รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2559
พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2559
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
บทนำ
“สุดประหลาด! ไร้ร่าง ไร้ร่องรอยนักท่องเที่ยวสาวพลัดตกหน้าผา พบเพียงพื้นดินโล่งรูปวงกลมชวนพิศวงกินบริเวณกว้าง”
เมื่อเย็นวาน เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้รับแจ้งเหตุนักท่องเที่ยวสาวพลัดตกผาในเขตอุทยานแห่งชาติ จากการบอกเล่าของเพื่อนนักท่องเที่ยวทราบว่า หญิงสาวผู้ประสบอุบัติเหตุได้พยายามก้มลงเก็บสายสร้อยข้อมือที่ตกลงไปในซอกหินบริเวณริมหน้าผา แต่โชคร้ายที่ราวกั้นเกิดชำรุดหักหลุด เป็นเหตุให้ร่างของหญิงสาวที่ยึดราวไม้เอาไว้เป็นหลักพลัดร่วงหล่นไป ต่อหน้าเพื่อนทั้งกลุ่มที่ช่วยเหลือไว้ไม่ทัน
หลังเกิดเหตุ กลุ่มนักท่องเที่ยวได้พยายามชะเง้อมองหาและตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวด้วยความแตกตื่น และหลังจากได้ยินเสียงแว่วตะโกนตอบกลับมาว่าเธอร่วงลงมาติดอยู่บนยอดไม้ราวปฏิหาริย์ ทั้งหมดก็ได้ตกลงใจกันแบ่งคนบางส่วนเดินกลับมายังศูนย์อำนวยการอุทยานเพื่อแจ้งเหตุกันอย่างเร่งด่วน
หลังทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่ได้รีบรุดเดินทางมาตรวจสอบพื้นที่ เมื่อพบว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเหวลึกเกือบ 50 เมตร จึงได้วิทยุขอกำลังและอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้โรยตัวลงสู่พื้นเบื้องล่าง แต่เนื่องจากในเวลานั้นเป็นกลางคืนแล้ว การโรยตัวลงไปค้นหาจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก หลังจากความพยายามค้นหาอยู่เกือบสามชั่วโมงก็ยังไม่พบตัวหญิงสาว เจ้าหน้าที่จึงได้ตัดสินใจรอให้ถึงเวลาเช้า ก่อนจะเริ่มการโรยตัวลงไปค้นหาตัวหญิงสาวอีกครั้ง
แต่เมื่อลงไปถึงเบื้องล่างอีกครั้งในตอนรุ่งเช้า นอกจากจะไม่พบร่องรอยใดๆ ของหญิงสาวแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดค้นหากลับต้องประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อปรากฏพื้นดินโล่งร้างปริศนา ไร้ซึ่งต้นหญ้าและต้นไม้ใหญ่เป็นวงรัศมีราว 50 เมตร แตกต่างจากความอุดมสมบูรณ์รกชัฏของป่าทึบบริเวณโดยรอบ ซึ่งจนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุที่มาของการเกิดพื้นที่โล่งดังกล่าวได้
แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ประชุมวางแผน เตรียมเสบียงเดินเท้า และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการค้นหากระจายกำลัง ดำเนินการค้นหาแบบปูพรมรอบบริเวณเพื่อหาตัวตัวหญิงสาวต่อไป แม้ในส่วนมุมมองของเจ้าหน้าที่ชุดค้นหา จะมองว่าโอกาสรอดจากการตกหน้าผาความสูงระดับนี้มีน้อยมาก หรือแม้แต่การดำรงชีพในป่าโดยที่อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คณะนักท่องเที่ยวก็ยังไม่สิ้นหวัง เพราะเสียงของหญิงสาวที่ตะโกนตอบกลับมาในตอนแรกที่ร่วงตกผานั้นยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง และเชื่อมั่นว่าปาฏิหาริย์อาจเกิดขึ้นได้
กาลที่ 1 : เสียงขิม สุดขม
‘คุณได้รับคำเชิญเข้าร่วม 2 งานกิจกรรม’
‘เชิญโดย... Araya Hahaled’
‘สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ตอนนี้ชิดกับชมกำลังจะแต่งงานกันแล้วน้า...
