21 June 2017

# แก่นฝัน # โคแก่

รักล่วงเวลา - กาลที่ 7 : โยกย้ายตำแหน่ง

รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง

ผู้เขียน : แก่นฝัน

เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต






กาลที่ 7 : โยกย้ายตำแหน่ง


          คีนส์เลือกห้องพักหรูหราชั้นบนสุดของโรงแรมซึ่งสร้างตามแบบคฤหาสน์หลังใหญ่ของทางยุโรปยุคโบราณในแอลเอซีโร่เป็นสถานที่นัดพบ ทั้งเพื่อความเป็นส่วนตัวในการดินเนอร์กับนักร้องสาวคนดัง แถมยังแสดงถึงการให้ความสำคัญกับเจ้าหล่อน นักร้องสาวผมสีส้มสว่างยาวถึงกลางหลังมาถึงที่นัดหมายในชุดราตรีสีดำประดับคริสตัลบนช่วงอกอิ่มวิบวับ เว้าเปลือยช่วงเอวอวดผิวหน้าท้องเนียนขาวแทบจะเรืองแสงที่แบนราบไร้ไขมันส่วนเกิน ใบหน้าสวยตกแต่งไม่หนาหนัก มีเพียงดวงตาสีน้ำตาลที่กรีดสีเข้มล้อมกรอบไว้จนคมเข้มโดดเด่น และเมื่อมันมาพร้อมความมั่นใจของคนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังไม่มาก มันก็สามารถดึงดูดสายตา เรียกแววพอใจในรูปลักษณ์ของเธอให้ปรากฏอยู่บนดวงตาสีฟ้าสดคู่งาม
          “ไนนาเลทไปหน่อย มิสเตอร์เค ดับบลิวคงไม่ถือสาใช่ไหมคะ” หญิงสาวที่ก้าวเข้ามาในห้องออกปากทั้งที่แววตาเปี่ยมเสน่ห์ยั่วเย้าไม่ได้ฉายความกังวลดังที่ปากพูดสักนิด

          “สิบนาที...” คีนส์เอ่ยเสียงเรียบขณะก้มมองจีเนียสวอตช์หลังข้อมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ก้าวมาถึงโต๊ะอาหารริมหน้าต่างบานสูง
          “...ไม่นานพอที่จะให้ถือสาสาวสวยที่อุตส่าห์รับนัดกะทันหันของผมหรอก และสำหรับไนนา เรียกผมว่าคีนส์ดีกว่า”
          ไนนาได้ยินคำตอบนั้นก็กระหยิ่มยิ้มที่มุมปาก หัวเราะเสียงเบาทรงเสน่ห์ “เป็นเกียรติจริงค่ะ มิสเตอร์คีนส์”
          นักร้องสาวหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามชายหนุ่มที่บัตเลอร์หนุ่มในชุดทักซิโดหางยาวสีดำขยับเลื่อนให้ คีนส์หันไปพยักหน้าเล็กน้อยให้ผู้บริการส่วนตัว ซึ่งจะคอยดูแลรับใช้แขกที่เข้าพักในห้องเกรดแพลทินัมชนิดเรียกใช้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เป็นสัญญาณให้เริ่มบริการอาหาร

