รักล่วงเวลา ชุด กาลรักหนึ่ง
ผู้เขียน : แก่นฝัน
เผยแพร่ฉบับรูปเล่มทำมือ และอีบุ๊ค โดย แก่นฝัน
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามคัดลอกหรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้
เพื่อนำออกเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต
กาลที่ 5 : เพื่อนใหม่ต่างวัย
ฝนปรายแขวนเสื้อเชิ้ตเนื้อผ้าพิเศษไร้รอบยับโดยไม่ต้องรีดตัวสุดท้ายเข้าในตู้เสื้อผ้าใบใหญ่ ก่อนจะเดินออกจากห้องแต่งตัวประเภทวอล์กอินที่เธอไม่เห็นเจ้าของกลับมาใช้ร่วมสัปดาห์แล้ว หญิงสาวยังคงอยู่ในชุดแม่บ้านสีน้ำเงินคาดผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวสีเทาเช่นทุกวัน
วันนี้หญิงสาวได้ทำความรู้จักกับกระเป๋าลากที่แอบตั้งชื่อมันอย่างนึกทึ่งว่าเป็นกระเป๋าโดเรมอน เมื่อได้รู้ว่าในกระเป๋าใบเล็กสูงแค่เข่าใบนี้สามารถบรรจุอะไรเอาไว้ได้มากมาย ทั้งเสื้อผ้าเกือบยี่สิบตัวที่ต้องนำมาแขวนเข้าตู้ ผ้าเช็ดตัวทั้งเล็กใหญ่เจ็ดชุดและเสื้อคลุมอาบน้ำ และยังมีชุดปลอกหมอน ผ้าปูเตียง และผ้าห่มผืนใหญ่อีกทั้งชุดด้วย
เมื่อฝนปรายเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ก็พอดีกับคู่หูแม่บ้านของเธอจัดเรียงของใช้ในห้องน้ำซึ่งอยู่ติดกันเสร็จเรียบร้อย เธอมองเห็นอีกฝ่ายได้ชัดเจนเพราะห้องน้ำในห้องนอนใหญ่นี้เพียงกั้นด้วยกระจกใสแจ๋วไร้สิ่งบดบังสายตาอย่างที่เธอต้องขัดเขินเต็มที่เวลาใช้งานแน่ๆ
ออร่าเป็นสาวผมแดงหยิกฟูและมีรอยกระจางๆ บนใบหน้า ท่าทางใจดีและร่าเริงโดดเด่นกว่าบรรดาสาวๆ ร่วมตำแหน่งแม่บ้านคนอื่น ยาเรียสั่งให้เธอคอยตามประกบแม่บ้านรุ่นพี่คนนี้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะหัวหน้าแม่บ้านเริ่มเบื่อที่จะสอนและรำคาญสีหน้าแววตาแสดงคำถามตลอดเวลาของเธอหรือเปล่า...
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย บางครั้งเธอยังรำคาญตัวเองเหมือนกัน
ฝนปรายเป่าปากพ่นลมหายใจไล่ความอึดอัดขัดใจที่สะสมมานานหลายวัน มองตามออร่าหยิบกล่องใสใบไม่ใหญ่ไปกว่ากล่องแว่นตาออกมาจากกระเป๋าโดเรมอน วางมันลงกับพื้นห้อง ก่อนจะกดปุ่มสีขาวตรงข้างกล่อง รอเพียงไม่กี่วินาทีขนาดของมันก็ขยายออกจนเทียบเท่ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เมื่อเปิดออกก็จะเห็นชุดเครื่องนอนสีน้ำเงินเรียบๆ เนื้อผ้านุ่มลื่น ที่พวกเธอช่วยกันพับเก็บไว้ตั้งแต่ก่อนจะขึ้นมาทำห้องนี้
สองแม่บ้านสาวช่วยกันเปลี่ยนผ้าปู ปลอกหมอน และคลุมเตียงเอาไว้ด้วยผ้านวมผืนนุ่มในเวลาไม่นาน เมื่องานเรียบร้อยฝนปรายก็อดทอดสายตาละห้อยมองที่นอนหนานุ่มช่างเชิญชวนให้ล้มตัวลงนอนไม่ได้ แต่แล้วก็ต้องตัดใจเมื่อคู่หูคนใหม่ของเธอเรียกเร่งให้ช่วยกันเก็บชุดเครื่องนอนอันเก่าใส่ลงกล่องย่อขยายใบเดิมเพื่อนำไปทำความสะอาด
ลิฟต์แก้วทรงกลมเคลื่อนจากชั้นสามซึ่งเป็นชั้นบนสุดของบ้านลงมาสู่ชั้นล่าง ขณะที่ฝนปรายลากกระเป๋าออกมา คู่หูของเธอก็ทำหน้าตื่นเล็กๆ คล้ายว่าเพิ่งนึกถึงบางอย่างออก หันมาบอกอะไรสักอย่างพร้อมชี้มือชี้ไม้
“ฉันลืมกล่องไว้ในห้องน้ำ เธอรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวฉันลงมา”
ฝนปรายมองมือที่ชี้มายังตนเองก่อนจะชี้ลงกับพื้นใกล้เท้าเธอหยึกๆ ก็พยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เพียงเท่านั้นประตูลิฟต์ที่พวกเธอเพิ่งก้าวออกมาก็เปิดออกให้ออร่าได้ก้าวเข้าไป ก่อนจะปิดลงและเคลื่อนกลับขึ้นไปข้างบนอีกครั้ง
"ช่วยด้วย!! เจ็บ! ช่วย... ใครก็ได้!!"