งานจัดที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ ห้องซันเซตวิว
พิธีหมั้นตอนเช้าเริ่ม 7:30 น. และเลี้ยงฉลองเย็นเวลา 18:30 น.เป็นต้นไปจ้า
ชมและชิดจึงถือโอกาสเชิญเพื่อนๆ พี่ๆ น้องมาร่วมงานมงคลของเรานะคะ
ธีมงาน คือ สีเงินและสีทอง ล่ะจ้า... ’
‘ปล. ชมขอเชิญทางนี้ก่อน ส่วนการ์ดตัวจริงจะค่อยๆ ทยอยแจกนะคะ’
‘เข้าร่วม . อาจจะ . ปฏิเสธ’
หญิงสาวร่างสูงโปร่งเจ้าของเรือนผมตรงสลวยสีดำสนิทที่เจ้าตัวปล่อยทิ้งยาวถึงกลางหลัง นั่งกึ่งนอนเอนหลังพิงหัวเตียงไม้สักเก่าแก่หลังโต ใบหน้าสวยคมผิวสีน้ำผึ้งกำลังก้มน้อยๆ มองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องบาง อ่านข้อความที่ได้รับจากเว็บเชื่อมโลกโซเชียล พักหนึ่งก็ขยับปัดนิ้วไปบนหน้าจอเลื่อนดูรายชื่อเพื่อนร่วมรุ่นที่เริ่มตอบรับคำเชิญนี้ไปบ้างแล้ว
ฝนปรายเลือกเปิดโปรแกรมปฏิทินบันทึกตารางเวลานัดหมายขึ้นมาตรวจเช็ควันว่าง เมื่อเห็นว่าไม่ได้ติดธุระอะไรสำคัญก็จัดการตอบรับเข้าร่วมงาน ตามด้วยพิมพ์คำอวยพรแสดงความยินดีสั้นๆ ลงไปใต้ภาพคู่บ่าวสาวที่ทั้งคู่ลงเอาไว้แทนการ์ดเชิญ
แล้วหญิงสาวก็ได้หัวเราะในลำคอออกมาเล็กๆ กับภาพชุดเงินชุดทองสุดเลื่อมแวววาวที่เพื่อนชายใจสาวคนหนึ่งส่งเข้ามาในบอร์ดเพื่อเป็นตัวอย่างแด่คนที่ยังไร้ไอเดียในการแต่งกาย
ขืนให้ทุกคนใส่อย่างนั้นไปเดินขวักไขว้อยู่เต็มงาน งานฉลองวิวาห์คราวนี้คงจะพร่าพราวชวนแสบตาอยู่ไม่น้อยเชียว
เมื่อเรียบร้อยจากการตอบรับกิจกรรมแรก หญิงสาวก็เปิดเข้าไปดูรายละเอียดของอีกหนึ่งกิจกรรมที่ถูกเชิญเข้ามาด้วยความกระตือรือร้นสนอกสนใจยิ่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด
‘เชิญโดย... หมูบิน อิน เดอะเวิลด์’
‘ได้ข้อสรุปกันแล้วสำหรับสถานที่ออกท่องโลกของลิงลมประจำเดือนนี้
เล่นสนุกกับกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่แมกไม้คีรี และค้างแรมที่พักอุทยานแห่งชาติ...’
ฝนปรายตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมทันที ไม่ต้องใช้ความคิดทบทวนให้สิ้นเปลืองเวลา เพราะได้ตกลงนัดแนะวันว่างของสมาชิกลิงลมกันไว้ก่อนแล้ว ก่อนจะค่อยๆ ไล่สายตาอ่านรายละเอียดทริป และการเตรียมตัวต่างๆ ที่จำเป็น แล้วจึงส่งข้อความพูดคุยทักทายกับสมาชิกผู้ร่วมกลุ่มกันอย่างคุ้นเคยกันดี ตามประสาคนชอบออกทริปท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือไม่ก็กึ่งผจญภัย
แต่ในระหว่างที่กำลังหยอกล้อกันถึงวีรกรรมเฮฮาในทริปคราวก่อนกันอยู่ โปรแกรมสนทนาส่วนตัวของเธอก็มีคนทักเข้ามาสามข้อความติดๆ
“J-Jar sent you a sticker.”
“J-Jar : นอนยังขิม?”
“J-Jar : อยากเม้าท์ๆๆๆ”
มุมปากของหญิงสาวขยับยิ้มพร้อมส่ายหน้าน้อยๆ กับความเร่งร้อนของเพื่อนที่สัมผัสได้ และเพียงแค่เธอตอบกลับไปอย่างยียวนว่า ‘นอนแล้ว’ เท่านั้น โทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็สั่นพร้อมส่งเสียงเรียกเข้าทันที
“ว่าไงยะแม่คุณหนูจันทร์จ้า? ก็บอกว่านอนแล้ว ยังโทรมาอยู่ได้”
ฝนปรายเอ่ยทักพร้อมปล่อยเสียงหัวเราะ ขยับตัวไขว้ขาเรียวยาวใต้ผ้าห่มฝ้ายทอลายสวยผืนหนาอบอุ่นให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น เพราะรู้ดีว่าถ้าเพื่อนจะเม้าท์คงไม่ได้วางสายหลับตานอนง่ายๆ
“ย่ะ!” เสียงใสๆ ของคนที่โทรเข้ามาตอบรับประชดสั้นๆ ก่อนจะเข้าเรื่องที่ทำให้ร้อนอกร้อนใจรีบโทรมาหาจนแม้แต่รอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ได้
“นี่แกตอบรับเข้าร่วมงานแต่งยัยชมไปแล้วใช่ไหม”
“อือ... เห็นด้วยเหรอ แล้วแกล่ะ ไม่น่าพลาดนะ...” ฝนปรายถามเพื่อนสาวคนสนิทที่จัดได้ว่าอยู่ในกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นกับเธอและว่าที่เจ้าสาวคนล่าสุดของรุ่นเหมือนกัน และออกจะชอบงานสังสรรค์พบปะเฮฮา
“ไปอยู่แล้วสิ... แล้วไงจ๊ะ?.. ชุดเงินชุดทองไปงานที่แม่เจ้าสาวสุดเว่อร์วังขอรีเควสมา แกจะพอมีไหมล่ะ” เพ็ญนรีเอ่ยถามแอบจิกกัดว่าที่เจ้าสาวเล็กๆ พอสนุกปาก ก่อนจะตอบออกมาเองอย่างรู้จักกันดี
“ซึ่งฉันมั่นใจเลยว่าไม่มี!”