          อาหารสดใหม่ชั้นดีอย่างที่คนระดับกลางหรือล่างของบลูแพลนต์ในยุคนี้ไม่สามารถเอื้อมถึงและลิ้มรสได้โดยง่าย เนื่องจากพื้นที่ที่สามารถทำการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์มีจำนวนจำกัด อาหารผ่านกระบวนการพิเศษและสารอาหารสังเคราะห์ซึ่งมีราคาถูกกว่าจึงได้เข้ามาแทนที่อย่างแพร่หลาย และยิ่งอาหารแต่ละจานที่ทยอยเสิร์ฟตามลำดับนั้นรังสรรค์ด้วยฝีมือเชฟชั้นเลิศ ย่อมสามารถสร้างความพึงพอใจให้กับแขกสาวของค่ำคืนนี้ได้ไม่ยาก
          จนเมื่อถึงของหวานจานสุดท้ายที่เจ้าของสถานที่ไม่แตะต้อง เพียงแค่ยกแก้วไวน์ขึ้นมาถือและแกว่งช้าๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ท่วงท่าผ่อนคลาย ทอดสายตานิ่งมองคนที่ชิมรสขนมหอมหวานนั้นเพียงคำเดียวก็วางช้อน
          “ผมว่าจะจัดฟรีคอนเสิร์ตที่แอลเอวัน” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นคล้ายชวนพูดคุยเรื่องทั่วไป
          แววตาคมหวานของนักร้องสาวหรี่ลงพร้อมเอียงหน้าอมยิ้มให้อย่างฉลาดรู้ทัน ในที่สุดชายหนุ่มก็เริ่มเข้าเรื่องเสียที
          “ว้าว... เป็นข่าวที่น่าสนใจนะคะ” ไนนายิ้มพราย คิดคาดหวังไปไกลว่าต้องได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานนี้ด้วยแน่ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่นัดเธอมาเป็นการส่วนตัว
          คีนส์ค่อยๆ เผยรายละเอียดแผนงานที่วางเอาไว้ ใบหน้าของนักร้องสาวที่กำลังจะถูกว่าจ้างงานชิ้นใหญ่รายได้ดีฉายแววยินดีอย่างไม่มีปิดบัง ก่อนจะกลายเป็นความกังวลทันทีเมื่อเขาเอ่ยถึงระยะเวลาที่เธอต้องขึ้นเวที
          “ถ้ารับงานนี้ก็เหมือนให้ไนนาหักหลังทางเอ็มสเปซ”
        มีอย่างที่ไหนจะให้แสดงคอนเสิร์ตเปิดเข้าชมฟรีก่อนที่จะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองในอีกไม่ถึงเดือน คนตั้งมากมายที่ได้ดูการแสดงของเธอไปแล้ว จะเหลือกลุ่มแฟนที่เหนียวแน่นขนาดยอมเสียดีลเพื่อไปซื้อบัตรแพงๆ อีกสักเท่าไหร่กัน แล้วเธอจะไม่ถูกต่อว่าโจมตีเสียหายจนสั่นคลอนชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ และทำลายอนาคตในวงการไปหมดหรอกหรือ
          “ถ้าอยากเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแอลเอวันติดต่อกันสักห้าปี... บางทีก็จำเป็นต้องเลือกข้าง” คีนส์ทยอยเพิ่มข้อเสนอยั่วใจ
          ริมฝีปากอิ่มสีส้มอ่อนเคลือบกลอสมันวาวเผยออ้าออกเล็กๆ ก่อนจะเม้มแน่นอย่างลังเล ค่าตอบแทนและชื่อเสียงที่จะได้ตามมาจากการเป็นตัวแทนของแอลเอวันทำเอานักร้องสาวเริ่มหวั่นไหวกับความไม่ถูกต้องเหมาะสมของการรับงานซ้อนชนิดให้งานออกมาฆ่ากันเอง
          “โอเค... ถ้าไนนาไม่อยากรับข้อเสนอนี้ ผมก็เข้าใจ” คีนส์วางแก้วไวน์ลงช้าๆ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะ ทอดมองลงไปยังสระน้ำพุหินอ่อนขนาดใหญ่กลางสวนที่จัดตกแต่งและประดับไฟไว้อย่างสวยงาม หันหลังให้กับผู้รวมโต๊ะอย่างจงใจกดดัน
          “บางทีผมอาจต้องมองหาคนที่เหมาะสมคนใหม่” เสียงของชายหนุ่มไม่ได้ดังเลย ราวกับเขาทบทวนความคิดกับตัวเองเพียงลำพัง แต่นั่นก็ส่งผลกระแทกใจคนลังเลให้ตวัดสายตามอง ประมวลความคิดตัดสินใจอย่างหนัก
          ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร หวังว่าคงไม่ใช่เมอา... คู่แข่งคนสำคัญที่มักถูกสื่อหยิบยกมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็สูดลมหายใจเข้าลึก เธอไม่มีวันยอมให้ข้อเสนอทั้งหมดที่เธอได้รับในคืนนี้ตกไปถึงมือคู่ปรับให้มาชุบมือเปิบแน่นอน
           “ตกลงค่ะ” ตัดสินใจได้แล้วก็ลุกขึ้นจากโต๊ะช้าๆ ก้าวเข้าไปหาร่างสูง แขนเรียวสอดคล้องแขนแกร่ง กอดรัดให้เบียดชิดอกอิ่มแทบล้นชุดเกาะอก
          “ไนนาเลือกข้างมิสเตอร์คีนส์นะคะ”
          ลงทุนยอมเสี่ยงเลือกข้าง หักหลัง หักหน้าตระกูลแมคแกรี่ขนาดนี้... คนอย่างไนนาจะไม่ยอมมักน้อย ยินดีพอใจแค่ข้อเสนอพวกนั้นหรอก
          นักร้องสาววาดความหวังอันใหม่เอาไว้อย่างมุ่งมั่น เบี่ยงตัวเข้าไปยืนแทรกกลางระหว่างตัวเขาและกระจกหน้าต่าง เบียดร่างอวบอิ่มในส่วนที่ควรอิ่มจนประชิดร่างแกร่ง เงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานหยดยั่วยวน ไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มสมใจและรู้เท่าทันที่ชายหนุ่มซุกซ่อนเอาไว้ในแววตาเลยแม้แต่น้อย


        หลังจบการเจรจาอันได้ข้อสรุปน่าพึงพอใจและเป็นไปตามคาด คีนส์ก็หาเรื่องปลีกตัวจากนักร้องสาวที่มีความมั่นใจเหลือล้นว่าจะสามารถใช้ความสวย เรือนร่างยั่วตาและลีลายั่วใจรั้งตัวเขาให้อยู่กับเธอทั้งคืน แล้วจากนั้นจะสามารถเลื่อนระดับตัวเองขึ้นมาเป็นคู่ควงของเขาได้
          คีนส์ก้าวเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ซึ่งไฟเปิดสว่างขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ก่อนจะปิดลงเมื่อพวกเขาเดินผ่านไปเหลือไว้เพียงบางดวงที่จำเป็น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอดังสะท้อนก้องในลิฟต์แก้วซึ่งกำลังเคลื่อนตัวขึ้นสูง เมื่อนึกถึงสีหน้าขัดอกขัดใจของสาวโอเปร่าร็อคไฟแรงสูงที่กำลังจะลากเขาเข้าห้องนอนได้สำเร็จ แต่สุดท้ายกลับต้องถูกขัดขวางด้วยเสียงเตือนการสื่อสารจากวิลตันไชลด์โดม ซึ่งแจ้งข่าวสำคัญจนทำให้เขาต้องยอมทิ้งเจ้าของใบหน้าเคลิบเคลิ้มใหลหลงกับรสจูบร้อนๆ ที่เขาเพิ่งมอบให้ด้วยท่าทีเสียอกเสียดาย
          จะเรียกว่าหลอกให้ความหวัง เพื่อหลอกใช้เธอก็ย่อมได้
          “ขอบใจมาก พรุ่งนี้ฉันพัก ไม่รับทุกการสื่อสาร ยกเว้นเรื่องด่วนเกี่ยวกับการจัดเตรียมงานใหญ่ของเรา” ชายหนุ่มบอกกับผู้คุ้มกันทั้งสองคนที่กำลังก้าวออกจากลิฟต์โดยสารที่เคลื่อนขึ้นมาถึงชั้นสอง
          ทีต้าร์และสกายรับคำสั่งสั้นๆ เหมือนเช่นเคย ก่อนจะให้เจ้านายโดยสารต่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของบ้านเพียงลำพัง ที่ชั้นสองนี้เป็นห้องพักของผู้ช่วยและผู้คุ้มกันของนายใหญ่แห่งวิลตันไชลด์ทั้งสามคน... รวมบายินน์ที่คืนนี้ยังต้องอยู่วางแผนงานที่แอลเอวัน ผู้ที่ทำงานให้ชายหนุ่มมานานจนได้รับสิทธิพิเศษและความไว้วางใจให้เข้ามาอาศัยร่วมบ้านหลังเดียวกัน
          คีนส์ก้าวออกจากลิฟต์มาหยุดลงตรงหน้าประตูห้องหนึ่ง... เรื่องที่

