาว
          ไม่นานเขาก็พาแพขนาดย่อมมาชิดข้างฝั่ง ชายหนุ่มบอกให้เธอพาเด็กหญิงก้าวขึ้นฝั่งไปก่อน ก่อนที่เขาจะยกแพยางตามขึ้นไป และปิดท้ายด้วยร่างแกร่งกำยำที่ใช้มือและแขนทรงพลังดันตัวเองขึ้นจากน้ำได้โดยไม่มีอาการหอบเหนื่อย แถมยังออกคำสั่งได้ในทันที
          “เธอกับคุณหนูพีณารออยู่ตรงนี้ ฉันจะไปดูเองว่าตรงนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
          ทีต้าร์ก้าวเร็วๆ เดินย้อนไปทางต้นน้ำมุ่งหน้าไปยังจุดที่คิดว่าเป็นต้นกำเนิดเสียงแห่งเหตุไม่น่าไว้ใจที่ตอนนี้กลับเงียบลงไปแล้ว
          “คิมมี่... พีณากลัว...”
          เสียงเล็กแผ่วสั่นเรียกให้ฝนปรายละสายตาที่มองตามหลังผู้คุ้มกันหนุ่มไปอย่างอดห่วงไม่ได้ ก้มลงมามองดูเด็กหญิงที่คว้ามือเธอกุมยึดเอาไว้มั่น พีณาคงรู้เหมือนกันว่าตอนนี้กำลังมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น
          “ไม่ต้องกลัวนะคะ เดี๋ยวทีต้าร์ก็จัดการเรียบร้อย” หญิงสาวตบมืออีกข้างลงบนหลังมือเล็กนุ่มนิ่มและลูบปลอบเบาๆ จูงให้เด็กหญิงตัวน้อยมานั่งบนขอบแพยางที่เกยอยู่บนฝั่ง
          “เรามานั่งรอ และส่งใจไปช่วยกันดีกว่า”
          “หึ! ส่งใจไปช่วย... ก็ต้องดูก่อนว่าคนเอาใจช่วยมันจะรอดหรือเปล่า”
          เสียงของชายหนุ่มที่ดังแทรกขึ้นด้านหลังทำเอาฝนปรายหันขวับทันที
          แม้จะยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครต้องการอะไร แต่น้ำเสียงและแววตาคุกคามก็ทำให้หญิงสาวรีบลุกขึ้นยืน เอาตัวขวางหน้าเด็กหญิงเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณคนช่างปกป้องผู้อ่อนแอกว่า
          ชายสองคนที่ยืนห่างไปไม่กี่ก้าวสูงใหญ่กว่าเธอไปกว่าฟุต ทั้งคู่อยู่ในชุดกางเกงเซิร์ฟและเสื้อกล้ามตัวบาง หน้าตาการแต่งกายดูไม่แตกต่างจากผู้มาท่องเที่ยวทั่วไป
          พวกนายต้องการอะไร” หญิงสาวถามถ่วงเวลา นึกประเมินในใจว่าพวกเขาอาจเป็นมิจฉาชีพที่มักชอบแฝงตัวก่อเหตุตามงานเทศกาล
          ชายคนหนึ่งขยับเข้ามาใกล้ร่างเล็กบอบบางกว่าหญิงสาวทั่วไปเหมือนยังเติบโตไม่เต็มขั้น นึกย่ามใจว่าก็คงเป็นแค่เด็กสาววัยรุ่นไร้พิษภัย สายตาเย็นเยียบพยายามชะโงกมองเด็กหญิงอีกคนที่โผเกาะเอว ซุกหน้าเอาไว้กับแผ่นหลังคนตัวโตกว่าด้วยความกลัวจนมือไม้สั่น แต่ก็ยังไม่มีเสียงร้องไห้งอแงให้ได้ยินสักแอะ
          “จะยอมส่งเด็กนั่นมาดีๆ หรือจะถูกหักคอโยนลงน้ำก็เลือกเอา!
          ฝนปรายหมุนเบี่ยงตัวอีกนิดเพื่อซ่อนตัวเด็กหญิงให้พ้นไกลจากมือคนร้ายที่กรรโชกขู่ ดูแล้วจุดมุ่งหมายของคนร้ายชี้จำเพาะมาที่ตัวเด็กหญิงแน่นอน สองตาสีนิลเฉียบคมมองกวาดๆ สำรวจเนื้อตัวผู้คุกคามอย่างรวดเร็ว เบาใจขึ้นอีกนิดว่าไม่มีสิ่งใดที่อาจเป็นอาวุธติดตัวมาด้วย
          “พวกนายจะเอาตัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปทำไม เราก็แค่นักท่องเที่ยวธรรมดา ไม่มีของมีค่าไม่มีอะไรที่พวกนายอยากได้หรอกนะ” หญิงสาวแกล้งทำซื่อ ถามไม่รู้ไม่ชี้เพื่อถ่วงเวลารอผู้คุ้มกันหนุ่มกลับมา
          “แต่ถ้าเด็กนั่นชื่อพีณา... เป็นหลานสาวของ เค ดับบลิวล่ะก็ พวกเราได้สิ่งที่ต้องการแน่ๆ” คนร้ายขยับใกล้เข้ามาเอ่ยกับสาวร่างเล็กเน้นชัดคำ
          “เค ดับบลิวที่ไหน พวกนายจำคนผิดแล้วล่ะ” ฝนปรายโต้แย้งกลับไปในทันที
          ท่าทีไม่กลัวเกรงและไม่ยอมง่ายๆ ของเธอทำให้ผู้มีจุดประสงค์ร้ายหมดอารมณ์เจรจา เอื้อมมือใหญ่ข้างหนึ่งพุ่งเข้ามาเตรียมผลักตัวคนกีดขวางให้พ้นทาง และนั่นก็จุดรอยยิ้มขึ้นบนมุมปากของคนที่รอจังหวะอยู่พอดี
