รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 9 : งานเข้า
"สร้างความฮือฮาอีกครั้ง เมื่อ Live Arena 1 จัดงานคืนกำไรแด่ชาวยูไนเต็ดที่สิบสาม… ตลอดสุดสัปดาห์นี้ ท่านจะได้พบกับเทศกาลดนตรีครั้งยิ่งใหญ่บนเนื้อที่กว้างขวาง... นำทีมความสุขโดยไนนา สาวสวยเสียงดีขวัญใจชาวร็อคมิวสิคเลิฟเวอร์ทั้งหลาย และทัพขบวนนักร้องสุดเซอร์ไพรส์อีกคับคั่ง...สามารถลงทะเบียนจองบัตรเข้างานได้ฟรี ย้ำอีกครั้งว่า ฟรี!! และยังมีสิทธิ์ลุ้นร่วมทริปท่องเที่ยว Moon Space พร้อมกับไนนา โดยดับบลิวเท็นสเปซโมบิล พร้อมที่พักแบบเอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ ...หากพลาดงานนี้ ต้องเสียดายไปอีกนานแน่นอน!..”
เสียงประกาศโฆษณาจากหน้าจอฝังติดผนังที่แดนดีเปิดทิ้งไว้ดังผ่านหูคนที่กำลังหั่นข่าและตะไคร้จับโยนลงในหม้อ ซึ่งมีนมสดที่ถูกประยุกต์ใช้แทนกะทินอนรออยู่โดยไม่ได้สนใจกับเนื้อหาของมันสักเท่าไหร่ ไม่ต่างจากเด็กหญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไร้พนักตัวสูง ข้างๆ เคาน์เตอร์เตรียมของสดกลางห้องครัว มือเล็กๆ กำลังตั้งอกตั้งใจใช้ช้อนทรงครึ่งวงกลม ขุดตักเนื้อเมลอนฉ่ำหวานออกเป็นลูกกลมๆ อย่างสนุกสนานกับงานที่ไม่เคยทำมาก่อน พอเสร็จสักสองสามลูกก็เงยหน้าขึ้นมองตามพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของเธออย่างสนอกสนใจ
แดนดีในวันนี้สามารถวางมือให้แม่ครัวคนใหม่แสดงฝีมือได้เต็มที่ หลังจากคอยสังเกตอยู่เงียบๆ มาหลายวันแล้วว่า เจ้านายทั้งหลายต่างพึงพอใจในอาหารรสแปลกลิ้นของหญิงสาวอยู่มาก ดูได้จากปริมาณอาหารที่ทานได้มากกว่าปกติ แล้วยังความถี่ในการกลับมาทานอาหารเย็นที่บ้านเกือบทุกเย็นของนายใหญ่ของบ้าน จากที่เมื่อก่อนนั้นใช้เพียงนิ้วมือข้างเดียวก็สามารถนับวันกลับมาค้างที่บ้านในหนึ่งเดือนได้ครบ
ชายร่างท้วมชะงักมือที่กำลังผสมน้ำตาลและไข่สำหรับทำขนมหวาน ทันทีที่ได้ยินโฆษณา หันไปมองหน้าจอที่ฉายภาพนักร้องสาวชื่อดังผมสีส้มสว่าง เขาเป็นเพียงคนเดียวในครัวที่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่
“ได้ดูไนนาฟรีๆ แล้วยังได้ลุ้นไปเที่ยวจันทรยูนิตเลยเหรอเนี่ย... งานนี้มิสเตอร์ทุ่มงบครั้งใหญ่เชียว” น้ำเสียงของหนุ่มใหญ่มีแววตื่นเต้นรื่นเริงอยู่เล็กๆ
“เที่ยวจันทรยูนิตเหรอคะ?” ฝนปรายเงยหน้าขึ้นจากแผ่นรองตัดด้วยความสงสัยใคร่รู้
“ไม่รู้จักเหรอ อ่อ! ลืมไป” แดนดีขมวดคิ้วยุ่งน้อยๆ
หญิงสาวคนนี้เข้ามาเป็นผู้ช่วยเขาในครัวได้เกือบอาทิตย์แล้ว จึงได้พูดคุยสอบถามประวัติที่มาที่ไป จนรู้ว่าอีกฝ่ายหลุดหลงมาจากบลูแพลนต์ในยุคโบราณ นอกจากเกินคาดคิดจนไม่อยากจะเชื่อแล้ว แต่ก็ทำให้เขาได้คำตอบสำหรับความเงอะงะงุ่นง่านในการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ของหญิงสาว
“ก็เป็นที่พักที่ท่องเที่ยวในฝันของพวกเราๆ ที่หนึ่งเลย แรกเริ่มมันก็แค่เป็นทัวร์ท่องอวกาศนั่งสเปซโมบิลไปวนชมวิวรอบแดนพระจันทร์ แต่หลังจากร้อยสามสิบปีก่อน ที่สภาบลูแพลนต์ตัดสินใจเปิดให้ประมูลสัมปทานแบ่งเขตพื้นที่ในโดมมูนสเปซ และมีการเข้าไปพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวอย่างจริงจัง ตอนนี้ที่นั่นเลยคึกคักขยายใหญ่โตจนเหมือนเป็นยูนิตย่อมๆ อีกที่เชียวล่ะ”
ฝนปรายฟังแล้วก็นึกภาพตามโดยเอาหนังไซไฟที่เคยได้ดูเป็นต้นแบบ จิตใจความเป็นนักท่องเที่ยวผจญภัยถูกปลุกให้กระเจิงโลดไปไกล ยังไงก็มีวี่แววว่าเธอจะต้องติดแหงกอยู่ที่นี่ไปอีกนานอยู่แล้ว หากไม่ฉวยโอกาสนี้ออกไปเปิดหูเปิดตาให้มากเข้าไว้เสียบ้าง มันก็ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างสุดแสนเลยทีเดียว