โป้ปดไนนาไปว่าเร่งด่วนนักหนา จนต้องออกจากห้องสวีทที่กำลังจะกลายเป็นสังเวียนรักอย่างเสียดาย ลวงล่อให้หญิงสาวได้เหลิงหลงอยู่กับความมั่นใจผิดๆ ว่าเขาจำใจต้องจากมา ก็เป็นเพียงแค่ยาเรียสื่อสารเข้ามารายงาน ว่าคืนนี้พีณาตัวน้อยอยู่นอนค้างที่บ้านหลังนี้เท่านั้นเอง

          แม้เขาจะสื่อสารมาบอกหลานสาวแล้วว่ากลับมาทานมื้อเย็นด้วยตามสัญญาไม่ได้ แต่เด็กหญิงก็ยังนั่งดูการ์ตูนเฝ้ารอ ตั้งตาคอยอังเคิลและของรางวัลจนค่ำ ก่อนจะทนความง่วงไม่ไหวผลอยหลับไป ก็เพราะได้รู้อย่างนี้ คืนนี้ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะกลับบ้านมากกว่าใช้ค่ำคืนร่วมกับหญิงสาวซึ่งพร้อมทอดกายให้ที่ห้องสวีทในโรงแรม
          มือใหญ่ผลักบานประตูเปิดเข้าไปช้าๆ เงียบเชียบ คีนส์ก้าวเข้าไปในห้องนอนสีหวานโดยไร้เสียงฝีเท้า แต่ยิ่งเข้าไปใกล้เตียงสีชมพูหลังนั้นมากเท่าไร คิ้วเข้มก็ยิ่งขยับเข้าหากันแน่นเข้า นัยน์ตาคมกริบเขม้นมองสิ่งแปลกปลอมในห้อง เมื่อมองเห็นชัดเจน คนที่ตั้งใจเข้ามาราตรีสวัสดิ์หลานสาวก็ฝีเท้าสะดุดไปเล็กน้อย
          ร่างบอบบางในชุดแม่บ้านสีน้ำเงินเข้มที่ครึ่งตัวบนฟุบเกยอยู่บนเตียง แขนข้างหนึ่งก่ายกอดร่างเล็กใต้ผ้าห่มเอาไว้ ขณะที่อีกข้างพับรองใต้ศีรษะต่างหมอน โดยมีแขนเล็กๆ ของเจ้าของเตียงโอบรัดรอบคอคนตัวโตกว่าไว้หลวมๆ
          คีนส์ส่ายหน้าให้กับภาพที่เห็น ท่าทางการนอนที่ไม่ถูกหลักสรีระและดูไม่น่าจะสบายเลยแม้แต่น้อย แต่หญิงสาวกลับหลับได้สนิทชนิดไม่รู้ตัวว่ามีใครมายืนมองประชิดตัวห่างไปไม่ถึงครึ่งก้าว ชายหนุ่มโน้มตัวลงจับแขนของหลานสาวให้คลายอ้อมกอดที่รัดอีกฝ่ายไว้ราวกับเป็นตุ๊กตาตัวโต เมื่อจัดวางมือไม้ของหลานสาวเรียบร้อย ก็หันมาเขย่าหัวไหล่ปลุกอีกคนเบาๆ
          “คิม” เสียงทุ้มเบาด้วยไม่อยากรบกวนการนอนหลับของหลานสาว เมื่อไม่ได้รับปฏิกิริยาใดๆ นอกจากความนิ่งเฉย เขาก็เขย่าร่างนั้นแรงขึ้นอีกนิด
          “อือ... ขิมยังง่วงอยู่เลย...” เสียงอืออาและประโยคงึมงำประท้วงหลุดจากปากคนที่ยังไม่รู้สึกตัว แถมยังซุกหน้าเข้าไปใกล้ รัดแขนกอดเอวเด็กหญิงบนเตียงแน่นขึ้นไปอีก
          ใบหน้าของคนที่พยายามปลุกให้หญิงสาวกลับไปนอนเป็นที่เป็นทาง โดยไม่ไปรบกวนให้เจ้าของห้องสีหวานตื่นขึ้นมา ชักเริ่มฉายความขัดใจกับอาการขี้เซาหลับลึกของหญิงสาว ลมหายใจหนักๆ ถูกผ่อนออกมาพร้อมกับที่เขาคว้าข้อมือบาง ยกท่อนแขนเรียวให้ออกจากตัวหลานสาว ออกแรงเพิ่มอีกนิดเดียวก็ดึงตัวคนไม่ยอมตื่นออกจากเตียงมาได้ ก่อนจะใช้มาตรการเด็ดขาดปล่อยมือออก ทิ้งให้ร่างนั้นร่วงตกลงสู่พื้นห้องซึ่งปูพรมหนานุ่มไว้รอบเตียง มันจึงไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้หญิงสาวมากนัก แต่ก็ทำให้เขาสามารถปลุกคนได้สำเร็จ
          “โอ๊ะ.... อือๆ อื๊อ...” โอ๊ย!.. อะไรเนี่ย!
        เสียงโวยของคนถูกปลุกจากฝันดีๆ ด้วยวิธีรุนแรงเป็นบ้าเล็ดลอดออกมาได้เพียงไม่ถึงครึ่งคำ มือใหญ่ของคนคาดการณ์เอาไว้แล้วก็พุ่งเข้าไปปิดปากเธอไว้เสียสนิท คีนส์ตอบโต้แววตาตื่นตกใจและอาการเตรียมจะดิ้นหนีคิดว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรเธอ ด้วยการส่งแขนอีกข้างที่ยังว่างไปตวัดรัดรวบร่างบอบบางเล็กกว่าเขาเกือบครึ่งขึ้นมาจากพื้น
          “เงียบ... เดี๋ยวพีณาได้ตื่นขึ้นมาหรอก”
          คีนส์กระซิบข่มขู่ชิดข้างริมหูบาง พร้อมๆ กับก้าวถอยห่างออกมาจากเตียง หนีบลากร่างที่ถูกรัดจนแผ่นหลังเล็กแนบชิดแผงอกหนา เท้าลอยแกว่งไปมาในอากาศออกมาจากห้องนอน
          ฝนปรายที่ถูกคนตัวโตรัดแน่นจนเจ็บอ้าปากจะงับเข้ากลางมือใหญ่ที่ยังไม่ยอมปล่อยจากใบหน้าส่วนล่างของเธอเสียที แต่ต้องพลาดเมื่อเขาเหมือนรู้ทันสะบัดมือหนีไปได้อย่างน่าเจ็บใจ แม้ปากจะเป็นอิสระแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังไม่คิดจะตะโกนโวยวายปลุกเด็กหญิงหรือตีโพยตีพายร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อตอนนี้ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