          มือเล็กแต่ไม่อ่อนแรงข้างหนึ่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหนาที่พุ่งมาใกล้ ส่วนอีกข้างก็คว้ารวบคอเสื้อตัวบางของอีกฝ่าย กวาดขาเตะลำแข้งโตพร้อมกับถ่วงถ่ายน้ำหนักจากแรงโถมของอีกฝ่ายเอง จับร่างสูงใหญ่กว่าเธอเท่าตัวทุ่มข้ามไหล่ลงไปนอนแผ่หลากับพื้น หญิงสาวไม่เสียเวลาที่อีกฝ่ายยังมึนงง เท้าเล็กๆ ก้าวกระทืบจุดสำคัญตรงแกนกลางร่างยักษ์นั้นอย่างไม่ลังเล หรือปรานีว่าเขาอาจไม่ได้สืบสายพันธุ์ชั่วร้ายต่อไป
          ชายอีกคนเห็นเพื่อนเพลี่ยงพล้ำก็ตรงเข้ามาโจมตีหญิงสาวทันที แต่คราวนี้เต็มไปด้วยความระมัดระวังไม่ประมาทเท่ารายแรก เสียดายนักที่บริเวณสวนน้ำแห่งนี้มีกฎกติกาให้สวมเฉพาะชุดว่ายน้ำน้อยชิ้น แถมยังมีการตรวจตรารัดกุม พวกเขาจึงไม่สามารถนำอาวุธหลบซ่อนติดตัวเข้ามาได้
          กำปั้นใหญ่พุ่งชกเล็งเป้าหมายเป็นใบหน้าแปลกตาทั้งรวดเร็วรุนแรง ไม่วางใจว่างานนี้จะง่ายดายอีกต่อไปแล้ว บางทีหญิงสาวที่ดูเป็นแค่สาวรุ่นคนนี้อาจจะเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันของวิลตันไชลด์ก็ได้
          แม้ฝนปรายจะโยกตัวหลบหมัดแรกและสองสามที่โจมตีมาได้ แต่การต่อสู้กับชายร่างสูงใหญ่เกินตัวซึ่งไร้ความประมาทต่อความสามารถของเธอก็ตึงมืออยู่ไม่น้อย หญิงสาวอาศัยความคล่องตัวอันเหนือกว่าหลบหลีกเลี่ยงหนี ป้องปัดไม่ให้เขาได้ซัดถูกจุดอันตราย พยายามรอคอยจ้องหาจังหวะตีโต้อันเหมาะสมอย่างใจเย็น ทั้งที่อีกใจก็ร้อนรนเต็มที่เกรงว่ายักษ์ตนแรกจะคลายเจ็บคลายจุกลุกขึ้นมาได้
          นั่นไง... ซวยแล้วสิ!! หญิงสาวโหวกเหวกอยู่ในใจ เมื่อหางตามองเห็นร่างใหญ่อีกร่างค่อยๆ ลุกนั่งเชื่องช้าและกำลังจะยืนขึ้นมาได้
          ศิษย์เอกหญิงแห่งค่ายมวยฟ้าประทานตัดสินใจเร็วรี่ ยกเท้าถีบเข้าที่ท้องน้อยของร่างที่ต่อสู้ติดพันกันอยู่ จนเขาเสียหลังเซไปข้างหลักและปล่อยให้การ์ดที่ป้องใบหน้าว่างลง หญิงสาววิ่งกระโจนเหยียบเท้าข้างหนึ่งบนหน้าขาอีกฝ่าย แตะเข่าอีกข้างบนไหล่กว้าง กระแทกศอกลงกลางกระหม่อมยักษ์ตนที่สอง ตามด้วยสันมือฟาดประกบเข้าสองบ้องหูอย่างแรง
          เมื่อดีดตัวกลับลงมาสู่พื้นดิน สาวมวยไทยก็ไม่รอช้า ไม่รอชมผลงานให้เสียเวลาแม้แต่นิด ใช้เคล็ดวิชาพื้นฐานวิชาแรกที่ผู้เป็นลุงบอกสอนให้ท่องจำจนขึ้นใจทันที
          รู้จักสู้... รู้จักหนี... รักชีวี... รอดพ้นภัย!
          ฝนปรายโผไปรวบตัวเด็กหญิงที่ยืนมองอ้าปากค้างให้ทิ้งตัวลงบนแพยาง พละกำลังแห่งการเอาตัวรอดเท่าช้างสารทำให้เธอสามารถผลักแพนั้นลงน้ำ พร้อมกับโดดตามลงไปโจนจ้วงว่ายน้ำแขนเดียวและลากแพไปด้วยความเร็วอย่างที่เธอเองยังไม่คิดมาก่อน
          ทิ้งระยะห่างมาได้ไม่กี่อึดใจ เธอก็ได้ยินเสียงโดดน้ำตูมๆ ไล่หลังมา แต่ไม่คิดจะเสียเวลาไปเหลียวมอง ทำเพียงแค่เร่งความเร็วสุดชีวิต
          “คิมมี่!! ข้างหน้า... แก่งน้ำจะมาอีกแล้วค่ะ”
          เมื่อเห็นเส้นทางอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า พีณาที่นั่งตัวเกร็งบนแพยางก็รีบร้องบอกคนในน้ำ หลังจบตำเตือนฝนปรายก็รับรู้ถึงกระแสน้ำที่เริ่มพัดพาเร็วขึ้น หญิงสาวร้องบอกให้เด็กหญิงขยับไปนั่งถ่วงแพด้านตรงข้ามกับที่ตัวเธอเกาะอยู่ ซึ่งร่างเล็กๆ นั้นก็พยายามที่จะทำตามอย่างเต็มความสามารถ พอได้ที่หญิงสาวก็รวบรวมแรงฮึด ยึดเกาะแพไว้มั่นและใช้แรงแขนดันตัวเองขึ้นจากน้ำ
          ในจังหวะที่ความเร็วของแพเร่งเร็วขึ้นเพราะไหลเข้าสู่ช่วงของร่องแก่ง หญิงสาวสามารถพาดขาข้างหนึ่งขึ้นบนแพได้แล้ว แต่ยังไม่มีเรี่ยวแรงและเวลาพอจะตะเกียกตะกายพาทั้งตัวขึ้นไปได้
          “คิมมี่!!” พีณาร้องเรียกชื่อคนที่เกาะขอบแพอย่างหมิ่นเหม่