มุมปากของคนที่กดมีดคมกริบหั่นเห็ดและมะเขือเทศยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี แววตาดูมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าหลายๆ วันที่ผ่านมา หากทว่าอารมณ์ดีๆ จากการวางแผนเที่ยวก็พลันชะงักลงไปเล็กน้อย เมื่อนึกได้ว่ายังไม่รู้จะขอลาหยุดหรือขอออกไปเที่ยวเล่นนอกโดมแห่งนี้ได้ยังไง
ถ้าขอไปตามตรง... ตาลุงเจ้านายตาดุ หนังหน้าหล่อเย็น จะยอมอนุญาตกันหรือเปล่า
“วันนี้พีณาจะได้กินอะไรคะ”
เสียงใสๆ เอ่ยถามเมื่ออาหารในหม้อเริ่มส่งกลิ่นหอมโชยมา ตั้งแต่ที่ได้ทานไข่ตุ๋นฟักทองไปเมื่อเช้าวันนั้น แม้อาหารที่ผ่านฝีมือของเพื่อนเล่นต่างวัยคนนี้จะไม่ได้มีการตกแต่งสวยงามชวนตื่นใจอย่างวันแรกอีก แต่หลายๆ เมนูก็ช่างแปลกใหม่และยังไม่ซ้ำกันเลยสักมื้อ
ฝนปรายหันไปมองเด็กหญิงช่างซักช่างถาม สบตาสีเทาฟ้าฉายความอยากรู้อยากเห็นแฝงซ่อนความซุกซน ความคิดเจ้าเล่ห์วูบหนึ่งก็เด่นชัดขึ้นมาจนทำให้ริมฝีปากอิ่มสุขภาพดีฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเก็บงำมันเอาไว้ก่อน ค่อยๆ เอ่ยตอบความอยากรู้ของเด็กหญิง
“ต้มข่าไก่ค่ะ เป็นซุปหอมๆ มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานมันกลมกล่อม แล้วก็เผ็ดนิดๆ ค่ะ” แม่ครัวสาวตอบแล้วก็หันไปหย่อนเนื้อไก่ที่หั่นเตรียมไว้พอดีคำลงหม้อเมื่อเห็นน้ำแกงเริ่มเดือด
เด็กหญิงพีณาพยักหน้ารับรู้เพียงชื่อของอาหารในหม้อต้ม รสชาติที่อีกฝ่ายบอกเล่าว่ามีทั้งหวานเค็มและยังเปรี้ยวเผ็ด จะเป็นอย่างไรนั้นเด็กหญิงก็ยังนึกไม่ค่อยออก เพราะไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ส่วนใหญ่อาหารที่เคยทานก็จะประกอบจากรสชาติหลักเพียงสองสามรส ไม่ได้จับรวมกันหมดแล้วยังออกมากลมกล่อมอย่างที่อีกฝ่ายว่า
“อยู่นี่เองพีณา...”
มาดามเมเรนก้าวเข้ามาในห้องครัวพร้อมเอ่ยเรียกหลานสาว แต่เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กกำลังทำอะไรอยู่ก็ต้องชะงัก คิ้วเรียวบนใบหน้าเรียบเข้มงวดขยับเข้าหากันเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้ยาเรียที่เป็นคนบอกทางว่าเด็กหญิงอยู่ในครัวและเดินตามหลังมาก็ต้องหน้ายุ่งอย่างไม่สบายใจ
“ใครกล้าใช้ให้พีณาทำงานพวกนี้” เสียงนายหญิงแห่งวิลตันไชลด์โดมไม่ดังแต่แฝงไว้ด้วยความดุ
สายตาคมกริบกวาดมองหาตัวการที่กล้าดีมาใช้งานหลานสาว แรกสุดเธอเห็นแดนดีมีท่าทีเหงื่อตกก่อนจะหลบตาวูบ ขยับสายตาอีกนิดก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีดำสนิทของหญิงสาวที่วันก่อนเป็นเพียงแม่บ้านทำความสะอาด มาวันนี้กลับอยู่ในชุดฟอร์มคนครัวสีขาว
“ขิมเองค่ะ” ฝนปรายตอบรับเมื่อถูกคาดคั้นทางสายตา หากเธอไม่รับไว้ ก็คงจะเป็นแดนดีเองที่อาจถูกมาดามสุดเข้มงวดคนนี้เอาเรื่อง
เฮ้อ... พอกันเลย ทั้งแม่ทั้งลูกดุกันจริง แล้วนิสัยร่าเริงใจดีของเด็กหญิงได้มาจากใครกันนะ
“กล้าดียังไง”
ฝนปรายได้ยินแล้วก็ต้องเอียงหน้ามองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ แค่ให้เด็กหญิงได้ลองเล่นตักเนื้อผลไม้ตามที่เจ้าตัวอยากรู้อยากลอง มันต้องใช้ความกล้าตรงไหน แต่พอหางตาเห็นว่าน้ำแกงในหม้อกำลังเดือดได้ที่ก็รีบหมุนตัวไปปิดความร้อน ทว่าท่าทีนั้นของหญิงสาวกลับทำเอาแววตาสีเทาอมฟ้าที่จ้องมองด้วยแววตาไม่พอใจยิ่งขุ่นคลัก
“ฉันพูดกับเธออยู่” มาดามเมเรนเสียงดังขึ้นอีกระดับ แต่ก็ยังคงความนิ่งสง่างามเอาไว้ได้ครบถ้วน