          จนเมื่อทั้งคู่ออกมาอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องนอน หญิงสาวกำลังจะจัดศอกสวยๆ ใส่ท้องแน่นๆ นั้นสักที แต่ก็ต้องเจ็บใจอีกครั้งที่เขาปล่อยมือจากเธออย่างรวดเร็วราวนกรู้
          “ฉันแค่จะปลุกเธอให้กลับไปนอนที่บ้านพัก” คีนส์เอ่ยเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ ราวกับเมื่อครู่ไม่ได้มีเหตุใช้กำลังขนาดย่อมเกิดขึ้น
          “ปลุกประสาอะไรของนาย” คนที่ถูกปล่อยร่วงลงมาสู่พื้น ถอยหลังสามก้าวไปตั้งหลักได้ก็ตวาดใส่แบบพยายามออมเสียง
          คนที่ถูกเรียก นายไม่พอใจขึ้นมาวูบ... เพราะมันเป็นคำสำหรับเรียกแทนคนที่ฐานะเท่ากันหรือต่ำกว่า ซึ่งไม่มีใครกล้าเรียกเขาด้วยคำนี้นักหรอก หากไม่ได้สนิทสนมจนได้รับอนุญาต ทว่าก็ยังพยายามข่มใจให้เย็น ไม่ติดใจเอาเรื่องกับคนที่อาจไม่รู้
          “ฉันแค่เขย่าเรียก เธอก็ร่วงลงมาเอง... ไม่ต้องมามองหาเรื่อง” ชายหนุ่มเอาความนิ่งเข้าข่ม ชี้แจงบ่ายเบี่ยงความรุนแรงของตัวเองได้หน้าตาเฉย เมื่อเห็นหญิงสาวชะงัก พยายามนึกตามอย่างงุนงง ก็สำทับคำสั่งไล่
          “กลับไปที่บ้านพักได้แล้ว”
          ฝนปรายมองสบลึกเข้าไปในดวงตาของคนตัวสูงที่ขึงดุตอบกลับมาโดยไร้แววหลุกหลิกเลี่ยงหลบ ก็ตกหลุมพรางเชื่อว่าคงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ นึกถึงท่านอนครึ่งบกครึ่งน้ำครึ่งเตียงครึ่งพื้นของตัวเอง หลังจากที่ช่วยอุ้มเด็กหญิงบาร์บี้ขึ้นมาส่งที่เตียงแล้วถูกรวบกอดไว้ในทันทีที่ห่มผ้าให้อีกฝ่ายเรียบร้อย หากเธอจะร่วงตกเตียงลงมากลางดึก แม้จะไม่เกี่ยวกับมีใครมาเขย่าปลุกก็คงไม่แปลกนักหรอก
          หญิงสาวยักไหล่หน่อยๆ ก่อนจะเลิกคิดติดใจสงสัย เอ่ยขอตัวกับคนที่ยังยืนมองมานิ่งเฉยไม่ใช่ไล่แล้วเดินหนีไป ราวจะดูให้แน่ใจว่าเธอออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของเขาอย่างแน่นอน ขณะก้าวเท้าเดินตรงไปยังลิฟต์ก็ยังอดถอนใจอย่างเสียดายเตียงนุ่มๆ ในห้องนอนกว้างๆ ไม่ได้
          ต้องกลับไปนอนตาค้าง ในแคปซูลแคบๆ มืดๆ อีกแล้วเหรอเนี่ย...
        เอาน่า... วันนี้ว่ายน้ำออกกำลังซะเหนื่อย เดี๋ยวก็คงจะเผลอหลับลงได้เองนั่นแหละ
          ฝนปรายนึกปลอบใจตัวเอง พยายามปลงกับสิ่งที่เลือกไม่ได้ ห้องนอนของพนักงานที่บ้านพักเป็นห้องที่จัดไว้ให้เข้าพักได้ห้องละสี่ถึงหกคน เกือบทุกอย่างจัดได้ว่าสะดวกสบาย แต่ข้อเสียหนึ่งเดียวคือมันมีเตียงนอนรูปร่างประหลาด ที่นอนขนาดสามฟุตอยู่ในกล่องแคบๆ ที่ต้องเลื่อนปิดฝาครอบในเวลานอน เพื่อจะได้ประหยัดพลังงานในการปรับอากาศและอุณหภูมิให้เหมาะกับการอยู่อาศัยแค่ภายในแคปซูลที่นอนเล็กๆ แทนที่จะเป็นการปรับอากาศทั้งห้องกว้างๆ เหมือนอย่างในห้องนอนของบรรดาพวกเจ้านายและคนร่ำรวยซึ่งสิ้นเปลืองกว่ามาก
          หลายคืนที่ผ่านมา เธอได้พยายามข่มตานอนหลับในแคปซูลที่ควบคุมปรับทุกอย่างเอาไว้อย่างสบาย แต่พอสติเธอเตลิดกระเจิง ในอกบีบแน่นจนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก ก็ต้องรีบกดเปิดฝาครอบเตียงขึ้นมา แล้วอากาศหนาวเหน็บของบลูแพลนต์ในยามค่ำคืนที่ไร้การปรับปรุงโดยเครื่องปรับอากาศก็เข้าจู่โจมเธอจนต้องทนนอนตัวสั่น ฝาครอบเตียงของแม่บ้านคนใหม่แห่งวิลตันไชลด์เปิดๆ ปิดๆ อยู่ทั้งคืนอย่างนั้น และเธอไม่เคยได้หลับสนิทสบายเลยสักคืน
          ถ้าต้องติดอยู่ที่นี่อีกสักพัก จนชินกับการนอนในที่นอนแคปซูลนั่นได้ คราวนี้ก็คงจะได้หายจากโรคกลัวที่แคบและมืดเสียที หญิงสาวพยายามคิดปลุกปลอบใจตัวอย่างไม่ยอมแพ้และมองในแง่ดีสุดโต่ง
          คีนส์ยังคงยืนมองประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทอยู่อย่างนั้น แม้ว่ามันได้พาตัวแม่บ้านหัวยุ่งฟูลงไปข้างล่างแล้ว ใบหน้าคมสันนิ่งสนิทและขรึมลงไปอีก ในสมองครุ่นคิดแย้งตีกันให้วุ่น สาเหตุของความวุ่นวาย ไม่สบายใจ ตัดสินใจไม่เด็ดขาดอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เกิดจากคลื่นความคิดของคนที่เพิ่งจากไปคนนั้นคนเดียว และเขาไม่ชอบใจความรู้สึกอย่างนี้เอาเสียเลย