          ขณะที่แพเคลื่อนไปอย่างเร็ว และกำลังจะถูกเหวี่ยงให้เฉียดไปเข้าใกล้โขดหิน คนตัวเล็กตัดสินใจโถมตัวเข้าไปหาและกอดรั้งพลิกร่างพี่เลี้ยงเข้ามา จนสามารถดึงอีกฝ่ายมานอนหงายแผ่อยู่กลางแพได้อย่างทันเวลาฉิวเฉียด ก่อนที่แพของพวกเธอจะกระแทกโขดหินและเด้งกลับออกสู่สายน้ำอีกครั้ง
          ฝนปรายนอนหอบเหนื่อยหายใจแรงเนื้อตัวเปียกปอน เธอค่อยๆ ผ่อนลมหายใจลงช้าๆ พร้อมคิดอย่างเบาใจว่าเจ้าคนร้ายสองคนนั้นคงไม่บ้าตะลุยข้ามแก่งไล่ตามแพของพวกเธอมาได้แน่
          หญิงสาวใช้สองแขนโอบร่างเล็กๆ ที่ครึ่งท่อนบนยังไม่ลุกขึ้น จากที่ล้มทับในตอนพยายามดึงตัวเธอขึ้นแพ ลูบแผ่นหลังบอบบางที่ยังมีอาการเกร็งและสั่นจากความตกใจกลัว
          “ไม่เป็นไรแล้วค่ะคนเก่ง... ขอบคุณนะคะพีณา พีณาเป็นซุปเปอร์ฮีโรช่วยคิมมี่ไว้เลย”
          ระหว่างที่แพยังล่องไหลไปเร็วบ้างสลับหักเลี้ยวบ้าง ด้วยคุณสมบัติพิเศษของแพที่ออกแบบถ่วงสมดุลมาอย่างดี ทำให้อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ามันไม่มีวันพลิกคว่ำแม้จะผ่านเส้นทางทรหดคดเคี้ยวแค่ไหนก็ตาม เสียงหนักแน่นชวนให้ผ่อนคลายสบายใจของฝนปรายปลุกปลอบใจเด็กหญิงไปเรื่อยๆ
          จิตใจที่นิ่งและสติครบถ้วนในการรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ นั้น คอยช่วยทั้งตัวเธอเองและทั้งผู้คนรอบข้างใกล้ชิดเอาไว้ได้อยู่เสมอ และมันก็เป็นกลิ่นอายความอบอุ่นมั่นคงลักษณะเฉพาะตัว ที่มักจะดึงดูดให้ผู้ที่อ่อนแอกว่าต้องการอยู่ใกล้ชิดหญิงสาวช่างปกป้องคนนี้... ไม่ว่าจะเป็นคุณหนูเพ็ญนรีที่โลกเก่า หรือเด็กหญิงพีณาในโลกใหม่แห่งนี้ก็ตาม
          พีณาที่ผ่อนคลายความหวาดกลัวลงไปได้แล้ว ค่อยๆ ยืดตัวลุกขึ้นนั่ง โดยมีร่างของพี่เลี้ยงสาวลุกขึ้นตามมา แม้จะค่อนข้างวางใจว่าสลัดคนร้ายหลุดแล้ว แต่สองตาสวยคมก็ยังอดกวาดมองไปตามเส้นทางเบื้องหลังที่ผ่านมาไม่ได้
          หญิงสาวผ่อนลมหายใจลงอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น แต่ขณะที่กำลังจะหันกลับนั่นเอง คนโล่งใจก็ต้องหันขวับกลับไปเขม้นมองให้ดี
          ไอ้บ้าเอ๊ย!!... มันจะอึด ถึก ทน กัดไม่ปล่อยเกินไปมั้ยฟร้ะ! 
          ฝนปรายร้องลั่นในใจ เมื่อเห็นสองร่างใหญ่โตนั้นวิ่งไล่ตามมาบนฝั่งอย่างไม่ยอมให้พวกเธอหลุดมือ แม้ตอนนี้แพของพวกเธอจะยังนำอยู่ไกล แต่กระแสน้ำที่ผ่านพ้นแก่งมาแล้วกำลังเริ่มอ่อนแรงช้าลงอีกครั้ง ถ้าเป็นอย่างนี้อีกไม่นานพวกเขาคงจะตามมาทันหรือไม่ก็สามารถวิ่งนำไปดักหน้าไว้ได้แน่ๆ
          เฮ้ย!! เล่นขนกันมากี่กองทัพวะเนี่ย...
          หญิงสาวโวยวายฮึดฮัดในใจอีกครั้ง หลังจากกวาดตามองริมฝั่งทั้งสองข้างเพื่อหาทางหนีทีไล่ และเห็นกลุ่มชายหนุ่มร่างโตเกือบสิบคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาดักรอตรงริมฝั่งอีกด้านหนึ่ง
          แล้วคนที่กำลังตกตื่นก็ต้องใจหายวูบ ร้องว่า ซวยแล้วในใจลั่น เมื่อชายหนุ่มสองคนในกลุ่มที่มาใหม่กระโจนลงน้ำและว่ายตรงมาทางพวกเธอ
        เอาน่ะ! สองกับสิบ... ยังไงก็ขอเลือกเสี่ยงกับฝั่งสองแล้วกัน
          ตัดสินใจได้อย่างนั้นแล้วหญิงสาวก็คว้ามือเด็กหญิงกระชับไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยบอกพร้อมสบเข้าไปในนัยน์ตากลมสีฟ้าอมเทา
          “พีณาคะ เราต้องหนี ว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งทางนู้น... พีณาทำได้ แต่ถ้าไม่ไหวขิมจะคอยประคองเอง เชื่อใจขิมนะคะ”
          ฝนปรายกระชับมือเล็กคู่นั้นแน่นเข้าอีกนิด กระตุ้นให้เด็กหญิงยอมตกลง เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า เธอก็ส่งยิ้มให้กำลังใจและเตรียมออกคำสั่งสละแพ
          หยุดอยู่ตรงนั้น!! นั่งรออยู่เฉยๆ ก็พอ
          จู่ๆ เสียงสื่อจิตก็ดังก้องเข้ามาในหัวของหญิงสาวที่เตรียมจะนับถอยหลังเพื่อให้สัญญาณ โดด! 