อย่างนางสาวฝนปรายสายโหดขัดกับชื่อและหน้าตาที่ดูอ่อนหวานสวยคมอย่างไทยแท้คนนี้ ท้าให้รื้อค้นทั้งตู้เสื้อผ้าก็คงเจอแต่เสื้อสีขาว เทา และดำ และกางเกงยีนส์ไล่เรียงกันอยู่อย่างขาดสีสัน และบางตัวยังเป็นแบบซ้ำๆ เรียบๆ ไร้ลวดลายเหมือนกันเด๊ะอีกต่างหาก หลายครั้งที่สาวแฟชั่นนิสต้าอย่างเพ็ญนรีอดใจไม่ไหวพยายามชักจูงให้เพื่อนสาวลองเปลี่ยนแนวดูบ้าง ก็เจอคำตอบยิ้มๆ แบบให้ไปต่อไม่ถูกจากเพื่อนสุดขม
‘อย่างนี้ก็ดีจะตาย... ต่อให้ใส่ชุดซ้ำกี่รอบๆ ก็ไม่มีใครจำได้สักคน คิดว่าเป็นตัวใหม่แบบเหมือนเดิม ไม่เห็นจะต้องคอยวิ่งไล่ตามแฟชั่น หาซื้อใหม่มาเติมให้เต็มตู้เลย แกนี่ไม่รู้จักใช้ของแต่พอดี เสื้อผ้าก็แค่ให้มันทำหน้าที่ห่อหุ้มปกปิดร่างกายตามที่มันควรเป็นได้ก็พอแล้วน่า’
หลังจากครั้งนั้นที่เพ็ญนรีรู้สึกเหมือนถูกเทศน์จนแกล้งยกมือไหว้สาธุเพื่อนสาวไป เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากถึงแฟชั่นเครื่องแต่งกายสุดราบเรียบปกปิดบดบังความงามของเพื่อนอีกเลย
“รู้แล้วยังจะถาม...” คนถูกรู้ทันว่าเสียงสะบัดหน่อยๆ
“ถ้างั้น... ขิมจ๋า... วันเสาร์นี้เราไปเลือกซื้อชุดกันนะ”
งานนี้เพ็ญนรีอดใจไม่ได้จริงๆ ที่ไฟของสไตล์ลิสต์สาวจะลุกโชนอีกครั้ง
“อ๋อ... ประเด็นที่แกโทรมาอยู่ตรงนี้ใช่ม่ะ” ฝนปรายดักคออย่างจับทางได้ทันที “แกจะแต่งสวยพิฆาตเจ้าสาวก็เชิญคนเดียวสิ ฉันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ... เพราะฉันหวังดีกับแกหรอกนะ พวกเรามันจะขึ้นเลขสามกันแล้วนะยะ ใครๆ ก็เสด็จลงจากคานกันจนคานเริ่มเบาหวิว ลอยสูงขึ้นๆ ทุกปีๆ งานแต่งเพื่อนอย่างเนี่ย... โอกาสสำคัญเลย รู้ป่ะ?”
“ฉันควรซาบซึ้งใจสินะ”
“ใช่สิจ๊ะ ถ้าอย่างนั้นเป็นอันตกลง... อย่าลืมนัดของเราเสาร์นี้นะจ๊ะ”
“เห้ย! เดี๋ยว... ฉัน...” ...รับปากแกตั้งแต่... เมื่อไหร่?
ฝนปรายตอบโต้ไปได้ไม่ถึงสามพยางค์ เพ็ญนรีก็ชิงวางสายไปแล้วพร้อมคำราตรีสวัสดิ์ขอให้ฝันดีอย่างไม่รอคำทัดทาน ปล่อยให้คนที่ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตั้งได้แต่มองหน้าจอแสดงตัวเลขบอกเวลาสนทนาอย่างทั้งฉุนทั้งอ่อนใจในตัวเพื่อนรักเรือนเคียงคนนี้
หญิงสาวกรอกตาไปทางหน้าบ้านซึ่งเป็นทิศที่บ้านของเพ็ญนรีตั้งอยู่ ถอนใจน้อยๆ แล้วจึงค่อยหมุนตัวหันไปวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะข้างหัวนอน ตามด้วยกดสวิตช์ปิดโคมไฟให้ทั้งห้องนอนบนเรือนไทยประยุกต์ไม้สักทองเหลือเพียงความมืดสนิท เสียงแมลงตัวเล็กในสวนรอบบ้านร้องแว่วเข้ามาประสานคลอเสียงเครื่องปรับอากาศเบาแผ่ว ร่างโปร่งได้สัดส่วนแต่ไม่ได้บอบบางตามกระแสขยับทิ้งตัวลงนอนช้าๆ ก่อนหลับตายังแอบนึกค่อนเพื่อนที่เพิ่งวางสายไปน้อยๆ
แม่คุณหนูจันทร์จ้า... คิดเหรอว่าจะมัดมือชกจับไอ้ขิมคนนี้เป็นตุ๊กตาได้สมใจน่ะ... ก็รอดูวันเสาร์เองนี้แล้วกัน
เสียงเคาะประตูห้องจังหวะรัวเร่งปลุกให้หญิงสาวที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงฝันรู้สึกตัวตื่น เปลือกตาสองชั้นค่อยเปิดขึ้นรับแสงสลัวในห้องนอนช้าๆ ก่อนจะกะพริบปริบขับไล่ความง่วงงุน ริมฝีปากอิ่มสีสดอย่างคนสุขภาพดีโดยไม่ต้องพึ่งพาสีลิปสติกขยับยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกเร่งจากเจ้าของแรงเคาะประตู
“นี่! ยัยขิม... ตื่นหรือยังเนี่ย!”