เสียงร้องตะโกนไม่เป็นคำที่แว่วมาให้ได้ยินทำเอาคนที่กำลังยืนพิงผนังหลับพักสายตาอยู่หน้าลิฟต์ลืมตาตื่นตัวขึ้นมาทันที ฝนปรายหันซ้ายขวา ตั้งใจเงี่ยหูหาที่มาของต้นเสียง เมื่อจับทิศทางได้ก็รีบก้าวแทบวิ่งไปยังชานระเบียงที่ยื่นต่อไปยังสระว่ายน้ำอย่างไม่รั้งรอเวลา
สิ่งแรกที่ฝนปรายมองเห็นเมื่อมาถึงชานพักผ่อนริมสระ ก็คือผิวน้ำในสระที่กระเพื่อมรุนแรงกับเสียงร้องที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวขาดห้วง เมื่อหันมองตามแหล่งกำเนิดก็เจอเด็กหญิงในชุดว่ายน้ำสีแดงสดกำลังตะเกียกตะกาย ผลุบโผล่ด้วยใบหน้าเหยเกราวเจ็บปวดกับอะไรสักอย่าง โดยไม่รีรอเสียเวลา หญิงสาวออกตัวกระโจนลงน้ำ ว่ายเร็วๆ เข้าไปหาร่างนั้นทันที
“ชู่ว... ไม่เป็นไรแล้ว ใจเย็นๆ ไม่เป็นไรนะ”
ฝนปรายเอ่ยปลอบเด็กหญิงที่โผร่างเข้ามากอดคอเธอไว้แน่นด้วยความขวัญเสีย แต่เมื่อปลุกปลอบกันไม่รู้เรื่องและอีกฝ่ายไม่ยอมหายตื่นกลัวคลายมือออกเลยแม้แต่น้อย หญิงสาวจึงจำต้องใช้เรี่ยวแรงมากกว่าปกติเพื่อพาตัวเข้าหาขอบสระ
เมื่อถึงจุดที่พื้นสระลาดสูงขึ้นจนมีความลึกเพียงระดับอกที่เธอพอยืนได้ ฝนปรายก็จัดการส่งตัวเด็กหญิงขึ้นไปบนขอบสระอย่างทุลักทุเล เนื่องจากขนาดตัวของอีกฝ่ายที่ไม่ได้แตกต่างจากเธอมากนัก ก่อนจะส่งตัวเองปีนตามขึ้นมาเพื่อดูอาการตะคริว สาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายยังหน้าเหย มือเล็กคล้ายอยากจะกุมน่องข้างหนึ่งไว้แต่กลับขยาดไม่กล้าแตะ
คนตั้งใจช่วยปฐมพยาบาลเพียงแค่จับและเพิ่งจะออกแรงเบาๆ เพื่อช่วยดึงยืดขาของอีกฝ่ายให้ตึงเท่านั้น เด็กหญิงพีณาที่ทนเจ็บไม่ไหวก็ร้องลั่น
“กรี๊ด! เจ็บๆๆ พีณาเจ็บ”
“นั่นเธอทำอะไรคุณหนู!!” เสียงตะโกนต่อว่าเสียงดังขึ้นโดยไม่สนใจสอบถามเรื่องราว พร้อมๆ กับกลุ่มแม่บ้านอีกสองสามคนซึ่งมีออร่ารั้งท้ายตามมาข้างหลังกรูกันเข้ามาหน้าตื่น
ฝนปรายหันไปมองต้นกำเนิดเสียงตะคอก ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรให้เข้าใจ แม่บ้านสาวคนหนึ่งก็เข้ามาดึงกระชากตัวเธอให้ลุกถอยห่างจากเด็กหญิงที่ยังนอนร้องไห้เพราะความเจ็บทรมานของตะคริวที่กินน่องจนแข็งเต่ง
“เรื่องนี้ต้องรายงานถึงมิสเตอร์คีนส์แน่” แม่บ้านคนเดิมกระชากเสียงขู่ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปจับตัวสำรวจอาการของเด็กหญิง
และแทบจะเป็นภาพฉายซ้ำ... เพียงแค่มือของเธอแตะโดนท่อนขาเรียวเล็กข้างนั้น เด็กหญิงก็กรีดร้องดัง แต่คราวนี้ยังแถมมือเล็กๆ มาทุบตีคนที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งขึ้นอีกด้วย
“อะไรกัน”
เสียงเข้มดุกรุ่นกลิ่นอายเอาเรื่องดังขึ้นเบื้องหลัง ข่มขวัญให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตัวเกร็งสูดหายใจเข้าลึก เมื่อหันไปมองก็พบร่างสูงของเจ้าของบ้านจ้องเขม็งมา ห้วงความเงียบเกิดขึ้นเพราะไม่มีใครกล้าเอ่ยปากอธิบายอะไรทั้งสิ้น แต่ก็เพียงไม่นานสายตานั้นก็อ่อนแสงลงเมื่อใช้มองมองหลานสาวตัวน้อยที่ร้องเรียกมาจากบนพื้น
“เตรียมคำอธิบายให้ดีแล้วกัน”
คีนส์กวาดสายตาดุมองคาดโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเรียงตัว ก่อนจะย่อตัวลงตั้งท่าจะอุ้มหลานสาวขึ้นจากพื้น
หากยังไม่ทันจะได้แตะถูกตัวเด็กหญิงที่หยุดร้องเหลือเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ มือของเขาก็ถูกใครคนหนึ่งคว้าเอาไว้เสียก่อน ตามมาด้วยภาพที่ทำเอาทุกคนในที่นั้นมองค้างอย่างตกตะลึงนิ่งอึ้ง ไม่คาดคิดว่าจะมีใครกล้าถือวิสาสะเข้าถึงตัวชายหนุ่มได้อย่างนี้ ที่สำคัญที่สุดคือไม่ถูกสะบัดหนีหรือต่อว่าขับไล่ด้วยสายตาและวาจาดุดัน
ฝนปรายทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างสูงใหญ่ที่กำจายกลิ่นอายความกรุ่นโกรธเอาเรื่อง จับมือใหญ่ที่คว้ามาได้ให้แตะลงกลางหน้าผาก รีบเตือนด้วยความเป็นห่วงเด็กหญิงมากกว่าอะไรทั้งสิ้น
‘แกเป็นตะคริวที่ขา อย่าเพิ่งขยับมากจะยิ่งเจ็บ คุณควรยืดเหยียดเส้นให้แกก่อน... ถ้าทำไม่เป็น ฉันทำให้ก็ได้’
ตอนสมัยอยู่ค่ายมวยฟ้าประทาน เธอเคยเจอลูกศิษย์มือใหม่ไฟแรงของลุงเตะกระสอบรัวๆ เกินกำลังจนตะคริวกินออกบ่อยไป เธอที่ซ้อมอยู่ไม่ไกลก็เลยได้ช่วยพยาบาลให้หลายครั้งจนคล่องมือ
คีนส์มองหน้าเจ้าของมือเย็นๆ ที่กุมมือเขาเอาไว้ เรือนผมยาวสีดำที่ถูกมัดรวบเป็นหางม้ามีบางส่วนหลุดรุ่ยร่าย ทั้งเนื้อตัวและชุดที่หญิงสาวสวมใส่ยังเปียกโชก ไม่ต้องใช้ความคิดมากมายก็พอเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น แววตากร้าวของชายหนุ่มจึงอ่อนลงเล็กน้อย สื่อจิตตอบความหวังดีของอีกฝ่าย
‘ขอบใจ... แต่ฉันจัดการได้’
ฝนปรายปล่อยมือใหญ่ออกทันทีที่จบเรื่องจะบอก แต่ยังคงมองตามเฝ้าดูการปฐมพยาบาลอยู่ตรงนั้นไม่ขยับถอยห่างไปไหน ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ผ่อนความกังวลลง เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มสามารถทำได้ดีไม่ผิดหลัก
ท่ามกลางเสียงนุ่มต่ำอ่อนโยนเหลือเชื่อที่คอยเอ่ยปลอบแทรกเสียงร้องโยเยต่อต้าน ขาเรียวของเด็กหญิงพีณาถูกจับเหยียดออกจนตรงในที่สุด ปลายเท้าเล็กถูกดันขึ้นลงช้าๆ น่องเรียวถูกมือใหญ่อุ่นจัดนวดเบาๆ จนกล้ามเนื้อที่เกร็งค่อยๆ คลายออก ไม่ใช่การนวดแรงๆ โดยไม่รู้ประสาซึ่งมันอาจทำให้กล้ามเนื้อยิ่งเกร็งตัวต้าน เกิดตะคริวซ้ำอีกระรอกได้
เมื่อการปฐมพยาบาลเสร็จเรียบร้อย ชายหนุ่มก็ช้อนตัวหลานสาวขึ้นอุ้ม ใช้สายตาดุขับไล่บรรดาแม่บ้านไม่ได้ความที่ปล่อยปละให้หลานของเขาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ได้ ยังดีที่คนในอ้อมแขนไม่เป็นอะไรมาก คนเหล่านี้จึงไม่ถูกเลิกจ้างและขับไล่ออกจากโดมไปเสีย
“พี่สาวเจ้าหญิงจัสมินช่วยพีณาไว้ค่ะ อังเคิลคีนส์อย่าดุพี่สาวนะคะ”
เสียงกระซิบเล็กเบาจากคนที่โอบสองแขนกอดคอเขาเอาไว้ ทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านชะงัก คีนส์หันกลับไปมอง ‘เจ้าหญิง’ ของหลานสาวก็เห็นเพียงด้านหลังของอีกฝ่าย สังเกตสภาพของคนที่กำลังเดินตามกลุ่มคนขวางตาออกไปแล้วก็ต้องขยับมุมปากยิ้มขันขึ้นมา พาเอาชายร่างสูงอีกสองคนที่เดินตามหลังเจ้านายเข้ามาตั้งแต่แรก แต่ทำตัวเงียบเชียบตลอดเหตุการณ์ต้องมองหน้ากันอย่างงุนงงไม่เชื่อสายตา