          ฝนปรายชะงักกึก สีหน้างงงัน หันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของเสียงที่เธอจดจำได้ดีว่าเป็นของใคร
          สองคนที่กำลังไปหาเธอเป็นคนของฉัน... ไม่ต้องหนี
          หลังสิ้นประโยคนั้น คีนส์ก็มาปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางคนของเขาตรงริมฝั่ง สายตาคมกริบที่มองตรงมาประสานเข้ากับสายตาของเธอพอดิบพอดี คนที่ถูกบีบให้เผชิญเรื่องคับขัน และยังมีชีวิตเด็กหญิงร่างเล็กให้ปกป้องดูแลรู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก รอยยิ้มโล่งใจและยินดีกับการได้พบหน้าเขาจึงฉายชัดโดดเด่นบนใบหน้า
          “จับตัวพวกมันมาให้ได้” คีนส์ละสายตาจากสองร่างบนแพยางที่อยู่ในการคุ้มกันของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว สายตาเย็นเยียบมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่ชายสองคนรีบเผ่นหนีไปในทันทีที่เห็นพวกเขาปรากฏตัว


        เมื่อแพอควาเวนเจอร์ที่พาสองสาวผ่านการผจญภัยชวนระทึกยิ่งกว่าโปรแกรมที่ตั้งไว้หลายเท่าตัวเข้ามาเทียบริมฝั่ง คีนส์ก็ย่อตัวลงรับตัวหลานสาวที่โผเข้ามาในอ้อมกอดอุ่น ลูบหลังไหล่เล็กบางของเด็กหญิงคนเก่งที่พอเห็นหน้าผู้เป็นลุงก็ร้องไห้สะอื้น ก่อนจะรวบตัวอุ้มเจ้าของแขนเล็กๆ ที่กอดคอเขาไว้แน่น เดินก้าวนำกลุ่มผู้คุ้มกันที่เหลือจากการไปตามจับตัวคนร้าย เอาไว้คุ้มกันผู้เป็นนายอีกสองสามคนออกจากสวนป่าจำลอง
          ส่วนฝนปรายที่กำลังเดินตามสองลุงหลานไปช้าๆ นั้นอดจะสะดุ้งหันขวับไม่ได้ เมื่อมีเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวบางที่ยังมีไออุ่นห่มคลุมลงบนไหล่
          “ขอบคุณค่ะสกาย” หญิงสาวฉีกยิ้มให้ผู้คุ้มกันร่างยักษ์ที่ดูใจดีและยอมญาติดีกับเธอมากกว่าทีต้าร์ คนที่ไม่รู้ว่าไปเจอเรื่องอะไรเข้าให้หรือเปล่า
          “โชคดีมากเลยที่พวกสกายมาช่วยไว้ได้ทัน ว่าแต่... รู้ได้ยังไงคะ ว่าเราเกิดเรื่อง” ฝนปรายซักถามชวนคุยไประหว่างทาง
          “เราได้สัญญาณจากคุณหนู” สกายเอ่ยกระชับ
          “หือ?” หญิงสาวส่งเสียงในลำคออย่างสงสัย เท้าที่ก้าวเดินตามขบวนไปก็เว้นจังหวะช้าลง
          “ข้างหลังน่ะหยุดพูดมาก แล้วเดินให้มันเร็วหน่อย”
          ฝนปรายละสายตาที่จ้องรอคำอธิบายจากผู้คุ้มกันหนุ่มที่เดินรั้งท้ายอยู่ข้างตัวเธอ หันไปมองเจ้าของเสียงเรียบดุก็เจอกับสีหน้าที่เรียบเย็นยิ่งกว่า ชัดเลยว่าพื้นอารมณ์ของคนที่อุ้มหลานสาวเดินนำหน้ายังไม่ค่อยดีนัก
          “เจ้านายนี่ดุชะมัด” เธอเขย่งเท้ายื่นหน้าเข้าไปกระซิบนินทาคนช่างสั่ง
          คนถูกชวนนินทาเจ้านายเกือบเผลอยกมุมปากตอบรอยยิ้มกวนของสาวปากดี แต่ก็ต้องชะงักตีหน้าให้นิ่งขรึมแทบไม่ทัน เมื่อเจ้านายซึ่งถูกนินทาหันกลับมามองหน้าเขานิ่ง นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจัดนั้นวาวเรืองด้วยความไม่พอใจชัดเจน 
          แต่ช่างแปลกประหลาดและไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย... เมื่อสายตาตำหนินั้นมุ่งตรงมายังเขาเพียงคนเดียว ไม่เหลียวแบ่งไปทางเจ้าของคำวิจารณ์เลยสักนิด!
          เมื่อเดินมาถึงแลนด์โมบิลเปิดประทุนที่มีคนขับนั่งประจำที่รออยู่ คีนส์ก็วางตัวหลานสาวลงบนเบาะตอนหลัง ก่อนจะหันมาทางสองหนุ่มสาวที่เดินมาถึงหลังสุด
          “นายพาคนที่เหลือไปตามหาทีต้าร์ด้วย ส่วนเธอก็รีบขึ้นมาได้แล้ว”
          ฝนปรายทำปากยื่นเล็กน้อยกับเสียงสั่งห้วนๆ แต่ก็ยอมก้าวขึ้นไปนั่งลงข้างๆ เด็กหญิงแต่โดยดี ทว่าเธอก็ต้องคิดด่าตัวเองในใจว่าตัดสินใจเลือกที่นั่งผิดไปเสียแล้ว เมื่อคนหน้านิ่งตามขึ้นมานั่งจนชิด และออกจะเบียดไปสักนิดกับการนั่งเรียงกันสามคนในแถวเดียว หญิงสาวกำลังจะเอ่ยขอย้ายไปนั่งตรงข้างคนขับ แต่เจ้าของไออุ่นร้อนด้านซ้ายมือเธอก็ชิงสั่งให้ออกตัวเสียก่อน


          แลนด์โมบิลเปิดประทุนแล่นเลี่ยงบริเวณเวทีแสดงดนตรีและลานกิจกรรมซึ่งเริ่มมีผู้คนขวักไขว่พลุกพล่าน ผ่านไปทางเนินกว้างที่มีกระโจมสีขาวซึ่งภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันกางเอาไว้นับร้อยๆ หลัง เพื่อให้ผู้ที่ต้องการชมดนตรีข้ามวันข้ามคืนได้จองเข้าพัก จากนั้นก็เป็นป่าสนโปร่งๆ ที่เส้นทางเริ่มลาดชันขึ้น ไม่นานแลนด์โมบิลก็แล่นไต่ระดับพาผู้โดยสารทั้งสามมาส่งหน้าอาคารทรงสูงสีเทาดำบนเนินริมผาที่เดียวกับเมื่อเช้า