“ตื่นแล้วๆๆ มาโวยวายทำเสียงดังในบ้านคนอื่นแต่เช้าเลยนะ”
ฝนปรายร้องตอบเสียงดังฟังเหมือนโมโห มือบางตวัดผ้าห่มออกจากตัวพร้อมผุดลุกนั่งหย่อนเท้าลงกับบนพื้นไม้กระดานที่ผ่านการขัดถูมานานจนมันวับ มือข้างหนึ่งยกเสยผมยาวที่รุ่ยร่ายออกจากใบหน้า หันมองนาฬิกาบนโต๊ะข้างหัวเตียงก็บอกเวลาเกือบเจ็ดโมงเช้า ก็ต้องโคลงศีรษะน้อยๆ กับความทุ่มเทของเพื่อนรัก
คนเพิ่งตื่นพาร่างสูงโปร่งเกือบร้อยเจ็ดสิบในเสื้อยืดย้วยตัวโคร่งและกางเกงขาสั้นเนื้อนิ่มไปที่หน้าประตู เมื่อดึงเปิดบานประตูออกก็เจอสาวร่างเล็กผมดัดสั้นเท่าติ่งหูย้อมสีน้ำตาลทองที่ถ้าไม่จัดแต่งทรงอย่างดีคงได้ดูเป็นป้าในทันที เพ็ญนรีกำลังยืนยิ้มเล็กยิ้มใหญ่ไล่กวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยฝากสายตาไว้ที่ท่อนขาเรียวสวยซึ่งไม่ค่อยได้ปรากฏโฉมให้เห็นบ่อยๆ นานเป็นพิเศษ
“น้อยๆ หน่อยยัยจ้า... ตกลงแกเป็นเลสฯ รึเปล่าเนี่ย ฮะ? ฉันจะได้ระวังตัวไว้” คนตกเป็นเป้าสายตายกมือกอดอก เอียงคอ แกล้งถามอย่างหาเรื่องเล็กๆ
“อะไรกันเล่า... ของสวยงามมีไว้มองก็ขอฉันมองหน่อยสิ”
สไตลิสต์สาวส่งค้อนเล็กๆ ให้แม่หงส์ซ่อนรูป ทั้งอิจฉาทั้งเสียดายในหุ่นระหงแน่นกระชับอย่างนักกีฬาแล้วยังเรียวขาสวยๆ ของเพื่อนที่คงต้องร่วงโรยไปตามกาลเวลาอย่างเสียของ ไร้คนมีโอกาสได้มอง ไหนจะใบหน้าสวยทั้งหวานทั้งคม ที่พร้อมพบหน้าผู้คนได้ตั้งแต่ตื่นนอน ไม่ต้องมาคอยเติมคิ้วบางๆ ให้เต็มก่อนออกจากบ้านทุกวันอย่างเธออีก
“แล้ววันนี้มาทำอะไรแต่เช้า?” คนถูกสรรเสริญนินทาในใจถามเข้าเรื่อง
“ก็วันนี้แกนัดฉันไว้ไง... แหม... ไม่กี่วันมาทำลืม”
“เดี๋ยวนะ! ได้ข่าวว่าแกตีขลุมอยู่คนเดียวย่ะ!” ฝนปรายรีบค้าน นัดมัดมือครั้งนี้เธอไม่ลืมหรอก แถมยังจำได้ดีทีเดียว
“และเสียใจด้วยจ้ะ สายๆ วันนี้ฉันต้องทำงานและยาวไปถึงค่ำๆ เลยด้วย”
“เฮ้ย! ได้ไง?” หญิงสาวที่อุตส่าห์รีบมาดักเพื่อนแต่เช้าร้องเสียงหลงอย่างขัดใจ ยิ่งได้เห็นรอยยิ้มหัวและแววตาระรื่นของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ่งหน้างอ
ฝนปรายก้มลงมองหน้าเพื่อนตัวเล็กและส่งยิ้มกวนให้ ก่อนจะเอ่ย
“ยังไม่เข็ดอีกหรือไง... จะมัดมือชกบังคับคนอย่างเสียงขิม... ไม่ง่ายหรอก”
“หึ! งอน! ไม่สนแล้ว” เพ็ญนรีทำหน้ามุ่ยปากยื่น
ส่วนคนโดนงอนกลับทำไม่รู้ไม่ชี้ เปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย
“นี่แกเห็นคุณยายหรือเปล่า”
“เห็นเพิ่งขึ้นจากศาลาริมน้ำมาเข้าครัว พร้อมๆ กับที่ฉันมานี่แหละ” คนถูกล่อลวงง่ายดายเผลอตอบอย่างลืมตัว
“งั้นก็ดีสิ... ไหนๆ ก็มาแล้ว อยู่กินข้าวเช้าด้วยกันนะ”
เพ็ญนรีชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเพื่อนทำเรื่องขัดใจให้ ตากลมเหล่มองเพื่อนที่กำลังง้อแบบแข็งๆ ทื่อๆ ตามประสาฝนปราย ก่อนจะวางมาดเชิดหน้าขึ้นหน่อย
“ก็ได้”
เมื่อคนตัวเล็กรับปาก ฝนปรายก็ขยับมุมปากยิ้มน้อยๆ ให้อีกครั้งก่อนจะขอตัวไปจัดการตัวเองสักครู่