         
          เช้าวันนี้เป็นวันสบายๆ ที่เจ้าของบ้านไม่เร่งรีบออกไปไหน คีนส์นั่งอ่านข่าวสารอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าที่ยังไม่เริ่มเพราะรอผู้ร่วมโต๊ะคนสุดท้าย จนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งตึงๆ มุ่งหน้ามายังห้องอาหาร ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็ยกแก้วกาแฟขึ้นจิบซ่อนรอยยิ้ม
          “ขอบคุณค่ะ อังเคิลคีนส์” เสียงใสเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงที่ปรากฏตัวในชุดนอนที่เป็นชุดกระโปรงสีขาวแขนยาวพองๆ โดยมีร่างของยาเรียเดินเร็วๆ ตามมาส่ายหน้ามองด้วยความเอ็นดูกึ่งอ่อนใจที่รั้งห้ามไว้ไม่อยู่
          หลังจากที่พีณารู้สึกตัวตื่นเพราะหัวหน้าแม่บ้านเข้าไปปลุก กล่องของเล่นชิ้นใหม่ที่วางอยู่ข้างหมอนก็ทำให้คนที่ยังงัวเงียตาโตลุกวาว ตื่นเต้นดีใจเสียจนรีบวิ่งลงมาด้านล่างทันทีที่รู้ว่าผู้เป็นลุงรออยู่ที่ห้องอาหาร
          “พีณาดีใจที่สุดเลย... นึกว่าอังเคิลจะลืมสัญญากับพีณาไปแล้ว”
          “ใครจะลืมพีณาได้ลงคะ” เสียงอ่อนโยนลึกล้ำอย่างที่ไม่ได้หลุดออกจากปากเจ้าพ่อไลฟ์โดมง่ายๆ “แต่เช้านี้คงจะกอดไม่ลงเพราะมีคนยังไม่อาบน้ำ”
          เด็กหญิงถูกแหย่ก็ทำหน้ายุ่ง เดินเข้าไปวางกล่องของเล่นที่ยังถือติดมือลงบนโต๊ะใกล้ๆ ตัวผู้เป็นลุง กอดท่อนแขนใหญ่ด้วยแขนเล็กๆ ทั้งสองข้าง
          “ก็พีณากลัวอังเคิลไม่รอ รีบออกไปทำงานอีกนี่คะ”
          เด็กหญิงเอ่ยถึงตรงนี้แล้วก็ต้องเอียงหน้ามองคนที่ยังยิ้มบางตอบมา แววตาสุกใสฉลาดเฉลียวช่างสังเกตมองเสื้อโปโลสีขาวสบายๆ แล้วก็ต้องเอ่ยถามต่อ “วันนี้อังเคิลคีนส์ไม่ไปทำงานเหรอคะ”
          “ตั้งใจว่าจะพาพีณาไปเหาะเล่นกัน ดีไหม” คีนส์บอกความตั้งใจพร้อมใช้นิ้วแกร่งสางผมยุ่งๆ ให้หลานสาว
          “ดีเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ!
          รอยยิ้มสดใสและแววตาเป็นประกาย ยืนยันความยินดีของเด็กหญิงได้ชัดเจน จนขนาดที่ผู้ชายร่วมโต๊ะอีกสองคนที่ปกติมักจะเงียบขรึมรอรับคำสั่งเพียงอย่างเดียว ยังต้องทอดมองรอยยิ้มนั้นอย่างเอ็นดู ปล่อยให้ความสดชื่นแจ่มใสยึดครองหัวใจต้อนรับเช้าวันใหม่