ไม่คิดเลยว่าไอ้ฉากข่มเหงหาเรื่องคนฐานะต่ำกว่าอย่างนี้ จะยังอยู่ติดคู่โลกมาจนถึงยุคที่ทุกสิ่งแทบจะเป็นดิจิตัล รายล้อมด้วยเทคโนโลยีฟูลออฟชั่น
หญิงสาวกลอกตาน้อยๆ ลอบถอนใจเล็กๆ “ค่า... หันมาแล้วค่ะ”
อารมณ์หน่ายและไม่เกรงกลัวเธอสักนิดในน้ำเสียงที่ตอบรับ ยิ่งยั่วให้มาดามเมเรนขยับจากความไม่พอใจไปเข้าใกล้ความโกรธมากขึ้น
“แกรนด์มัมขา...” เสียงเล็กใสแทรกขึ้นมา เด็กหญิงกระโดดผลุงลงจากเก้าอี้ไปกอดเอวผู้เป็นย่าตามปกติราวไม่รู้เรื่องรู้ราว
“พีณาทำเมลอนลูกจิ๋วได้ด้วยนะคะ แกรนด์มัมมาดูสิคะ”
มือเล็กๆ ของเด็กหญิงเปลี่ยนย้ายมาจูงมือผู้ที่กำลังโมโห เพื่ออวดลูกกลมๆ สีเขียวเหลืองในชามแก้วใบใหญ่ด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเอียงหน้าถามตาแป๋ว
“แล้วลูกบอลจิ๋วพวกนี้จะไปไหนต่อแกรนด์มัมรู้ไหมคะ”
เมเรนก้มมองเจ้าของเสียงทั้งตื่นเต้นทั้งร่าเริงนั้นแล้วก็ต้องลอบถอนใจแผ่วเบา ขับไล่อารมณ์ร้ายๆ ทิ้งไปเสีย หญิงมากวัยกว่าที่กำลังถูกเด็กหญิงหลอกล่อ ยอมแกล้งส่ายหน้าช้าๆ ให้เข้าทางคนตัวเล็ก
“แกรนด์มัมไม่รู้เลย... ไปไหนต่อคะ”
“มันจะเข้าไปอยู่ในปากฉลามยักษ์ค่ะ คิมมี่ทำฉลามยักษ์แตงโมได้ด้วยนะคะ วันก่อนก็ทำดอกไม้ฟักทองด้วยค่ะ คิมมี่เก่งมากๆ พีณาอยากทำได้บ้างเลยขอเป็นนักเรียนรู้ของคิมมี่ค่ะ แต่คิมมี่บอกว่าพีณาเพิ่งเริ่ม เลยให้ทำแค่ลูกบอลจิ๋วๆ ง่ายๆ ก่อน”
ฟังประโยคบอกเล่าเจื้อยแจ้วนั้นแล้ว เมเรนก็ต้องส่งยิ้มอ่อนโยนระคนอ่อนใจไปให้หลานสาวที่สูงเพียงอกของเธอ ผู้เป็นย่าคนนี้เลี้ยงดูเด็กหญิงแสนฉลาดคนนี้มากับมือ ทำไมจะไม่รู้ว่าคนตัวเล็กกำลังพยายามช่วยพี่เลี้ยงคนใหม่
เอาเถอะ... เห็นแก่ว่าหลานสาวถูกใจอีกฝ่ายมากจริงๆ เธอจะยอมผ่อนปรนเรื่องในครัวครั้งนี้ ไม่เอาผิดเจ้าของชื่อที่ออกมาจากปากหลานสาวแทบในทุกประโยคก็ได้ แต่อีกเรื่องไม่เข้าที่เข้าทางซึ่งเธอได้รับรายงานมา จนทำให้ต้องรีบกลับจากการตรวจงานที่มูนสเปซอย่างด่วนที่สุดนั้น ยังไงค่ำนี้เธอก็จะต้องจัดการให้เรียบร้อย
“...หากพลาดงานนี้ เสียดายไปอีกนานแน่นอน!..”
โฆษณาที่กระฉ่อนดังสร้างความฮือฮาไปทั่วยูไนเต็ดที่สิบสามในเวลาเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง ทำให้คนๆ หนึ่งซึ่งเพิ่งได้รู้เรื่องครั้งนี้จากคำโฆษณาโดยไม่เคยได้ระแคะระคายมาก่อนถึงกับโกรธจัด อารมณ์พลุ่งพล่านระงับไม่อยู่ จนถึงกับขว้างอีเปเปอร์ที่เขาใช้อ่านข่าวสารฆ่าเวลาระหว่างวันในช่วงสั้นๆ ก่อนเข้าประชุมลงกับพื้นห้อง
ชาลส์ แมคแกรี่ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรในชุดสูทสี
น้ำเงินเทาลุกจากเก้าอี้อย่างเร็วแรง พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก หมุนตัวหันเดินไปยังหน้าต่างกระจกกว้างด้านหลังโต๊ะทำงาน ทอดสายตาไปยังเส้นขอบฟ้าไกลสุดตาที่แทบจะไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ห้องทำงานของเขาอยู่บนชั้นเกือบสูงสุดของเอ็มไพร์ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ของเครือแมคแกรี่ที่มีความสูงนับร้อยแปดสิบชั้น หลังจากข่มกดควบคุมอารมณ์ความโมโหลงอย่างยากลำบาก ชาลส์ก็หมุนตัวกลับมาที่โต๊ะทำงาน กดปุ่มๆ หนึ่งเพื่อเรียกผู้ช่วยของตนเข้ามา
“ติดต่อไนนาเดี๋ยวนี้” ชาลส์ออกคำสั่งเสียงเรียบ
แม้เจ้านายไม่ได้เสียงดังหรือตะคอก แต่ผู้ช่วยหนุ่มที่ทำงานร่วมกับเขามานานสัมผัสได้ดีถึงไอระอุกรุ่นร้อนในตัวอีกฝ่าย สเวนล้วงเครื่องมือสื่อสารออกมาจากอกเสื้อ เสียงห้าวต่ำกรอกชื่อผู้ต้องการสื่อสารแล้วก็รอการติดต่อ
“...ปลายสายปิดการสื่อสาร กรุณาฝาก...”