หญิงสาวแปลกประหลาดที่เจอทีไรก็หัวยุ่งกระเซิง สภาพดูไม่ได้ทุกครั้งไป แต่หลานสาวของเขากลับอุตส่าห์เรียกยกให้เป็นถึงเจ้าหญิงเมืองแขกแห่งการ์ตูนตะเกียงวิเศษที่เจ้าตัวชื่นชอบติดใจ ครั้งก่อนที่เจอกันยังร่ำร้องออดอ้อนอยากได้พรมเหาะได้เป็นของเล่นชิ้นใหม่อยู่เชียว
“ตามยาเรียมาช่วยดูแลพีณา แล้วก็อีกสักครึ่งชั่วโมงเรียกแม่บ้านคนใหม่ของฉันมาพบที่ห้องทำงานด้วย”
คีนส์สั่งผู้ติดตามทิ้งท้ายก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟต์แก้ว พาตัวเองและหลานสาวตัวน้อยที่เริ่มหนาวจนตัวสั่นขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสาม
หลังจากเด็กหญิงพีณาแช่น้ำอุ่น ที่คีนส์จัดการเปิดลงอ่างเตรียมไว้ให้ก่อนจะออกจากห้องไป ยาเรียก็เข้ามาพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่และช่วยดูแลเป่าผมยาวนุ่มนิ่มจนแห้ง เมื่อเรียบร้อยเด็กหญิงวัยเก้าขวบในชุดกระโปรงแขนตุ๊กตาสีขาวก็ค่อยๆ ย่องเข้าไปหาผู้เป็นลุงในห้องทำงาน
คีนส์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวยาวบุหนังสังเคราะห์คุณภาพดีสีน้ำตาลเข้ม ในมือมี e-paper หน้าจอแสดงผลอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนกระดาษเอสี่แผ่นหนา ซึ่งมีค่าความละเอียดและควบคุมความสว่างอย่างดีเพื่อถนอมสายตาได้เทียบเท่ากระดาษจริง
เด็กหญิงก้มหน้าลงน้อยๆ หลบสายตาดุๆ ที่ละจากหน้าจอขึ้นมามอง เดินเซื่องหงอยต่ออีกไม่กี่ก้าวก็ได้ฉีกยิ้มอย่างโล่งใจหายกลัวเมื่อเสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยเรียกให้เข้าไปหา
“มานี่สิ...”
คีนส์วางอีเปเปอร์ลงข้างตัวเพื่อจะรับตัวเด็กหญิงมานั่งลงบนตักกว้าง เริ่มสอบถามเรื่องราวให้ชัดเจน หากว่าเรื่องนี้มีคนผิดหรือทำงานพลาด จะต้องไม่มีคำว่าปล่อยผ่านไปเฉยๆ โดยไม่มีการลงโทษหรือตักเตือน
“ไหนเล่าให้อังเคิลฟังหน่อยสิ”
“แกรนด์มัมไปตรวจงานที่มูนสเปซ แต่ไม่ยอมให้พีณาไปด้วยค่ะ แล้ววันนี้ทั้งวันแดดดี้ก็ยังไม่ยอมออกจากห้องอีกแล้ว พีณานั่งดูการ์ตูนคนเดียวจนเบื่อก็เลยมาเล่นน้ำที่บ้านอังเคิลค่ะ” เด็กหญิงบอกเล่าด้วยน้ำเสียงเหงาหงอย
เมื่อได้ยินเหตุการณ์ซ้ำซากที่น้องชายมีอาการเก็บตัวไม่ยอมออกจากห้องมาสนใจบุตรสาวเสียบ้าง คีนส์ก็ต้องเก็บความไม่สบายใจเอาไว้ ปลายนิ้วเรียวยาวเกี่ยวเก็บปอยผมสีบลอนด์เทาอ่อนนุ่มไว้ข้างใบหูเล็ก ก่อนจะลูบหัวกลมทุยนั้นเบาๆ
“แล้วมีคนดูแลตอนพีณาเล่นน้ำหรือเปล่า”
หลายครั้งที่เด็กหญิงเบื่อบรรยากาศหงอยเหงาของบ้านอีกหลังจนทนไม่ไหวก็มักจะมาเล่นน้ำที่บ้านเขาเพราะมีสระขนาดใหญ่ว่ายได้สนุกเต็มที่สมใจสาวน้อยที่อยากเป็นลิตเติลเมอร์เมด เขาจึงออกคำสั่งต่อคนของเขาและกำชับหลานสาวว่าทุกครั้งที่จะลงน้ำต้องมีคนดูแล แม้ว่าคนตัวเล็กจะว่ายน้ำได้เก่งคล่องแค่ไหนก็ตาม
“ตอนแรกก็มีค่ะ ยาเรียให้เดซี่มานั่งเฝ้าเป็นเพื่อนพีณา” พอถึงเล่าถึงตรงนี้ดวงตาสีฟ้าอมเทาก็หลบวูบสำนึกความผิดเพราะจดจำสิ่งที่อังเคิลคอยย้ำให้เตือนอยู่เสมอได้ ก่อนจะเล่าต่อตะกุกตะกัก
“แต่... ว่ายน้ำเล่นได้สักพักพีณาก็หิวน้ำ ก็เลยขอให้เดซี่ไปเอามาให้”
“แล้วแม่บ้านคนนั้นก็รีบไปเอามาให้เลย?”