         
          เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น และปล่อยให้พีณากลับขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่เรียบร้อย คีนส์ก็จับจูงมือ... หรือถ้าเรียกให้ถูกก็คือถูกมือเล็กๆ ฉุดให้เดินตามออกไปที่ลานหน้าบ้าน ชายหนุ่มอนุญาตให้ผู้คุ้มกันทั้งสองได้มีวันหยุด ไม่ต้องคอยติดตามเขาในวันพักผ่อน เตรียมตัวก่อนรับความวุ่นวายครั้งใหญ่ที่จะถาโถมตลอดสองอาทิตย์ข้างหน้า เวลานี้จึงมีเพียงสองลุงหลานที่ยืนมองกล่องของเล่นขยายตัวคืนกลับสู่ขนาดที่แท้จริง เห็นแววตาคนตัวเล็กรื่นเริงรอคอย แววตาคมกริบของคนตัวสูงก็พลอยรื่นเริงผ่อนคลายตามไปด้วย
           พรมผืนหนาที่ม้วนเป็นแท่งกลม ถูกมือสองคู่เล็กและใหญ่ช่วยกันม้วนคลี่ออกแผ่กับพื้นหญ้า พรมสีน้ำเงินและแดงสดลายสวยมีพู่สีทองอันใหญ่ประดับห้อยอยู่ทั้งสี่มุม คีนส์ก้าวตามไปนั่งลงข้างๆ เด็กหญิงที่รีบทิ้งตัวลงกลางพรม มือใหญ่จับสายรัดข้อมือซึ่งมีสายเชื่อมยึดกับพื้นพรมรัดข้อมือเล็กๆ ข้างหนึ่งเอาไว้แน่นหนา ก่อนจะจัดการตัวเองบ้าง เมื่อผู้โดยสารพร้อมก็กดปุ่มสีขาวที่แทรกตัวกลมกลืนอยู่กับลวดลายของพรม เขาได้ยินเสียงหลานสาวหัวเราะเบาๆ เมื่อพรมเริ่มยกตัวสูงขึ้นจากพื้นราวสองฟุตพร้อมๆ กับคันบังคับที่พับซ่อนเอาไว้จะเด้งขึ้นมา
          “ว้าว! พีณาจะเหาะได้แล้ว” เสียงใสๆ ชอบใจเมื่อเจ้าพรมเหาะเริ่มเหินสูงขึ้นตามที่ผู้เป็นลุงดึงคันบังคับเข้าหาตัว เด็กหญิงขยับตัวจะชะโงกมองเบื้องล่างก็ถูกแขนแข็งแรงคว้าเอวเธอจนตัวลอยมานั่งลงเกยตักกว้าง
          “อย่าซนมากนัก เดี๋ยวร่วงลงไปอังเคิลไม่ตามไปเก็บนะ” ชายหนุ่มขู่ทั้งที่ยังมีรอยหัวเราะในน้ำเสียง แตะปลายนิ้วลงบนปุ่มอีกปุ่มหนึ่ง ผืนพรมที่เคยทึบก็กลับกลายเป็นโปร่งใสให้เห็นเบื้องล่าง
          “ว้าววววว! เจ๋งที่สุดเลยค่ะ”
          ตั้งแต่ได้เหาะเหินอยู่บนท้องฟ้าภายใต้โดมกระจกแห่งวิลตันไชลด์ เด็กหญิงร้องว้าวๆ ไม่หยุดเลย นัยน์ตารื่นเริงกวาดมองหลังคาบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยแผงโซลาเซลล์สีดำซึ่งกำเนิดประจุไฟฟ้าได้ดีกว่าแบบกระจกใส มองสวนดอกไม้ที่จัดตกแต่งไว้อย่างดี ที่พอมองจากมุมสูงอย่างนี้ก็ยิ่งเห็นลวดลายความเป็นระเบียบแปลกตา จนเมื่อมองเห็นร่างของหญิงสาวในชุดสีน้ำเงินตัดกับทางเดินอิฐสีน้ำตาลแดงก็ต้องเขย่าแขนที่โอบเอวเธอไว้
          “อังเคิลคีนส์ขา ไปทางนั้นๆๆ ค่ะ”
          คีนส์เอียงคันบังคับไปตามทางที่นิ้วเล็กๆ ชี้บอกอย่างตามใจ ก่อนจะเขม้นสายตามองร่างของคนสามคนยืนคุยกันอยู่ สองในสามเป็นหญิงสาวในชุดแม่บ้านสีน้ำเงิน หนึ่งในนั้นคือแม่บ้านคนล่าสุดที่เมื่อคืนทำเอาเขาวุ่นวายใจอยู่นาน และอีกหนึ่งร่างสูงใหญ่โดดเด่น คือ ผู้คุ้มกันมือดีของเขาเอง