เสียงตอบรับที่ดังขึ้นจากการเปิดลำโพงเครื่องมือสื่อสาร กระตุ้นให้เสียงลมสูดหายใจของคนที่สะกดอารมณ์กลับมาดังหนักหน่วงอีกครั้ง สเวนจึงรีบกดตัดสัญญาณและเปลี่ยนไปติดต่อกับผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องสาวแทน
ครั้งนี้มันได้ผล มีเสียงคนรับสายตะกุกตะกักอย่างที่คงรู้เรื่องราวความผิดของตนและคนในการดูแลดี
“มิสเตอร์ชาลส์ต้องการคำอธิบาย... เดี๋ยวนี้” สเวนซักถามแทนเจ้านายที่ยังเงียบ
“คือ... คือ... งานนี้ไนนาเป็นคนรับมาจากทางโน้นด้วยตัวเองค่ะ เจน... เจนเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ เพิ่งมารู้เมื่อสักครู่นี้เอง” เสียงผู้จัดการสาวที่อธิบายนั้นติดๆ ขัดๆ ทั้งสั่นและเบาหวิว
“พาตัวไนนามาพบฉันที่เอ็มไพร์ภายในสองชั่วโมง” น้ำเสียงเฉียบขาดสั่งเพียงเท่านั้นก็ส่งสายตาเป็นคำสั่งให้สเวนตัดสัญญาณ
ในระหว่างรอให้อีกฝ่ายพาตัวคนผิดสัญญามาพบ ชาลส์ก็ไม่รอเฉย สั่งการให้สืบสาวรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งควานหาตัวนักร้องสาวคนดังตัวต้นเรื่องมาให้จงได้
แต่เวลาเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น ผู้จัดการของนักร้องสาวก็ติดต่อเข้ามา เสียงที่เธอสื่อสารเข้ามาในครั้งนี้กลับชัดเจนเต็มไปด้วยความมั่นใจกว่าเดิมหลายเท่าตัว ไร้ความตกใจหวาดกลัวเช่นในคราแรก
“ทางเราต้องขออภัยมิสเตอร์ชาลส์จริงๆ ที่ต้องยกเลิกการแสดงของทางเอ็มสเปซ และยินดีจะชดใช้ค่าเสียหายตามที่สัญญาระบุไว้นะคะ เจนขออภัยและเสียใจจริงๆ ค่ะ”
“ดี... ดีมาก... แล้ววันหนึ่งพวกเธอจะได้เสียใจจริงๆ”
ชาลส์เอ่ยเรียบเย็นไล่หลังผู้จัดการสาวที่ชิงวางสายไปทันทีที่พูดจบ นัยน์ตาสีเทาฉายประกายวาบน่าสะพรึงดุจพยัคฆ์ที่ถูกกระตุกหนวด กรามแกร่งบดแน่นจนแทบแหลก ชายหนุ่มสั่งการบางอย่างกับผู้ช่วยหนุ่ม ก่อนจะพาร่างสูงลุกพรวดออกจากห้องทำงานโดยลำพัง ก้าวเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวความเร็วสูงพาร่างที่เต็มไปด้วยไอระอุลงไปยังชั้นใต้ดิน
ไม่นานจากนั้น เสียงใช้กำลังตุบตับหนักหน่วง เสียงเนื้อปะทะเนื้อเพื่อระบายความโกรธก็ดังขึ้นนานนับครึ่งชั่วโมง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงอาวุธปืนดังก้องไม่ขาดสายอีกหลายนาที
หลังจากมาดามเมเรนรวบช้อนและวางผ้าเช็ดปากลงกับโต๊ะอาหารเป็นสัญญาณว่าจบมื้อค่ำ เธอก็สบตาบุตรชายที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ สื่อสารว่ามีเรื่องต้องการคุยด้วย ก่อนจะลุกขึ้นก้าวช้าๆ นำออกมาจากห้องอาหารตรงไปยังห้องทำงานของเขา ในแววตามีร่องรอยครุ่นคิดเกี่ยวกับแม่ครัวคนใหม่ คนที่ดูจะได้รับอภิสิทธิ์จากลูกชายของเธอมากจนผิดวิสัย ไม่เคยมีลูกจ้าง พ่อครัวแม่ครัว หรือแม่บ้านคนไหนได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะอาหารกับเขา นอกจากผู้ช่วยและผู้คุ้มกันคนสนิทเพียงสามคนเท่านั้น และยิ่งไม่เคยมีครั้งไหนที่คีนส์จะอนุญาตให้คนนอกครอบครัวเข้ามาค้างแรมอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชั้นสามอันนับเป็นอาณาเขตส่วนตัวของเขาด้วยแล้ว