          ฝนปรายลอบผ่อนลมหายใจแผ่วหลุดจากอาการเกร็ง เมื่อกระแสอุ่นจนเกือบร้อนผละหายห่างไปจากข้างตัวเสียที คีนส์กดปุ่มเปิดประตูก้าวลงจากโมบิล แล้วเดินก้าวยาวๆ อ้อมไปรับตัวหลานสาวมาอุ้มไว้อย่างหวงแหน ลมจากทะเลที่กรรโชกมาต้อนรับในขณะที่หญิงสาวก้าวลงจากโมบิล พาให้ร่างบางที่ยังเปียกชื้นสะท้านหนาวขึ้นมา มือบางจึงรวบกระชับเสื้อที่คลุมตัวให้แน่นขึ้นอีกนิด
          “ขี้หนาวอย่างนี้แล้วยังมัวแต่เดินชักช้า” เสียงดุจากคนที่เดินลิ่วนำไปก่อนแต่ยังอุตส่าห์หันกลับมามอง
          คีนส์ยังไม่ทันได้เอ่ยเร่งฝีเท้าของอีกฝ่ายอีก ประตูอาคารเบื้องหลังเขาก็เลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ เสียงของคนที่กระวนกระวายรอฟังข่าวของหลานสาวมาพักใหญ่ดังขึ้นตามมา
          “พีณา! เป็นยังไงบ้าง... เจ็บตรงไหน ตกใจกลัวมากหรือเปล่า” มาดามเมเรนตรงเข้ามาลูบหน้าลูบหลังหลานสาวถามไถ่ คีนส์จึงก้าวต่อเข้าไปในโถงอาคารอำนวยการของแอลเอวัน ค่อยๆ วางตัวเด็กหญิงลงยืนกับพื้นให้ผู้เป็นย่าได้สำรวจตรวจตราจนคลายใจ
          “พีณาไม่เป็นไรแล้วค่ะ แต่พีณากลัวจังเลยค่ะแกรนด์มัม พวกเขา

น่ากลัวมาก เขาจะจับตัวพีณาไป” เสียงเล่าฟ้องยังปะปนมาด้วยความตื่นตระหนก

          “โธ่... ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่ต้องกลัว... แกรนด์มัมจะให้อังเคิลจัดการ จับตัวพวกคนไม่ดีเข้าห้องขังให้หมดเลย” คุณผู้หญิงแห่งวิลตันไชลด์ลูบศีรษะเล็กกลมปลอบขวัญ
          ระหว่างนั้น หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลแดงที่มานั่งรอเป็นเพื่อนมาดามเมเรนนานแล้วก็ขยับก้าวเข้ามาช่วยเอ่ยปลอบอีกแรง
          “โชคดีนะคะที่มิสเตอร์คีนส์ไปช่วยไว้ได้ทัน รีซเพิ่งมาถึงไม่นานก็ได้ข่าวว่าเอสโอเอสของพีณาทำงานก็ตกใจแทบแย่...”
          “ฮะ ฮัด ฮ้าด... เช้ย!!
          แววตาอ่อนโยนของรีซานยามเอ่ยแสดงความเป็นห่วงเป็นใยต่อเด็กหญิง พลันตวัดขวับมามองเจ้าของเสียงจามขัดจังหวะดังสนั่นไร้มารยาทตาขวาง ซึ่งแทบเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คิ้วเข้มของคีนส์กระตุกย่นเข้าหากัน
          “ขอโทษค่ะ” คนห้ามเสียงจามไม่อยู่รีบเอ่ยขออภัยทันที
          ฝนปรายห่อตัวกอดตัวเองแน่นเข้า ลูบลำแขนที่ซุกอยู่ใต้เสื้อตัวบางเรียกความอบอุ่นพร้อมสูดจมูกฟุดฟิด และมันก็ยิ่งทำให้หัวคิ้วของใครบางคนยิ่งขยับเข้าหากันแน่นเข้าด้วยความไม่ชอบใจ
          “ผมฝากดูแลพีณาต่อด้วยนะครับมัม” คีนส์เอ่ยกับมารดา ก่อนจะตวัดสายตาคมดุมามองเจ้าของเสียงจาม
          ฝนปรายรีบยืดตัวตรงเตรียมพร้อมตั้งรับคำต่อว่าต่อขานอย่างเคยชินฝังใจ แต่ใครเลยจะคาดคิดว่าเจ้านายหนุ่มจะก้าวเข้ามาคว้าข้อมือเธอแล้วดึงให้เดินตามเอาเสียดื้อๆ
          “ตามมาให้เร็ว อย่าชักช้า!
          ภาพของชายหนุ่มร่างสูงฉุดข้อมือลากหญิงสาวร่างบอบบางให้เดินตามเข้าไปในลิฟต์อย่างเร็วด่วน จนชายเสื้อตัวบางที่คลุมตัวหญิงสาวอยู่สะบัดไหว พาให้ผู้หญิงอีกสามคนที่อยู่ในเหตุการณ์มองตามจนลับตา ด้วยไม่เคยพบเห็นชายหนุ่มผู้นำตระกูลวิลตันไชลด์ทำอะไรประเภทหลุดฟอร์มเฉยชา ไม่ระมัดระวังกิริยาอย่างนี้กับใครเช่นนี้มาก่อน
          มาดามเมเรนหันกลับมามองสบตากับรีซานด้วยแววหนักใจกับพฤติกรรมผิดแปลกของชายหนุ่ม แตกต่างจากเด็กหญิงพีณาที่เอียงคอครุ่นคิด ก่อนจะหัวเราะคิกออกมาด้วยความคิดซุกซนจนผู้ใหญ่อีกสองคนต้องนึกสงสัย
          “หัวเราะอะไรคะพีณา”
          เด็กหญิงได้ยินคำถามก็ฉีกยิ้มกว้างแววตาเป็นประกายให้แกรนด์มัม อาการเช่นเดียวกับตอนที่เด็กหญิงพบเจอสิ่งของถูกใจ ก่อนจะเข้าไปคว้ามือกอดแขนอีกฝ่ายไว้เตรียมจะออดอ้อนขอเพื่อให้ได้มา
          “พีณาจะเอาคิมมี่มาเป็นอานตี้ค่ะ คิมมี่เก่งมากเลยนะคะ จับผู้ร้ายตัวโตโยนลงพื้นได้ด้วย สุดยอดแห่งวันเดอร์วูแมนที่สุดเลยค่ะ แล้วพีณาก็ชอบกินอาหารของคิมมี่มากๆ ด้วย... พีณาชอบคิมมี่ อังเคิลก็ชอบคิมมี่”
          ประโยคยืดยาวที่เด็กหญิงกล่าวชื่นชม คิมมี่เจื้อยแจ้ว บ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเริ่มหายจากอาการตกใจกลัวแล้ว แต่ทว่าประโยคไหนก็ไม่มีน้ำหนักสะดุดหูและขัดหูผู้ใหญ่ทั้งสองเท่าที่ว่า... อังเคิลก็ชอบคิมมี่!