“ค่ะ”
“ไม่ได้เรียกให้พีณาขึ้นจากสระก่อนเหรอ”
เด็กสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบของคำถามนั้น นึกต่อในใจว่าคุณแม่บ้านที่ต้องมานั่งเฝ้าเธอเล่นน้ำเฉยๆ จนเบื่อและเผลอหลับไปคงไม่ทันได้คิดอะไรมากหรอก หลังจากสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของเธอก็หน้าตื่น พอเธอบอกความต้องการก็รีบลุกไปจัดการให้ทันทีอย่างต้องการแก้ตัวชดเชยความบกพร่อง
ใบหน้าคร้ามคมแฝงความอ่อนโยนขณะพูดคุยสอบถามหลานสาว ขรึมเข้มขึ้นทันทีเมื่อได้รู้ความบกพร่องของแม่บ้านคนนั้น ก่อนจะผ่อนสีหน้าลงเพื่อก้มลงเอ่ยกำชับกับหลานสาว
“พีณาเป็นเด็กฉลาดก็น่าจะจำที่อังเคิลบอกไว้ได้ใช่ไหม... ว่าไม่ให้เล่นน้ำคนเดียว”
“พีณาคิดว่าแค่แป๊บเดียว...” เสียงเล็กๆ นั้นช่างอ่อนเบา
“รู้อะไรไหม... คนเราถ้าจมน้ำ สมองก็จะขาดอากาศภายในเวลาไม่กี่นาที และเมื่อสมองตาย การรักษาใดๆ ก็ไม่มีทางทำให้ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมได้เลย” คีนส์ย้ำเตือนกึ่งขู่ด้วยข้อเท็จจริงให้หลานสาวหัวไวได้คิดตาม
แม้วิทยาการทางการแพทย์ในขณะนี้จะสามารถรักษาบรรดาโรคภัยที่ขึ้นชื่อว่าร้ายแรงเกินรักษาเยียวยาในอดีตได้มากมาย แต่หากเป็นการฟื้นชีพให้สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่แสนซับซ้อนและน่าพิศวงนี้ แม้จะมีคนวางทฤษฎีความเป็นไปได้เอาไว้มากมายเพื่อเอื้อมเขย่งไปเอาชนะเป้าหมายสูงสุดของวงการแพทย์ แต่ก็ได้แค่ใกล้สัมผัสถึงเท่านั้น ยังไม่มีใครสามารถคว้าชัยชนะได้จริง
หลังจากเห็นแววระลึกรู้บนใบหน้าเล็กที่พยักหงึก ก่อนจะก้มงุดลงดูน่าสงสาร คีนส์ก็กำชับอีกครั้งด้วยเสียงที่อ่อนนุ่มลง
“ถึงจะแค่ไม่กี่นาที พีณาก็ไม่ควรประมาทรู้ไหม”
“คราวหน้าพีณาจะไม่เล่นน้ำเพลินคนเดียวอีกแล้วค่ะ” เด็กหญิงที่ฉลาดเกินวัยรับปากโดยไม่ต้องให้ถามซ้ำ ก่อนจะโอบสองแขนรอบลำคออังเคิล
“อังเคิลคีนส์หายโกรธพีณานะคะ” ปากเล็กๆ กดจูบลงที่สองแก้มรกเคราเขียวจางๆ ทั้งซ้ายและขวาเป็นการประจบออดอ้อน
“หายโกรธ... แลกกับงดออกไปเที่ยวข้างนอกหนึ่งเดือน โอเคไหม”
“โธ่... อังเคิลคีนส์ขา... หายโกรธก็คือหายโกรธ ไม่ทำโทษพีณาสิคะ”
อังเคิลคีนส์เลิกคิ้วสูงก้มมองสบตาโตแป๋วที่จ้องมาอย่างรอคอยคำตอบรับของเด็กหญิงช่างรู้ช่างเจรจา ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอ ใจของเขาใกล้จะอ่อนลงยอมยกเว้นโทษให้เต็มที ถ้าหากจะไม่มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเสียก่อน
หลังจากที่ฝนปรายอาบน้ำเปลี่ยนชุดแม่บ้านเปียกชื้นออกไปได้ครู่ใหญ่ ชายหนุ่มผิวสีทองแดงและผมสีน้ำตาลเข้มก็ไปปรากฏตัวที่บ้านพักเพื่อเรียกตัวเธอให้ไปพบเจ้านายตามคำสั่ง หญิงสาวเดินตามกลับมายังบ้านหลังใหญ่พร้อมความประหวั่น กลัวว่าเจ้าของบ้านอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นคนทำร้ายเด็กหญิงจึงได้มาตามตัวกลับไปเอาเรื่อง
จนเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องๆ หนึ่งที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของตัวบ้านชั้นล่าง ทีต้าร์ก็เคาะประตูเบาๆ รอจนได้รับคำอนุญาตก็ผลักเปิดออกกว้าง แล้วเบี่ยงตัวมาผายมือด้วยท่าทางแข็งทื่อบอกให้เธอเดินเข้าไป ตามด้วยปิดประตูตามหลัง ทิ้งเธอไว้กับภาพชวนมองค้างของผู้ที่รออยู่ในห้อง
เด็กหญิงตัวเล็กบอบบางในชุดกระโปรงสีขาวน่าเอ็นดูกำลังนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ในแววตาของชายหนุ่มมีแววอ่อนโยนอย่างที่เธอไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมีได้ เพราะภาพที่ถูกเขามองอย่างเฉยเมยเย็นชายังติดตา เมื่อเธอหันมองฝ่ายเด็กหญิง ในแววตากลมโตบนใบหน้าเล็กก็ฉายแววยินดีชื่นชมส่งมาให้อย่างชัดเจน ทั้งสองคนต่างมองตรงมายังเธอเป็นตาเดียว จนคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องได้สองก้าวชักจะก้าวเท้าต่อไปไม่ถูก
“อังเคิลคีนส์เรียกเจ้าหญิงจัสมินมาทำไมคะ” เด็กหญิงรีบถามอย่างเป็นห่วงแทนคนที่ช่วยเหลือเธอเอาไว้
“เขาชื่อคิม... ไม่ใช่เจ้าหญิงจัสมินของพีณาเสียหน่อย” คีนส์แนะนำชื่อของหญิงสาวที่เขาก็ได้ยินเพียงครั้งเดียว แถมยังออกเสียงเพี้ยนไปเสียด้วย
เด็กหญิงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะขยับตัวโดดลงจากตักของผู้เป็นลุง เดินตรงเข้าไปหาสาวผมดำผิวสีน้ำผึ้งพร้อมฉีกยิ้มสดใสอย่างที่ใครเห็นก็ต้องใจละลายให้หนูน้อย “ขอบคุณคิมมากๆ ที่ช่วยพีณาไว้นะคะ”
ฝนปรายพอจะฟังออกว่าคนตัวเล็กกำลังเอ่ย ‘ขอบคุณ’ แต่ไม่รู้จะตอบคำอย่างไรจึงได้แค่ส่งยิ้มบางพร้อมพยักหน้าน้อยๆ ไปให้ หลังจากนั้นก็เห็นดวงตาของตุ๊กตามีชีวิตเปลี่ยนจากการหยักหยีโค้งเพราะรอยยิ้ม กลายเป็นกลมแป๋วเอียงคอมองมาอย่างสงสัยที่เธอไม่ยอมตอบอะไรเลย
จนเธอต้องมองไปยังชายหนุ่มที่ยังนั่งสบายๆ อยู่บนโซฟาตัวโตอย่างขอความช่วยเหลือ เขาเป็นคนเดียวในโลกอนาคตนี้ที่สื่อสารกับเธอรู้เรื่อง หลังจากที่เธอเคยลองจับมือยาเรียและออร่ามาแตะที่หน้าผากของตนเพื่อพยายามสื่อสาร แต่กลับพบเพียงความเงียบกริบ และสายตาหลากใจที่มองมาราวเธอกำลังทำเรื่องแปลกประหลาด
“คิมพูดกับเราไม่ค่อยรู้เรื่อง” คีนส์อธิบายกับหลานสาวที่หันกลับมามองเขาตามสายตาของหญิงสาว
“ทำไมคะ” พีณาซักถามต่ออย่างเด็กช่างสงสัย
“เธอไม่รู้ภาษาของเรา”
“คิมไม่ได้เรียนรู้หนังสือหรือคะ” น้ำเสียงของเด็กหญิงเหมือนจะมีกระแสความเห็นใจอีกฝ่าย
คีนส์มองเด็กหญิงที่แม้จะต้องสูญเสียครอบครัวอันสมบูรณ์อบอุ่นไปเมื่อสามปีก่อน แต่ก็ไม่ได้กลายเป็นเด็กมีปัญหา พีณาไม่ดื้อไม่ซนเกินสอน ไม่เอาแต่ใจตัว ยังคงรักษาจิตใจอันดีงามอ่อนโยนเอาไว้ได้เต็มเปี่ยมอย่างที่เขาและมารดาภูมิใจเป็นที่สุด
“พีณาอยากให้คิมคุยกับเรารู้เรื่องไหม” เขาไม่ตอบแต่ถามกลับ
“อยากสิคะ” เด็กหญิงตอบได้อย่างไม่ต้องคิด