          “ไบร์ทมอร์นิ่งค่ะมิสเตอร์สกาย”
          ออร่าที่เดินลากกระเป๋าแม่บ้านมาคู่กับฝนปรายหยุดทักทายชายหนุ่มร่างสูงเกือบสองร้อยยี่สิบเซนติเมตรที่เดินสวนมา ใบหน้าของเขาค่อนข้างยาวและคมสันด้วยคิ้วเข้มหนา ดวงตาสีน้ำตาลดูดุจริงจัง จมูกโด่งยาวรับกับรูปหน้า และริมฝีปากหนาเป็นรอยหยักชัด
          “ไบร์ทมอร์นิ่ง” สกายตอบรับเก็บปากเก็บคำ ยกยิ้มเบาบางให้สาวผมแดงเจ้าของคำทักทาย “กำลังจะไปทำงานกันหรือ”
          ออร่าผู้ร่าเริงหัวเราะคิกทีเดียวกับคำถามไม่น่าถามของคนพูดน้อย แต่เธอก็ยังรู้สึกดีกับมันแทบแย่ที่อีกฝ่ายอุตส่าห์หาเรื่องมาคุย
          “ก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิคะ แล้วมิสเตอร์สกายกำลังจะไปไหนคะ”
          “ผมว่าจะเข้าไปในซิตี้เสียหน่อย...”
          “คิมมี่!
          สกายกำลังจะเอ่ยปากถามเจ้าของใบหน้าสดใสที่มีรอยกระจางๆ น่ารักนั้นต่อ ว่าต้องการได้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ แต่เสียงใสๆ ของเจ้านายตัวน้อยก็ดังขึ้นแทรกขัดจังหวะ เมื่อคนทั้งกลุ่มหันไปมองหาก็พบว่าคนเรียกกำลังเหินฟ้าตรงเข้ามาใกล้ ก่อนจะร่อนลงมาหยุดอยู่เบื้องหน้า
          ฝนปรายมองพาหนะที่ลอยนิ่งอยู่เหนือพื้นสูงประมาณเอวของเธออย่างมหัศจรรย์ใจ ตาคมโตสำรวจไปทั่วเจ้าสิ่งที่เหมือนแผ่นกระจกใสที่มีกรอบสีน้ำเงินและพู่สีทองห้อยสี่มุม แสดงความสนอกสนใจเต็มที่ จนเด็กหญิงเจ้าของพรมเหาะต้องออกปากชักชวน
          “คิมมี่มานั่งเล่นกับพีณานะคะ รับรองเลยว่ามันสุดยอดมาก”
          ฝนปรายส่งยิ้มให้เพื่อนต่างวัยใจดี เมื่อเจ้าของเอ่ยชวนมาอย่างนี้ คนรักความเร็วอย่างเธอย่อมต้องอยากลองนั่งพรมเหาะผืนนี้แน่นอนอยู่แล้ว ติดก็แต่... นัยน์ตาคมสวยเหลือบไปมองหน้าคนบังคับพรมที่นั่งอยู่หลังร่างเล็ก อดสะดุ้งนิดๆ ไม่ได้เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าสดที่จับจ้องมองเธออยู่ก่อน
          “ไม่ดีกว่าค่ะ” หญิงสาวปฏิเสธทันทีแทบไม่ต้องคิด “พีณาสนุกตามสบายเถอะนะคะ”
          คิ้วเข้มของคีนส์ขยับเข้าหากันเพียงแค่เล็กน้อยอย่างที่ไม่มีใครได้รับรู้ ริมฝีปากเรียบสนิทเอ่ยสั้นๆ
          “ขึ้นมา”
          “คะ?”
          “มาหัดบังคับเจ้านี่ไว้ เผื่อเวลาพีณาอยากเล่นแล้วฉันไม่อยู่” ชายหนุ่มออกคำสั่ง จับยกตัวหลานสาวให้นั่งเยื้องไปด้านหลัง กระเถิบตัวชิดซ้ายไปอีกนิดให้มีพื้นที่ว่างด้านขวามากขึ้น
          “ไม่ต้องห่วงออร่านะครับ เดี๋ยวผมช่วยลากกระเป๋าไปส่งที่บ้านให้เอง” สกายพร้อมเสมอที่จะทำให้ความต้องการของเจ้านายเป็นจริงโดยสะดวกรวดเร็ว ยื่นมือไปดึงที่ลากกระเป๋าในมือของหญิงสาวมาถือไว้เอง
          เมื่อหมดทางจะเลี่ยง ฝนปรายก็ได้แค่ยักไหล่น้อยๆ ก้าวขึ้นไปนั่งบนพรมที่เจ้านายหนุ่มจอมสั่งช่วยบังคับให้มันลอยต่ำลงมาอีกหน่อย มองไปทางเพื่อนแม่บ้านคู่หูอย่างลำบากใจที่ต้องปล่อยให้อีกฝ่ายทำงานคนเดียวอีกแล้ว เธอเห็นสาวผมแดงก้มหน้ายิ้มนิดๆ ให้ผู้คุ้มกันหนุ่มที่คว้ากระเป๋าแม่บ้านในมือไปช่วยถือด้วยอีกใบ จากนั้นเพื่อนสาวก็หมุนตัวออกเดินโดยมีชายร่างสูงก้าวช้าๆ ตามหลังไป ถ้าเธอตาไม่ฝาด เหมือนว่าจะได้เห็นรอยยิ้มและใบหน้าอ่อนโยนติดสีเรื่อของเขาอีกด้วย
          นั่นแน่... คนตัวโตๆ มาดนิ่งๆ เวลาเขินก็น่ารักดีนะ...
        ฝนปรายคิดพร้อมลอบยิ้มกับความเข้าใจของตัวเองอยู่คนเดียว แต่ไม่นานก็ต้องสะดุ้งชักมือกลับตามสัญชาตญาณเมื่อมันถูกคว้าไว้
          “อยู่นิ่งๆ”
          ฝนปรายไม่ได้อยากจะนิ่งตามคำสั่งเรียบๆ นั่นเลย แต่ที่ยังดึงมือกลับคืนมาไม่ได้เพราะเจ้าของมือใหญ่ยังไม่ยอมคลายแรงปล่อย จึงได้แต่ก้มมองเขาใช้สายรัดยึดข้อมือข้างนั้นของเธอเอาไว้เงียบๆ