        “พีณาพูดอะไรคะ มิสเตอร์คีนส์จะไปชอบผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง” รีซานรีบทักท้วง
          “พีณา รู้จริงๆ นะคะรีซ” เด็กหญิงเอ่ยตอบอย่างมั่นใจ เชื่อมั่นในสิ่งที่ความรู้สึกของเธอสัมผัสได้
          ผู้คนในยุคนี้ต่างเอ่ยเรียกสิ่งที่เด็กหญิงมีอยู่ว่า กิฟต์ความสามารถแฝงในด้านต่างๆ อันบริสุทธิ์ติดตัวมาแต่กำเนิด ด้วยเด็กหญิงยังไม่ได้ผ่านการ ปลุกจึงยังไม่สามารถบังคับใช้มันเพื่อล่วงรู้ความคิดผู้อื่นได้เป็นถ้อยประโยคชัดเจนเท่าของชายหนุ่มผู้เป็นลุง แต่เธอก็สามารถสัมผัสรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของคนรอบตัวได้ดีกว่าคนธรรมดาทั่วไป

           
          “พาขิมขึ้นมาที่นี่ทำไมคะ”
          ฝนปรายเปลี่ยนคำถามเมื่อคีนส์พามายืนอยู่กลางห้องทำงานโล่งๆ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามถามว่า จะพาไปไหนแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบจากคนเดินนำสักคำ เบื้องหน้าที่เธอยืนอยู่เป็นโต๊ะทำงานตัวโตทำจากกระจกผสมอลูมิเนียมเงาวับ ถัดไปด้านหลังเป็นผนังและประตูกระจกเชื่อมต่อสู่ระเบียงที่กั้นรั้วโปร่งใส สามารถมองผ่านไปเห็นวิวท้องทะเลไกลสุดสายตา
          หญิงสาวกระตุกชักมือกลับเบาๆ อีกครั้งก็สามารถคืนอิสระให้กับข้อมือตัวเองได้สำเร็จเสียที ทั้งที่ก่อนหน้าต่อให้กระชากแรงแค่ไหนก็ไม่หลุดจากมือใหญ่ซึ่งแข็งแรงกว่าที่คิด
          “ตามมานี่” หัวหน้าขบวนการก้อนน้ำแข็งยังคงเก็บงำสงวนถ้อยคำ เขาเดินไปยังผนังห้องด้านขวามือแล้วแตะปลายนิ้วเปิดประตูบานเลื่อนที่ออกแบบไว้อย่างกลมกลืนกับผนัง หญิงสาวชะเง้อเข้าไปเห็นเตียงกว้างตั้งโดดเด่นอยู่ก็ชะงักเท้าที่กำลังก้าวไปหาเจ้าของห้องทันที
          “ให้เร็วคีนส์หันมาสั่งคนที่ยืนนิ่งอยู่
          ฝนปรายสูดลมหายใจพร้อมแถมน้ำมูกใสๆ ฟื๊ด... รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที เหล่ตามองหน้าเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางประตูไปครึ่งบานด้วยความไม่ไว้ใจเป็นอย่างยิ่ง
          จะบ้าหรือไง! เห็นเป็นงี้ฉันก็เป็นสาวเป็นนางมีพ่อมีแม่... ถึงจะเสียไปหมดแล้วก็ยังมีคุณยายนะ จู่ๆ มาชวนเข้าห้องนอนง่ายๆ ได้ไง!
        คน ชวนเข้าห้องถอนใจพรืดใหญ่ให้คนคิดอกุศลที่จมูกเริ่มแดงเรื่อขัดสายตา สะกิดเกาหัวใจเขาให้รำคาญอย่างที่สุด ขายาวๆ พาร่างสูงตรงเข้ามาฉุดรั้งข้อมือบางให้เดินตามอย่างไม่รอให้เสียเวลา แม้จะถูกโวยวายต่อต้านไม่เบา แต่เขาก็สามารถพาคนใกล้ป่วยมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำได้ในเวลาอันรวดเร็วสมใจ
          “ถึงเธอจะเป็นสาวเป็นนางคนสุดท้าย แต่ฉันก็ไม่คิดทำอะไรหรอกนะ เข้าไปอาบน้ำสระผมจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอยู่ในห้องน้ำ... ออกมาแล้วก็เปิดดูในตู้เสื้อผ้านี่ ฉันจะสั่งชุดใหม่มาไว้ให้”
          คนเคยถนอมคำพูดสั่งความเสียยาวเหยียดจนคนไม่คุ้นอ้าปากตาโตค้าง ก่อนจะยิ้มแหยไปให้เมื่อเข้าใจความหวังดีอันซุกซ่อนเอาไว้ลึกล้ำมิดชิดจนแทบจะขุดหาไม่เจอ
          ดีนะที่ไอ้ขิมฉลาดเลยพอรู้ทัน
        คีนส์ส่ายหน้าน้อยๆ กึ่งระอากับความคิดชมตัวเองจนเกือบจะเผลอหลุดยิ้ม
          แต่แล้วจู่ๆ หญิงสาวก็ชะงัก คิดทบทวนถึงจุดผิดสังเกตและจับบวกเข้ากับความค้างคาใจบางอย่าง ก่อนจะยิงคำถามออกมา
          “มิสเตอร์คะ... ทำไมถึงพูดอย่างกับรู้ว่าขิมคิดอะไร แล้วยังตอนนั้นอีก ตอนที่ขิมกำลังจะโดดลงจากแพ”
          “นั่นเป็นเรื่องที่ฉันจะต้องคุยกับเธอเหมือนกัน แต่ต้องหลังจากเธอจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว หรือถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ฉันจะหักค่าจ้างพร้อมคิดค่าหมอค่ายาจากเธอแน่”
          ประโยคสุดท้ายของเขานั้น ทำเอาคนมีอาการใกล้ป่วยตาโตขึ้นมาทันที พร้อมจงใจตะโกนลั่นในใจอย่างไม่กลัวเกรง แถมยังแอบหวังให้เขาได้ยินจริงๆ เสียด้วยซ้ำ
          ขี้งก!.. เขี้ยวจมดินจนทะลุชั้นแมกม่าแล้วค่ะ ตาลุงก้อนน้ำแข็งเอ๊ย...

         
          ระหว่างรอให้หญิงสาวจัดการตัวเองอยู่ในห้องพักส่วนตัว คีนส์ก็ได้รับรายงานการจับตัวคนร้ายทั้งสอง รวมถึงผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนหลอกล่อทีต้าร์ให้แยกตัวไปได้อีกหนึ่งคน หลังจากส่งตัวผู้บุกรุกให้ทางผู้พิทักษ์สันติได้ตรวจสอบม่านตากับศูนย์ข้อมูลบุคคล ก็สามารถเชื่อมโยงว่าพวกเขาเป็นลูกจ้างของแมคแกรี่ได้ในเวลาไม่นาน แต่คนร้ายเหล่านั้นก็ยังปฏิเสธแข็งขัน ทั้งยังไม่ยอมปริปากว่ามีพรรคพวกแฝงตัวเข้ามาในแอลเอวันอีกเท่าไหร่
          “ให้คนของเราตรวจสอบพื้นที่ให้ดี สกาย... พาคนของเราไปรับตัวไนนามาเตรียมพร้อมสแตนบายที่นี่ได้เลย ฉันไม่ต้องการให้มีอะไรผิดพลาด ส่วนทีต้าร์...”