“ถ้าอย่างนั้นพีณาก็ต้องเป็นคุณครูให้คิม” คีนส์มอบหมายหน้าที่เพื่อให้เด็กหญิงได้มีอะไรให้ทำคลายเหงาในระหว่างที่มารดาของเขาไม่อยู่บ้าน
พีณาได้ยินอย่างนั้นก็ตาโตกับหน้าที่ฟังดูใหญ่หลวง “เป็นคุณครูหรือคะ แล้วพีณาต้องทำยังไงคะ”
คีนส์ยิ้มอ่อนโยนให้หลานสาวที่ไม่คิดปฏิเสธ คว้าอีเปเปอร์ที่เมื่อครู่วางทิ้งไว้ข้างตัวมายื่นให้ว่าที่คุณครูตัวน้อย
“อังเคิลมีตัวช่วยทางลัดให้ พีณาจะได้ไม่เหนื่อยมาก และจากนี้อังเคิลจะให้คิมเป็นพี่เลี้ยง คอยดูแลคอยเล่นด้วยในเวลาที่พีณามาบ้านอังเคิล ดีไหม”
พีณายิ้มสดใสก้าวเข้าไปรับตัวช่วยพิเศษมาทันที รู้ดีถึงคุณสมบัติพิเศษของอีเปเปอร์รุ่นไฮเอนที่เหนือกว่ารุ่นพื้นฐานธรรมดา ใบหน้าเล็กๆ รื่นเริงที่กำลังจะได้เพื่อนเล่นคนใหม่ซึ่งถูกอกถูกใจกว่าแม่บ้านคนเก่าๆ เป็นไหนๆ คนเหล่านั้นแม้จะทำดีต่อเธอ ตามอกตามใจแค่ไหน แต่บางครั้งก็มักจะมองเธอด้วยแววตาสงสารเวทนาอย่างที่เธอไม่ชอบเลย เพราะมันบีบหัวใจดวงน้อยให้รู้สึกว่าตัวเองมีปมด้อยและยิ่งตัวเล็กลงๆ
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มนิ่ม ยิ้มอ่อนโยนอย่างที่ไม่ค่อยจะเผยให้ใครได้เห็นง่ายๆ ใส่ตาหลานสาว น้ำเสียงยามที่เอ่ยปลอบและย้ำความมั่นใจให้เด็กหญิงนั้นทุ้มนุ่มอ่อนโยนนักหนา
“เด็กดี... อังเคิลรักหนูนะรู้หรือเปล่า”
“พีณาก็รักอังเคิลคีนส์ที่สุดค่ะ” เด็กหญิงโผเข้ากอดคอเอียงซบใบหน้าเล็กลงกับซอกลำคอแกร่ง
ก่อนจะได้หัวเราะคิกคักเมื่อผู้เป็นลุงแกล้งถูไถไรเคราตรงปลายคางเข้ากับขมับบางให้เธอจั๊กจี้เล่น
“เอาล่ะ... พานักเรียนรู้ของพีณาไปเริ่มเรียนได้”
“ได้ค่ะ” พีณารับคำแข็งขัน ก่อนจะหมุนตัวก้าวไปหาและจับมือหญิงสาวในชุดแม่บ้านที่ยังยืนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก
แต่อย่างหนึ่งที่ฝนปรายรู้ก็คือ... งานนี้เธอไม่ได้ถูกเรียกมาทำโทษ
คีนส์มองตามหลังหลานสาวจับจูงมือแม่บ้านคนใหม่ ซึ่งกำลังจะเพิ่มตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของหลานสาวพ่วงเข้ามาอีกตำแหน่ง เพราะอีกฝ่ายเป็นคนต่างโลกต่างเวลา เขาจึงมั่นใจในความปลอดภัยของหลานสาวว่าหญิงสาวไม่มีทางจะเป็นคนของฝั่งตรงข้ามหรือศัตรูที่ไหนแอบแฝงมาทำเรื่องร้ายแน่นอน และด้วยความไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยของหญิงสาว แววตาที่เขาเห็นเธอมองเด็กหญิงจึงมีแต่ความรักเอ็นดูอันปราศจากความคิดเป็นอันตรายต่อหัวใจและความรู้สึกของเด็กน้อย
หลังจากจัดการหาคนดูแลและเป็นเพื่อนเล่นคลายเหงาให้หลานสาวได้แล้ว ชายหนุ่มย้ายไปนั่งลงหลังโต๊ะทำงาน กดปุ่มหนึ่งเบาๆ ก็ปรากฏหน้าจอโปร่งแสงลอยวูบขึ้นมาบนโต๊ะด้านซ้ายมือ เสียงเรียบในระดับปกติเอ่ยคำสั่งเพียงไม่กี่คำ ภาพห้องนั่งเล่นจากมุมสูงก็แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ เห็นเด็กหญิงพาแม่บ้านในชุดสีน้ำเงินไปนั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวนุ่มก่อนจะวางอีเปเปอร์ไว้ให้บนตัก ชายหนุ่มแตะลงไปบนภาพหญิงสาวสองครั้ง ภาพจากกล้องก็ถูกซูมขยายให้เห็นสีหน้างุนงง แต่ก็ยังยอมให้พีณาครอบอุปกรณ์คล้ายหูฟังอันใหญ่ลงบนศีรษะแต่โดยดี ครู่เดียวชายหนุ่มก็ถอนสายตาเคร่งขรึมออกจากภาพการเรียนการสอนทางลัด