นอกนั้นยังไม่พอ หญิงสาวแปลกหน้าไร้ที่มาที่ไปคนนี้ ยังได้รับความสนิทสนมทั้งยังชื่นชมชื่นชอบจากหลานสาวเธออย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว พีณานั้นแม้จะร่าเริงอารมณ์ดี คล้ายจะเข้ากับทุกคนได้ง่าย แต่ก็ไม่เคยชอบเอาตัวไปใกล้ชิดถึงขั้นตามติดพี่เลี้ยงคนไหนมากเป็นพิเศษอย่างนี้มาก่อนเลย
“มีอะไรหรือครับมัม” คีนส์เข้ามาถึงก็เริ่มต้นถามกับมารดาที่ยืนกอดอกมองเหล่าฝูงปลาทะเลแหวกว่ายอยู่ในตู้ปลาขนาดใหญ่
“นึกยังไงถึงให้แม่บ้านคนนั้นย้ายมาอยู่ที่ตึกนี้ ตอนแรกเขาก็อยู่ที่ห้องพักพนักงานดีๆ ไม่ใช่หรือไง” มาดามเมเรนรู้สึกไม่ค่อยพอใจกับการดูแลคนในปกครองอย่างหลุดกรอบนอกระเบียบ แต่เมื่อครู่ที่เธอเลือกเก็บเงียบเอาไว้ ไม่พูดถึงในระหว่างรับประทานอาหาร เพราะไม่อยากให้คนอื่นร่วมรับรู้ถึงความขัดแย้งในการตัดสินใจของนายใหญ่ของโดมให้เสียการปกครอง
“ให้คิมอยู่ที่นี่ก็ดูแลพีณาสะดวกดีนี่ครับ วันไหนที่ผมไม่กลับมา พีณาก็จะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียว” ชายหนุ่มว่าด้วยเหตุผล
“งั้น... คืนนี้มัมจะรับพีณากลับบ้านโน้น เค้าก็ไม่จำเป็นต้องมาอยู่ที่นี่แล้วสินะ” เมเรนไม่ยอมให้เรื่องไม่เหมาะสมในสายตาเธอหลุดผ่านไปง่ายๆ
“ถึงให้อยู่ต่อก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ” คีนส์ยังแย้งหน้าตานิ่งเฉยโดยที่ขนคิ้วสักเส้นยังไม่ขยับ เสียงเรียบนั้นบอกปัดราวไม่เห็นสาระสำคัญของการมีหรือไม่มีตัวตนอยู่ของหญิงสาว
“แต่มัมว่าเป็น คนอื่นๆ จะคิดยังไง ยิ่งตอนนี้ถ้าพีณาไม่อยู่ ทั้งชั้นนั้นก็จะกลายเป็นคีนส์อยู่กับคิมแค่สองคน ใครรู้เข้าก็เสียหายหมด” น้ำเสียงของเมเรนเริ่มเข้มงวดขึ้นอีกระดับกับการต่อต้านไม่ยอมฟังของบุตรชาย
“ใครของมัม นี่ใครหรือครับ” นัยน์ตาสีฟ้าสดหรี่ลงสบตาคนพูดแทบจะในทันที มุมปากยกขึ้นดักคออย่างรู้ทันต้นเหตุที่แท้จริงแห่งความไม่พอใจของมารดา
เมเรนจ้องตาสู้แววตารู้ทันของบุตรชาย สีหน้ายังวางเฉยราบเรียบ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงจุดประสงค์ต้องการตัดไฟแต่ต้นลมของเธอ “มัมต้องการให้แม่ครัวของเราอยู่ในที่ๆ เหมาะสมและเท่าเทียมกับคนอื่น”
“แต่คิมนอนในแคปซูลแคบๆ ไม่ได้ มัมไม่สงสารเห็นใจบ้างหรือครับ”
คีนส์หันมาเจรจาด้วยเหตุผลจำเป็นข้อสำคัญ ในเมื่อเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่มารดาพูดมานั้นถูกต้องเหมาะสม เป็นสิ่งที่ควรยึดไว้สำหรับการดูแลปกครองบรรดาลูกจ้าง
“หึ! นอนได้แต่ในห้องกว้างๆ หรือไง เคยร่ำรวยอยู่สุขสบายจนชินมาจากไหนกัน” น้ำเสียงคุณผู้หญิงของบ้านสะบัดปลายประชดประชัน
ชายหนุ่มเห็นแววตาแข็งขืนยืนกรานของมารดาแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ ตัดสินใจบอกเล่าถึงที่มาที่ไปของคนหลงเวลาให้อีกฝ่ายได้รู้
“มัมไม่สงสัยฝีมือการทำอาหารแปลกใหม่ กับงานตกแต่งจานของคิมบ้างหรือครับ”
แม้มาดามเมเรนจะยังสงวนทีท่าเข้มงวดไม่ยอมอ่อนข้อ แต่แววตากลับอ่อนลงด้วยความใคร่รู้ ทำไมเธอจะไม่นึกสะดุดตาสะดุดใจในหน้าตาและรสชาติอาหารที่แปลกใหม่ แม้ไม่คุ้นลิ้นแต่ก็ต้องยอมรับว่าหญิงสาวสามารถผสานผสมรสสัมผัสอันหลากหลายเอาไว้ได้อย่างกลมกล่อมเยี่ยมยอด และยังฝีมือลวดลายจากปลายมีดที่สร้างสรรค์ของประดับจานอาหารชิ้นเล็กชิ้นน้อยพอเป็นอาหารตาอย่างที่หาผู้มีฝีมือด้านนี้ได้น้อยยิ่งกว่าน้อย เพราะไม่มีใครอยากลงทุนเอาผักผลไม้สดๆ มูลค่าสูงมาเสียเปล่าไปกับการฝึกมือจนชำนาญขนาดนี้ได้ง่ายๆ