แม้จะดูใจดำทำให้เพื่อนที่อุตส่าห์มุ่งมั่นตั้งใจมาหาแต่เช้าต้องผิดหวัง แต่ก็มีแค่ตัวเธอที่รู้ว่าถ้าขืนออกไปกับเพื่อนสาวคนนี้ และถูกลูกอ้อนลูกตื้อเข้าหน่อย คนที่ภายนอกดูแข็งๆ อย่างเธอนี่แหละ ที่ใจอ่อนต่อผู้คนที่เธอรักและให้ความสำคัญมากที่สุด ถ้าไม่แข็งใจตัดไฟแต่ต้นลม มีหวังต้องได้ถูกจับแต่งชุดราตรีกรุยกราย ที่สำคัญมักเป็นเกาะอกสายเดี่ยวเสียวหลุดทั้งนั้นอีก
เหมือนเช่นเรือนผมยาวถึงกลางหลังที่เธอกำลังมัดรวบขมวดมวยไว้กลางศีรษะ ถ้าไม่ใช่เพราะมารดาชื่นชอบให้เธอไว้ผมยาวจะได้ดูเป็นลูกผู้หญิงขึ้นมาบ้าง ผิดจากกิจกรรมต่างๆ ที่เธอชื่นชอบซึ่งได้รับซึมซับจากฝั่งบิดา ผมยาวๆ ของเธอตอนนี้ก็คงจะสั้นกุดไม่ต่างจากเพื่อนสาวนักหรอก
เสียงบรรเลงขิมหวานพริ้วในท่วงทำนองเพลงรักสากลเก่าคลาสสิกคุ้นหู กังวานก้องไปทั่วบริเวณสวนร่มรื่นของห้องอาหารไทยภายในโรงแรมริมน้ำสุดหรูที่มีสาขาหลายแห่งทั่วโลก ด้วยฝีมือของหญิงสาวที่อยู่ชุดสูทเบลเซอร์สีเทาเข้มและกางเกงยีนส์เข้ารูปสีดำซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไร้พนัก ขิมไม้สักทองคู่มือคู่ใจถูกวางบนแท่นยกสูงที่ออกแบบมาเพื่อวางเครื่องดนตรีโดยเฉพาะ ผมยาวสีดำถูกมัดรวบเป็นหางม้าเผยใบหน้าสวยคมเข้มที่ประดับรอยยิ้มมุมปากจางๆ สายตาแห่งความสุขทอดมองเพียงแต่สายขิมเบื้องหน้าราวหลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวตลอดเวลาที่บรรเลงเพลง ไม่ได้ประหม่าหรือให้ความสนใจบรรดามือถือและกล้องถ่ายรูปซึ่งแขกหลายคนยกขึ้นมาบันทึกการแสดงของเธอเอาไว้เลย
ฝนปรายสะบัดไม้ตีครั้งสุดท้าย รอจนหางแว่วกังวานของโน้ตตัวสุดท้ายเงียบลงจึงค่อยเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มหวานรับเสียงปรบมือจากผู้ชมที่นั่งอยู่ห่างไปไม่ไกล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเมืองไทยและพักในโรงแรมแห่งนี้ ร่างโปร่งระหงลุกยืนขึ้นเพื่อค้อมกายลงน้อยๆ อีกครั้งแทนคำขอบคุณ ก่อนจะผละลงจากยกพื้นสูงสองฟุตที่จัดไว้เพื่อเป็นเวทีเล็กๆ
“มากี่ทีก็เรียกแขกได้ตลอดเลย อย่างนี้น่าจะมาให้บ่อยๆ หน่อยนะ”
ชายหนุ่มวัยต้นสี่สิบซึ่งยืนชมการแสดงของหญิงสาวอยู่ห่างๆ มาตั้งแต่เริ่มต้นเอ่ยพร้อมยิ้มกว้างขวางอย่างคนใจดี ร่างอวบนิดๆ ของเขาอยู่ในชุดฟอร์มสีน้ำเงินของห้องอาหารซึ่งเป็นผ้าไหมไทยที่ออกแบบตัดเย็บให้ร่วมสมัยและมีความคล่องตัว
ชัยพัฒน์ซึ่งเป็นผู้จัดการประจำห้องอาหารไทยของโรงแรมริเวอร์ไซด์ รู้จักกับหญิงสาวมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยเขาเป็นหนุ่มๆ ที่เคยเรียนต่อยแตะมวยไทยอยู่ที่ค่ายมวยฟ้าประทานของบิดาและลุงของเธอ
ภาพเด็กหญิงตัวผอมเก้งกางที่ไล่แตะกระสอบทรายอย่างดุเดือด ที่ได้เห็นในวันแรกที่เขาเข้าไปสมัครยังเรียกร้อยยิ้มได้ในทุกเวลาที่นึกถึง เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบปี เขาก็ยังได้เจอกับฝนปรายอีกครั้งในฐานะที่เธอเป็นสมาชิกใหม่ของ ‘แก็งลิงลม’ กลุ่มสมาคมคนรักบิ๊กไบค์ที่มารวมตัวกันเพื่อจัดกิจกรรมออกท่องเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ
ฝนปรายส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับคำเชิญชวนของเพื่อนวัยอาวุโส
“ให้ขิมมาบ่อยๆ แล้วนายโป้งจะเอาเงินที่ไหนไปแต่งรถแต่งเมียล่ะคะ” เธอหมายถึงชายหนุ่มนักดนตรีประจำที่ติดธุระพาสุดที่รักไปฝากครรภ์จึงขอให้เธอมาเล่นแทน
“เหอะ! รายนั้นมันยังจะต้องแต่งกันอีกเหรอ... ไปทำลูกสาวเค้าท้องโตขนาดนั้น ว่าที่พ่อตาไม่เอาปืนไล่ยิงก็ดีแค่ไหนแล้ว” ชัยพัฒน์ว่าอย่างเอือมๆ ติดตำหนิตามประสาเข้าใจหัวอกคนมีลูกสาว
“เขายังรักกันรับผิดชอบกันก็ดีแล้วค่ะ แค่สลับขั้นตอนไปนิดหน่อย แต่ผลสุดท้ายก็ยังเหมือนเดิม” ฝนปรายเอ่ยยิ้มๆ ไม่ถือสา ติดจะเอ็นดูชื่นชมความสู้ชีวิตและรักเดียวใจเดียวของชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ อยู่มาก
แม้ไม่เห็นด้วยเต็มร้อยที่เขาทำผิดขนบธรรมเนียมประเพณี แต่ก็เห็นว่าไม่ได้เป็นเรื่องเสียหายหรือสมควรประนาม หากทั้งคู่ยังรู้จักรับผิดชอบในทุกการตัดสินใจและการกระทำของตัว
“ดีกว่าพวกแต่งกันถูกต้องใหญ่โต แต่สุดท้ายไปนอกใจเลิกรากันเยอะแยะ พิธีอะไรหรือสายตาสังคม... ยังไงก็ไม่สำคัญสู้ใจของสองคนหรอกค่ะ”
“ก็เพราะเห็นๆ ว่ามันรักของมันหรอก พี่ถึงไม่ด่าเปิงให้...”
น้ำเสียงและท่าทางฮึดฮัดของผู้พูดทำให้ฝนปรายอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาน้อยๆ แม้ผู้พูดจะปากจัดปากไวแค่ไหน ก็ยังเป็นคนสำคัญที่คอยช่วยเหลือชายหนุ่มอยู่หลายเรื่องอยู่ดี
“งั้น... ขิมขอไปพักก่อนนะคะ เดี๋ยวค่อยกลับมาขึ้นเล่นรอบเย็นใหม่”
“อืม... แล้วจะกินอะไรไหม พี่ให้เด็กจัดให้พิเศษ” ชัยวัฒน์ถามอย่างเอื้อเฟื่อ หญิงสาวต้องเล่นดนตรีมาตลอดช่วงกลางวันที่มีแขกหนาแน่น โดยที่ยังไม่ได้ทานกลางวันมาจนเวลาบ่ายคล้อยแล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิมไปเดินเล่นหากินร้านข้างทางแถวนี้ดีกว่า ของอร่อยๆ มีเยอะแยะ”
ร่างโปร่งเดินลัดเลาะออกจากโรงแรมหรู ก้าวเท้าทอดน่องเรื่อยเอื่อยไม่เร่งรีบ ผ่านย่านบ้านตึกเก่าหลายสิบปีที่มักเปิดเป็นร้านค้า ขายอาหาร ขายขนม หรือของที่ระลึกเพราะอยู่ไม่ไกลจากแหล่งท่องเที่ยวนัก ผู้คนที่เดินสวนผ่านเธอไปก็เป็นคนไทยและชาวต่างชาติครึ่งๆ
ใบหน้าสวยที่เริ่มมีเหงื่อซึมเพราะความร้อนจากไอแดดยิ้มแย้มขึ้นทันที เมื่อเห็นหน้าร้านเป้าหมายตั้งอยู่ห่างไปไม่ไกล แถมในเวลาบ่ายจัดๆ อย่างนี้ ในร้านผัดไทเจ้าดังเจ้าเก่าแก่ที่อยู่คู่ย่านนี้มานับครึ่งร้อยปีก็โล่งว่างมีคนนั่งอยู่เพียงสองสามโต๊ะเท่านั้น เท้าในรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อขยับก้าวลงจากทางเท้าเพื่อจะข้ามถนน ขณะที่กำลังมองขวาเพื่อดูรถนั่นเอง มือข้างที่รวบถือกระเป๋าเป้หนังสีดำพาดไว้บนไหล่ข้างหนึ่งก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากอย่างแรง
“เฮ้ย!!”