          แววตาคมกริบจ้องหน้าผู้คุ้มกันหนุ่มที่ยังคงอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำตัวเดียว ตามเนื้อตัวมีร่องรอยฟกช้ำเปรอะเปื้อนจากการต่อสู้ชุลมุน แต่ก็ไม่มีบาดแผลอะไรร้ายแรงให้เห็น
          “ครั้งนี้ยังโชคดีที่พีณาไม่เป็นอะไร แต่หวังว่าครั้งหน้าจะตัดสินใจได้ดีกว่านี้ นายควรรีบพาพีณาออกมา แล้วหาทางติดต่อคนของเราที่กระจายอยู่รอบพื้นที่เต็มไปหมด ไม่ใช่ฉายเดี่ยว และทิ้งให้ผู้หญิงสองคนอยู่กันลำพังในสถานการณ์ที่ไม่แน่ใจอย่างนั้น”
          ทีต้าร์ก้มหน้าหลุบตาลงรับถ้อยตำหนิจากคนที่จัดลำดับความปลอดภัยของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จากนั้นผู้คุ้มกันหนุ่มก็ส่งเสียงรับคำสั้นๆ เมื่อถูกสั่งให้ไปอาคารพยาบาลเพื่อตรวจเช็คร่างกายให้แน่ใจอีกครั้งว่าพร้อมที่จะกลับมาทำงานต่อจริงๆ
          “ฮัดเช้ย!!
        วืด... เสียงจามที่ดังพร้อมกับประตูห้องด้านในที่เลื่อนเปิด เรียกสายตาของชายหนุ่มทั้งสามที่อยู่ในความเครียดเคร่งให้หันไปมองพร้อมเพรียง คิ้วเข้มของเจ้าของห้องขมวดเข้าหากันด้วยความหงุดหงิดใจที่ทวีขึ้น เอ่ยคำสั่งเพิ่มเติม
          “แล้วก็เรียกหมอมาที่นี่คนหนึ่งด้วย... ออกไปได้”
          “เออะ เดี๋ยวก่อน! มิสเตอร์คะ ขิมไม่เป็นไร อาจแค่แพ้น้ำแพ้อากาศเย็นนิดหน่อย เดี๋ยวก็หายเอง... ไม่ต้องตามหมอก็ได้ค่ะ”
          ฝนปรายที่ก้าวออกจากห้องพักมาในชุดเสื้อคอปาดทรงเอยาวเลยสะโพกพร้อมกางเกงสีดำกระชับท่อนขาเรียว รีบร้องห้ามความหวังดีที่เธอไม่ต้องการ แต่พอจะหันไปรั้งคนรับคำสั่ง พวกเขาก็ต่างพากันแยกย้ายเดินออกจากห้องไปราวกับถูกตั้งโปรแกรมไว้ ไม่มีหยุดให้ความสนใจเธอสักนิด
          “ฉันไม่จำเป็นต้องถามความเห็นเธอ” คีนส์ตอบหน้าตาย
          “แต่มีหมอก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งมันเป็นดีลของขิม!” หญิงสาวกระแทกเสียง จดจำสิ่งที่เขาขู่กำชับเอาไว้ได้ดี
          ชายหนุ่มผุดรอยยิ้มตรงมุมปาก มองอาการฮึดฮัดและจ้องเขาตาถลน อย่างไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครทำกิริยาอย่างนี้ใส่แล้วเขาจะรู้สึกว่าเพลิดเพลินและพึงใจที่จะมอง
          “นั่งก่อนสิ ไม่อยากคุยเรื่องที่เธออยากรู้หรือไง”
          คำสั่งและคำถามหยั่งเชิงเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจในสิ่งที่เธอทักท้วง ทำเอาหญิงสาวที่ไม่อยากเสียดีลกับอะไรไม่จำเป็นถอนใจหนักๆ อย่างจงใจให้เขารับรู้ ก่อนจะทิ้งตัวลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของเขาทั้งที่ใบหน้ายังหงิกงอแสดงความไม่พอใจ
          “ไม่เห็นจะสนใจแล้ว”
          “งั้นก็ขอให้เลิกสนใจได้จริงๆ และห้ามถามถึงมันขึ้นมาต่อหน้าคนอื่นอีกเป็นอันขาด”
          คนถูกกำชับหรี่ตาลงอย่างจับผิดและใคร่ครวญถึงที่มาของคำสั่ง เมื่อคาดเดาอะไรบางอย่างออก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัดก็จุดประกายขึ้นที่มุมปาก
          “มิสเตอร์คีนส์อยากให้มันเป็นความลับงั้นหรือคะ เรื่องที่... มิสเตอร์สื่อจิตได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้หรือแตะตัวกันเลยด้วยซ้ำ”
          คีนส์เอนหลังยกเท้าขึ้นไขว่ห้าง สองมือประสานกันวางบนหัวเข่า จับจ้องมองสีหน้าของคนเป็นต่อที่กำลังคิดจะหยิบยกเอาความลับเกี่ยวกับตัวเขาขึ้นมาเจรจาต่อรอง ชายหนุ่มยังคงใจเย็น ไม่มีแม้ร่องรอยความสะทกสะท้าน
          “มิสเตอร์คิดว่าควรให้ค่าปิดปากขิมสักเท่าไหร่ดีคะ ขิมจะได้มีสติเยอะๆ ไม่ปากโป้ง เผลอถามขึ้นมา” หญิงสาวที่กลายเป็นคนหายใจเข้าออกเป็นค่าตอบแทน ได้ทีก็ไม่คิดจะปล่อยให้โอกาสลอยผ่านไปง่ายๆ
          คราวนี้ชายหนุ่มยิ้มเย็นทีเดียวขณะลุกขึ้นเท้ามือลงกับโต๊ะ และโน้มตัวเข้ามาใกล้ กระซิบเบาๆ ห่างจากใบหน้ากระหยิ่มไปไม่ถึงคืบ
          “แต่ฉันคิดว่าการปิดปากที่ดีที่สุดคือการทำให้คนๆ นั้นพูดไม่ได้อีกเลย ตลอดกาล... เธอว่าจริงไหม”
          ดวงตาที่เมื่อครู่ยังฉายแววเล่ห์กระเท่ห์ กะพริบปริบสองครั้งก่อนจะเบิกโต ร่างบางเอนหลังถอยห่างช้าๆ แล้วส่งยิ้มอ่อนประจบ
          “ขิมก็แค่พูดเล่น... คนอย่างขิมไม่ขี้ลืมหรอกค่ะ จะเก็บให้มิด เหยียบให้จมดินเลย” ฝนปรายเอ่ยรับรองเสียงอ่อน ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะแหะๆ ทั้งที่ในใจกลับด่าทอเจ้าของคำขู่ปิดปากเสียย่อยยับ
          ไอ้ลุงนิสัยหาดีไม่ได้... ขี้งกไม่พอ ยังจะขี้เหี้ยมอีกนะ ตกลงฉันข้ามเวลามาเจอหัวหน้าแก๊งมาเฟียยุคปีสามพันเข้าให้หรือไงกัน
        คีนส์ส่งสายตาดุ ตักเตือนให้หญิงสาวรู้ตัวว่าเขาได้ยินทุกสิ่งที่เธอคิด แต่สิ่งที่อีกฝ่ายโต้ตอบกลับมากลับทำเอาคน ขี้เหี้ยมถึงกับส่ายหน้าอ่อนใจในความพยศไม่ยอมลงให้
          เหอะ! กลัวตายละ...