เมื่อได้ฟังบุตรชายเล่าถึงที่มาที่ไปของแม่ครัวหน้าใหม่คนนี้แล้ว สีหน้าของมาดามเมเรนก็ผ่อนคลายความอคติไม่ชอบใจในตัวหญิงสาวลงไปอย่างเห็นได้ชัด เปลี่ยนเป็นความเห็นใจในโชคชะตาพลัดพรากจากครอบครัวและแห่งที่ที่คุ้นเคยเข้ามาแทนที่ หากใครได้ใกล้ชิดและรู้จักคุณผู้หญิงแห่งวิลตันไชลด์คนนี้ดีแล้ว จะรู้ว่าเบื้องหน้าที่สง่างามเข้มงวดน่าเกรงขามนั้น เบื้องหลังลึกๆ กลับมีความใจอ่อนและเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นเก็บซ่อนอยู่ไม่น้อยเลย
“แล้วคีนส์ไม่คิดช่วยส่งเธอกลับบ้านหรือไง” เมเรนถามบุตรชายที่ไม่ทำอะไรสักอย่าง
“มันไม่ง่ายเลยนะครับ มัมก็รู้ว่านักข้ามเวลาที่จะเดินทางอย่างเจาะจงแม่นยำ กำหนดช่วงเวลาตายตัวได้มีอยู่แค่ไม่กี่คน และเท่าที่ผมลองให้บายินน์เสนองานไปก็ยังไม่มีใครสนใจตอบรับงานที่เสียพลังจิตมากขนาดนั้นเลย”
แรกนั้นเขาไม่เคยคิดใส่ใจใยดีจะช่วยเหลือส่งคนหลงเวลากลับบ้าน การกระทำที่สูญเสียดีลก้อนโตโดยไม่ได้ผลประโยชน์ตอบแทนไม่เคยมีอยู่ในสมอง แต่เมื่อได้มีโอกาสรู้จักหญิงสาวมากขึ้น คนเย็นชาก็ต้องยอมรับกับตัวเองแต่โดยดีว่าเขาเริ่มใจอ่อนลงทุกวัน ยิ่งเมื่อได้ล่วงรู้ถึงความคิดถึงและเป็นห่วงโหยหาที่เธอมีต่อผู้เป็นยายซึ่งต้องอยู่เพียงลำพังในโลกที่เธอจากมา แม้เขาจะยังคงรักษาภาพลักษณ์เฉยชาต่อหญิงสาวเอาไว้คงเดิม แต่ก็ใช่ว่าเขาจะนิ่งดูดายเหมือนเช่นตอนแรก เพียงแต่ยังไม่ได้บอกให้ใครรู้ในเรื่องที่ยังเจรจาไม่สำเร็จเท่านั้น
“งั้นหรือ น่าสงสารนะ...” เมเรนหลงครุ่นคิดเห็นใจเป็นกังวลกับเรื่องของหญิงสาวที่หลุดล่วงเวลามา แต่พอรู้ตัวว่ากำลังถูกบุตรชายพาเปลี่ยนเรื่องออกห่างจากเรื่องที่พักของอีกฝ่ายก็ชักสายตาขึ้นเสียงสูงทันที
“เอ๊ะ! นี่เล่าเรื่องเขาขึ้นมาเพราะจะเปลี่ยนเรื่องใช่ไหม งั้นเอาอย่างนี้... ให้คิมไปนอนที่บ้านมัมแล้วกัน”
ยิ่งได้เห็นความใส่ใจและแววตาอ่อนลงยามเอ่ยถึงแม่ครัวคนใหม่ เธอก็ยิ่งไม่อยากปล่อยวางให้น้ำตาลอยู่ใกล้มดอย่างนี้ต่อไป
“เลย์ดีนคงไม่พอใจที่จะให้คนนอกเข้าไปอยู่ที่บ้านนะครับ” คีนส์สะกิดเตือนถึงน้องชายที่อาศัยร่วมบ้านกับมารดา
อุบัติเหตุแอร์โมบิลขัดข้องเหวี่ยงหลุดจากเลนเมื่อสามปีก่อน ทำให้น้องชายของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกแรงระเบิดฉีกทึ้ง เลย์ดีนเสียแขนไปข้างหนึ่งซึ่งต้องใช้การผ่าตัดต่อแขนจักรกลเสมือนจริงแทนที่ ส่วนพริซ... ภรรยาของเลย์ดีนที่โดยสารไปด้วยกันนั้น ได้รับบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงจนเกินเยียวยาและแทบเหมือนตายไปแล้วเกินครึ่งชีวิต พวกเขาจึงตัดสินใจเลือกฝากความหวังไว้กับสถาบันไครออนิกส์ ศูนย์วิจัยการแพทย์ที่จะนำร่างของผู้ป่วยหรือผู้บาดเจ็บที่ไม่สามารถให้การรักษาได้ในปัจจุบันเข้าตู้ไครโอ เพื่อรักษาสภาพและหยุดการทำงานของเชลล์ต่างๆ เอาไว้ในไนโตรเจนเหลวอุณหภูมิติดลบเกือบสองร้อยองศา เพื่อรอคอยความหวังและความพร้อมสำหรับการรักษาปลุกชีวิตขึ้นมาใหม่ในอนาคต