หญิงสาวร้องอุทานเสียงดัง พร้อมกับหมุนตัวมาเผชิญหน้าตัวต้นเหตุและกระชากดึงกระเป๋ากลับไม่ยอมให้หลุดมือ
เพียงเสี้ยววินาทีที่สบตาเบิกกว้างขึ้นทั้งตกใจและข่มขู่ของโจรวิ่งราว แววตาเรียบเรื่อยรื่นรมย์ของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นถลึงดุ ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างหงุดหงิดเมื่อหัวขโมยยังมือเหนียวไม่ปล่อยมือจากกระเป๋าของเธอง่ายๆ แถมยังตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายเธอด้วยกำปั้นหนา
ผลั๊วะ!!
เสียงเนื้อปะทะเนื้อที่ดังขึ้น กลับเป็นเสียงของศอกแหลมปะทะใบหน้าของโจรวิ่งราว หญิงสาวโยกกายหลบการจู่โจมแล้วโต้กลับอย่างคนเป็นมวย เล่นเอาโจรโชคร้ายที่หมายหัวเหยื่อผิดคนหน้าสะบัด มือที่เคยเหนียวเป็นกาวก็ปล่อยจากกระเป๋าแทบจะทันที ยังไม่ทันจะได้ขยับตัวสู้กลับหรือออกตัววิ่งหนี หางจระเข้หุ้มรองเท้าคอนเวิร์ส ออล สตาร์ ก็ฟาดเข้าเต็มคอจนเซซัด
เมื่อโจรวัยฉกรรจ์ตั้งหลักได้ก็กำหมัดสวนตรงพุ่งกลับมาอีกครั้งอย่างเลือดขึ้นหน้า ฝนปรายโยนกระเป๋าที่ยื้อยุดกันเมื่อครู่ทิ้งลงกับพื้นพร้อมกับย่อตัวต่ำหลบหมัดที่ส่งมาอย่างไร้เชิง ก่อนจะสาวเท้าตามเข้าไปออกหมัดเสยเข้าใต้คางรกเคราพร้อมยืดตัวขึ้นเพิ่มแรงส่งหมัด โดยที่มืออีกข้างยังยกหมัดตั้งการ์ดป้องข้างใบหน้าอย่างเคยชิน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองผลงานแม่ไม้ยอเขาพระสุเมรุ หญิงสาวก็ต้องประหลาดใจขึ้นมาไม่น้อย ที่เห็นโจรหนุ่มถูกล็อกคอรวบตัวเอาไว้โดยชายผมทองร่างสูงเกือบสองเมตร
หญิงสาวยืนมองคุมเชิงนักวิ่งราวที่พยายามจะดิ้นให้หลุดจากการจับตัว แต่อย่างไรแล้วก็ไม่รอดไปจากมือร่างที่สูงใหญ่แข็งแรงกว่า พร้อมกับที่ไทยจีนฝรั่งมุงเริ่มตีวงล้อมอยู่ห่างๆ อย่างสนอกสนใจ ในมือของหลายคนยังมีโทรศัพท์ถ่ายรูปอัดวีดีโอบันทึกเหตุการณ์ระทึกเอาไว้เผยแพร่แบ่งปันไปทั่วโลกโซเชียล
ผ่านไปครู่หนึ่ง... คิ้วเรียวเข้มของหญิงสาวที่ขมวดเคร่งก็คลายออก เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายวิ่งฝ่าวงล้อมเข้ามารวบตัวโจรเอาไว้ในที่สุด
“Hey! Muay Thai Angel!”
เสียงทุ้มห้าวตะโกนเรียกไล่ตามหลังหญิงสาวที่เพิ่งเดินดุ่มๆ ออกมาจากสถานีตำรวจหลังจากให้ปากคำลงบันทึกเรียบร้อย
ฝนปรายหมุนตัวกลับไปตามเสียงเรียก เอียงคอมองหนุ่มผมทองตาฟ้าท่าทางเจ้าชู้กรุ้มกริ่มด้วยสายตาที่ขวางขุ่นกว่าปรกติ ทั้งขัดหูเล็กๆ กับชื่อที่เขาใช้เรียกขานเอาเองโดยวิสาสะ บวกกับเวลานี้เกือบบ่ายสามโมงแล้ว แต่เธอยังไม่ได้ข้าวกลางวันตกถึงท้องสักเม็ด ดังนั้นอารมณ์ของเธอจึงพุ่งดิ่งลงเหวไปตามๆ ระดับน้ำตาลในเลือดที่ต่ำเตี้ย
คิ้วเรียวได้รูปข้างหนึ่งของหญิงสาวเลิกสูงแทนคำถาม
“คุณจะไปไหนต่อ?”