แท้จริงแล้วคีนส์เป็นมนุษย์สื่อจิตประเภทพิเศษ สามารถรับส่งกระแสความคิดได้โดยที่ไม่ต้องแตะต้องร่างกายอีกฝ่าย แต่ที่แกล้งทำท่าแตะตัวอย่างที่ทำกับหญิงสาวต่างเวลาก็เพื่อปกปิดความพิเศษนี้เป็นความลับ รู้กันเพียงคนใกล้ชิดไม่กี่คนเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นซึ่งเป็นเป้าหมายของเขาได้ทันระวังตัวปิดกั้นจิต ด้วยหลงวางใจว่าไม่ได้ถูกเขาแตะต้องเพื่อทำการ ‘อ่าน’ อยู่
ดังนั้น สิ่งที่หลานสาวคิดอยู่ในใจเมื่อครู่ ล้วนสื่อมาถึงเขาทั้งหมด ทำให้ได้รู้ความผิดของแม่บ้านคนนั้น และไม่อาจวางเฉยปล่อยให้มันผ่านไปง่ายๆ
“ทีต้าร์” ชายหนุ่มเรียกชื่อคนที่รู้ว่ายังยืนอยู่หน้าห้อง รอเพียงนับหนึ่งไม่ถึงสาม ร่างสูงปราดเปรียวของผู้คุ้มกันที่ซื่อสัตย์และรับคำสั่งของเขาอย่างไร้ปากเสียงมาตลอดก็ก้าวเข้ามาในห้อง
“จัดการปลดเดซี่ออกจากตำแหน่งแม่บ้าน ย้ายไปอยู่ตำแหน่งซักล้างของแอลเอวัน อย่าให้เข้ามาที่โดมนี้อีก” เจ้าของวิลตันไชลด์โดมตัดสินโทษอย่างเด็ดขาด ไม่ยอมปล่อยผ่านคนทำผิดละเลยหน้าที่
เมื่อผู้คุ้มกันหนุ่มเดินออกไปแล้ว คีนส์ก็หันกลับมานึกถึงสาเหตุที่ตัดสินใจลงทุนหาทางให้หญิงสาวจากต่างเวลาพูดคุยกับคนทั่วไปรู้เรื่องเสียที ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดจะใส่ใจความเป็นอยู่ของอีกฝ่ายมาก่อน
วันนี้หากเขาไม่ได้กลับบ้านเร็วกว่ากำหนดจนมาเจอหลานสาวเจ็บตัวอยู่ พีณาอาจจะไม่ได้รับการปฐมพยาบาลดูแลที่ถูกต้องรวดเร็วอย่างที่ควรเป็น เพราะคนที่รู้เรื่องไม่สามารถสื่อสารกับใครได้ สิ่งนั้นทำให้เขาเริ่มเห็นความสำคัญของการทำให้อีกฝ่ายได้เรียนรู้ภาษาขึ้นมา
และอีกสาเหตุที่กวนใจเขาที่สุด... ไอ้การที่เธอฉวยมือเขาไปโดยถือวิสาสะเพราะอยากจะสื่อสารสิ่งที่คิด จนเขาถูกกระแสไฟอ่อนๆ เล่นงานอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างเมื่อบ่ายวันนี้ เขาไม่ชอบใจที่จะให้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ อีกแล้ว
อ่านต่อ >> กาลที่ 6 : พี่เลี้ยงเด็ก
หรือเป็นเจ้าของความฟินแบบเต็มๆ
สั่งซื้อรูปเล่ม...
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
www.KanFunBook.com
หรือ inbox : http://m.me/kanfun.writer
โหลดฉบับอีบุ๊ค...
Meb : https://goo.gl/3Wom8E
Hytexts : https://goo.gl/s31ks7
Hytexts : https://goo.gl/s31ks7
Ookbee : https://goo.gl/HxuTI7
NaiinPann : https://goo.gl/Sz74tt
Google Play : https://goo.gl/8hs31Q
Dek-d : https://goo.gl/qDu9hn
Google Play : https://goo.gl/8hs31Q
Dek-d : https://goo.gl/qDu9hn
No comments:
Post a Comment