เหตุการณ์ครั้งนั้นเปลี่ยนให้ชายหนุ่มที่เคยอ่อนโยน อารมณ์ดี แปรเปลี่ยนเป็นคนอารมณ์แปรปรวน แม้บางวันจะดูปกติ แต่บางครั้งก็ขี้โมโหฉุนเฉียวไร้เหตุผล บางครั้งก็ซึมเศร้าเก็บตัวอยู่แต่ในห้องทั้งวันโดยไม่สนใจโลกภายนอก
“งั้นก็ย้ายลงมาอยู่อีกชั้น” มาดามเมเรนยังไม่ยอมแพ้
“ที่มีผู้ชายอยู่กันตั้งสามคนน่ะหรือครับ”
คำปฏิเสธในทุกข้อเสนอของบุตรชายทำให้เมเรนต้องมองเขาด้วยแววตาแปลก ทั้งครุ่นคิดทั้งไม่ไว้ใจเต็มที่ อย่างคีนส์น่ะหรือจะต้องไปสนใจใส่ใจกับการที่แม่ครัวคนหนึ่งจะอยู่อาศัยร่วมชั้นกับผู้ชายทั้งสามคน
“ยังไงก็ไม่ยอมให้ย้ายสินะ”
“จะยุ่งยากทำไมกันครับมัม พอพีณาไม่อยู่ ผมก็ไม่ได้กลับมาที่นี่สักเท่าไหร่อยู่แล้ว” คีนส์บอกปัดพร้อมยิ้มบางๆ ไม่มีท่าทีผิดแปลกให้จับผิดทั้งสิ้น เมื่อมารดาเงียบเว้นช่วงไม่พูดอะไรต่อ เขาก็ก้มมองเวลาบนข้อมือ
“เลยเวลานอนของพีณามาแล้วนะครับ ผมว่ามัมรีบพาพีณากลับบ้านนอนดีกว่า”
มาดามเมเรนฝากสายตาขุ่นข้องไว้ให้บุตรชายได้รับรู้ว่าเธอไม่พอใจนัก แต่ก็ไม่อยากบีบบังคับหรือขัดแย้งกับการตัดสินใจของเขาจนเกินไป เพราะรู้จักนิสัยกร้าวแกร่ง เด็ดเดี่ยวมั่นใจในสิ่งที่ตัดสินใจลงไปแล้วเป็นอย่างดี ถ้าหากคีนส์จะแสดงทีท่าว่าไม่เห็นค่าไม่ให้ราคากับเรื่องนี้ เธอก็จะยอมมองผ่านไปก่อน ไม่เร่งเร้าให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่เธอจะสั่งให้ยาเรียคอยเป็นหูเป็นตา จับตามองเอาไว้อย่างดีเชียวละ
คีนส์และมาดามเมเรนเดินมาถึงห้องเอนเตอร์เทนก็เห็นหลานสาวและหญิงสาวตัวการของความขัดแย้งระหว่างมารดากับบุตรชาย พูดคุยหัวเราะกันอยู่บนโซฟาตัวโต ร่างเล็กกว่านั่งอิงชิดเอนพิงหลังอยู่ในอ้อมแขนของร่างโตกว่าที่สองมือถืออีเปเปอร์ไว้ตรงหน้า ชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงอยากรู้นักว่าหญิงสาวกระซิบกระซาบอะไรที่ข้างหูเด็กหญิง ดวงตาสีเทาอมฟ้าจึงได้หันมองจ้องมาทางพวกเขาด้วยแววตาเป็นประกายระยิบตั้งความหวัง ก่อนที่เจ้าของมันจะโดดผลุงลงจากโซฟา เดินตรงมาเกาะแขนเขา โยกไกวเบาๆ และเอ่ยอ้อน
“อังเคิลคีนส์ขา... พีณาอยากไปเที่ยวแอลเอวันจังเลยค่ะ”
คีนส์ได้ยินคำขอของหลานสาวแล้วก็ต้องตวัดสายตาไปมองคนที่นั่งอมยิ้ม มองตรงมาเช่นกัน แต่พอได้สบตาเขาก็รีบก้มหน้าหลบตาทันที มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อยรู้ทัน ก่อนจะก้มหน้าลงเจรจากับเด็กหญิง
“พีณาจะไปวันไหนคะ”
“ไปพรุ่งนี้เลยได้ไหมคะ แล้วก็ให้คิมมี่ไปด้วยนะคะ” เจ้าของเสียงใสๆ ใจร้อน เพราะอยู่แต่ในโดมมาหลายวันจนกำลังเบื่อจะแย่ พอพี่เลี้ยงสาวเอาโฆษณางานเทศกาลดนตรีมาให้ดูจึงคิดถึงเครื่องเล่นสนุกๆ และสวนน้ำขนาดยักษ์ของแอลเอวันขึ้นมาทันที
“แต่ช่วงนี้จะมีงานใหญ่ คนเยอะแยะ แออัดแน่ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พีณาชอบคนเยอะๆ พีณาอยากเล่นสไลเดอร์”
เห็นแววตาเป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวังและรอยยิ้มสดใสนั้นแล้ว ใครจะปฏิเสธเด็กหญิงได้ลง ยิ่งแค่เรื่องง่ายดายอย่างที่เขาก็เคยพาหลานสาวไปเที่ยวบ่อยๆ แล้วด้วย
“ก็ได้... แต่ตอนนี้พีณาต้องกลับไปนอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสาย ไม่ทันอังเคิลไปทำงานก็อดนะ รู้ไหม”