          เวลาไม่ถึงเสี้ยวนาที แต่ฝนปรายกลับรู้สึกเหมือนอิสรภาพในชีวิตที่เป็นของเธอเสมอมานั้น กำลังจะถูกตรวนรัดรั้งเอาไว้ยังไงบอกไม่ถูก
          “เตรียมตัวตั้งใจเรียนรู้ได้แล้ว”
          เสียงเรียบดุนั้นดังขึ้นไม่ไกลเลย ฝนปรายก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังนั่งชิดร่างสูงใหญ่นับสองเมตรเศษที่ทำเอาเธอรู้สึกตัวเล็กลงไปถนัดตา
          “กอดเอวอังเคิลเอาไว้ดีๆ นะพีณา”
          สิ้นน้ำเสียงรื่นหูที่เขาหันไปบอกกับเด็กหญิง ซึ่งรีบพยักหน้าโอบแขนเล็กไว้รอบเอวหนาอย่างเชื่อฟัง พรมเหาะก็ทะยานสูงอีกครั้ง สลัดไล่ความรู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ ของฝนปรายออกไปทันที ไม่นานในนัยน์ตาคมสวยก็เติมเต็มไปด้วยแววรื่นเริงไม่ต่างจากเด็กหญิงที่นั่งอยู่เยื้องไปด้านหลัง สายลมที่พัดผ่านตัวไปตอนที่ผืนพรมเหินลอยไปบนอากาศ เรียกความสำราญสดชื่นให้เธอได้ไม่ต่างจากการได้ขับขี่มอเตอร์ไซค์คันโตทะยานไปบนท้องถนนเลย
          หลังจากนั้นไม่นาน คีนส์ก็นั่งมองหลานสาวสลับกับนักเรียนรู้หัวไวอย่างพอใจ ตำแหน่งที่นั่งบนพรมเปลี่ยนไปเป็นเขานั่งอยู่ด้านหลังร่างเล็กๆ ของหลานสาวที่ขอขยับขึ้นไปนั่งข้างหน้า นิ้วเล็กๆ ชี้ไปทางไหน พรมเหาะก็เคลื่อนไปตามทางนั้นด้วยฝีมือของนักบังคับมือใหม่ แต่เขานึกวางใจอยู่ได้แค่ไม่นาน พรมเหาะก็พุ่งหล่นวูบก่อนจะทะยานขึ้นสูงสู่ระดับเดิม รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่ควบคุมพรมด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างรวบเอวเล็กๆ ของเด็กหญิงพีณาเอาไว้ ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายจงใจแกล้งให้หลานสาวเขาตื่นเต้นตกใจเล่น
          “คิม...” เสียงเข้มเพิ่งเริ่มต้นจะปรามได้แค่นั้น แม่หลานสาวตัวน้อยก็หัวเราะร่า ร้องขอ เอาอีกๆแม่นักซิ่งสาวก็เลยได้ใจหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้พร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี
          “นิดๆ หน่อยๆ น่า... อังเคิลขา”
          นายใหญ่แห่งวิลตันไชลด์ควรจะปรามแม่บ้านสาวที่ลามปามเรียกเขาว่า อังเคิลตามเด็กหญิง ยุคเวลาปีสามพันอย่างนี้ไม่มีใครเรียกขานนับญาติกันแล้วหากไม่ได้มีความสัมพันธ์เช่นนั้นจริงๆ ไม่เหมือนกับในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่มีคนหลายสัญชาติที่เรียกคนรู้จักแบบนับญาติเป็นพี่น้องลุงป้าตายายกันไปทั่ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องสนิทสนมกันเลยก็ตาม
           แต่... คีนส์ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเสียงหัวเราะร่าอย่างชอบใจมีความสุขของหลานสาวหรือไร หรือเพราะรอยยิ้มกว้างกระจ่างตาจากหญิงสาวที่สะท้อนเข้าเต็มๆ ตาเขาเป็นครั้งแรก ที่ทำให้คนเรียบเฉยจริงจังเย็นชา ยอมนั่งเงียบอยู่บนพรมเหาะที่เหินบินกระตุกเป็นช่วงๆ ต่อไปอย่างไม่เอาผิดคนบังคับ
          และเพราะเหตุใดก็สุดรู้ ที่ทำให้ชายหนุ่มเอ่ยบางสิ่งกับคนที่กำลังช่วยหลานสาวของเขาม้วนเก็บพรมแล้วยกวางลงในกล่องย่อขยาย คำสั่งชวนงุนงงแก่คนรับคำสั่งชนิดที่ไม่อยากเชื่อหูว่าตัวเองฟังและแปลความไม่ผิด ครั้นอยากจะถามย้ำความเข้าใจอีกครั้ง คนออกคำสั่งก็เดินลิ่วเข้าบ้านไปเสียแล้ว


อ่านต่อ >> กาลที่ 8 : เลื่อนขั้นพิเศษ


หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ 
สั่งซื้อรูปเล่ม... 
www.KanFunBook.com 
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer

โหลดฉบับอีบุ๊ค... 
Meb : https://goo.gl/3Wom8E 
Hytexts : https://goo.gl/s31ks7


No comments:

Post a Comment