          ถ้าหากเป็นคนอื่นที่คิดลองดีกับเขาขนาดนี้ คนอย่างมิสเตอร์เค ดับบลิว คงไม่เพียงมองด้วยแววตานิ่งที่ซุกซ่อนแววพึงพอใจอันน่าแปลกประหลาดไว้จนมิดเม้น แล้วปล่อยผ่านมองข้ามมันให้หญิงสาวยิ่งนึกได้ใจ ไม่เก็บงำความคิดใดๆ
          “แต่ถ้าเธออยากได้ค่าตอบแทนเพิ่ม ฉันก็มีงานบางอย่างให้เธอลองพิจารณา” ชายหนุ่มพาเปลี่ยนไปอีกเรื่องเมื่อคิดว่าจบเรื่องแรกนั้นแล้ว มั่นใจในสายตาตนเองว่าเขาดูหญิงสาวไม่ผิด
          หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่คนพูดมากในเรื่องที่รู้ว่าไม่ควรพูด แต่เรื่องที่คิดนินทาเขาในใจนั้น... เรียกได้ว่าจัดจ้านเอาเรื่องเสียเขาเลือดซิบเลยทีเดียว
          “งานอะไรคะ” ฝนปรายหูผึ่งขึ้นมาทันทีกับคำว่า ค่าตอบแทน
          “จากนี้ไป ฉันอยากให้เธอคอยตามประกบดูแลใกล้ชิดพีณาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตอนที่พีณาออกนอกวิลตันไชลด์โดม”
          “หมายถึงจะให้ขิมเป็นผู้คุ้มกันให้พีณางั้นเหรอคะ” แม้จะอยากได้ค่าตอบแทนมากมายขนาดไหน แต่ฝนปรายก็หนักใจไม่น้อยกับหน้าที่ใหม่ที่เขาเสนอ “ขิมไม่มั่นใจ นี่มันเรื่องคอขาดบาดตาย และขิมไม่ใช่มืออาชีพ”
          “เรื่องนั้น... ฉันไม่คิดจะถอนผู้คุ้มกันคนอื่นที่ให้การดูแลพีณาอยู่แล้ว เพียงแต่อยากให้เธอเป็นเหมือนกำแพงด่านสุดท้าย ในตอนที่อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน หรือทีมของฉันควบคุมสถานการณ์ไม่ได้... อย่างน้อยที่สุดคือถ่วงเวลารอการช่วยเหลือที่จะเคลื่อนไหวทันทีที่เอสโอเอสจากพวกเธอส่งสัญญาณ” ชายหนุ่มอธิบายขอบข่ายหน้าที่ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
          หญิงสาวครุ่นคิดไตร่ตรองตาม อดจะถามอย่างไม่เข้าใจไม่ได้ “ถ้าข้างนอกมันอันตราย ทำไมมิสเตอร์ไม่สั่งห้ามหรือให้พีณาอยู่แต่ในโดมล่ะคะ”
          “แล้วพีณาจะต้องกลายเป็นเด็กเก็บกด หวาดระแวง ไม่มีความสุขอย่างนั้นหรือ” คีนส์ตอบเธอด้วยการย้อนถาม ก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ ให้กับคำถามของตัวเอง “จากที่พีณาค่อนข้างติดเธออยู่แล้ว คงไม่ทำให้หลานสาวของฉันอึดอัดขัดใจสักเท่าไหร่กับการมีเธอคอยตามติด”
          คนที่เพิ่งจะได้ตำแหน่งแม่ครัวมาครองไม่ถึงสิบวัน แต่ต้องมาเพิ่มบทบาทผู้คุ้มกันเข้าไปอีกหนึ่ง ฟังเหตุผลของเขาแล้วก็คิดคล้อยตาม ไม่นานก็พยักหน้าตกลงรับจ็อบเสริม
          “ดี... และไม่ต้องกังวล ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้รับอันตรายใดๆ แน่นอน” ชายหนุ่มเอ่ยยืนยันด้วยจังหวะหนักแน่นไม่เร็วไม่ช้า พร้อมใช้สายตาแน่วแน่จับจ้องเธอนิ่ง

          ฝนปรายได้ฟังถ้อยคำดุจคำมั่นก็พอคลายใจได้ว่าตัวเองก็เป็นเพียงแค่ตัวแถม โดยที่คนของเขายังคงทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ไม่ให้ใครที่คิดร้ายหลุดมาถึงมือเธอ แต่พอได้สบประสานแววตาแปลกที่ยังคงจับจ้องมานิ่งไม่ยอมคลาดคลายไปแล้ว หญิงสาวก็เริ่มตีสีหน้าประหลาด ในใจรู้สึกแปลกๆ ยังไงบอกไม่ถูก หรือบางทีมันอาจเป็นความระแวงต่อดวงตาอ่อนแรงคมกล้า ไร้ความเย็นชาดุดันที่ไม่คุ้นชินก็เป็นได้


อ่านต่อ >> กาลที่11: ติดอาวุธ


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ 
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 
Meb : https://goo.gl/3Wom8E 
Hytexts : https://goo.gl/s31ks7

No comments:

Post a Comment