“รับทราบค่ะ!” เด็กหญิงยิ้มกว้างขึ้นอีกจนแก้มเล็กๆ นุ่มๆ นั้นแทบฉีก มือเล็กปล่อยแขนใหญ่ แล้วยื่นเหยียดสูงขึ้นไปหา คนร่างสูงก็ย่อขาโน้มตัวลงมาหาอย่างรู้กัน
“สวีทไนท์ค่ะอังเคิล”
สองแขนเล็กบางรัดโอบลำคอแกร่ง ปากเล็กสีสดจูบแก้มสากทั้งซ้ายขวา และคีนส์ก็จูบแก้มนิ่มตอบกลับพร้อมบอกราตรีสวัสดิ์เช่นเดียวกัน เด็กหญิงก้าวไปหาผู้เป็นย่าที่ยืนรออยู่ มือเล็กคว้าหมับที่มือใหญ่กว่าและก้าวเดินตาม แต่ก่อนจะออกจากห้องไปนั้นก็ไม่ลืมหันมาเอ่ยเตือนนัดแนะกับเพื่อนเล่นต่างวัย
“คิมมี่ก็รีบไปนอนเร็วๆ นะคะ พรุ่งนี้พีณาจะพาไปเที่ยว สวีทไนท์ค่ะ”
ฝนปรายอยากจะยิ้มกว้างด้วยความดีใจ และจับเด็กหญิงมากอดหอมให้รางวัลสักหลายๆ ฟอด แต่ก็ต้องเก็บงำสำรวมสีหน้าเต็มที่ มีเพียงดวงตาคมสวยที่พราวระยับสบตาเด็กน้อยแสนฉลาดที่ทำมือทำไม้เป็นท่า ‘โอเค’ ตอบกลับมา เมื่อภารกิจที่รับปากเธอเอาไว้สำเร็จลงอย่างง่ายดาย
คนจะได้เที่ยวมองตามหลังแม่ตุ๊กตานำโชคที่นำแต่สิ่งดีๆ มาให้ จนกระทั่งมาดามเมเรนและพีณาหายลับออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็เหลือบสายตามามองเจ้าของบ้านที่ยังยืนนิ่งอยู่ ฝนปรายรีบเก็บรอยยิ้มที่เผลอหลุดให้กับท่าทางของเด็กหญิง ตีหน้าให้นิ่งสุดฤทธิ์พร้อมผงกศีรษะลงน้อยๆ แทนคำขอตัว ร่างโปร่งบางเดินเฉียดไปทางร่างสูงใหญ่ที่ยืนขวางไม่ไกลจากประตูห้อง
แต่ยังไม่ทันพ้นตัวเขาก็ถูกเรียกเอาไว้เสียก่อน
“เธอนี่ไม่ทันไรลายออกเสียแล้ว คิดจะอาศัยพีณาหนีเที่ยวฟรีๆ หรือ”
ฝนปรายหันมามองสบตาคนรู้ทันแล้วก็ต้องหลุบตาหนีแววตาตำหนิติเตียน ใบหน้ายุ่งขึ้นทันตาเมื่อเห็นแววว่าอาจจะชวดโอกาสเปิดหูเปิดตานอกบ้าน เมื่อครู่เห็นเขาไม่ทักท้วงตอนได้ยินเด็กหญิงเอ่ยชื่อเธอก็นึกว่าจะได้รับบัตรผ่านฉลุยแล้วเสียอีก
“เอาเถอะ อยากไปก็ไป...”
หญิงสาวกำลังนึกหาคำอธิบายแก้ตัวแก้ต่างต้องเงยหน้ามองเขาทันทีอย่างผิดคาด คำอนุญาตนั้นเรียกรอยกังขา ไม่ไว้ใจในความ ‘ง่ายเกินไป’ ของเจ้านาย
คีนส์ก้มหน้าลงน้อยๆ จ้องลึกลงไปในดวงตาสีดำขลับ พร้อมปล่อยยิ้มบางๆ ที่ทำเอาคนได้รับยิ่งเกิดอาการแตกตื่นตั้งตัวรับไม่ทัน
“ไปนอนได้แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ตกโมบิลก็อด” ชายหนุ่มยังมาแปลกด้วยการกำชับราวเอ่ยกับหลานสาวตัวน้อยอีกต่างหาก
ฝนปรายกะพริบตาปริบ เรียกรวมสติที่ถูกรอยยิ้มบางบนใบหน้าเย็นชาตีแตกกระเจิง
“เอ่อ... ขอบคุณค่ะ” ฝนปรายเอ่ยเพียงเท่านั้นก็เบี่ยงตัวเดินออกจากห้องเอนเตอร์เทนทั้งที่หัวคิ้วยังยับย่นหากัน แต่จังหวะที่กำลังจะก้าวพ้นประตูห้องนั่นเอง เสียงห้าวต่ำก็เอ่ยไล่ตามหลังมาลอยๆ
“เดี๋ยวฉันจะบันทึกวันลา เอาไว้หักค่าแรงสิ้นเดือนของเธอเอง”
ฝนปรายหมุนตัวหันขวับทันที อ้าปากค้างไร้ซึ่งคำพูด มองใบหน้าหล่อเหลาที่เคยนิ่งเฉยแต่บัดนี้เปื้อนรอยยิ้มกว้างกว่าเก่า นัยน์ตาสีนิลใต้คิ้วยุ่งสาดคำต่อว่าต่อขานเขาชัดเจน ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งการสื่อจิตอ่านความคิดก็ยังเข้าใจ
ขี้งก!! เขี้ยวลากดินสุดๆ ไปเลย!
อ่านต่อ >> กาลที่ 10 : ผู้คุ้มกันสาว
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
Ookbee : https://goo.gl/HxuTI7
No comments:
Post a Comment