หญิงสาวกระตุกคิ้วแน่นขึ้นอีกนิดให้กับคำถามของคนที่ความจริงไม่จำเป็นต้องตามมาให้ปากคำด้วยก็ยังจะขอตามมาดื้อๆ และตอนนี้พอจบเรื่องแล้วก็ยังไม่ยอมแยกย้ายกันไปง่ายๆ
เมื่อเห็นฝ่ายหญิงสาวเงียบ หนุ่มผมทองยาวระต้นคอตัวโตย้ำชื่อตัวอีกครั้ง
“ผมเคนเนธ...”
“ฉันรู้... แล้วไง?” เสียงของหญิงสาวห้วนฉิวพอๆ กับกระเพาะที่หวิวโหวง ตอนอยู่หน้าโต๊ะให้การ เธอก็ได้รู้จักชื่อและที่มาที่ไปคร่าวๆ ของเขาแล้วพร้อมกับเจ้าหน้าที่จดบันทึกประจำวัน
“แล้วไง...” ชายหนุ่มท้วนย้อนคำถามเฉยชาของหญิงสาว เลิกคิ้วสีน้ำตาลทองขึ้นสูง ก่อนจะถามตรง “ก็แล้วชื่อคุณไง?”
“จะรู้ไปทำไม?”
“ไม่ทำไม... อยากรู้ อยากเป็นเพื่อนด้วย” เคนเนธชี้แจง นัยน์ตาสีฟ้าสุกใสจ้องตอบนัยน์ตาสีดำสนิทติดแววดุอย่างไม่มีสลด เมื่อหญิงสาวยังมองมานิ่งก็ฉีกยิ้มกว้างอวดฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบแทบครบสามสิบสองซี่
“รู้จักกันไว้ก็ไม่เห็นเสียหายนี่ ใครจะรู้ว่าเราอาจได้เจอกันอีก”
ฝนปรายมองสีใบหน้ารื่นเริงกับฟังประโยคชวนเชื่อแล้วก็ต้องถอนใจน้อยๆ ส่ายหน้าปลง เอ่ยตอบสั้นๆ ให้จบเรื่องไป
“ขิม”
“คิม...”
ฝนปรายไม่คิดค้าน หรือใส่ใจแก้ไขให้เขาออกเสียงเรียกชื่อให้ถูกต้อง หญิงสาวกระชับสายสะพายเป้ เตรียมออกเดินอีกครั้ง เธอคงต้องทำเวลาในการหาของใส่ท้องหน่อย เพื่อจะกลับเข้าไปเล่นดนตรีให้ทันรอบห้าโมงเย็น
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะ”
“คุณจะรีบไปไหน?” ชายหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยให้สาวหน้าสวย ลีลามวยไทยเฉียบขาดโดนใจแยกตัวไปง่ายๆ
“ทำงาน และฉันกำลังจะสายแล้วด้วย” หญิงสาวเลือกที่จะปดตอนท้ายเพื่อตัดรำคาญ
“โอเค...” ร่างสูงเอ่ยลากเสียงพร้อมพยักหน้าช้าๆ ในดวงตาสีฟ้าสดเป็นประกายวาววาบถูกใจกับท่าทีแข็งๆ ยากเข้าถึงของอีกฝ่ายไม่น้อย มือใหญ่ล้วงไปที่กระเป๋าหลัง ก่อนจะปฏิบัติการบางอย่างรวดเร็ว
“เฮ้! ทำอะไรน่ะ! ถ่ายรูปฉันไปทำไม?” คนถูกแอบถ่ายซึ่งๆ หน้าโวยเสียงเข้ม ก้าวเข้าไปเอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์เครื่องบางมากจากมือใหญ่ แต่ก็ไม่ไวไปกว่าเจ้าของเครื่องที่จับมันหย่อนลงไปเก็บในกระเป๋ากางเกงเรียบร้อย หญิงสาวจึงทำได้แค่ถลึงตาดุใส่คนยิ้มหน้าเป็นให้รู้ว่าเธอไม่พอใจ
“ขอเก็บเป็นที่ระลึกไง” เคนเนธตอบกลับมายียวน
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างคนขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้ แต่ชั่วครู่เดียวก็ถอนใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสะบัดหน้าเลิกสนใจคนตรงหน้า
“ไปละนะ ลาก่อน” หญิงสาวเอ่ยลาห้วนๆ ก่อนจะจ้ำเท้ายาวๆ ก้าวหนีมุ่งหน้ากลับไปยังโรงแรม
“Bye... Kimmy... See you!” ประโยคอำลาเสียงรื่นจากคนที่ออกเดินทอดน่องตามอยู่เบื้องหลัง เรียกให้คนฟังต้องกลอกตาน้อยๆ โดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับหรือชะลอฝีเท้า
ใครทดลองอ่านแล้ว ใช้อุปกรณ์อะไรเปิด
ตัวหนังสือเล็กไป ใหญ่ไปแนะนำได้นะคะ
กำลังทยอยลงข้อมูลเรื่อยๆ ค่า... ขอบคุณค่ะ
อ่านต่อ >> กาลที่ 2 : เนื้อคู่... อยู่ไหน?
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
Ookbee : https://goo.gl/HxuTI7
NaiinPann : https://goo.gl/Sz74tt
Google Play : https://goo.gl/8hs31Q
Dek-d : https://goo.gl/qDu9hn
Google Play : https://goo.gl/8hs31Q
Dek-d : https://goo.gl/qDu9hn
No comments:
Post a Comment